ก่อนอื่นขอเกริ่นเล็กน้อย สืบเนื่องจากได้อ่านกระทู้หนึ่งของ น้องท่านหนึ่งใน Pantip นี่ล่ะ ทำให้นึกถึงเรื่องตัวเอง
บางครั้งเพราะว่าคำว่า...รัก...มากๆ จนลืมทุกอย่าง ก็เลยเอาเรื่องของตัวเอง ให้ผู้ชายที่คิดจะมีชีวิตคู่ ให้ดูผู้หญิงที่คิดจะเลือก
มาเป็นคู่ชีวิตดีๆ ให้ใช้เหตุผลในการคิดวิเคราะห์ และใช้เหตุผลให้จงหนัก เลยอยากเล่าให้ฟัง สำหรับท่านที่คิดจะเลือกคู่ชีวิตแต่งงาน
สำหรับผมก็ไม่ใช่ผู้ชายวิเศษวิโสอะไร ฐานะปานกลาง จบ ป.ตรี ด้าน Computer ทำงาน Office ทั่วๆไป ผมเจอน้อง A ( ช่วงนั้นผมอายุ 32 น้อง A อายุ 27-28 )
ผมรู้จักน้อง A ตอนไปทำงานพิเศษหลังเลิกงานประจำ ช่วงภาคค่ำ อายุน้องเขาห่างจากผม 4-5 ปี น้องเขาก็น่ารัก ตามแบบพิมพ์นิยม
ขาวหมวย,ตัวเล็ก,ดันฟัน ( น้อง A เป็นครอบครัวคนไทยเชื่อสาย จีน ) ก็จีบๆกันไปจนคบเป็นแฟน ช่วงที่ผมคบกันตลอดระยะเวลา 7 ปี ช่วง 5 ปีแรกก็คงเหมือนหลายคู่นั้นล่ะ
ไปทานข้าว,ดูหนัง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยไปเลยคือ เที่ยวนอนค้างอ้างแรมตามต่างจังหวัด น้อง A จะให้เหตุผลเสมอคือ
น่าเกลียดคนจะนินทาเอา แล้วก็ รับไม่ได้ที่จะมีอะไรกัน ก่อนแต่งงาน (ประเด็นนี่ก็เข้าใจน่ะ สำหรับผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัว แต่เป็นการแสดงออกที่สร้างภาพมากๆ
อ่านให้จบแล้วทุกท่านจะทราบเอง) และแล้วก็มาถึง ช่วง ปีที่6ย่างเข้า7 ก็มีการคุยเรื่องแต่งงาน จุดที่มาถึงจุดสิ้นสุดก็คือ
ผมได้เข้าไปคุยเรื่องสินสอดทองหมัน ทางบ้าน น้อง A บอกมาดังนี้ เงินสด 800,000 บาท ทอง 9 บาท เป็นค่าสินสอด
บ้าน 1 หลัง ( บ้านทาวเฮาส์ เป็นบ้านที่ผมซื้อ เพื่อเป็นเรือนหอ ) บ้านต้องเป็นชื่อของลูกสาวเขา แต่ผมต้องเป็นคนผ่อน
และ ค่าจัดงานแต่งงาน ผมต้องออกเองทั้งหมด ( โอ้ว...แค่ฟังก็แถบ Shock ) ผมยังจำวันนั้นได้ดี สีหน้าแววตา แม่เขา,บรรดาญาติเขา มองด้วยสีหน้าแววตา
ประมาณดูถูกดูแคลนมากๆ คงไม่ปัญญาแน่ๆ( สายตากับคำพูดของแม่เขากับญาติๆเข้า ผมโดนประจำเช่น แหนบแนมเรื่อง นั่ง Taxi มา,นั่งมอเตอร์ไซด์วินมาหาเขาที่บ้านเขา
แอบได้ยินบ่อยๆ ประเภทมีแต่ตัวอย่าคิดมาเอาเลยลูกฉันเลย แต่สำหรับในใจผมแล้ว ผมเลือกซื้อบ้านก่อน แล้วก็เก็บเงินสำหรับใว้แต่งงานก่อน จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนที่บ้านผม)
แต่ก็น่ะ ด้วยความรักแบบหัวปักหัวปำ ผมคิดในใจเสมอผมแต่งงานกับลูกสาวเขาไม่ได้แต่งงานกับบรรดาญาติๆเขา แต่งแล้วมาอยู่บ้านผม...ปัญหาคงจบ
ช่วงเวลานั้นผมมีเงินสด ประมาณ 600,000 บาท ทอง 4 บาท บ้าน ทาวเฮาส์ 1 หลัง เด็กต่างจังหวัดมีแต่การศึกษาที่ พ่อ-แม่ ให้ ไม่ได้มีมรดกตกทอด
ทำได้เท่านี้ก็ถือว่าภูมิใจตัวเองแล้วล่ะ ก็เลยคิดว่าเก็บตังค์อีก 2-3 ปี ก็คงน่าจะพอ เพราะว่าผม ทำงานพิเศษ ด้วยช่วง ส-อา ด้วย และช่วงนี้เองที่
เพิ่งเริ่มคุยเรื่องงานแต่งงาน ได้แค่ 1-2 เดือน น้อง A ขอไปเรียน ป.โท
ทุกท่านคงเดาไม่ยาก ค่าเทอม น้อง A ผมเป็นคนออก ซึ่งจริงๆแล้ว น้อง A ก็มีงานทำ แต่น้อง A ให้เหตุผลว่า
เขาต้องเอาตังค์ให้ที่บ้าน ซื้อ อาคารพาณิชย์ ย่าน XXX เพื่อเป็นที่พักของ พ่อ,แม่ กับครอบครัวเขา
...ผมเริ่มรู้สึกเหนื่อย กับที่ต้องเก็บตังค์คนเดียว ชีวิตที่เคย ไปทานข้าว,ดูหนัง กับน้อง A หมดไปเพราะผมต้องทำงาน ทุกวัน
เจอกันน้อยลง ได้แต่โทรคุย การเรียน ป.โท ทำให้สังคมน้อง A เปลี่ยนไป เขาจะมีข้ออ้างไปดู คอนเสิร์ต,ซื้อของ Brand name อยู่บ่อย ๆ
หลังจากคุยเรื่องแต่งงาน จนน้อง A เรียน ป.โท เพียงแค่ 6 เดือน เราทะเลาะกันเกือบทุกวัน จนมาถึงจุดสิ้นสุดคือ ผมไปแอบอ่าน SMS แล้วก็ลายละเอียดการจองโรงแรม
เขาแอบไปเที่ยวทะเลด้วยกัน...นอนค้างโรงแรมด้วยกัน 2 ต่อ 2 กับผู้ชายที่ส่งข้อความหาน้อง A (ผมมาเห็นข้อความหลังจากเขาไปกับผู้ชายประมาณ 1 Week ผมแอบถ่ายรูปข้อความนั้นใว้ด้วย)
เขาแอบคบแล้วก็คุยกับ ผู้ชาย ที่เรียน ป.โท ด้วยกัน( ที่รู้เพราะแฟนของเพื่อนผม เป็นเพื่อนเขา ที่เรียน ป.โท ด้วยกัน สงสารผมที่โง่เป็นควาย มั่งครับ ก็เลยเล่าให้ฟัง)
ผมก็เลยโทรไปบอกเลิกลากัน ผมกับน้อง A ทะเลาะกันรุนแรงมากพอสมควร เขายอมรับว่าแอบไปเที่ยวทะเล กับผู้ชาย 2 ต่อ 2 แต่ไม่ยอมรับว่ามีอะไรกับผู้ชาย
แต่ก่อนหน้านั้นซัก 30 นาที ผมโทรไปหาผู้ชายคนนั้นล่ะ เขายอมรับ..แต่ประเภทหยาบคายพอสมควร "คุณเป็นใครมายุ่งอะไรกับภรรยาผม" << ต้องลองปลี่ยนเป็นไม่สุภาพน่ะครับ
แล้วจะพอจะเข้าใจ แต่ที่ผมเจ็บใจมากที่สุดคือ
1. แม่น้อง A เขาโทรมาต่อว่าครอบครัวผมที่ต่างจังหวัด ว่าไปใส่ร้าย ลูกสาวเขา ว่ามีผู้ชายคนอื่น และ จึงเป็นที่มาของข้อ 2
2 . ทอง 4 บาท ที่ผมฝากให้เขาดูแล น้อง A ไม่ยอมให้คืน แม้แต่ผมโทรคุยกับแม่ น้อง A ก็ไม่ยอมให้คืน
เขา 2 คนให้เหตุผลว่า อยากจะเลิกก็เลิกไป ทองที่ฝากใว้ เขายึดใว้ แล้วบอกให้นึกเสียว่า เป็นค่าเสียหายและเสียเวลา ที่คบกันมา 7 ปี (คำพูดพิมพ์เดียวกันทั้งแม่และลูก)
( สำหรับทองที่ต้องฝาก น้อง A ใว้เนื่องจาก น้อง A ให้ให้เหตุผลว่า เผื่อว่าขโมยขึ้นบ้าน จะสูญหายได้ เนื่องจากผมอยู่คนเดียวที่ บ้าน ทาวเฮาส์ ช่วงนั้น
ผมหน้ามืดตามัว เลยเออออ ห่อหมกไปด้วย )
หลังจากเลิกลากัน ผมยอมรับว่าแค้นใจแล้วก็เสียใจมาก แต่คำพูดของแม่ผม ท่านจะให้กำลังใจผมเสมอ "ทอง 4 บาท เป็นของนอกกาย เดี๋ยวลูกแม่ก็หาใหม่ได้"
หมายเหตุ :- 1. หลายท่านที่อ่าน อาจจะบอกผมว่า ผมใส่ความผู้หญิงข้างเดียว บอกได้เลยว่า เป็นความจริงตามที่ผมเล่าทุกประการ
เพราะหลังจากเลิกลาผมไป 3 เดือน น้อง A เขาก็แต่งงานกับผู้ชายคนนั้น เพราะเพื่อนเขาที่ได้ การ์ดเชิญ ไปงานเขามาเล่าให้ผมฟัง
------------------------------------------------------------------------------------
ผมกลับมาอ่านเช้าวันนี้ ค่อนข้างตกใจไม่นึกว่าจะเป็นหนึ่งในกระทู้แนะนำ
เลยขอเพิ่มเติมให้เผื่อว่าจะได้มีข้อมูล ถ้าเรื่องของผมที่ได้นำมาแชร์ เป็นข้อคิดที่ดีในการที่จะเลือกชีวิตคู่
ก็จะดีสำหรับการฉุกคิดก่อนที่จะถลำลึกลงไป น่ะครับ....
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกๆท่านที่ให้กำลังใจ ทั้งหลังไมค์ และตอบกระทู้ ผมจะพยายามจะตอบกลับกระทู้
ที่ได้สอบถามในข้อสงสัยน่ะครับ ซึ่งช่วง 7 ปีนั้นอาจจะมีข้อปลีกย่อยอีกพอสมควร แต่ก็เป็นเหตุการณ์ เล็กๆน้อย ที่ผมคงไม่ได้อธิบาย
โดยละเอียด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นปีนี้ก็เข้า 4 ปีพอดี ช่วงแรกๆ สารภาพเลยครับว่ายากที่จะทำใจ แต่ผ่านมันมาจนได้ครับ....
แอบเสียดายเล็กๆ ถ้าสมัยก่อนถ้าผมได้เข้ามาอ่านกระทู้ ในห้องนี้คงจะมีข้อคิดดีๆ และมีเหตุผลที่ดีมากกว่านี้ก่อนที่จะคิดเลือกคู่ครอง...
...อยากให้ข้อคิดสำหรับการเลือกคู่ชีวิต....ให้คิดดีๆ....ถ้าคิดว่าไม่ไหว...จงก็เดินออกไปเสีย
บางครั้งเพราะว่าคำว่า...รัก...มากๆ จนลืมทุกอย่าง ก็เลยเอาเรื่องของตัวเอง ให้ผู้ชายที่คิดจะมีชีวิตคู่ ให้ดูผู้หญิงที่คิดจะเลือก
มาเป็นคู่ชีวิตดีๆ ให้ใช้เหตุผลในการคิดวิเคราะห์ และใช้เหตุผลให้จงหนัก เลยอยากเล่าให้ฟัง สำหรับท่านที่คิดจะเลือกคู่ชีวิตแต่งงาน
สำหรับผมก็ไม่ใช่ผู้ชายวิเศษวิโสอะไร ฐานะปานกลาง จบ ป.ตรี ด้าน Computer ทำงาน Office ทั่วๆไป ผมเจอน้อง A ( ช่วงนั้นผมอายุ 32 น้อง A อายุ 27-28 )
ผมรู้จักน้อง A ตอนไปทำงานพิเศษหลังเลิกงานประจำ ช่วงภาคค่ำ อายุน้องเขาห่างจากผม 4-5 ปี น้องเขาก็น่ารัก ตามแบบพิมพ์นิยม
ขาวหมวย,ตัวเล็ก,ดันฟัน ( น้อง A เป็นครอบครัวคนไทยเชื่อสาย จีน ) ก็จีบๆกันไปจนคบเป็นแฟน ช่วงที่ผมคบกันตลอดระยะเวลา 7 ปี ช่วง 5 ปีแรกก็คงเหมือนหลายคู่นั้นล่ะ
ไปทานข้าว,ดูหนัง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยไปเลยคือ เที่ยวนอนค้างอ้างแรมตามต่างจังหวัด น้อง A จะให้เหตุผลเสมอคือ
น่าเกลียดคนจะนินทาเอา แล้วก็ รับไม่ได้ที่จะมีอะไรกัน ก่อนแต่งงาน (ประเด็นนี่ก็เข้าใจน่ะ สำหรับผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัว แต่เป็นการแสดงออกที่สร้างภาพมากๆ
อ่านให้จบแล้วทุกท่านจะทราบเอง) และแล้วก็มาถึง ช่วง ปีที่6ย่างเข้า7 ก็มีการคุยเรื่องแต่งงาน จุดที่มาถึงจุดสิ้นสุดก็คือ
ผมได้เข้าไปคุยเรื่องสินสอดทองหมัน ทางบ้าน น้อง A บอกมาดังนี้ เงินสด 800,000 บาท ทอง 9 บาท เป็นค่าสินสอด
บ้าน 1 หลัง ( บ้านทาวเฮาส์ เป็นบ้านที่ผมซื้อ เพื่อเป็นเรือนหอ ) บ้านต้องเป็นชื่อของลูกสาวเขา แต่ผมต้องเป็นคนผ่อน
และ ค่าจัดงานแต่งงาน ผมต้องออกเองทั้งหมด ( โอ้ว...แค่ฟังก็แถบ Shock ) ผมยังจำวันนั้นได้ดี สีหน้าแววตา แม่เขา,บรรดาญาติเขา มองด้วยสีหน้าแววตา
ประมาณดูถูกดูแคลนมากๆ คงไม่ปัญญาแน่ๆ( สายตากับคำพูดของแม่เขากับญาติๆเข้า ผมโดนประจำเช่น แหนบแนมเรื่อง นั่ง Taxi มา,นั่งมอเตอร์ไซด์วินมาหาเขาที่บ้านเขา
แอบได้ยินบ่อยๆ ประเภทมีแต่ตัวอย่าคิดมาเอาเลยลูกฉันเลย แต่สำหรับในใจผมแล้ว ผมเลือกซื้อบ้านก่อน แล้วก็เก็บเงินสำหรับใว้แต่งงานก่อน จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนที่บ้านผม)
แต่ก็น่ะ ด้วยความรักแบบหัวปักหัวปำ ผมคิดในใจเสมอผมแต่งงานกับลูกสาวเขาไม่ได้แต่งงานกับบรรดาญาติๆเขา แต่งแล้วมาอยู่บ้านผม...ปัญหาคงจบ
ช่วงเวลานั้นผมมีเงินสด ประมาณ 600,000 บาท ทอง 4 บาท บ้าน ทาวเฮาส์ 1 หลัง เด็กต่างจังหวัดมีแต่การศึกษาที่ พ่อ-แม่ ให้ ไม่ได้มีมรดกตกทอด
ทำได้เท่านี้ก็ถือว่าภูมิใจตัวเองแล้วล่ะ ก็เลยคิดว่าเก็บตังค์อีก 2-3 ปี ก็คงน่าจะพอ เพราะว่าผม ทำงานพิเศษ ด้วยช่วง ส-อา ด้วย และช่วงนี้เองที่
เพิ่งเริ่มคุยเรื่องงานแต่งงาน ได้แค่ 1-2 เดือน น้อง A ขอไปเรียน ป.โท
ทุกท่านคงเดาไม่ยาก ค่าเทอม น้อง A ผมเป็นคนออก ซึ่งจริงๆแล้ว น้อง A ก็มีงานทำ แต่น้อง A ให้เหตุผลว่า
เขาต้องเอาตังค์ให้ที่บ้าน ซื้อ อาคารพาณิชย์ ย่าน XXX เพื่อเป็นที่พักของ พ่อ,แม่ กับครอบครัวเขา
...ผมเริ่มรู้สึกเหนื่อย กับที่ต้องเก็บตังค์คนเดียว ชีวิตที่เคย ไปทานข้าว,ดูหนัง กับน้อง A หมดไปเพราะผมต้องทำงาน ทุกวัน
เจอกันน้อยลง ได้แต่โทรคุย การเรียน ป.โท ทำให้สังคมน้อง A เปลี่ยนไป เขาจะมีข้ออ้างไปดู คอนเสิร์ต,ซื้อของ Brand name อยู่บ่อย ๆ
หลังจากคุยเรื่องแต่งงาน จนน้อง A เรียน ป.โท เพียงแค่ 6 เดือน เราทะเลาะกันเกือบทุกวัน จนมาถึงจุดสิ้นสุดคือ ผมไปแอบอ่าน SMS แล้วก็ลายละเอียดการจองโรงแรม
เขาแอบไปเที่ยวทะเลด้วยกัน...นอนค้างโรงแรมด้วยกัน 2 ต่อ 2 กับผู้ชายที่ส่งข้อความหาน้อง A (ผมมาเห็นข้อความหลังจากเขาไปกับผู้ชายประมาณ 1 Week ผมแอบถ่ายรูปข้อความนั้นใว้ด้วย)
เขาแอบคบแล้วก็คุยกับ ผู้ชาย ที่เรียน ป.โท ด้วยกัน( ที่รู้เพราะแฟนของเพื่อนผม เป็นเพื่อนเขา ที่เรียน ป.โท ด้วยกัน สงสารผมที่โง่เป็นควาย มั่งครับ ก็เลยเล่าให้ฟัง)
ผมก็เลยโทรไปบอกเลิกลากัน ผมกับน้อง A ทะเลาะกันรุนแรงมากพอสมควร เขายอมรับว่าแอบไปเที่ยวทะเล กับผู้ชาย 2 ต่อ 2 แต่ไม่ยอมรับว่ามีอะไรกับผู้ชาย
แต่ก่อนหน้านั้นซัก 30 นาที ผมโทรไปหาผู้ชายคนนั้นล่ะ เขายอมรับ..แต่ประเภทหยาบคายพอสมควร "คุณเป็นใครมายุ่งอะไรกับภรรยาผม" << ต้องลองปลี่ยนเป็นไม่สุภาพน่ะครับ
แล้วจะพอจะเข้าใจ แต่ที่ผมเจ็บใจมากที่สุดคือ
1. แม่น้อง A เขาโทรมาต่อว่าครอบครัวผมที่ต่างจังหวัด ว่าไปใส่ร้าย ลูกสาวเขา ว่ามีผู้ชายคนอื่น และ จึงเป็นที่มาของข้อ 2
2 . ทอง 4 บาท ที่ผมฝากให้เขาดูแล น้อง A ไม่ยอมให้คืน แม้แต่ผมโทรคุยกับแม่ น้อง A ก็ไม่ยอมให้คืน
เขา 2 คนให้เหตุผลว่า อยากจะเลิกก็เลิกไป ทองที่ฝากใว้ เขายึดใว้ แล้วบอกให้นึกเสียว่า เป็นค่าเสียหายและเสียเวลา ที่คบกันมา 7 ปี (คำพูดพิมพ์เดียวกันทั้งแม่และลูก)
( สำหรับทองที่ต้องฝาก น้อง A ใว้เนื่องจาก น้อง A ให้ให้เหตุผลว่า เผื่อว่าขโมยขึ้นบ้าน จะสูญหายได้ เนื่องจากผมอยู่คนเดียวที่ บ้าน ทาวเฮาส์ ช่วงนั้น
ผมหน้ามืดตามัว เลยเออออ ห่อหมกไปด้วย )
หลังจากเลิกลากัน ผมยอมรับว่าแค้นใจแล้วก็เสียใจมาก แต่คำพูดของแม่ผม ท่านจะให้กำลังใจผมเสมอ "ทอง 4 บาท เป็นของนอกกาย เดี๋ยวลูกแม่ก็หาใหม่ได้"
หมายเหตุ :- 1. หลายท่านที่อ่าน อาจจะบอกผมว่า ผมใส่ความผู้หญิงข้างเดียว บอกได้เลยว่า เป็นความจริงตามที่ผมเล่าทุกประการ
เพราะหลังจากเลิกลาผมไป 3 เดือน น้อง A เขาก็แต่งงานกับผู้ชายคนนั้น เพราะเพื่อนเขาที่ได้ การ์ดเชิญ ไปงานเขามาเล่าให้ผมฟัง
------------------------------------------------------------------------------------
ผมกลับมาอ่านเช้าวันนี้ ค่อนข้างตกใจไม่นึกว่าจะเป็นหนึ่งในกระทู้แนะนำ
เลยขอเพิ่มเติมให้เผื่อว่าจะได้มีข้อมูล ถ้าเรื่องของผมที่ได้นำมาแชร์ เป็นข้อคิดที่ดีในการที่จะเลือกชีวิตคู่
ก็จะดีสำหรับการฉุกคิดก่อนที่จะถลำลึกลงไป น่ะครับ....
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกๆท่านที่ให้กำลังใจ ทั้งหลังไมค์ และตอบกระทู้ ผมจะพยายามจะตอบกลับกระทู้
ที่ได้สอบถามในข้อสงสัยน่ะครับ ซึ่งช่วง 7 ปีนั้นอาจจะมีข้อปลีกย่อยอีกพอสมควร แต่ก็เป็นเหตุการณ์ เล็กๆน้อย ที่ผมคงไม่ได้อธิบาย
โดยละเอียด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นปีนี้ก็เข้า 4 ปีพอดี ช่วงแรกๆ สารภาพเลยครับว่ายากที่จะทำใจ แต่ผ่านมันมาจนได้ครับ....
แอบเสียดายเล็กๆ ถ้าสมัยก่อนถ้าผมได้เข้ามาอ่านกระทู้ ในห้องนี้คงจะมีข้อคิดดีๆ และมีเหตุผลที่ดีมากกว่านี้ก่อนที่จะคิดเลือกคู่ครอง...