Face Yourself อัลบัมญี่ปุ่นลำดับที่ 3 ของBTS ประกอบไปด้วยเพลงเก่า7เพลงที่นำมาร้องใหม่ในเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น และเพลงใหม่อีก5เพลง(รวมintro+outro)
ขอพูดถึงในส่วนของเพลงเดิมที่เป็นภาษาเกาหลี และได้นำมาร้องใหม่ในภาษาญี่ปุ่นก่อนนะคะ ส่วนตัวแล้วเราจะมีปัญหาในการฟังเพลงญี่ปุ่นที่เพลงเดิมเป็นภาษาเกาหลี อาจจะเพราะคุ้นชินกับการออกเสียง และการลงคำในภาษาเกาหลีมาก่อนแล้ว พอมาเป็นภาษาญี่ปุ่นในหลายๆเพลง และหลายๆศิลปินเราจะรู้สึกติดขัดในการฟังเล็กน้อย แต่ในอัลบัมนี้กลับมีหลายเพลงที่รู้สึกว่าทำได้ดีทั้งภาษาเกาหลีและญี่ปุ่น ฟังแล้วลื่นหูทั้ง2ภาษาเลย เช่น Best Of Me - ฟังลื่นหูตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟังเวอร์ชั่นญี่ปุ่น อาจจะเป็นเพราะเพลงนี้โดดเด่นในเรื่องของดนตรี จนทำให้เราลดความสำคัญของภาษาที่ใช้ร้องในเพลงออกไป ส่วนอีกเพลงที่ชอบคือ Go Go เพลงนี้เราแทบจะชอบมากกว่าตอนเป็นภาษาเกาหลีอีก อาจจะเพราะการออกเสียงของภาษาญี่ปุ่นฟังดูสั้นกว่า บวกกับจังหวะดนตรีของเพลงนี้ที่เขากันอย่างได้ดี ฟังแล้วรู้สึกสนุกขึ้นกว่าเดิม
มาถึงเพลงที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในอัลบัมนี้ เราค่อนข้างชอบเพลงภาษาญี่ปุ่นของบังทันแทบทุกเพลง เป็นความสวยงามที่เกิดจากลักษณะเฉพาะบางอย่างของเพลงญี่ปุ่นเท่านั้น ที่สามารถถ่ายทอดดนตรีลักษณะนี้ออกมาได้ ครั้งนี้ก็มีเพลงเพิ่มมาใหม่3เพลงหลัก ความรู้สึก และอารมณ์ในการฟังแต่ละเพลงก็จะสนุก แตกต่างกันออกไป
- Don't Leave Me - รู้สึกใจหายตั้งแต่ได้ฟังครั้งแรกโดยที่ยังไม่รู้คำแปล และไม่เคยดูซีรีย์Signalเลยด้วยซ้ำ เพลงนี้โดดเด่นตั้งแต่ดนตรีเริ่มต้นของเพลง บวกกับเสียงร้องทุ้มต่ำของวีตอนเริ่ม ก็พาเราให้จมไปกับเพลงได้ไม่ยาก แต่จุดที่โดดเด่นที่สุดของเพลงก็คงจะเป็นท่อนฮุกแรก ที่เปิดมาด้วยการใช้เสียงที่ดุดันของจีมิน ต่อด้วยเสียงจองกุกและจิน ถึงท่อนฮุกจะฟังดูดุดันและเกรี้ยวกราด แต่ก็รับรู้ได้ถึงความเหงา ความเดียวดาย และความหวาดกลัวที่ส่งออกมา หลังจากท่อนฮุกก็ต่อด้วยเสียงอบอุ่นของวีที่เหมือนมาช่วยปลอบความรู้สึกก่อนหน้านี้ การแบ่งท่อนร้องและการดึงเอกลักษณ์เสียงร้องของแต่ละคนในเพลงนี้ทำได้ดี ช่วยส่งอารมณ์ให้เรารู้สึกตามไปกับเพลง
- Crystal Snow - สวยงามตั้งแต่การตั้งชื่อเพลง เพลงญี่ปุ่นของบังทัน เป็นเพลงที่น่าสนใจทั้งด้านดนตรีและการใช้เสียง พอเป็นเพลงญี่ปุ่นแล้วเหมือนมีฟิลเตอร์บางอย่างมาคลุมไว้ เป็นฟิลเตอร์ของความรู้สึกอุ่นๆ ที่ฟังแล้วรู้สึกเหมือนมีน้ำตาคลอตลอดเวลา ทำให้ทุกอย่างมันออกมานุ่มนวล ไม่มีอะไรที่รู้สึกแปลกปลอมแทงออกมาจากเพลง เพลงนี้ก็ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น รู้สึกเหมือนเราถูกเพลงโอบอุ้มไว้ ชอบทุกอย่างในเพลง Crystal Snow สวยงามตั้งแต่ดนตรี เมโลดี้ การแบ่งท่อนร้องของแต่ละคนให้เหมาะกับเพลง เป็นเพลงที่เหมาะกับนำไปใช้ในอนิเมะสักเรื่องจริงๆ
- Let Go - กลายเป็นเพลงญี่ปุ่นของบังทันที่เราชอบที่สุดไปแล้ว ชอบจังหวะการลื่นไหลของทั้งเพลง ตลอดท่อนแรปก็จะมีเสียงของโวคอลไลน์คลอตามไปด้วย รายละเอียดการร้องเล็กๆน้อยๆ แต่ก็ช่วยให้เพลงสมบูรณ์ขึ้น ด้านดนตรีก็ทำออกมาได้มีสีสัน ฟังครั้งแรกก็ติดหูเลย เป็นการลงจังหวะที่ทำให้เรารู้สึกสบายที่จะฟัง
ความโดนเด่นของ Face Yourself ที่เห็นได้ชัดคือพัฒนาการด้านการร้องของโวคอลไลน์ ในแต่ละเพลงจะเห็นได้ชัดว่าแต่ละคนรับผิดชอบท่อนร้องของตัวเองได้อย่างดีที่สุด เสียงที่เราชอบในอัลบัมนี้สุดคงจะเป็นวี เราว่าเสียงน้องเหมาะกับดนตรีและอารมณ์ของอัลบัมนี้ เป็นเสียงที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น และเศร้าในเวลาเดียวกัน
อีกไม่นานอัลบัมถัดไปก็คงจะออกมาให้เราได้เห็น สิ่งที่คิดมาตลอดไม่ว่าจะออกมากี่อัลบัมคือ เพลงจะออกมาเป็นแบบไหน ดนตรีจะดีกว่าเดิมไหม ทุกครั้งบังทันก็แสดงให้เราเห็นตลอดว่าพวกเขาสามารถพัฒนาไปได้ขึ้นอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าจะไปหยุดที่จุดไหน การไม่มีกำแพงมาเป็นกรอบให้ตัวเองว่าต้องทำเพลงแบบนั้น แบบนี้ ก็ช่วยลดขีดจำกัดในการทำเพลงของวง แล้วคนฟังก็ได้ฟังเพลงที่สนุกและหลากหลายขึ้นด้วย รอคอยอัลบัมหน้าด้วยความตื่นเต้น เพราะก่อนหน้านี้มีสถิติต่างๆมากมาย แล้วเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นกับวง ระหว่างการเดินทางของอัลบัมล่าสุด บังทันคงมีเรื่องสนุกมาเล่าให้เราฟังผ่านเสียงดนตรีเยอะแน่นอน
BTS : Face Yourself บอกเล่าอารมณ์ ความรู้สึก ผ่านเสียงเพลง
Face Yourself อัลบัมญี่ปุ่นลำดับที่ 3 ของBTS ประกอบไปด้วยเพลงเก่า7เพลงที่นำมาร้องใหม่ในเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น และเพลงใหม่อีก5เพลง(รวมintro+outro)
ขอพูดถึงในส่วนของเพลงเดิมที่เป็นภาษาเกาหลี และได้นำมาร้องใหม่ในภาษาญี่ปุ่นก่อนนะคะ ส่วนตัวแล้วเราจะมีปัญหาในการฟังเพลงญี่ปุ่นที่เพลงเดิมเป็นภาษาเกาหลี อาจจะเพราะคุ้นชินกับการออกเสียง และการลงคำในภาษาเกาหลีมาก่อนแล้ว พอมาเป็นภาษาญี่ปุ่นในหลายๆเพลง และหลายๆศิลปินเราจะรู้สึกติดขัดในการฟังเล็กน้อย แต่ในอัลบัมนี้กลับมีหลายเพลงที่รู้สึกว่าทำได้ดีทั้งภาษาเกาหลีและญี่ปุ่น ฟังแล้วลื่นหูทั้ง2ภาษาเลย เช่น Best Of Me - ฟังลื่นหูตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟังเวอร์ชั่นญี่ปุ่น อาจจะเป็นเพราะเพลงนี้โดดเด่นในเรื่องของดนตรี จนทำให้เราลดความสำคัญของภาษาที่ใช้ร้องในเพลงออกไป ส่วนอีกเพลงที่ชอบคือ Go Go เพลงนี้เราแทบจะชอบมากกว่าตอนเป็นภาษาเกาหลีอีก อาจจะเพราะการออกเสียงของภาษาญี่ปุ่นฟังดูสั้นกว่า บวกกับจังหวะดนตรีของเพลงนี้ที่เขากันอย่างได้ดี ฟังแล้วรู้สึกสนุกขึ้นกว่าเดิม
มาถึงเพลงที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในอัลบัมนี้ เราค่อนข้างชอบเพลงภาษาญี่ปุ่นของบังทันแทบทุกเพลง เป็นความสวยงามที่เกิดจากลักษณะเฉพาะบางอย่างของเพลงญี่ปุ่นเท่านั้น ที่สามารถถ่ายทอดดนตรีลักษณะนี้ออกมาได้ ครั้งนี้ก็มีเพลงเพิ่มมาใหม่3เพลงหลัก ความรู้สึก และอารมณ์ในการฟังแต่ละเพลงก็จะสนุก แตกต่างกันออกไป
- Don't Leave Me - รู้สึกใจหายตั้งแต่ได้ฟังครั้งแรกโดยที่ยังไม่รู้คำแปล และไม่เคยดูซีรีย์Signalเลยด้วยซ้ำ เพลงนี้โดดเด่นตั้งแต่ดนตรีเริ่มต้นของเพลง บวกกับเสียงร้องทุ้มต่ำของวีตอนเริ่ม ก็พาเราให้จมไปกับเพลงได้ไม่ยาก แต่จุดที่โดดเด่นที่สุดของเพลงก็คงจะเป็นท่อนฮุกแรก ที่เปิดมาด้วยการใช้เสียงที่ดุดันของจีมิน ต่อด้วยเสียงจองกุกและจิน ถึงท่อนฮุกจะฟังดูดุดันและเกรี้ยวกราด แต่ก็รับรู้ได้ถึงความเหงา ความเดียวดาย และความหวาดกลัวที่ส่งออกมา หลังจากท่อนฮุกก็ต่อด้วยเสียงอบอุ่นของวีที่เหมือนมาช่วยปลอบความรู้สึกก่อนหน้านี้ การแบ่งท่อนร้องและการดึงเอกลักษณ์เสียงร้องของแต่ละคนในเพลงนี้ทำได้ดี ช่วยส่งอารมณ์ให้เรารู้สึกตามไปกับเพลง
- Crystal Snow - สวยงามตั้งแต่การตั้งชื่อเพลง เพลงญี่ปุ่นของบังทัน เป็นเพลงที่น่าสนใจทั้งด้านดนตรีและการใช้เสียง พอเป็นเพลงญี่ปุ่นแล้วเหมือนมีฟิลเตอร์บางอย่างมาคลุมไว้ เป็นฟิลเตอร์ของความรู้สึกอุ่นๆ ที่ฟังแล้วรู้สึกเหมือนมีน้ำตาคลอตลอดเวลา ทำให้ทุกอย่างมันออกมานุ่มนวล ไม่มีอะไรที่รู้สึกแปลกปลอมแทงออกมาจากเพลง เพลงนี้ก็ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น รู้สึกเหมือนเราถูกเพลงโอบอุ้มไว้ ชอบทุกอย่างในเพลง Crystal Snow สวยงามตั้งแต่ดนตรี เมโลดี้ การแบ่งท่อนร้องของแต่ละคนให้เหมาะกับเพลง เป็นเพลงที่เหมาะกับนำไปใช้ในอนิเมะสักเรื่องจริงๆ
- Let Go - กลายเป็นเพลงญี่ปุ่นของบังทันที่เราชอบที่สุดไปแล้ว ชอบจังหวะการลื่นไหลของทั้งเพลง ตลอดท่อนแรปก็จะมีเสียงของโวคอลไลน์คลอตามไปด้วย รายละเอียดการร้องเล็กๆน้อยๆ แต่ก็ช่วยให้เพลงสมบูรณ์ขึ้น ด้านดนตรีก็ทำออกมาได้มีสีสัน ฟังครั้งแรกก็ติดหูเลย เป็นการลงจังหวะที่ทำให้เรารู้สึกสบายที่จะฟัง
ความโดนเด่นของ Face Yourself ที่เห็นได้ชัดคือพัฒนาการด้านการร้องของโวคอลไลน์ ในแต่ละเพลงจะเห็นได้ชัดว่าแต่ละคนรับผิดชอบท่อนร้องของตัวเองได้อย่างดีที่สุด เสียงที่เราชอบในอัลบัมนี้สุดคงจะเป็นวี เราว่าเสียงน้องเหมาะกับดนตรีและอารมณ์ของอัลบัมนี้ เป็นเสียงที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น และเศร้าในเวลาเดียวกัน
อีกไม่นานอัลบัมถัดไปก็คงจะออกมาให้เราได้เห็น สิ่งที่คิดมาตลอดไม่ว่าจะออกมากี่อัลบัมคือ เพลงจะออกมาเป็นแบบไหน ดนตรีจะดีกว่าเดิมไหม ทุกครั้งบังทันก็แสดงให้เราเห็นตลอดว่าพวกเขาสามารถพัฒนาไปได้ขึ้นอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าจะไปหยุดที่จุดไหน การไม่มีกำแพงมาเป็นกรอบให้ตัวเองว่าต้องทำเพลงแบบนั้น แบบนี้ ก็ช่วยลดขีดจำกัดในการทำเพลงของวง แล้วคนฟังก็ได้ฟังเพลงที่สนุกและหลากหลายขึ้นด้วย รอคอยอัลบัมหน้าด้วยความตื่นเต้น เพราะก่อนหน้านี้มีสถิติต่างๆมากมาย แล้วเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นกับวง ระหว่างการเดินทางของอัลบัมล่าสุด บังทันคงมีเรื่องสนุกมาเล่าให้เราฟังผ่านเสียงดนตรีเยอะแน่นอน