กำลังเหนื่อยล้า และหมดไฟกับชีวิตในช่วงนี้มากเลยค่ะ
แต่เมื่อดูปฏิทิน พบว่าวันนี้เป็นวันพระ ก็ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจมิใช่น้อย ..
เคยได้ยินพระท่านเทศนาให้ฟังว่า การได้ใกล้สมณะ นั้นเป็นมงคลธรรมอย่างหนึ่ง จึงเป็นเรื่องจริงที่สุดสำหรับเรา
วัดที่เราไปประจำ จนแทบจะกลายเป็นบ้านหลังที่สอง ไม่ได้อยู่ใกล้บ้านเรามากนัก ต้องขับรถออกไปไกลพอสมควร ไม่ได้อยู่ติดถนน และเราเพิ่งจะรู้จักวัดนี้เพียงแค่ราวๆสองสามปีที่ผ่านมาเท่านั้น (เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยเข้าวัดเลย) แต่เราก็รักและผูกพันกับที่นี่มาก
แรกรู้จัก เพราะตอนนั้นชีวิตกำลังเผชิญปัญหาทางใจ หยุดร้องไห้ไม่ได้ แม้ว่าเพื่อนจะคอยประกบเป็นกำลังใจให้ แต่เราก็รู้ว่าใจเรามันต้องยืนให้ได้ด้วยกำลังใจตัวเอง จึงขับรถไปเรื่อยๆ หาวัดสวดมนต์
มาจอดเอาที่วัดนี้ เพราะรู้มาก่อนว่าเป็นสถานปฏิบัติธรรม โยคีน่าจะเยอะ เราแฝงตัวมาขอสวดมนต์ด้วย แม่ชีคงไม่รู้ว่าเป็นคนนอก
วันนั้นเราแต่งชุดขาว เสื้อแขนสั้น กางเกงขายาว เดินทะเล่อทะล่าเข้าไปในศาลาสวดมนต์ นั่งจุ้มปุ๊กอยู่ด้านหลังสุด ตาก็มองดูคนอื่นทำยังไงก็ทำตาม แต่ก็พลาดจนได้ เพราะไม่รู้กฎของที่นี่ว่าผู้หญิงต้องห่มสไบให้เรียบร้อย แม่ชีจึงกล่าวเตือนออกไมค์ (ด้วยความสุภาพ) ทำเอาเรากลายเป็นเป้าสายตาของคนเกือบร้อย ตอนนั้นอายมาก
แต่เมื่อเริ่มสวดมนต์ ใจเราก็สงบลงอย่างรวดเร็ว ลืมสิ้นถึงเจ้าความอายเมื่อสักครู่ ..ลืมสิ้นว่าทั้งวันนี้ร้องไห้จนตาบวม
........................................
สุญญตาพุทโธ..
ทุกๆ ชีวิตต่างก็มีความทุกข์อยู่แล้ว
เราคนหนึ่งจะไม่เพิ่มทุกข์เพิ่มโทษให้แก่ทุกๆชีวิตเลย
ถึงแม้ว่าเขาจะด่า นินทา ใส่ร้าย ทุบตี
หรือโดยที่สุดฆ่าเราให้ตายก็เชิญเถิด
เราจะไม่ทำตอบ
เพราะการทำตอบเลว สองเท่า
.............................................
บทสวดมนต์ที่นี่ยาวมากๆ เพราะต้องสวดทั้งบาลีและคำแปล แต่นั่นเป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้เราสวดด้วยความซาบซึ้ง บางบท เช่นบทสุญญตาด้านบน ถึงกับทำให้เราขนลุกด้วยความปิติ
ทุกๆวันพระ ที่นี่จะจัดให้มีการตักบาตรรอบพระอุโบสถตอนเช้า ฟังเทศน์ธรรมกันตอนสาย ญาติโยมไปกันมากมาย เราเองไปหามุมสงบนั่งอยู่คนเดียว ไม่สนทนากับใคร เพราะอยากฟังธรรมเท่านั้น บางทีก็นั่งหลับตาจิตใจจดจ่ออยู่กับเสียงพระธรรมเทศนา มีความสุขจนบรรยายไม่ถูก
พอถึงเวลาหกโมงเย็น ก็ได้เวลาทำวัตรเย็นที่เรารอคอย หากวันนี้เป็นวันแรมแปดค่ำ ทางวัดเรียกว่าวันพระน้อย เราจะได้สวดเมตตาใหญ่กันหลังทำวัตรด้วย
ตระกร้าใส่หนังสือสวดมนต์ และกรวยดอกไม้ที่เราเตรียมไปทุกวันพระ
มุมที่เราได้ที่นั่งสวดมนต์ มักจะอยู่ท้ายๆอุโบสถ จึงเห็นภาพสวยงามแบบนี้เสมอ
(ถ้าเป็น ขึ้น/แรม 15 ค่ำ จะมีการสวดปาฏิโมกข์ ญาติโยมจะอยู่ฟังรอบๆศาลาบาตรก็ได้ แต่ต้องสำรวม ไม่ลุกๆนั่งๆ และไม่เปิดประตูอุโบสถจนกว่าพระจะสวดเสร็จค่ะ)
สวดมนต์เสร็จ เราก็นั่งสมาธิกันต่ออีกเล็กน้อย ราวๆสิบนาที และก็เตรียมตัวเวียนเทียนกันค่ะ ที่นี่มีเวียนเทียนรอบพระธาตุเจดีย์กันทุกวันพระราวๆสองถึงสามทุ่ม ใครไม่ได้เตรียมดอกไม้มา ทางวัดมีให้ค่ะ โดยถวายปัจจัยกันตามศรัทธา เท่าไหร่ก็ได้ แต่เราชอบเตรียมไปเอง เพราะชอบความรู้สึกตอนเลือกซื้อดอกไม้บูชาพระมาก
ช่วงเวลาที่ใครๆกำลังเข้าแถวรอบูชาธูปเทียนดอกไม้กัน เราจะปลีกตัวออกมาไหว้หลวงพ่อตโปในวิหารข้างๆ หลายคนก็คงคิดเช่นเรา จึงเห็นภาพผู้คนนั่งสงบนิ่งอยู่ในวิหารแบบนี้เสมอ มองดูสวยงามและสุขใจยิ่งนัก..
ก่อนเวียนเทียน เราจะขึ้นไปสวดมนต์บูชาดอกไม้บนพระอุโบสถร่วมกัน แล้วจึงลงมาตั้งแถวให้เป็นระเบียบ โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้นำในการเดินเวียนเทียนต่อไป
ก่อนกลับบ้าน เราไม่เคยลืมที่จะหันไปยกมือไหว้รูปปั้นผู้สร้างวัดบนประตูทุกครั้ง.. ไม่ได้ไหว้เพื่อขอพร หรืองมงายอะไร แต่ไหว้เพราะระลึกถึงความกรุณาของท่าน ที่สร้างวัดนี้ขึ้น ให้เราได้มาขอพักอาศัยทางใจตลอดมา
...................................
สีที่สวยที่สุดในโลก มีสามสีเท่านั้น คือ
สีเลนะ สุคติง ยันติ
ศีลเป็นเหตุให้ไปสู่สุคติ
สีเลนะ โภคะสัมปะทา
ศีลเป็นเหตุให้ได้โภคทรัพย์
สีเลนะ นิพพุติง ยันติ
ศีลเป็นเหตุให้ถึงพระนิพพาน
ตัสมา สีลัง วิโสทะเย
เพราะเหตุนั้น พึงชำระศีลให้หมดจดเถิด
วันพระน้อย.. ไปสวดเมตตาใหญ่/เวียนเทียน ที่วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) กันนะคะ 🌸🌼🌷😊
แต่เมื่อดูปฏิทิน พบว่าวันนี้เป็นวันพระ ก็ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจมิใช่น้อย ..
เคยได้ยินพระท่านเทศนาให้ฟังว่า การได้ใกล้สมณะ นั้นเป็นมงคลธรรมอย่างหนึ่ง จึงเป็นเรื่องจริงที่สุดสำหรับเรา
วัดที่เราไปประจำ จนแทบจะกลายเป็นบ้านหลังที่สอง ไม่ได้อยู่ใกล้บ้านเรามากนัก ต้องขับรถออกไปไกลพอสมควร ไม่ได้อยู่ติดถนน และเราเพิ่งจะรู้จักวัดนี้เพียงแค่ราวๆสองสามปีที่ผ่านมาเท่านั้น (เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยเข้าวัดเลย) แต่เราก็รักและผูกพันกับที่นี่มาก
แรกรู้จัก เพราะตอนนั้นชีวิตกำลังเผชิญปัญหาทางใจ หยุดร้องไห้ไม่ได้ แม้ว่าเพื่อนจะคอยประกบเป็นกำลังใจให้ แต่เราก็รู้ว่าใจเรามันต้องยืนให้ได้ด้วยกำลังใจตัวเอง จึงขับรถไปเรื่อยๆ หาวัดสวดมนต์
มาจอดเอาที่วัดนี้ เพราะรู้มาก่อนว่าเป็นสถานปฏิบัติธรรม โยคีน่าจะเยอะ เราแฝงตัวมาขอสวดมนต์ด้วย แม่ชีคงไม่รู้ว่าเป็นคนนอก
วันนั้นเราแต่งชุดขาว เสื้อแขนสั้น กางเกงขายาว เดินทะเล่อทะล่าเข้าไปในศาลาสวดมนต์ นั่งจุ้มปุ๊กอยู่ด้านหลังสุด ตาก็มองดูคนอื่นทำยังไงก็ทำตาม แต่ก็พลาดจนได้ เพราะไม่รู้กฎของที่นี่ว่าผู้หญิงต้องห่มสไบให้เรียบร้อย แม่ชีจึงกล่าวเตือนออกไมค์ (ด้วยความสุภาพ) ทำเอาเรากลายเป็นเป้าสายตาของคนเกือบร้อย ตอนนั้นอายมาก
แต่เมื่อเริ่มสวดมนต์ ใจเราก็สงบลงอย่างรวดเร็ว ลืมสิ้นถึงเจ้าความอายเมื่อสักครู่ ..ลืมสิ้นว่าทั้งวันนี้ร้องไห้จนตาบวม
........................................
สุญญตาพุทโธ..
ทุกๆ ชีวิตต่างก็มีความทุกข์อยู่แล้ว
เราคนหนึ่งจะไม่เพิ่มทุกข์เพิ่มโทษให้แก่ทุกๆชีวิตเลย
ถึงแม้ว่าเขาจะด่า นินทา ใส่ร้าย ทุบตี
หรือโดยที่สุดฆ่าเราให้ตายก็เชิญเถิด
เราจะไม่ทำตอบ
เพราะการทำตอบเลว สองเท่า
.............................................
บทสวดมนต์ที่นี่ยาวมากๆ เพราะต้องสวดทั้งบาลีและคำแปล แต่นั่นเป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้เราสวดด้วยความซาบซึ้ง บางบท เช่นบทสุญญตาด้านบน ถึงกับทำให้เราขนลุกด้วยความปิติ
ทุกๆวันพระ ที่นี่จะจัดให้มีการตักบาตรรอบพระอุโบสถตอนเช้า ฟังเทศน์ธรรมกันตอนสาย ญาติโยมไปกันมากมาย เราเองไปหามุมสงบนั่งอยู่คนเดียว ไม่สนทนากับใคร เพราะอยากฟังธรรมเท่านั้น บางทีก็นั่งหลับตาจิตใจจดจ่ออยู่กับเสียงพระธรรมเทศนา มีความสุขจนบรรยายไม่ถูก
พอถึงเวลาหกโมงเย็น ก็ได้เวลาทำวัตรเย็นที่เรารอคอย หากวันนี้เป็นวันแรมแปดค่ำ ทางวัดเรียกว่าวันพระน้อย เราจะได้สวดเมตตาใหญ่กันหลังทำวัตรด้วย
ตระกร้าใส่หนังสือสวดมนต์ และกรวยดอกไม้ที่เราเตรียมไปทุกวันพระ
มุมที่เราได้ที่นั่งสวดมนต์ มักจะอยู่ท้ายๆอุโบสถ จึงเห็นภาพสวยงามแบบนี้เสมอ
(ถ้าเป็น ขึ้น/แรม 15 ค่ำ จะมีการสวดปาฏิโมกข์ ญาติโยมจะอยู่ฟังรอบๆศาลาบาตรก็ได้ แต่ต้องสำรวม ไม่ลุกๆนั่งๆ และไม่เปิดประตูอุโบสถจนกว่าพระจะสวดเสร็จค่ะ)
สวดมนต์เสร็จ เราก็นั่งสมาธิกันต่ออีกเล็กน้อย ราวๆสิบนาที และก็เตรียมตัวเวียนเทียนกันค่ะ ที่นี่มีเวียนเทียนรอบพระธาตุเจดีย์กันทุกวันพระราวๆสองถึงสามทุ่ม ใครไม่ได้เตรียมดอกไม้มา ทางวัดมีให้ค่ะ โดยถวายปัจจัยกันตามศรัทธา เท่าไหร่ก็ได้ แต่เราชอบเตรียมไปเอง เพราะชอบความรู้สึกตอนเลือกซื้อดอกไม้บูชาพระมาก
ช่วงเวลาที่ใครๆกำลังเข้าแถวรอบูชาธูปเทียนดอกไม้กัน เราจะปลีกตัวออกมาไหว้หลวงพ่อตโปในวิหารข้างๆ หลายคนก็คงคิดเช่นเรา จึงเห็นภาพผู้คนนั่งสงบนิ่งอยู่ในวิหารแบบนี้เสมอ มองดูสวยงามและสุขใจยิ่งนัก..
ก่อนเวียนเทียน เราจะขึ้นไปสวดมนต์บูชาดอกไม้บนพระอุโบสถร่วมกัน แล้วจึงลงมาตั้งแถวให้เป็นระเบียบ โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้นำในการเดินเวียนเทียนต่อไป
ก่อนกลับบ้าน เราไม่เคยลืมที่จะหันไปยกมือไหว้รูปปั้นผู้สร้างวัดบนประตูทุกครั้ง.. ไม่ได้ไหว้เพื่อขอพร หรืองมงายอะไร แต่ไหว้เพราะระลึกถึงความกรุณาของท่าน ที่สร้างวัดนี้ขึ้น ให้เราได้มาขอพักอาศัยทางใจตลอดมา
...................................
สีที่สวยที่สุดในโลก มีสามสีเท่านั้น คือ
สีเลนะ สุคติง ยันติ
ศีลเป็นเหตุให้ไปสู่สุคติ
สีเลนะ โภคะสัมปะทา
ศีลเป็นเหตุให้ได้โภคทรัพย์
สีเลนะ นิพพุติง ยันติ
ศีลเป็นเหตุให้ถึงพระนิพพาน
ตัสมา สีลัง วิโสทะเย
เพราะเหตุนั้น พึงชำระศีลให้หมดจดเถิด