ประสบการณ์ อาสาสมัครต่างแดน กับโครงการ AIESEC ที่ประเทศ รัสเซีย ตอนที่ 1

สวัสดีค่าา เราชื่อมะปริม นี่คือครั้งแรกที่เราเขียนกระทู้ แล้วปกติเราก็เป็นคนที่พูดจาไม่ค่อยจะรู้เรื่องถ้ามีอะไรที่ผิดพลาดไปขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
เมื่อตอนปี 3 เราได้สมัครโครงการ AIESEC เพื่อไปเป็นอาสาสมัครที่ต่างประเทศ
ขั้นตอนการสมัครก็ไม่ยาก
1. เข้าไปสมัครที่website >> https://aiesec.org/ ได้เลย
2. เราจะได้รับ Email ติดต่อกลับมา เพื่อนัดสัมพาษ
3. การสัมพาษณ์จะสัมพาษณ์ผ่าน Skype
4. เราจะได้รับ Email ตอบกลับ
5. ไปเลือก Project โล๊ดดดดด
ก่อนอื่นจะสรุปคร่าวๆ ให้ว่า AIESEC กับ Global Volunteer มันคืออะไรกัน
.
- AIESEC คือองค์กรเยาวชนนานาชาติที่มุ่งหวังการพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำของเยาวชนผ่านการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เพื่อให้เข้าใจในความแตกต่างของวัฒนธรรมและสามารถนำสันติภาพมาสู่โลกได้
- Global Volunteer คือโครงการเป็นอาสาสมัครที่ต่างประเทศ โดยยึดตามเป้าหมายในการพัฒนาสังคมที่ยั่งยืน (SDGs) ของ UN ทั้งหมด 17 เป้าหมาย (sustainabledevelopment.un.org/sdgs)
- ใครๆ ก็สามารถร่วมโครงการกับ AIESEC ได้ขอแค่มีอายุระหว่าง 18-30 ปี และใจพร้อม กายพร้อม เวลาพร้อม เราทำได้ ยิ้ม
- สมัครโดยตรงได้เลยที่เว็บไซต์ aiesec.org จากนั้นรอการติดต่อกลับทางอีเมล์จาก AIESEC Thailand (หรือ AIESEC สังกัดแต่ละม.)
- ขั้นตอนการเป็นอาสาที่โคตรง่ายแค่ สมัคร -> เลือกโปรเจค (งานอาสา) -> สัมภาษณ์ -> ยืนยัน แล้วก็ไปได้เลย
- ค่าโครงการแค่ 11,000 บาทเท่านั้น (ยังไม่รวมค่าเครื่องบินและค่ากินอยู่ ส่วนใหญ่ที่พักฟรี) จ่ายทีเดียวหลังยืนยันโปรเจค
- สงสัยอะไรเพิ่มเติม ติดตามและเข้าไปถามที่ AIESEC in Thailand ได้



คือการสมัครนั้นไม่ยากเลยเค้าแค่ดูว่าเราสามารถเอาตัวรอดได้ในต่างแดนรึป่าวแค่นั้น เป็นโอกาสดีๆในการฝึกภาษา เด้อออ!!
You can’t start the next chapter of your life, if you keep re-reading the last one.
เราเลือกไปทำโปรเจค เกี่ยวกับ Education development ชื่อว่า Sun Shine Project in Ekaterinburg Russia เป็นการไปสอนภาษาอังกฤษ และวัฒนธรรมของเราให้เด็กๆได้รู้จัก เรื่องของเราแรกๆอาจจะไม่ค่อยสวยเท่าไรแต่หลังๆมันดีมากๆๆๆๆๆเลย Sometimes it is very hard to move on, but once you move on, you will realize it was the best decision you’ve ever made.
เราไปช่วงปิดเทอมปี 3 ของมหาลัย อ้าวแล้วไม่ต้องฝึกงานหรอ?? โดยส่วนตัวคิดว่าคุ้มแล้วเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจเราสุดๆอัดแน่นคุณภาพคับแก้ว ซึ่งช่วงเวลาที่เราไปคือ ช่วงเดือน 6-7 ปี 2017 เกริ่นเล็กน้อยว่าเราเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน 1 ปี ที่ประเทศ ฮังการี ดังนั้นพอเราเล่าจบ เดียวจะสรุปปิดท้ายความต่างของสองอย่างนี้ไว้ด้วยว่ามันเหมือนหรือต่างกันยังไง แบบว่าถึงจะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมีประสบการณ์ไปแล้ว แต่อยากจะบอกว่ามันต่างกันมากอยู่น้า ชนิดที่ต้องลองถึงจะรู้ 555

เริ่มการเดินทางสู่ เมือง Ekaterinburg ประเทศ รัสเซีย วันที่เราเดินทางคือวันที่ 13 มิถุนายน 2017 ออกเดินทาง 09:55 a.m. เวลาประเทศไทย ถึงเมือง Ekaterinburg วันที่ 14 มิถุนายน เวลา 05:10 a.m. เวลาที่นู่น ใช้เวลาเดินทางเกือบ 24 ชั่วโมง ยาวๆไปเลยจ้า โดยเรานั่งเครื่องของสายการบิน Emirates โดยเราต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ ดูไบก่อน


นี่คือสนามบินที่ดูไบ เราต่อเครื่องที่นี่
ต่อเครื่อง 5 ชั่วโมงเบาๆ เดิน shopping เพลินๆ
จากนั้นลงเครื่องที่ Moscow แล้วต่อเครื่องในประเทศไปเมือง Ekaterinburg โดยเราใช้ สายการบิน S7 ที่ corporate กับ Emirates เพื่อกระเป๋าขากลับก็จะได้ยิงยาวจาก Ekaterinburg ถึง กรุงเทพ ไปเลยทีเดียว โดยเราจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินทั้งหมดประมาณ 45,000 บาท แต่คุ้มมากเพราะขากลับได้ up class เป็น Business class แต่จ่ายแค่ Economy แล้วเป็น Economy ตอนโปรโมชั่น ไม่รู้จะรู้สึกคุ้มยังไง โดยค่าใช้จ่ายในการจองตั๋วเครื่องบินเราเป็นคนออกเองแล้วแต่ว่าจะหาได้ถูกหรือแพง อย่างโปรเจคที่เราทำมีคนไทยไป 2 คน รวมเราด้วย เค้าก็ไปอีกสายการบินซึ่งบินไปถึงเวลาไล่เลี่ยกันแต่ของเพื่อนจะเป็นบินตรงไป Moscow เลย ขึ้นเครื่องเวลาใกล้เคียงกันเจอกันที่สนามบินแล้วก็แยกกันไป Gate ของตัวเอง แค่เราได้แวะดูไบ
บนเครื่อง ก็จะมี wifi ที่เสียบ USB ปลั๊ก Game และ หนังไว้ให้ดู ของ Economy Class

นอนหลับสบาย สุดๆ

เมืองที่เราไปอยู่ชื่อ Ekaterinburg เป็นเมืองที่อยู่ระหว่างทวีปยุโรปกับทวีปเอเชีย บรรยากาศในเมือง


ตอนกลางคืนก็สวยไม่ใช่ย่อย


ติด ตม. ครั้งแรก
ต่อไปคือประสบการณ์การติด ตม. ครั้งแรกในชีวิต ตอนไปถึง Moscow เราก็ไป Immigration check ตอนแรกเรากับ ตม. ก็คุยกันดีๆอยู่ แต่ซักพักหน้าเค้าก็เปลี่ยนสี แล้วก็มองเราด้วยสายตาพิฆาตเราก็หน้าเปลี่ยนสีตามแต่เปลี่ยนไปคนละสีกับนางของนางเปลี่ยนเป็นสีเข้ม ของเราสีเหลืองซีดๆ แล้วเค้าก็ยกหูโทรศัพท์ขึ้นคุยกับคนในสายแล้วไม่พูดกับเราต่อ
ตอนนั้นรู้ตัวแล้วว่า ติด ตม. !!!!!! แต่ตอนนั้นเราง่วงนอนมาก เดินทางมาทั้งวันท้องฟ้าแจ่มใสเจอแต่พระอาทิตย์ไม่เจอกลางคืนเลย เราเลยไม่ได้นอนทั้งวันทำให้ง่วงนอนมาก พยายามใช้พลังงานที่เหลือทั้งหมดที่มีรวบรวมสติเตรียมตอบคำถาม คิดคำตอบไว้เยอะมาก เอกสารก็แน่น นั่งไปประมาณหนึ่งชั่วโมงไม่ไหวแระแล้วก็คิดว่าแล้วแต่จะถามเลย จะส่งกลับก็ได้จะได้ไปนอนบนเครื่อง ตอนนั้นคิดอย่างนั้น เพราะง่วงเกินกว่าที่ร่างกายจะทนไหวแล้ว ผ่านไปอีก 10 นาที เค้าก็เรียกชื่อเราแล้วเราก็เดินไปจากนั้นเค้าก็ยื่นพาสปอสตเราคืนมาแล้วบอกว่าไปได้ งงในงงเลยค่ะทีนี้ แต่แล้วก็ผ่าน ตม. มาได้ ที่เป็นอย่างนี้ สาเหตุเพราะเค้าได้ติดต่อไปยังโครงการแล้วทางโครงการเค้าก็เคลียให้เลยไม่ต้องเข้าไปตอบคำถามอะไรอีก เป็นการติด ตม. ที่เหมือนติด ต.ม.ไม่จริง แล้วเราก็มารู้สาเหตุที่ติด ตม. ในภายหลังว่า ในวีซ่าที่ทำมาจากกรุงเทพนั้น ได้ระบุเพศเราผิดจากเพศหญิงเป็นเพศชาย แล้วมันก็ผิดตั้งแต่ invitation letter เป็นความผิดแบบต่อเนื่อง ก็สงสัยว่าตอนที่ติดวีซ่าลงไปในสมุดพาสปอสต์เราเค้าไม่ดูประวัติเราหน่อยหรอ แล้วเค้าก็ติดวีซ่าอันใหม่ที่ถูกต้องมาให้ แล้วหลังจากมีวีซ่าทับซ้อนสองอันเวลาไปประเทศไหนพอจากที่เค้าจะปั้มให้เราผ่านอยู่แล้วพอเจอหน้านี้ปุ๊บก็จะหยุด จากนั้นสีหน้าก็จะเปลี่ยนแล้วก็ถามนู่นนี่เยอะไปหมดแต่ก็เข้าประเทศนั้นได้นะ #ขอบคุณนะรัสเซีย 5555 (ประชดเพื่ออรรถรสเฉยๆ)

นี่เป็นห้องที่ Hostel ที่เราอยู่ ชื่อ Red Star Hostel โดยในห้องที่เราอยู่จะมีแค่ผู้หญฺิง ข้องนอกก็จะมีครัวและพื้นที่ส่วนกลาง มี wifi

เราและเพื่อนๆ ถ่ายกับคนดูแล Hostel สนิทกันเหมือนครอบครัวเลยยยย ต้องการความช่วยเหลืออะไรก็บอกเค้าคนนี้แหละ

จะบอกว่าใจดีจนเพื่อนเรานี่แอบปลื้มไปเลย 555 ก็เค้าน่ารักจริงๆแหละ เป็นคนมีอารมย์ขัน แต่เราจำชื่อเค้าไม่ได้ซักทีไม่รู้ทำไม แบบชื่อนี้มันไม่ยอมเข้าหัวจริงๆ 55 อาจจะเพราะเวลามีอะไรเราก็จะให้เพื่อนไปเป็นคนบอกให้ ก็นะสนับสนุนความสุขเพื่อนกันไป อิอิ
ตอนนั้นเราสนิทกับเพื่อนคนจีนมากที่สุด ไปไหนไปด้วยกันตลอด อาจจะเพราะความชอบอะไรที่คล้ายๆกันเยอะ มีตอนที่ไปShoppingแล้วชอบกระเป๋าใบเดียวกันก็ซื้อกันคนละใบแล้วใช้คู่กันไปเลย เป็น couple bag คิ้วๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่