**เพิ่มเติม
HIGHLIGHTS:
ละครดัง บุพเพสันนิวาส ทำเรตติ้งถล่มทลายจนพาช่อง 3 ขึ้นอันดับ 1 ทีวีดิจิทัลในเดือนมีนาคมได้สำเร็จ
อานิสงส์จากพลังออเจ้า ทำให้ ‘โป๊ป-เบลล่า’ กวาดรายได้คนละหลาย 10 ล้านบาท และหุ้นช่อง 3 ราคาเพิ่มขึ้น พบกับความหวังใหม่ท่ามกลางการแข่งขันที่มืดมนของวงการทีวี
สำนักข่าว THE STANDARD ประเมินว่า จะมีเม็ดเงินจากกระแสละครดังไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท เทียบเท่า 0.25% ของ GDP ไทย
‘ออเจ้า’ คือคำสองพยางค์ที่ทรงพลังมากที่สุดในขณะนี้ และเป็นไปได้ว่าจะเป็นคำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี ไม่เพียงแต่มีอิทธิพลต่อทิศทางของสังคมเท่านั้น หากแต่ยังมีผลต่อภาคธุรกิจ การบริโภค ชนิดที่ต้องจารึกในประวัติศาสตร์เหมือนกับที่มาของตัววรรณกรรม
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ถือเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างปรากฏการณ์อีกต่อหนึ่ง นอกจากละคร ตัวพระตัวนางที่ดังเป็นพลุแตกแล้ว วันดีคืนดีผู้คนหันมาสวมใส่ชุดไทยออกเดินทางตามรอยแม่การะเกด และคาดว่าจะเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนจากการจับจ่ายนับหมื่นล้านบาท สำนักข่าว THE STANDARD มองมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นจากละครเรื่องนี้ในมุมที่เข้าใจง่ายและพบว่าเรื่องนี้น่าทึ่งจริงๆ
มนต์ขลังร่วมสมัยของ ‘บุพเพสันนิวาส’ ราคาหมื่นล้านบาท
เรตติ้งของละคร บุพเพสันนิวาส วันพุธที่ 28 มีนาคม 2561 ยังทำสถิติใหม่ โดยตัวเลขทั่วประเทศสูงถึง 17.4 ซึ่งผู้ชมในกรุงเทพฯ ดูกันมากที่สุด ดันเรตติ้งไปที่ 22.6 ขณะที่ในเขตเมืองอยู่ที่ 20.6 และในพื้นที่อื่นๆ ก็ยังถือว่าทำได้ดีที่ 15.1 ซึ่งแซงหน้าละครเรตติ้งสูงอย่าง นาคี ไปได้ และทำให้ช่อง 3 กลับมาเนื้อหอม มีโฆษณาล้นทะลักอีกครั้ง
จากข้อมูลอันดับเรตติ้งเดือนมีนาคม 2561 ของ Nielsen ช่อง 3 ขึ้นแท่นอันดับ 1 ทีวีดิจิทัลด้วยเรตติ้ง 1.856 แซงหน้าช่อง 7 ซึ่งมีเรตติ้ง 1.804 และครองบัลลังก์นี้มายาวนาน ทุกฝ่ายประเมินว่าเป็นแรงส่งจากละครดังเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว
แม้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่หลายฝ่ายก็ประเมินรายได้จากการโฆษณาที่เพิ่มขึ้นจากพลังของออเจ้าได้คร่าวๆ โดยมีข้อมูลว่าราคาขายโฆษณาช่วงที่ละครฉายนาทีละ 4.8 แสนบาท แต่ละตอนจะมีโฆษณารวมมากกว่า 31 นาที และละครเรื่องนี้มี 15 ตอน บวกกับตอนพิเศษที่ทำเพิ่มอีก 3 ตอน รวมเป็น 18 ตอน
เมื่อคำนวณจะพบว่า ช่อง 3 จะมีรายได้จากการขายโฆษณาโทรทัศน์ไม่ต่ำกว่า 270 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็ยังเพิ่มโอกาสในการขายโฆษณาออนไลน์ของช่อง 3 Mello รวมถึงสินค้าและบริการอื่นที่เกี่ยวข้องกับละคร บุพเพสันนิวาส อีกไม่น้อยกว่า 230 ล้านบาท ผู้เชี่ยวชาญจึงประเมินว่า ช่อง 3 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 500 ล้านบาท
สิ่งที่สังคมให้ความสนใจคือ รายได้จากการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าของทั้งโป๊ปและเบลล่า รวมถึงโอกาสที่ตามมาของตัวละครอื่นๆ ที่คนดูประทับใจด้วย
สำหรับเบลล่าในช่วงที่ผ่านมาได้เป็นพรีเซนเตอร์ของค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ AIS ซึ่งสื่อบันเทิงประเมินว่าน่าจะได้ค่าตัวไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท นอกจากนี้ยังสวมบท ‘เบลล่า มานี’ ให้กับธนาคารไทยพาณิชย์ กับ SCB Easy ซึ่งคาดว่าจะได้ค่าตัวประมาณ 8 ล้านบาท ขณะที่ค่าตัวในการออกงานอีเวนต์ไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาทต่อครั้ง
ส่วนพระเอกโป๊ปถือว่าชีวิตเปลี่ยนทีเดียว จากเดิมเคยให้สัมภาษณ์ในปีที่ผ่านมาว่าค่าตัวออกงานไม่ถึง 1 แสนบาทต่อครั้ง ล่าสุดมีรายงานว่าค่าตัวโป๊ปกระโดดไปถึง 2.5 แสนบาท และถ้าร้องเพลงประกอบละครด้วย 1 เพลง ราคาค่าตัวจะขยับเป็น 2.8 แสนบาท ขณะที่งานพรีเซนเตอร์ก็แน่นไม่แพ้กัน ล่าสุดรับงานให้กับค่ายมือถือ True รับค่าตัวประมาณ 8-9 ล้านบาท และตอนนี้มีข่าวว่าร้านสะดวกซื้อเครือข่ายใหญ่อยู่ระหว่างติดต่อโป๊ป-เบลล่าเป็นพรีเซนเตอร์ด้วย จึงคาดเดาได้ว่าเฉพาะรายได้จากงานที่เพิ่มขึ้นของทั้งคู่จะสูงหลายสิบล้านบาทต่อคน
นอกจากผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับละครแล้ว รายได้ทางอ้อมที่เกิดจากกระแสออเจ้าทั้งแผ่นดินนี้ ทำให้ผู้ชมและแฟนคลับพากันไปเที่ยวตามรอยละครที่กรุงเก่าอย่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และจังหวัดอื่นในภาคกลางเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะอยุธยาที่การท่องเที่ยวประเมินว่าจะช่วยกระตุ้นรายได้จากการท่องเที่ยวในพื้นที่ได้ถึง 10% หรือ 1.5 พันล้านบาทจากรายได้การท่องเที่ยวของปี 2560 ที่มีมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันจุดเช็กอินสำคัญอย่าง วัดไชยวัฒนาราม มีนักท่องเที่ยวในวันธรรมดา 2-3 พันคน ขณะที่วันหยุดจะมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมถึง 2 หมื่นคน ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ขณะที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่ากระแสละครดังจะช่วยสร้างรายได้ในพื้นที่ภาคกลาง 2-5 พันล้านบาท และน่าจะทำให้ชาวต่างชาติสนใจหันมาท่องเที่ยวตามออเจ้า สร้างรายได้การท่องเที่ยวในช่วงนี้ไปจนถึงช่วงหลังละครจบไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาทด้วย จึงไม่น่าแปลกที่รายได้ของร้านเช่าชุดไทยในพื้นที่อยุธยาและใกล้เคียงจะเพิ่มขึ้นร้านละไม่ต่ำกว่า 4 พันบาท และนายกรัฐมนตรียังชวนประชาชนให้แต่งกายชุดไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือกระทั่งกระทรวงวัฒนธรรมยังยกให้ละครเรื่องนี้เทียบชั้น ‘แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง’ ซีรีส์เลื่องชื่อจากเกาหลีด้วย
อีกคุณค่าที่ละครเรื่องนี้ให้ไว้กับสังคมคือความสงสัยใคร่รู้ในประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา รากเหง้าอันวิจิตรและเป็นหนึ่งในจุดสูงสุดแห่งเชื้อชาติของเรา ไม่เพียงแต่ยอดขายของนวนิยายเรื่องนี้และผลงานอื่นๆ ของ ‘รอมแพง’ จะถล่มทลายพิมพ์เท่าไรก็ไม่พอวางจำหน่ายแล้ว หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มากมายถูกปัดฝุ่นและหยิบกลับมาอยู่บนชั้น ผ่านสายตาของชนรุ่นหลังอีกครั้ง แม้กระทั่งหนังสือ จินดามณี ที่ผู้นำประเทศพูดถึงก็ตาม
สำนักข่าว THE STANDARD ประเมินคร่าวๆ ด้วยสายตาที่ชื่นชมในปรากฏการณ์นี้ และคาดว่าละคร บุพเพสันนิวาส จะกระตุ้นรายได้ให้กับประเทศไม่ต่ำว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ปี 2560 ซึ่งมีมูลค่า 4 ล้านล้านบาทแล้ว เท่ากับพลังของแม่การะเกดนี้เป็นอีกฟันเฟืองให้เศรษฐกิจไทยโตได้อย่างน้อย 0.25% ซึ่งเม็ดเงินนี้เทียบเท่ากับโครงการช็อปช่วยชาติและโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา
แม้จะยังไม่สามารถสรุปได้ว่าวงการโทรทัศน์จะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งหรือไม่ และช่อง 3 ก็ยังต้องเผชิญกับโจทย์ที่ท้าทายพร้อมกับปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ไขในยุค Digital Disruption นี้ต่อไป แต่ปรากฏการณ์ครั้งนี้จะถูกบันทึกไว้ในหลักจารึกของวงการสื่อว่า คอนเทนต์ที่ดียังมีคนดูคนอ่านเสมอ ตรงกับหลักการสำคัญของการตลาด หากเรารู้ได้ถึงความต้องการที่ซ่อนอยู่ภายในลึกๆ ของผู้บริโภค สิ่งที่เรานำเสนอและส่งมอบก็จะยังโดนใจได้ตลอด เหมือนที่แม่การะเกดและหมื่นสุนทรเทวาทำได้
ไม่มีใครเขียนประวัติศาสตร์จากการคิดเองเออเองโดยไม่เงยหน้ามองดูโลก
ที่มา : thestandard.co
****รวมรายได้จากละครดังแห่งชาติ บุพเพสันนิวาส พุ่งสูง หมื่นล้านบาท
**เพิ่มเติม
HIGHLIGHTS:
ละครดัง บุพเพสันนิวาส ทำเรตติ้งถล่มทลายจนพาช่อง 3 ขึ้นอันดับ 1 ทีวีดิจิทัลในเดือนมีนาคมได้สำเร็จ
อานิสงส์จากพลังออเจ้า ทำให้ ‘โป๊ป-เบลล่า’ กวาดรายได้คนละหลาย 10 ล้านบาท และหุ้นช่อง 3 ราคาเพิ่มขึ้น พบกับความหวังใหม่ท่ามกลางการแข่งขันที่มืดมนของวงการทีวี
สำนักข่าว THE STANDARD ประเมินว่า จะมีเม็ดเงินจากกระแสละครดังไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท เทียบเท่า 0.25% ของ GDP ไทย
‘ออเจ้า’ คือคำสองพยางค์ที่ทรงพลังมากที่สุดในขณะนี้ และเป็นไปได้ว่าจะเป็นคำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี ไม่เพียงแต่มีอิทธิพลต่อทิศทางของสังคมเท่านั้น หากแต่ยังมีผลต่อภาคธุรกิจ การบริโภค ชนิดที่ต้องจารึกในประวัติศาสตร์เหมือนกับที่มาของตัววรรณกรรม
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ถือเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างปรากฏการณ์อีกต่อหนึ่ง นอกจากละคร ตัวพระตัวนางที่ดังเป็นพลุแตกแล้ว วันดีคืนดีผู้คนหันมาสวมใส่ชุดไทยออกเดินทางตามรอยแม่การะเกด และคาดว่าจะเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนจากการจับจ่ายนับหมื่นล้านบาท สำนักข่าว THE STANDARD มองมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นจากละครเรื่องนี้ในมุมที่เข้าใจง่ายและพบว่าเรื่องนี้น่าทึ่งจริงๆ
มนต์ขลังร่วมสมัยของ ‘บุพเพสันนิวาส’ ราคาหมื่นล้านบาท
เรตติ้งของละคร บุพเพสันนิวาส วันพุธที่ 28 มีนาคม 2561 ยังทำสถิติใหม่ โดยตัวเลขทั่วประเทศสูงถึง 17.4 ซึ่งผู้ชมในกรุงเทพฯ ดูกันมากที่สุด ดันเรตติ้งไปที่ 22.6 ขณะที่ในเขตเมืองอยู่ที่ 20.6 และในพื้นที่อื่นๆ ก็ยังถือว่าทำได้ดีที่ 15.1 ซึ่งแซงหน้าละครเรตติ้งสูงอย่าง นาคี ไปได้ และทำให้ช่อง 3 กลับมาเนื้อหอม มีโฆษณาล้นทะลักอีกครั้ง
จากข้อมูลอันดับเรตติ้งเดือนมีนาคม 2561 ของ Nielsen ช่อง 3 ขึ้นแท่นอันดับ 1 ทีวีดิจิทัลด้วยเรตติ้ง 1.856 แซงหน้าช่อง 7 ซึ่งมีเรตติ้ง 1.804 และครองบัลลังก์นี้มายาวนาน ทุกฝ่ายประเมินว่าเป็นแรงส่งจากละครดังเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว
แม้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่หลายฝ่ายก็ประเมินรายได้จากการโฆษณาที่เพิ่มขึ้นจากพลังของออเจ้าได้คร่าวๆ โดยมีข้อมูลว่าราคาขายโฆษณาช่วงที่ละครฉายนาทีละ 4.8 แสนบาท แต่ละตอนจะมีโฆษณารวมมากกว่า 31 นาที และละครเรื่องนี้มี 15 ตอน บวกกับตอนพิเศษที่ทำเพิ่มอีก 3 ตอน รวมเป็น 18 ตอน
เมื่อคำนวณจะพบว่า ช่อง 3 จะมีรายได้จากการขายโฆษณาโทรทัศน์ไม่ต่ำกว่า 270 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็ยังเพิ่มโอกาสในการขายโฆษณาออนไลน์ของช่อง 3 Mello รวมถึงสินค้าและบริการอื่นที่เกี่ยวข้องกับละคร บุพเพสันนิวาส อีกไม่น้อยกว่า 230 ล้านบาท ผู้เชี่ยวชาญจึงประเมินว่า ช่อง 3 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 500 ล้านบาท
สิ่งที่สังคมให้ความสนใจคือ รายได้จากการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าของทั้งโป๊ปและเบลล่า รวมถึงโอกาสที่ตามมาของตัวละครอื่นๆ ที่คนดูประทับใจด้วย
สำหรับเบลล่าในช่วงที่ผ่านมาได้เป็นพรีเซนเตอร์ของค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ AIS ซึ่งสื่อบันเทิงประเมินว่าน่าจะได้ค่าตัวไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท นอกจากนี้ยังสวมบท ‘เบลล่า มานี’ ให้กับธนาคารไทยพาณิชย์ กับ SCB Easy ซึ่งคาดว่าจะได้ค่าตัวประมาณ 8 ล้านบาท ขณะที่ค่าตัวในการออกงานอีเวนต์ไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาทต่อครั้ง
ส่วนพระเอกโป๊ปถือว่าชีวิตเปลี่ยนทีเดียว จากเดิมเคยให้สัมภาษณ์ในปีที่ผ่านมาว่าค่าตัวออกงานไม่ถึง 1 แสนบาทต่อครั้ง ล่าสุดมีรายงานว่าค่าตัวโป๊ปกระโดดไปถึง 2.5 แสนบาท และถ้าร้องเพลงประกอบละครด้วย 1 เพลง ราคาค่าตัวจะขยับเป็น 2.8 แสนบาท ขณะที่งานพรีเซนเตอร์ก็แน่นไม่แพ้กัน ล่าสุดรับงานให้กับค่ายมือถือ True รับค่าตัวประมาณ 8-9 ล้านบาท และตอนนี้มีข่าวว่าร้านสะดวกซื้อเครือข่ายใหญ่อยู่ระหว่างติดต่อโป๊ป-เบลล่าเป็นพรีเซนเตอร์ด้วย จึงคาดเดาได้ว่าเฉพาะรายได้จากงานที่เพิ่มขึ้นของทั้งคู่จะสูงหลายสิบล้านบาทต่อคน
นอกจากผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับละครแล้ว รายได้ทางอ้อมที่เกิดจากกระแสออเจ้าทั้งแผ่นดินนี้ ทำให้ผู้ชมและแฟนคลับพากันไปเที่ยวตามรอยละครที่กรุงเก่าอย่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และจังหวัดอื่นในภาคกลางเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะอยุธยาที่การท่องเที่ยวประเมินว่าจะช่วยกระตุ้นรายได้จากการท่องเที่ยวในพื้นที่ได้ถึง 10% หรือ 1.5 พันล้านบาทจากรายได้การท่องเที่ยวของปี 2560 ที่มีมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันจุดเช็กอินสำคัญอย่าง วัดไชยวัฒนาราม มีนักท่องเที่ยวในวันธรรมดา 2-3 พันคน ขณะที่วันหยุดจะมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมถึง 2 หมื่นคน ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ขณะที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่ากระแสละครดังจะช่วยสร้างรายได้ในพื้นที่ภาคกลาง 2-5 พันล้านบาท และน่าจะทำให้ชาวต่างชาติสนใจหันมาท่องเที่ยวตามออเจ้า สร้างรายได้การท่องเที่ยวในช่วงนี้ไปจนถึงช่วงหลังละครจบไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาทด้วย จึงไม่น่าแปลกที่รายได้ของร้านเช่าชุดไทยในพื้นที่อยุธยาและใกล้เคียงจะเพิ่มขึ้นร้านละไม่ต่ำกว่า 4 พันบาท และนายกรัฐมนตรียังชวนประชาชนให้แต่งกายชุดไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือกระทั่งกระทรวงวัฒนธรรมยังยกให้ละครเรื่องนี้เทียบชั้น ‘แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง’ ซีรีส์เลื่องชื่อจากเกาหลีด้วย
อีกคุณค่าที่ละครเรื่องนี้ให้ไว้กับสังคมคือความสงสัยใคร่รู้ในประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา รากเหง้าอันวิจิตรและเป็นหนึ่งในจุดสูงสุดแห่งเชื้อชาติของเรา ไม่เพียงแต่ยอดขายของนวนิยายเรื่องนี้และผลงานอื่นๆ ของ ‘รอมแพง’ จะถล่มทลายพิมพ์เท่าไรก็ไม่พอวางจำหน่ายแล้ว หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มากมายถูกปัดฝุ่นและหยิบกลับมาอยู่บนชั้น ผ่านสายตาของชนรุ่นหลังอีกครั้ง แม้กระทั่งหนังสือ จินดามณี ที่ผู้นำประเทศพูดถึงก็ตาม
สำนักข่าว THE STANDARD ประเมินคร่าวๆ ด้วยสายตาที่ชื่นชมในปรากฏการณ์นี้ และคาดว่าละคร บุพเพสันนิวาส จะกระตุ้นรายได้ให้กับประเทศไม่ต่ำว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ปี 2560 ซึ่งมีมูลค่า 4 ล้านล้านบาทแล้ว เท่ากับพลังของแม่การะเกดนี้เป็นอีกฟันเฟืองให้เศรษฐกิจไทยโตได้อย่างน้อย 0.25% ซึ่งเม็ดเงินนี้เทียบเท่ากับโครงการช็อปช่วยชาติและโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา
แม้จะยังไม่สามารถสรุปได้ว่าวงการโทรทัศน์จะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งหรือไม่ และช่อง 3 ก็ยังต้องเผชิญกับโจทย์ที่ท้าทายพร้อมกับปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ไขในยุค Digital Disruption นี้ต่อไป แต่ปรากฏการณ์ครั้งนี้จะถูกบันทึกไว้ในหลักจารึกของวงการสื่อว่า คอนเทนต์ที่ดียังมีคนดูคนอ่านเสมอ ตรงกับหลักการสำคัญของการตลาด หากเรารู้ได้ถึงความต้องการที่ซ่อนอยู่ภายในลึกๆ ของผู้บริโภค สิ่งที่เรานำเสนอและส่งมอบก็จะยังโดนใจได้ตลอด เหมือนที่แม่การะเกดและหมื่นสุนทรเทวาทำได้
ไม่มีใครเขียนประวัติศาสตร์จากการคิดเองเออเองโดยไม่เงยหน้ามองดูโลก
ที่มา : thestandard.co