หลังจากเตรียมตัวเตรียมข้อมูลแน่นแล้ว
ไปค่ะ ไปกัน เริ่มมมมม ได้เวลาพาตัวเองไปนั่งโง่ๆริมทะเลกันแล้วววว : )
ขาดตรงไหน สงสัยอะไรถามได้เด้อ
IG: our_journey_begins_88
ครั้งนี้เราชั่งใจอยู่นานว่าจะไปทะเลที่ไหนดี
แต่พอเห็นราคาตั๋วเครื่องบินกรุงเทพ-มัลดีฟเท่านั้นแหละ
รีบตัดสินใจเลย มัลดีฟ มัลดีฟมัลดีฟเท่านั้นที่น้องต้องการ
นี่คือราคาตั๋วเครื่องบินไปกลับ 2 ที่นั่งที่เราได้มา
ไม่ถูกแต่อยู่ในงบ
อันที่จริงที่เราเห็นครั้งแรกราคา 13,960 ( 2 คน)
และอันที่จริงกว่ามีคนอื่นเค้าได้ตั๋วหกพันกว่ารวมอาหาร
แต่เนื่องจากลงวันลาหยุดที่ทำงานไม่ทัน เลยเอาราคานี้
จะรอให้มีโปรถูกกว่านี้น้องก้อรอไม่ไหวล๊าวววว
ไปค่ะ กดจ่ายเลยค่ะ กด กด กด น้องรีบ น้องจะไม่ทน
(กลัวแฟนเปลี่ยนใจ ความไวเป็นเรื่องของปีศาจ)
ราคานี้เราได้ก่อนวันเดินทางไม่ถึง 2 อาทิตย์
รายละเอียดตั๋วราคานี้
ไม่ได้ซื้อน้ำหนักกระเป๋า เพราะไปแค่สี่วัน บวกกับเสื้อผ้าชิ้นน้อยและน้อยชิ้นของน้อง
ไม่ได้ซื้ออาหารทั้งไปกลับ ซึ่งอันนี้คิดผิดสุด เพราะไฟท์นี้บิน 9:30 ไปถึง Male 11:50 (4.20 ชม.)
ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งช้ากว่าไทย 2 ชม.ข้าวเช้าก็ไม่ได้ทานมา เพราะฉะนั้นแล้วเราจึงหิว
เราหิวมากสุด เลยต้องไปซื้อบนเครื่อง ได้ทานทีหลัง ยังไม่พอเสียตังเยอะกว่าซื้อล่วงหน้า
นี่คือความสึ่งตึงขอ
งเราสองคน
เราเลือกซื้อSeat เพราะความชัวร์ กลัวไม่เห็นวิวสวยๆของมัลดีฟก่อนที่จะ Landing
(ที่นั่งนั้นเราเลือก 6A,6B ตามคำแนะนำของกระทู้หนึ่งในพันทิปค่ะ)
ที่เลือกไป Dhiffushi เพราะเหมาะกับวัยรุ่นสร้างตัวอย่างเรา อีกทั้งเราไม่ชอบเที่ยวที่คนชุกชุม
ดูรูปจาก Location ใน IG แล้ว ที่นี่สวยตอบโจทย์ เป็น Local Island เล็กๆ
ที่ดูปลอดภัยและไม่วังเวงเกินไป ค่าครองชีพก็ไม่แพง การเดินทางไปเกาะไม่ยาก
ดูราคาโรงแรมใน Booking.com ก็ตามงบเราเลย
เราจองไว้ 2 คืนก่อน เพราะไม่แน่ใจว่าที่พักจะดีมั้ย
หาใน IG ก็ไม่มีใครเช็คอิน
(ขอยืนยันว่ารูปที่พักตามปกเป๊ะเพราะที่นี่ค่อนข้างใหม่ น่าจะพึ่งสร้างเสร็จไม่นาน)
สกุลเงินที่ใช้ คือ USD และเงินท้องถิ่นรูฟียา
1 USD แลกได้ 15 รูฟียา
และแล้ว วันเดินทาง ก็มาถึง...
แชะภาพสักนิดเป็นพิธี
ขึ้นเครื่องปุ๊บนั่งๆ หลับๆ กินๆ เป็นเวลา 4 ชม. หน่อยๆ
กินอิ่มตื่นมาก้อเริ่มจะเห็นวิว ประมาณนี้คะคุณ!!!!
แท้แด .........
มายก้อดดด สวย สวยหนักมาก
น้องตื่นเต้นค่ะกดชัตเตอร์รัวๆ
ทั้งรูปทั้งวิดีโอ ทั้งมือถือทั้ง GoPro
มีความสุขจัง หันไปจุ๊บแก้มแฟน 1 ที ขอบคุณพี่ที่พาน้องน้องมานะคะ : )
ถึงแล้วครับท่านผู้ชม
ลงเครื่องมีบัสมารับเข้าตึกสนามบิน กรอกข้อมูลตามปกติ ผ่าน Immigration
ที่นี่เจ้าหน้าที่เค้าใจดีและบริการรวดเร็วมากค่ะ
ข้อแนะนำและควรปฏิบัติจะได้ไม่โป๊ะ
มัลดีฟเป็นประเทศมุสลิม เราควรให้เกียรติประเทศเค้า
สำหรับคุณสุภาพสตรีนั้นควรแต่งตัวให้สุภาพมิดชิด
จะวาบหวิบแบบบีชเกิลไม่ด้ายยยยยยยนะยูว์ (เราใส่เสื้อคลุมทับอีกตัวนึง)
ยกเว้นจะเป็นที่ๆ เค้าอนุญาติให้เซ็กซี่ได้ ก็ตามอัธยาศัยเลย
และสิ่งที่ห้ามนำเข้ามัลดีฟมีคร่าวๆดังนี้ค่ะ หมู หมา วัตถุบูชา
(ถ้าพระห้อยคอเล็กๆน่าจะไม่ผิดอะไร)
สื่อลามก แอลกอฮอล์ และเหล้า
ออกมาปุ๊บ แลกตังก่อนที่ เคาน์เตอร์สีแดง Bank of Maldives
เราแลกมาประมาณ 50 USD เก็บใบเสร็จไว้เผื่อจะแลกคืนตอนกลับด้วยนะคะ
ต่อไปก็ซื้อซิมค่ะ เพราะเป็นคนค่อนข้างติดโซเชียล เอาไว้อัพสตอรี่ เฟสบุค ไอจี
เวลาอยู่นอกโรงแรม ติดต่อทางบ้าน ติดต่อทางโรงแรม บลาๆๆ เอาเป็นว่ามีไว้ก็อุ่นใจดี
ซิมมือถือเราซื้อที่ร้านสีส้มไม่ได้ถ่ายรูปร้านมาแต่มีชาวพันทิปหลายคนถ่ายไว้แล้ว หาไม่ยากค่ะ
เป็นซิมของ dhiraagu ราคา 21 USD ใช้ได้ 15gb อาทิตย์นึงค่ะ
(มีแบบ USD16 ใช้ 4G ได้ 3gb ด้วย) เพื่อความประหยัดเราไปสองคนซื้อซิมเดียวแล้วแชร์ Hotspot
เน็ทเร็วมากค่ะ ไม่ว่าคุณจะอยู่ส่วนไหนของมัลดีฟ กลางทะเลเล่นได้หมด
ไม่มีคำว่า Noservice ปรากฏเกิดขึ้นแต่อย่างใด
ออกจากอาคารมา เป็นท่าเรือไป Male ซื้อตั๋วได้ที่เคาน์เตอร์ Ferry to Male
ราคาคนละ 1 USD ท่าเรือตรงนี้เป็นท่าเรือของสนามบิน
จะมีสปีทโบ้ทจากโรงแรมต่างๆมารับส่งแขกของโรงแรมด้วยค่ะ
แต่เราไม่ไปสปีทโบ้ท เพราะเราจะประหยัดเพราะฉะนั้น Ferry คือคุณค่าที่คุณคู่ควร
ไปค่ะ ไปซื้อตั๋วกัน
เดินออกมาเราตะลึงตึงโป๊ะมาก แค่ที่สนามบินก็มีความสุขแล้ว และนี่คือท่าเรือที่มีการใช้บริการตลอดเวลา
น้ำใสได้ขนาดนี้ มองไม่ไม่เห็นขยะลอยมาสักชิ้นเลยค่ะ นับเป็นการจัดการกับบ้านเมืองได้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
ซื้อตั๋วเสร็จแล้วอย่ารอช้ารีบขึ้นเรือ เพราะเรือต่อไป Dhiffushi มีเที่ยวเดียวต่อวัน
ตอน 14:30 เราจะตกเรือไม่ได้ หนทางข้างหน้าจะต้องเจออะไรยังไม่รู้
เพราะฉะนั้นต้องทำเวลาให้ดีที่สุดค่ะ นั่งชมวิวสักสิบนาทีก้อถึงฝั่ง Male
ลงเรือมา หาแทกซี่ (คือรถที่จอดเรียงๆอยู่ตรงนั้น)
บอกเขาไปว่า ไป Ferry to Dhiffushi สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ ถึงที่หมายแน่นอน
ระหว่างทาง พี่แทกซี่เค้าก้อจะชี้สถานที่ต่างๆให้เราดู นี่นะ สถานีตำรวจ นี่สะพานที่จีนกำลังมาสร้าง นู้นนี่นั่น
เค้าแลดูเป็นมิตรกับแขกที่มาเยือน นั่งเพลินๆราวๆ 15 นาที ก็ถึงท่าเรือ
(ท่าเรือแยกเป็น 2 ฝั่ง ไปเส้นทาง Maafushi และ Dhiffushi )
ค่าแทกซี่เราได้มาในราคา 3 USD
บ้านเมืองเค้าก็จะประมาณนี้
ถึงท่าเรือ เรารีบตรงดิ่งไปที่ขายตั๋ว บอกเขาไปว่า น้องจะไป Dhiffushi ค่ะพี่ (เรือหยุดทุกวันศุกร์ จำไว้นะคะว่าเลี่ยงวันศุกร์เพราะเป็นวันหยุดที่เรียกได้ว่าวันหยุดระดับชาติของชาวมัลดีฟ เพราะทุกอย่างจะปิด)
ค่าตั๋วคนละ 2 USD ใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมงครึ่ง
ได้ตั๋วมาแล้วยังพอมีเวลา เราควรไปหาอะไรทานเพราะกว่าจะถึงฝั่งประมาณ 5 โมงเย็น
ว่าแล้วก็เดินไปตามถนนประหนึ่งเป็นเจ้าถิ่น
อันที่จริงยังไม่รู้จุดหมาย แต่ในใจแค่คิดว่าแถวนี้ก็ดูเจริญ เดินๆหา Restaurant คงไม่ยาก
เดินๆไปเรื่อยๆเจอมินิมาร์ท หาน้ำดื่มขวดใหญ่พกไว้สักขวด เพราะอากาศร้อนเหลือทน
มินิมาร์ทที่นี่มีขนมขบเคี้ยวและของใช้นำเข้าจากไทยหลายยี่ห้อเหมือนกันค่ะ ราคาก็แพงกว่าบ้านเรานิดหน่อย
มื้อแรกที่มัลดีฟ Spaghetti bolognese กับวนิลาปั่น ในห้องแอร์อันแสนอบอุ่น
คือเข้าไปทีแรกคิดว่าจะไปนั่งแช่แอร์รอขึ้นเรือปรกฎว่าแอร์ไม่เย็น
น่าจะเพราะอากาศที่ร้อนมากจนแอร์สู้ไม่ไหว
วนิลลาปั่นก็ไม่เย็นชื่นใจแบบบ้านเรา ร้อนแม่เจ้าโว้ยยย ร้อนมากค่ะ
ได้เวลาแล้ว Boarding time ของเราคือเวลา 14:15 ขึ้นเรือกันเถอะ
เรือของเรามีทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นชาวอิตตาลี
บนลำนี้เราเจอคนไทยสามคนด้วยน่าจะไปลงที่เกาะ Dhiffushi เหมือนกัน
เด็กน้อยหน้าตาสดใส คอยหันมาส่งยิ้มให้เราทุกสามนาที น่ารักจนต้องขอถ่ายรูปมา
บนเรือมีขนมและน้ำดื่มขายด้วยค่ะแต่เราพกมาเอง
นั่งไปเรื่อยๆก็เริ่มร้อนมาก บนเรือไม่มีลมเลย เป็นทะเลที่นิ่งมาก
ร้อนจนต้องต้องขออนุญาตถอดเสื้อคลุมและเดินไปรับลมที่หัวเรือเป็นพักๆเพราะไม่ไหวแล้วววว
เป็นสามชั่วโมงครึ่งที่แสนจะยาวนาน
ฮึบบบ เราต้องอดทนต่อไปค่ะ เลือกแล้วเนาะ
*เรือสายนี้แวะจอดทั้งหมด 4 เกาะ ของเราสุดสายเลยค่ะ
K.Hinmafushi
K.Huraa
K.Thulusdhoo
K.Dhiffushi
ทางผ่านวิวก็จะประมาณนี้
ถึงแล้วค่ะ Dhiffushi ที่นี่น้ำใสมาก แบบน้องอยากจะโดดลงไปเล่นตอนนั้นเลย
ถึงที่พักพนักงานของเกสเฮ้าส์ก็พาเราไปที่บาร์ของร้าน รับ Welcome drink น้ำมะม่วงปั่นชื่นใจ
อย่างที่บอกไว้เราจองไว้ที่นี่ 2 คืน ส่วนอีกคืนขอลองดูก่อนว่าจะย้ายหรือต่อดี
ชำระเงินค่าห้อง 120 USD และภาษีเมืองคนละ 3 USD /คน/คืน
นี่คือรายละเอียดทริป ต่อราคาได้ตามความสามารถเลยค่ะ แต่เราไม่มีความสามารถอะไรแล้ว ณ จุดนี้
เหนื่อย มึน ร้อน เราจะอาบน้ำ เลยขอถ่ายรูปมาพิจารณาดูก่อน
วิว Sunset วันแรก
ถึงห้องแล้วไม่ได้ถ่ายรูปอะไรค่ะ เลยเปิดกระเป๋า อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปหาอะไรทานกัน
วันนี้คือพลังหมดแล้วตั้งแต่เจอเรือไม่มีลมเข้าไป
นี่ขอแนะนำว่าถ้าใครจะไป Male หรือนั่งเรือ Ferry นานๆหลายชั่วโมงให้พกพัดลมอันเล็กๆมาด้วย ชีวิตจะดีขึ้นเย้อออ
ถึงแล้วร้านอาหารมื้อแรกที่เกาะของเรา "Sand Grill Restaurant" อยู่ใกล้ๆที่พักเลยค่ะ
ถ้ามาตอนเย็นน่าจะสวยมาก เพราะจะเห็นวิวพระอาทิตย์ตกพอดี
สั่งน้ำมะนาวปั่น สดชื่นดี แต่เป็นน้ำปั่นที่ไม่ค่อยเย็น
น้ำแข็งที่นี่ไม่เย็นสมคำล่ำลือจริงๆ
วันนี้เราสั่งเมนูปลา Maldivian Style เมนูนี้ใช้เวลาทำ 45 นาทีค่ะ รสชาติดี ออกเปรี้ยวๆหน่อย
จะว่าไปรสชาติก็คล้ายๆปลาส้มเมืองพะเยา 55 ถึงว่าถูกปากน้องจัง
Tuna steak เสริฟพร้อมข้าวเกรียบชาวมัลดีฟ
ปลาสดและเนื้อแน่นมากค่ะ ไม่ผิดหวังที่รอค่ะ
ข้าวสวยที่นี่จะค่อนข้างแห้งๆ จืดๆ
แต่ถ้าสั่งเมนูข้าวผัดที่นี่ทำอร่อยมาก หอมสุด
ทานข้าวเสร็จเราสองคนเดินสำรวจรอบเกาะ 1 เกาะ ทุกคืนที่หาดมีปลากระเบนมาว่ายน้ำเล่นเต็มไปหมดเลย
น่ารักมากกกกแถมยังไม่กลัวผู้คน
ดูเจ้าปลากระเบนได้สักพักต้องขอตัวไปนอนก่อน ไม่ไหวแล้ว อยากทิ้งตัว
[CR] Our journey begins มัลดีฟใครๆก็ไปได้ Dhiffushi Maldives 3 คืน 4 วัน งบไม่เกิน 20000 บาท
ไปค่ะ ไปกัน เริ่มมมมม ได้เวลาพาตัวเองไปนั่งโง่ๆริมทะเลกันแล้วววว : )
ขาดตรงไหน สงสัยอะไรถามได้เด้อ
IG: our_journey_begins_88
ครั้งนี้เราชั่งใจอยู่นานว่าจะไปทะเลที่ไหนดี
แต่พอเห็นราคาตั๋วเครื่องบินกรุงเทพ-มัลดีฟเท่านั้นแหละ
รีบตัดสินใจเลย มัลดีฟ มัลดีฟมัลดีฟเท่านั้นที่น้องต้องการ
นี่คือราคาตั๋วเครื่องบินไปกลับ 2 ที่นั่งที่เราได้มา
ไม่ถูกแต่อยู่ในงบ
อันที่จริงที่เราเห็นครั้งแรกราคา 13,960 ( 2 คน)
และอันที่จริงกว่ามีคนอื่นเค้าได้ตั๋วหกพันกว่ารวมอาหาร
แต่เนื่องจากลงวันลาหยุดที่ทำงานไม่ทัน เลยเอาราคานี้
จะรอให้มีโปรถูกกว่านี้น้องก้อรอไม่ไหวล๊าวววว
ไปค่ะ กดจ่ายเลยค่ะ กด กด กด น้องรีบ น้องจะไม่ทน
(กลัวแฟนเปลี่ยนใจ ความไวเป็นเรื่องของปีศาจ)
ราคานี้เราได้ก่อนวันเดินทางไม่ถึง 2 อาทิตย์
รายละเอียดตั๋วราคานี้
ไม่ได้ซื้อน้ำหนักกระเป๋า เพราะไปแค่สี่วัน บวกกับเสื้อผ้าชิ้นน้อยและน้อยชิ้นของน้อง
ไม่ได้ซื้ออาหารทั้งไปกลับ ซึ่งอันนี้คิดผิดสุด เพราะไฟท์นี้บิน 9:30 ไปถึง Male 11:50 (4.20 ชม.)
ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งช้ากว่าไทย 2 ชม.ข้าวเช้าก็ไม่ได้ทานมา เพราะฉะนั้นแล้วเราจึงหิว
เราหิวมากสุด เลยต้องไปซื้อบนเครื่อง ได้ทานทีหลัง ยังไม่พอเสียตังเยอะกว่าซื้อล่วงหน้า
นี่คือความสึ่งตึงของเราสองคน
เราเลือกซื้อSeat เพราะความชัวร์ กลัวไม่เห็นวิวสวยๆของมัลดีฟก่อนที่จะ Landing
(ที่นั่งนั้นเราเลือก 6A,6B ตามคำแนะนำของกระทู้หนึ่งในพันทิปค่ะ)
ที่เลือกไป Dhiffushi เพราะเหมาะกับวัยรุ่นสร้างตัวอย่างเรา อีกทั้งเราไม่ชอบเที่ยวที่คนชุกชุม
ดูรูปจาก Location ใน IG แล้ว ที่นี่สวยตอบโจทย์ เป็น Local Island เล็กๆ
ที่ดูปลอดภัยและไม่วังเวงเกินไป ค่าครองชีพก็ไม่แพง การเดินทางไปเกาะไม่ยาก
ดูราคาโรงแรมใน Booking.com ก็ตามงบเราเลย
เราจองไว้ 2 คืนก่อน เพราะไม่แน่ใจว่าที่พักจะดีมั้ย
หาใน IG ก็ไม่มีใครเช็คอิน
(ขอยืนยันว่ารูปที่พักตามปกเป๊ะเพราะที่นี่ค่อนข้างใหม่ น่าจะพึ่งสร้างเสร็จไม่นาน)
สกุลเงินที่ใช้ คือ USD และเงินท้องถิ่นรูฟียา
1 USD แลกได้ 15 รูฟียา
และแล้ว วันเดินทาง ก็มาถึง...
แชะภาพสักนิดเป็นพิธี
ขึ้นเครื่องปุ๊บนั่งๆ หลับๆ กินๆ เป็นเวลา 4 ชม. หน่อยๆ
กินอิ่มตื่นมาก้อเริ่มจะเห็นวิว ประมาณนี้คะคุณ!!!!
แท้แด .........
มายก้อดดด สวย สวยหนักมาก
น้องตื่นเต้นค่ะกดชัตเตอร์รัวๆ
ทั้งรูปทั้งวิดีโอ ทั้งมือถือทั้ง GoPro
มีความสุขจัง หันไปจุ๊บแก้มแฟน 1 ที ขอบคุณพี่ที่พาน้องน้องมานะคะ : )
ถึงแล้วครับท่านผู้ชม
ลงเครื่องมีบัสมารับเข้าตึกสนามบิน กรอกข้อมูลตามปกติ ผ่าน Immigration
ที่นี่เจ้าหน้าที่เค้าใจดีและบริการรวดเร็วมากค่ะ
ข้อแนะนำและควรปฏิบัติจะได้ไม่โป๊ะ
มัลดีฟเป็นประเทศมุสลิม เราควรให้เกียรติประเทศเค้า
สำหรับคุณสุภาพสตรีนั้นควรแต่งตัวให้สุภาพมิดชิด
จะวาบหวิบแบบบีชเกิลไม่ด้ายยยยยยยนะยูว์ (เราใส่เสื้อคลุมทับอีกตัวนึง)
ยกเว้นจะเป็นที่ๆ เค้าอนุญาติให้เซ็กซี่ได้ ก็ตามอัธยาศัยเลย
และสิ่งที่ห้ามนำเข้ามัลดีฟมีคร่าวๆดังนี้ค่ะ หมู หมา วัตถุบูชา
(ถ้าพระห้อยคอเล็กๆน่าจะไม่ผิดอะไร)
สื่อลามก แอลกอฮอล์ และเหล้า
ออกมาปุ๊บ แลกตังก่อนที่ เคาน์เตอร์สีแดง Bank of Maldives
เราแลกมาประมาณ 50 USD เก็บใบเสร็จไว้เผื่อจะแลกคืนตอนกลับด้วยนะคะ
ต่อไปก็ซื้อซิมค่ะ เพราะเป็นคนค่อนข้างติดโซเชียล เอาไว้อัพสตอรี่ เฟสบุค ไอจี
เวลาอยู่นอกโรงแรม ติดต่อทางบ้าน ติดต่อทางโรงแรม บลาๆๆ เอาเป็นว่ามีไว้ก็อุ่นใจดี
ซิมมือถือเราซื้อที่ร้านสีส้มไม่ได้ถ่ายรูปร้านมาแต่มีชาวพันทิปหลายคนถ่ายไว้แล้ว หาไม่ยากค่ะ
เป็นซิมของ dhiraagu ราคา 21 USD ใช้ได้ 15gb อาทิตย์นึงค่ะ
(มีแบบ USD16 ใช้ 4G ได้ 3gb ด้วย) เพื่อความประหยัดเราไปสองคนซื้อซิมเดียวแล้วแชร์ Hotspot
เน็ทเร็วมากค่ะ ไม่ว่าคุณจะอยู่ส่วนไหนของมัลดีฟ กลางทะเลเล่นได้หมด
ไม่มีคำว่า Noservice ปรากฏเกิดขึ้นแต่อย่างใด
ออกจากอาคารมา เป็นท่าเรือไป Male ซื้อตั๋วได้ที่เคาน์เตอร์ Ferry to Male
ราคาคนละ 1 USD ท่าเรือตรงนี้เป็นท่าเรือของสนามบิน
จะมีสปีทโบ้ทจากโรงแรมต่างๆมารับส่งแขกของโรงแรมด้วยค่ะ
แต่เราไม่ไปสปีทโบ้ท เพราะเราจะประหยัดเพราะฉะนั้น Ferry คือคุณค่าที่คุณคู่ควร
ไปค่ะ ไปซื้อตั๋วกัน
เดินออกมาเราตะลึงตึงโป๊ะมาก แค่ที่สนามบินก็มีความสุขแล้ว และนี่คือท่าเรือที่มีการใช้บริการตลอดเวลา
น้ำใสได้ขนาดนี้ มองไม่ไม่เห็นขยะลอยมาสักชิ้นเลยค่ะ นับเป็นการจัดการกับบ้านเมืองได้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
ซื้อตั๋วเสร็จแล้วอย่ารอช้ารีบขึ้นเรือ เพราะเรือต่อไป Dhiffushi มีเที่ยวเดียวต่อวัน
ตอน 14:30 เราจะตกเรือไม่ได้ หนทางข้างหน้าจะต้องเจออะไรยังไม่รู้
เพราะฉะนั้นต้องทำเวลาให้ดีที่สุดค่ะ นั่งชมวิวสักสิบนาทีก้อถึงฝั่ง Male
ลงเรือมา หาแทกซี่ (คือรถที่จอดเรียงๆอยู่ตรงนั้น)
บอกเขาไปว่า ไป Ferry to Dhiffushi สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ ถึงที่หมายแน่นอน
ระหว่างทาง พี่แทกซี่เค้าก้อจะชี้สถานที่ต่างๆให้เราดู นี่นะ สถานีตำรวจ นี่สะพานที่จีนกำลังมาสร้าง นู้นนี่นั่น
เค้าแลดูเป็นมิตรกับแขกที่มาเยือน นั่งเพลินๆราวๆ 15 นาที ก็ถึงท่าเรือ
(ท่าเรือแยกเป็น 2 ฝั่ง ไปเส้นทาง Maafushi และ Dhiffushi )
ค่าแทกซี่เราได้มาในราคา 3 USD
บ้านเมืองเค้าก็จะประมาณนี้
ถึงท่าเรือ เรารีบตรงดิ่งไปที่ขายตั๋ว บอกเขาไปว่า น้องจะไป Dhiffushi ค่ะพี่ (เรือหยุดทุกวันศุกร์ จำไว้นะคะว่าเลี่ยงวันศุกร์เพราะเป็นวันหยุดที่เรียกได้ว่าวันหยุดระดับชาติของชาวมัลดีฟ เพราะทุกอย่างจะปิด)
ค่าตั๋วคนละ 2 USD ใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมงครึ่ง
ได้ตั๋วมาแล้วยังพอมีเวลา เราควรไปหาอะไรทานเพราะกว่าจะถึงฝั่งประมาณ 5 โมงเย็น
ว่าแล้วก็เดินไปตามถนนประหนึ่งเป็นเจ้าถิ่น
อันที่จริงยังไม่รู้จุดหมาย แต่ในใจแค่คิดว่าแถวนี้ก็ดูเจริญ เดินๆหา Restaurant คงไม่ยาก
เดินๆไปเรื่อยๆเจอมินิมาร์ท หาน้ำดื่มขวดใหญ่พกไว้สักขวด เพราะอากาศร้อนเหลือทน
มินิมาร์ทที่นี่มีขนมขบเคี้ยวและของใช้นำเข้าจากไทยหลายยี่ห้อเหมือนกันค่ะ ราคาก็แพงกว่าบ้านเรานิดหน่อย
มื้อแรกที่มัลดีฟ Spaghetti bolognese กับวนิลาปั่น ในห้องแอร์อันแสนอบอุ่น
คือเข้าไปทีแรกคิดว่าจะไปนั่งแช่แอร์รอขึ้นเรือปรกฎว่าแอร์ไม่เย็น
น่าจะเพราะอากาศที่ร้อนมากจนแอร์สู้ไม่ไหว
วนิลลาปั่นก็ไม่เย็นชื่นใจแบบบ้านเรา ร้อนแม่เจ้าโว้ยยย ร้อนมากค่ะ
ได้เวลาแล้ว Boarding time ของเราคือเวลา 14:15 ขึ้นเรือกันเถอะ
เรือของเรามีทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นชาวอิตตาลี
บนลำนี้เราเจอคนไทยสามคนด้วยน่าจะไปลงที่เกาะ Dhiffushi เหมือนกัน
เด็กน้อยหน้าตาสดใส คอยหันมาส่งยิ้มให้เราทุกสามนาที น่ารักจนต้องขอถ่ายรูปมา
บนเรือมีขนมและน้ำดื่มขายด้วยค่ะแต่เราพกมาเอง
นั่งไปเรื่อยๆก็เริ่มร้อนมาก บนเรือไม่มีลมเลย เป็นทะเลที่นิ่งมาก
ร้อนจนต้องต้องขออนุญาตถอดเสื้อคลุมและเดินไปรับลมที่หัวเรือเป็นพักๆเพราะไม่ไหวแล้วววว
เป็นสามชั่วโมงครึ่งที่แสนจะยาวนาน
ฮึบบบ เราต้องอดทนต่อไปค่ะ เลือกแล้วเนาะ
*เรือสายนี้แวะจอดทั้งหมด 4 เกาะ ของเราสุดสายเลยค่ะ
K.Hinmafushi
K.Huraa
K.Thulusdhoo
K.Dhiffushi
ทางผ่านวิวก็จะประมาณนี้
ถึงแล้วค่ะ Dhiffushi ที่นี่น้ำใสมาก แบบน้องอยากจะโดดลงไปเล่นตอนนั้นเลย
ถึงที่พักพนักงานของเกสเฮ้าส์ก็พาเราไปที่บาร์ของร้าน รับ Welcome drink น้ำมะม่วงปั่นชื่นใจ
อย่างที่บอกไว้เราจองไว้ที่นี่ 2 คืน ส่วนอีกคืนขอลองดูก่อนว่าจะย้ายหรือต่อดี
ชำระเงินค่าห้อง 120 USD และภาษีเมืองคนละ 3 USD /คน/คืน
นี่คือรายละเอียดทริป ต่อราคาได้ตามความสามารถเลยค่ะ แต่เราไม่มีความสามารถอะไรแล้ว ณ จุดนี้
เหนื่อย มึน ร้อน เราจะอาบน้ำ เลยขอถ่ายรูปมาพิจารณาดูก่อน
วิว Sunset วันแรก
ถึงห้องแล้วไม่ได้ถ่ายรูปอะไรค่ะ เลยเปิดกระเป๋า อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปหาอะไรทานกัน
วันนี้คือพลังหมดแล้วตั้งแต่เจอเรือไม่มีลมเข้าไป
นี่ขอแนะนำว่าถ้าใครจะไป Male หรือนั่งเรือ Ferry นานๆหลายชั่วโมงให้พกพัดลมอันเล็กๆมาด้วย ชีวิตจะดีขึ้นเย้อออ
ถึงแล้วร้านอาหารมื้อแรกที่เกาะของเรา "Sand Grill Restaurant" อยู่ใกล้ๆที่พักเลยค่ะ
ถ้ามาตอนเย็นน่าจะสวยมาก เพราะจะเห็นวิวพระอาทิตย์ตกพอดี
สั่งน้ำมะนาวปั่น สดชื่นดี แต่เป็นน้ำปั่นที่ไม่ค่อยเย็น
น้ำแข็งที่นี่ไม่เย็นสมคำล่ำลือจริงๆ
วันนี้เราสั่งเมนูปลา Maldivian Style เมนูนี้ใช้เวลาทำ 45 นาทีค่ะ รสชาติดี ออกเปรี้ยวๆหน่อย
จะว่าไปรสชาติก็คล้ายๆปลาส้มเมืองพะเยา 55 ถึงว่าถูกปากน้องจัง
Tuna steak เสริฟพร้อมข้าวเกรียบชาวมัลดีฟ
ปลาสดและเนื้อแน่นมากค่ะ ไม่ผิดหวังที่รอค่ะ
ข้าวสวยที่นี่จะค่อนข้างแห้งๆ จืดๆ
แต่ถ้าสั่งเมนูข้าวผัดที่นี่ทำอร่อยมาก หอมสุด
ทานข้าวเสร็จเราสองคนเดินสำรวจรอบเกาะ 1 เกาะ ทุกคืนที่หาดมีปลากระเบนมาว่ายน้ำเล่นเต็มไปหมดเลย
น่ารักมากกกกแถมยังไม่กลัวผู้คน
ดูเจ้าปลากระเบนได้สักพักต้องขอตัวไปนอนก่อน ไม่ไหวแล้ว อยากทิ้งตัว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น