สวัสดีจ้าเพื่อนๆ ชาวนักเดินทางทั้งหลาย ยังจำความรู้สึก ตอนที่เดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกกันได้มั้ยครับ
ผมจะพาเพื่อนๆ ย้อนรำลึกความรู้สึกนั้นกันอีกครั้งครับ
เกริ่นนำก่อนเดินทางกันนิดนึงเน๊อะ 555
ผมเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่เคยคิดเดินทางออกนอกประเทศเลย และก็ใช้ชีวิตในรูปแบบเดิมๆ กินอาหารเดิมๆ กิจกรรมแบบเดิมๆ มาตลอด 34 ปี
จนกระทั่ง มีจุดหักเหให้ตัดสินใจ แบคแพค เดินทางต่างประเทศเพียงลำพัง เป็นครั้งแรก
ทำไมเลือกไปประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์
1. สามารถเดินทาง ทางบก จากกรุงเทพได้
2. สามารถสื่อสาร ภาษาอังกฤษได้
3. สามารถเดินทางท่องเที่ยวโดย ระบบขนส่งมวลชนได้
ผมจึงไม่รอช้าที่จะไปทำหนังสือเดินทาง โดยหลังจากที่ได้รับหนังสือเดินทางแล้ว ก็แวะไปแลกเงินนิดหน่อยครับ และทริปนี้ ผมแลกเงินริงกิต และดอลล่าสิงคโปร์ ติดตัวไป รวมแล้วแค่ 9 พันกว่าบาทครับ (นิดหน่อยจริงๆ 555)
เมื่อกายพร้อม ใจพร้อม เงินพร้อม ก็ได้เวลาท่องโลกกันแล้วครัช
ผมมาถึงสถานีรถไฟหัวลำโพง พร้อมกับ
"เป้หนึ่งใบและหัวใจตุ๊มๆ ต่อมๆ" นี่เป็นการนั่งรถไฟ ที่ยาวนานที่สุดในชีวิตครับ ผมไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าคืออะไร และไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรบ้าง รู้แต่ว่าผมต้องไปตามเป้าหมายแล้ว
ตามเวลารถไฟออกจากสถานีหัวลำโพงเวลา 15:10น. ของวันที่ 3 กันยายน 2560 ซึ่งมันจะนำพาผมไปถึงสถานีปาดังเบซาร์
เวลา8:53 น.ในวันที่ 4 กันยายน 2560 ซึ่งผมต้องใช้ชีวิตอยู่บนตู้เหล็กติดแอร์นี้ ประมาณ เกือบ 20 ชั่วโมง
รถไฟออกจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพงแล้ว) ผมก็นั่งชมวิว และปล่อยใจไปกับความงามของธรรมชาติ นอกหน้าต่าง เป็นครั้งแรกในชิวิตครับ
ประมาณ 19:00 น. พี่ๆเจ้าหน้าที่ก็มาแปลงร่างให้เบาะนั่ง กลายเป็นเตียงนอนครัช ผมเลือกนอนเตียงล่างก็เลยชิวๆ
ได้เวลานอนกันแล้วจ้าาา แล้วพบกันตอนเช้า
ผมก็หลับตื่นๆ ไป แต่ก็นอนสบายนะครับ จระทั่งได้ยินเสียง "เหนียวก่ายม้ายยๆ" เลยหยิบมือถือมาดูเวลา และพูดกับตัวเอง โห...หลับไปแพร๊บเดียว 8 โมงเช้าแล้วหรอนี่ ไวจัง พลันเปิดม่านเตียงนอน มองไปนอกหน้าต่าง ตู้เหล็กพาชีวิตผมมาถึงสถานีชุมทางหาดใหญ่ แล้วคร๊าบบบบ
ว่าแล้วก็จัด ไก่ทอดหาดใหญ่ กับข้าวเหนียวเป็น มื้อเช้าสักหน่อยครับ
รถไฟจะจอดที่สถานีชุมทางหาดใหญ่ นานพอสมควรครับ เนื่องจากมีการตัดขบวนให้สั้นลง เมื่อเรียบร้อยก็เคลื่อนขบวนออกไปเรื่อยๆ
ขณะนั้น ผมดูเวลาประมาณ เกือบ 10 โมงเช้าของวันที่ 4 กันยายน 2560 ครับ และแน่นอนครับ
ตอนนี้ขบวน รถไฟไทยได้พาผมมาถึง สถานีปาดังเปซา สุดทางประเทศไทยแล้ว
รถไฟหยุดนิ่ง ผู้คนที่มากับผมทยอยออกจากขบวนรถ เจ้าหน้าที่รถไฟไทยช่วยกันยกสัมภาระของนักเดินทางออกจากขบวนรถ
เวลานั้นผมพยามอยู่ในขบวนรถให้ได้นานที่สุด เสมือนหนึ่งเด็กน้อย ที่หลบอยู่ภายในบ้านตนเอง ถ้าผมออกไปผมจะไม่เจอพี่ๆ คนไทยแล้ว
สำหรับผมซึ่งเดินทางออกนอกประเทศไทย เป็นครั้งแรก และเป็นการเดินทางโดยลำพัง ความรู้สึก ณ เวลานั้น เหมือน
"เด็กที่ขวัญหาย"
ผมเป็นผู้โดยสารคนสุดท้ายในขบวนที่ก้าวเดินออกมา และแล้ววววว....
ตายละหว่า...เจ้าหน้าที่ชุดข้าราชการสีกากี อยู่ใหน??
ธงชาติไทย..อยู่ใหน??
ผมพยามฟัง...พี่คนใหนพูดไทยบ้าง??
แล้วตัวช๊านนนน จะเอางัยดี
ผมนั่งมึนงง กับตัวเองอยู่ครู่หนึง พลันปรึกษากับตัวเอง เอางัยดีเนี๊ย!!
ตัวเอง1: กลับมั้ยแกร จะไปต่อยังงัย มาคนเดียว ไม่รู้จักใคร ภาษาก็ไม่ดี ไม่เห็นมีใครพูดไทยเลย
ตัวเอง2: เห้ยยย..แต่แกมาแล้วนะ ข้างหน้าแกก็มาเลเซียแล้วนะ ถ้ากลับแกจะกลับงัย แล้วจะกลับทำไม ใหนๆก็ใหนๆ แล้วแก
ตัวเอง1: เออๆ ก็จริง งั้นชั้นเชื่อแกก็ได้ แต่แกต้องนำชั้นนะ ชั้นไม่เคยมา ชั้นกลัว ชั้นไม่กล้า
ตัวเอง2: ได้จ่ะ เดี๋ยวชั้นพาแกไปเอง แกไปกับชั้นไม่ต้องกลัว ชั้นรู้จักแกดี ชั้นอยุ่กับแกมาตลอด ไม่ตัองกลัว
งั้นไปต่อกันเย้ๆๆ
ไปปั้มพาสปอร์ตกันก่อนเลย ผ่านมาได้ไม่ยาก พี่ตม.มาเลเซีย ไม่ถามสุขภาพซ๊ากกกคำ 555
ต่อไปก็ซื้อตั๋วรถคอมมูเตอร์ (รถไฟชานเมืองมาเลเซีย) จาก เปอร์ลิส ไปสุดทางที่ Butterworth
[CR] ครั้งแรกในชีวิต เที่ยวคนเดียว ปีนัง กัวลาลัมเปอร์ มะละกา สิงคโปร์ (10 วัน)
ผมจะพาเพื่อนๆ ย้อนรำลึกความรู้สึกนั้นกันอีกครั้งครับ
เกริ่นนำก่อนเดินทางกันนิดนึงเน๊อะ 555
ผมเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่เคยคิดเดินทางออกนอกประเทศเลย และก็ใช้ชีวิตในรูปแบบเดิมๆ กินอาหารเดิมๆ กิจกรรมแบบเดิมๆ มาตลอด 34 ปี
จนกระทั่ง มีจุดหักเหให้ตัดสินใจ แบคแพค เดินทางต่างประเทศเพียงลำพัง เป็นครั้งแรก
ทำไมเลือกไปประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์
1. สามารถเดินทาง ทางบก จากกรุงเทพได้
2. สามารถสื่อสาร ภาษาอังกฤษได้
3. สามารถเดินทางท่องเที่ยวโดย ระบบขนส่งมวลชนได้
ผมจึงไม่รอช้าที่จะไปทำหนังสือเดินทาง โดยหลังจากที่ได้รับหนังสือเดินทางแล้ว ก็แวะไปแลกเงินนิดหน่อยครับ และทริปนี้ ผมแลกเงินริงกิต และดอลล่าสิงคโปร์ ติดตัวไป รวมแล้วแค่ 9 พันกว่าบาทครับ (นิดหน่อยจริงๆ 555)
เมื่อกายพร้อม ใจพร้อม เงินพร้อม ก็ได้เวลาท่องโลกกันแล้วครัช ผมมาถึงสถานีรถไฟหัวลำโพง พร้อมกับ
"เป้หนึ่งใบและหัวใจตุ๊มๆ ต่อมๆ" นี่เป็นการนั่งรถไฟ ที่ยาวนานที่สุดในชีวิตครับ ผมไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าคืออะไร และไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรบ้าง รู้แต่ว่าผมต้องไปตามเป้าหมายแล้ว
ตามเวลารถไฟออกจากสถานีหัวลำโพงเวลา 15:10น. ของวันที่ 3 กันยายน 2560 ซึ่งมันจะนำพาผมไปถึงสถานีปาดังเบซาร์
เวลา8:53 น.ในวันที่ 4 กันยายน 2560 ซึ่งผมต้องใช้ชีวิตอยู่บนตู้เหล็กติดแอร์นี้ ประมาณ เกือบ 20 ชั่วโมง
รถไฟออกจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพงแล้ว) ผมก็นั่งชมวิว และปล่อยใจไปกับความงามของธรรมชาติ นอกหน้าต่าง เป็นครั้งแรกในชิวิตครับ
ประมาณ 19:00 น. พี่ๆเจ้าหน้าที่ก็มาแปลงร่างให้เบาะนั่ง กลายเป็นเตียงนอนครัช ผมเลือกนอนเตียงล่างก็เลยชิวๆ
ได้เวลานอนกันแล้วจ้าาา แล้วพบกันตอนเช้า
ผมก็หลับตื่นๆ ไป แต่ก็นอนสบายนะครับ จระทั่งได้ยินเสียง "เหนียวก่ายม้ายยๆ" เลยหยิบมือถือมาดูเวลา และพูดกับตัวเอง โห...หลับไปแพร๊บเดียว 8 โมงเช้าแล้วหรอนี่ ไวจัง พลันเปิดม่านเตียงนอน มองไปนอกหน้าต่าง ตู้เหล็กพาชีวิตผมมาถึงสถานีชุมทางหาดใหญ่ แล้วคร๊าบบบบ
ว่าแล้วก็จัด ไก่ทอดหาดใหญ่ กับข้าวเหนียวเป็น มื้อเช้าสักหน่อยครับ
รถไฟจะจอดที่สถานีชุมทางหาดใหญ่ นานพอสมควรครับ เนื่องจากมีการตัดขบวนให้สั้นลง เมื่อเรียบร้อยก็เคลื่อนขบวนออกไปเรื่อยๆ
ขณะนั้น ผมดูเวลาประมาณ เกือบ 10 โมงเช้าของวันที่ 4 กันยายน 2560 ครับ และแน่นอนครับ
ตอนนี้ขบวน รถไฟไทยได้พาผมมาถึง สถานีปาดังเปซา สุดทางประเทศไทยแล้ว
รถไฟหยุดนิ่ง ผู้คนที่มากับผมทยอยออกจากขบวนรถ เจ้าหน้าที่รถไฟไทยช่วยกันยกสัมภาระของนักเดินทางออกจากขบวนรถ
เวลานั้นผมพยามอยู่ในขบวนรถให้ได้นานที่สุด เสมือนหนึ่งเด็กน้อย ที่หลบอยู่ภายในบ้านตนเอง ถ้าผมออกไปผมจะไม่เจอพี่ๆ คนไทยแล้ว
สำหรับผมซึ่งเดินทางออกนอกประเทศไทย เป็นครั้งแรก และเป็นการเดินทางโดยลำพัง ความรู้สึก ณ เวลานั้น เหมือน "เด็กที่ขวัญหาย"
ผมเป็นผู้โดยสารคนสุดท้ายในขบวนที่ก้าวเดินออกมา และแล้ววววว....
ตายละหว่า...เจ้าหน้าที่ชุดข้าราชการสีกากี อยู่ใหน??
ธงชาติไทย..อยู่ใหน??
ผมพยามฟัง...พี่คนใหนพูดไทยบ้าง??
แล้วตัวช๊านนนน จะเอางัยดี ผมนั่งมึนงง กับตัวเองอยู่ครู่หนึง พลันปรึกษากับตัวเอง เอางัยดีเนี๊ย!!
ตัวเอง1: กลับมั้ยแกร จะไปต่อยังงัย มาคนเดียว ไม่รู้จักใคร ภาษาก็ไม่ดี ไม่เห็นมีใครพูดไทยเลย
ตัวเอง2: เห้ยยย..แต่แกมาแล้วนะ ข้างหน้าแกก็มาเลเซียแล้วนะ ถ้ากลับแกจะกลับงัย แล้วจะกลับทำไม ใหนๆก็ใหนๆ แล้วแก
ตัวเอง1: เออๆ ก็จริง งั้นชั้นเชื่อแกก็ได้ แต่แกต้องนำชั้นนะ ชั้นไม่เคยมา ชั้นกลัว ชั้นไม่กล้า
ตัวเอง2: ได้จ่ะ เดี๋ยวชั้นพาแกไปเอง แกไปกับชั้นไม่ต้องกลัว ชั้นรู้จักแกดี ชั้นอยุ่กับแกมาตลอด ไม่ตัองกลัว
งั้นไปต่อกันเย้ๆๆ ไปปั้มพาสปอร์ตกันก่อนเลย ผ่านมาได้ไม่ยาก พี่ตม.มาเลเซีย ไม่ถามสุขภาพซ๊ากกกคำ 555
ต่อไปก็ซื้อตั๋วรถคอมมูเตอร์ (รถไฟชานเมืองมาเลเซีย) จาก เปอร์ลิส ไปสุดทางที่ Butterworth