“พาณิชย์”เผยยอดขายร้านธงฟ้า 6 เดือน พุ่ง 1.9 หมื่นล้าน ข้าวสาร น้ำมันพืช ไข่ไก่ น้ำปลา ขายดี
“พาณิชย์”เผยยอดขายร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ 6 เดือน พุ่งถึง 1.9 หมื่นล้านบาท ระบุข้าวสาร น้ำมันพืช ไข่ไก่ น้ำปลา เครื่องปรุงรส ของใช้ส่วนบุคคลขายดี ยันปัญหาร้านค้าไม่เพียงพอ เตรียมส่งรถโมบายเข้าไปเสริม พร้อมเปิดร้านเพิ่ม ล่าสุดเตรียมจัดอบรมใหญ่สอนเทคนิคทำธุรกิจ ดันทั้ง 4 หมื่นร้านเป็นโชห่วยไฮบริด
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ยอดการซื้อขายสินค้าผ่านร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวโครงการเดือนต.ค.2560-27 มี.ค.2561 หรือประมาณ 6 เดือน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 1.9 หมื่นล้านบาท และมีจำนวนรายการสินค้าที่ซื้อขายกว่า 69 ล้านรายการ โดยสินค้าที่ขายดีที่สุด ได้แก่ ข้าวสาร น้ำมันพืช ไข่ไก่ น้ำปลา เครื่องปรุงรส และของใช้ส่วนบุคคล โดยมั่นใจว่ายอดการซื้อขายน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะกำลังจะหารือกับผู้ผลิตให้จัดทำโปรโมชันนำสินค้าขายดีมาลดราคา เพื่อคืนกำไรให้กับประชาชน รวมถึงการนำสินค้าชุมชนเข้าไปจำหน่ายในร้านค้า เพื่อเพิ่มทางเลือกในการซื้อให้กับประชาชน
ส่วนการแก้ไขปัญหาการกระจุกตัวของการใช้จ่ายผ่านร้านค้าธงฟ้าประชารัฐในบางอำเภอ ได้มีการลงไปสำรวจแล้ว พบว่า บางพื้นที่มีจำนวนร้านไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบางพื้นที่มีร้านใหญ่มาก ทำให้ดึงลูกค้าจากร้านอื่นในละแวกเดียวกัน ซึ่งหากเกิดจากจำนวนร้านไม่เพียงพอ จะเร่งให้มีการเปิดร้านเพิ่มขึ้น และใช้รถธงฟ้าเคลื่อนที่เข้าไปเสริมในช่วงที่ยังมีร้านไม่เพียงพอ แต่เชื่อว่า หลังจากผลักดันให้มีจำนวนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐได้ครบ 4 หมื่นร้าน ซึ่งคาดว่าน่าจะภายในเดือนเม.ย.นี้ จะทำให้ปัญหากระจุกตัวหรือร้านค้าไม่เพียงพอหมดไป
นายวิชัย โภชนกิจ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงฯ มีแผนที่จะจัดฝึกอบรมเทคนิคการทำธุรกิจให้กับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่ ทั้ง 4 หมื่นแห่ง ให้เข้ามาเรียนรู้การทำธุรกิจ การพัฒนาร้านค้า การเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ ความรู้ด้านภาษี การจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล กำหนดระยะเวลาไว้ประมาณ 5 วัน เพื่อให้ร้านค้ามีการพัฒนาไปสู่การเป็นร้านโชห่วยไฮบริดและมีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมั่นใจว่า หากร้านค้ามีความเข้มแข็ง ก็จะทำให้เป็นที่พึ่งให้กับผู้ถือบัตรและผู้มีรายได้น้อย ที่จะหาซื้อสินค้าราคาถูก และลดค่าครองชีพได้ต่อเนื่อง
สำหรับปัญหาการคืนเครื่องรูดบัตร ล่าสุดมีการคืนเครื่องจำนวน 1,428 เครื่อง มีสาเหตุมาจากร้านค้าไม่มีกำลังในการสต๊อกสินค้า เพราะต้องซื้อเงินสด แต่ไม่มีเงินเพียงพอ หรือซื้อครั้งละน้อยๆ ทำให้ไม่มีใครส่งสินค้าให้ ซึ่งกระทรวงฯ ได้เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาให้ร้านค้าในพื้นที่สร้างเครือข่ายและรวมตัวกันสั่งซื้อสินค้า เพื่อที่จะได้ลดต้นทุนในการสั่งซื้อสินค้า และบางรายมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และกังวลเรื่องการเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% จึงได้ขอคืนเครื่อง ซึ่งกระทรวงฯ ได้นำเครื่องที่ได้รับคืนไปติดตั้งให้ร้านค้ารายอื่นที่ต้องการเข้าร่วมโครงการแล้ว
“ปัญหาเรื่องภาษี กระทรวงฯ ได้พยายามเข้าไปให้ความรู้และสร้างความเข้าใจให้กับร้านค้าว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ หากมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็ให้จดทะเบียนตั้งเป็นนิติบุคคล จะเป็นห้างหุ้นส่วนหรือเป็นบริษัทก็แล้วแต่ เมื่อตั้งแล้ว ปัญหาเรื่องภาษีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะหักภาษีซื้อขายได้ และยังหักค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจได้ด้วย ทั้งค่าเช่าร้าน ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าคนงาน ทำไปทำมา เสียภาษีไม่เท่าไร แต่ก็ดีกับร้านค้าเอง ที่จะได้มีตัวตน และขอรับการสนับสนุนจากรัฐได้ง่ายขึ้น”นายวิชัยกล่าว
นายวิชัยกล่าวว่า กระทรวงฯ ยังได้มีการตรวจสอบร้านค้าที่กระทำความผิดเงื่อนไข โดยจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด ทั้งการปลดออกจากการเข้าร่วมโครงการ และยึดคืนเครื่องรูดบัตร โดยล่าสุดได้ตรวจสอบพบอีกที่จังหวัดมุกดาหาร และเชียงราย พบว่า มีการรวบรวมบัตรจากผู้ถือบัตร มีการจัดของขายรวมชุด และบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม และขายราคาสูงกว่าร้านอื่น ซึ่งได้เข้าไปจัดการแล้ว และหากประชาชนพบเห็น หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ให้ร้องเรียนเข้ามาได้ ทั้งผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
https://mgronline.com/business/detail/9610000034519
ยินดีด้วยนะคะ....
🥚🥚~มาลาริน~ดี้ดีค่ะ...“พาณิชย์”เผยยอดขายร้านธงฟ้า 6 เดือน พุ่ง 1.9 หมื่นล้าน ข้าวสาร น้ำมันพืช ไข่ไก่ น้ำปลา ขายดี
“พาณิชย์”เผยยอดขายร้านธงฟ้า 6 เดือน พุ่ง 1.9 หมื่นล้าน ข้าวสาร น้ำมันพืช ไข่ไก่ น้ำปลา ขายดี
“พาณิชย์”เผยยอดขายร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ 6 เดือน พุ่งถึง 1.9 หมื่นล้านบาท ระบุข้าวสาร น้ำมันพืช ไข่ไก่ น้ำปลา เครื่องปรุงรส ของใช้ส่วนบุคคลขายดี ยันปัญหาร้านค้าไม่เพียงพอ เตรียมส่งรถโมบายเข้าไปเสริม พร้อมเปิดร้านเพิ่ม ล่าสุดเตรียมจัดอบรมใหญ่สอนเทคนิคทำธุรกิจ ดันทั้ง 4 หมื่นร้านเป็นโชห่วยไฮบริด
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ยอดการซื้อขายสินค้าผ่านร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวโครงการเดือนต.ค.2560-27 มี.ค.2561 หรือประมาณ 6 เดือน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 1.9 หมื่นล้านบาท และมีจำนวนรายการสินค้าที่ซื้อขายกว่า 69 ล้านรายการ โดยสินค้าที่ขายดีที่สุด ได้แก่ ข้าวสาร น้ำมันพืช ไข่ไก่ น้ำปลา เครื่องปรุงรส และของใช้ส่วนบุคคล โดยมั่นใจว่ายอดการซื้อขายน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะกำลังจะหารือกับผู้ผลิตให้จัดทำโปรโมชันนำสินค้าขายดีมาลดราคา เพื่อคืนกำไรให้กับประชาชน รวมถึงการนำสินค้าชุมชนเข้าไปจำหน่ายในร้านค้า เพื่อเพิ่มทางเลือกในการซื้อให้กับประชาชน
ส่วนการแก้ไขปัญหาการกระจุกตัวของการใช้จ่ายผ่านร้านค้าธงฟ้าประชารัฐในบางอำเภอ ได้มีการลงไปสำรวจแล้ว พบว่า บางพื้นที่มีจำนวนร้านไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบางพื้นที่มีร้านใหญ่มาก ทำให้ดึงลูกค้าจากร้านอื่นในละแวกเดียวกัน ซึ่งหากเกิดจากจำนวนร้านไม่เพียงพอ จะเร่งให้มีการเปิดร้านเพิ่มขึ้น และใช้รถธงฟ้าเคลื่อนที่เข้าไปเสริมในช่วงที่ยังมีร้านไม่เพียงพอ แต่เชื่อว่า หลังจากผลักดันให้มีจำนวนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐได้ครบ 4 หมื่นร้าน ซึ่งคาดว่าน่าจะภายในเดือนเม.ย.นี้ จะทำให้ปัญหากระจุกตัวหรือร้านค้าไม่เพียงพอหมดไป
นายวิชัย โภชนกิจ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงฯ มีแผนที่จะจัดฝึกอบรมเทคนิคการทำธุรกิจให้กับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่ ทั้ง 4 หมื่นแห่ง ให้เข้ามาเรียนรู้การทำธุรกิจ การพัฒนาร้านค้า การเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ ความรู้ด้านภาษี การจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล กำหนดระยะเวลาไว้ประมาณ 5 วัน เพื่อให้ร้านค้ามีการพัฒนาไปสู่การเป็นร้านโชห่วยไฮบริดและมีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมั่นใจว่า หากร้านค้ามีความเข้มแข็ง ก็จะทำให้เป็นที่พึ่งให้กับผู้ถือบัตรและผู้มีรายได้น้อย ที่จะหาซื้อสินค้าราคาถูก และลดค่าครองชีพได้ต่อเนื่อง
สำหรับปัญหาการคืนเครื่องรูดบัตร ล่าสุดมีการคืนเครื่องจำนวน 1,428 เครื่อง มีสาเหตุมาจากร้านค้าไม่มีกำลังในการสต๊อกสินค้า เพราะต้องซื้อเงินสด แต่ไม่มีเงินเพียงพอ หรือซื้อครั้งละน้อยๆ ทำให้ไม่มีใครส่งสินค้าให้ ซึ่งกระทรวงฯ ได้เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาให้ร้านค้าในพื้นที่สร้างเครือข่ายและรวมตัวกันสั่งซื้อสินค้า เพื่อที่จะได้ลดต้นทุนในการสั่งซื้อสินค้า และบางรายมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และกังวลเรื่องการเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% จึงได้ขอคืนเครื่อง ซึ่งกระทรวงฯ ได้นำเครื่องที่ได้รับคืนไปติดตั้งให้ร้านค้ารายอื่นที่ต้องการเข้าร่วมโครงการแล้ว
“ปัญหาเรื่องภาษี กระทรวงฯ ได้พยายามเข้าไปให้ความรู้และสร้างความเข้าใจให้กับร้านค้าว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ หากมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็ให้จดทะเบียนตั้งเป็นนิติบุคคล จะเป็นห้างหุ้นส่วนหรือเป็นบริษัทก็แล้วแต่ เมื่อตั้งแล้ว ปัญหาเรื่องภาษีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะหักภาษีซื้อขายได้ และยังหักค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจได้ด้วย ทั้งค่าเช่าร้าน ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าคนงาน ทำไปทำมา เสียภาษีไม่เท่าไร แต่ก็ดีกับร้านค้าเอง ที่จะได้มีตัวตน และขอรับการสนับสนุนจากรัฐได้ง่ายขึ้น”นายวิชัยกล่าว
นายวิชัยกล่าวว่า กระทรวงฯ ยังได้มีการตรวจสอบร้านค้าที่กระทำความผิดเงื่อนไข โดยจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด ทั้งการปลดออกจากการเข้าร่วมโครงการ และยึดคืนเครื่องรูดบัตร โดยล่าสุดได้ตรวจสอบพบอีกที่จังหวัดมุกดาหาร และเชียงราย พบว่า มีการรวบรวมบัตรจากผู้ถือบัตร มีการจัดของขายรวมชุด และบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม และขายราคาสูงกว่าร้านอื่น ซึ่งได้เข้าไปจัดการแล้ว และหากประชาชนพบเห็น หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ให้ร้องเรียนเข้ามาได้ ทั้งผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
https://mgronline.com/business/detail/9610000034519
ยินดีด้วยนะคะ....