สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวแรกของเราเลย ฝากตัวด้วยค่ะ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เราไปเที่ยวญี่ปุ่นค่ะ ไปเอง หาข้อมูลเองทุกอย่างเลย อยากมารีวิวโซนนี้เพราะว่าธรรมชาติเค้าสวยม๊ากกกกก แล้วก็ยังไม่ค่อยมีคนไป น่าจะเป็นเพราะการเดินทางอะไรก็ไม่ได้มีตัวเลือกมาก บางที่รถไฟก็ไปไม่ถึงงี้ ไม่เหมือนเมืองใหญ่ๆ อย่างโอซาก้า หรือโตเกียวเนอะ
โดยครั้งนี้เราเลือกบินไปลงที่สนามบิน Chubu centrair international airport เมืองนาโกย่า มาเริ่มตั้งแต่การเดินทางกันเลยนะคะ ทริปนี้เราไปทั้งหมด 9 วัน 8 - 16 มี.ค. 61 เดินทางกับสายการบิน Japan airline economy class จองช่วงโปรกับ expedia ได้แถมที่พัก 1 คืนด้วยเด้อออ (พอจองเสร็จ อีกวันก็ออกโปรมาแถมที่พัก 3 คืนคะ ช้ำใจมาก T T)
Day 1
ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ 00:55 น. ง่วงตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องละค่ะ แต่เราต้องแข็งตาไว้ก่อน รอแอร์แจกขนมและน้ำก่อน เดี๋ยวอดกินค่ะ (รอบก่อนหลับสนิท ไม่ได้กินอะไรเลย T T) เครื่องออกซักพักแอร์ก็แจกขนมและเครื่องดื่มตามระเบียบค่ะ กินๆแล้วก็รีบพักผ่อน
หลับไปประมาณ 4 ชั่วโมงก็ตื่นมากินข้าวเช้าค่ะ เช้านี้สายการบินเสริฟเมนูออมเล็ต ตรงตามข้อมูลในเว็บไซต์เป๊ะ สายการบินนี้เราสามารถเข้าไปดูล่วงหน้าได้ด้วยนะคะว่าวันไหนเค้าเสริฟอาหารอะไร ตามลิงค์ที่ให้ไว้เลยนะคะ
https://www.jal.co.jp/en/inter/service/economy/meal/
เวลา 8:15 น. ก็ถึงสนามบินชูบุค่ะ มาถึงก็ฝนตกเลย ชีวิตเศร้ามากเว่อร์
ถึงสนามบินแล้วก็ไปแลกตั๋วรถบัสก่อนค่ะ 5 วันแรกเราจะใช้ตั๋ว
Shoryudo Highway bus pass 5-day ราคา 13,000¥ ในการเดินทางเที่ยวทั้งหมดค่ะ
ตั๋ว Shoryudo Highway bus pass มีแบบ 3 วัน กับ 5 วัน ครอบคลุมพื้นที่ไม่เท่ากัน ไปศึกษาดูได้ในเว็บไซต์ตามลิงค์ที่ให้ไว้ได้เลย
http://www.meitetsu.co.jp/tha/ticket-info/shoryudo.html
มีไกด์บุ๊ค และก็ตารางเวลาเดินรถให้ เราสามารถวางแผนการเดินทางคร่าวๆ ไปก่อนได้ แต่พอถึงญี่ปุ่นก็ยึดตามตารางเวลารถที่เขาให้มานะคะ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเวลาบ้างในบางรอบ
พาสนี้เค้าขายให้แค่นักท่องเที่ยว หาซื้อไม่ได้ในญี่ปุ่น จะต้องทำการจองไปก่อนเท่านั้นผ่านตัวแทนขาย เราจองผ่านเว็บไซต์ japanican ต้องระบุจุดรับพาสด้วย ว่าเราจะไปรับที่ไหน จะมีให้เลือกๆ อยู่ เราเลือกรับที่สนามบินเลยเพราะจะใช้นั่งรถไฟเข้าเมืองด้วย
จ่ายเงินเสร็จเค้าก็จะให้ใบเสร็จส่งเข้า e-mail เอาใบเสร็จไปยื่นที่เค้าท์เตอร์ Meitetsu trave plaza เราต้องปริ้นท์ใบเสร็จไปเท่านั้น เปิดในมือถือให้ดูไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็จะเอาตั๋ว พร้อมซองใสใส่ตารางเวลา คู่มือ และก็คูปองส่วนลดให้เราคะ ตามรูปเลย
พาสจะมีอยู่ 4 ส่วน ซึ่งจะยังใช้ไม่ได้ ต้องไปแลกเป็นตั๋วก่อน แต่บางเส้นทางก็ไม่ต้องแลกตั๋ว (อ่าวๆ งงอะดิ เดี๋ยวอธิบายต่อ ใจเย็นๆ)
ส่วนที่ 1. ใช้แลกตั๋วรถไฟจากสนามบิน-->เข้าเมือง เราใช้แลกไปเมืองนาโกย่าค่ะ รถไฟแบบธรรมดานะคะ ถ้าอยากได้แบบเร็ว(μ-SKY) เพิ่มเงินอีก 360¥ ซึ่งในรูปเราใช้ไปแล้ว ลืมถ่ายรูปไว้ 55 เคาท์เตอร์ซื้อตั๋วรถไฟของ Meitetsu ก็อยู่ข้างๆ จุดที่เราแลกพาสเลยค่ะ
ส่วนที่ 2. ใช้แลกตั๋วรถไฟจากในเมือง-->สนามบิน อันนี้เราไม่ได้ใช้ เพราะอยู่เกิน 5 วัน พาสหมดอายุละ
ส่วนที่ 3. ใช้แลกตั๋วรถไฟจากนาโกย่า-->กิฟุ
ส่วนที่ 4. ใช้แลกตั๋วรถบัสในเส้นทางของแต่ละพาส ต้องดูตารางเวลาประกอบว่าอันไหนต้องจองที่นั่งหรือไม่ต้องจอง ซึ่งเวลาจองเราสามารถจองได้จากสถานีต้นทางที่เราอยู่เท่านั้น เช่น อยู่นาโกย่าจะจองไปทาคายาม่า แต่จะไม่สามารถจองจากทาคายาม่าไปชิราคาวาโกได้ ต้องไปจองที่สถานีรถบัสเมืองทาคายาม่า พาสนี้จองที่นั่งผ่านอินเตอร์เน็ตก็ไม่ได้ ต้องไปจองที่เคาท์เตอร์เท่านั้น ลุ้นเอาว่าจะเต็มไหม 5555 แต่ส่วนใหญ่ที่ไปมานี่ก็ไม่ค่อยเต็มนะ มาต่อกันที่เรื่องว่าต้องแลกหรือไม่แลกตั๋ว
- เส้นทางที่เขียนว่า Reservation required จะต้องทำการเอาพาสส่วนนี้ ไปแลกเป็นตั๋วรถบัสที่ Bus center ก่อน ก็คือเป็นการจองที่นั่งนั่นแหละ คนขับจะตรวจตั๋วทุกครั้งก่อนขึ้นรถ
- แต่ถ้าเส้นทางที่จะไปเขียนว่า No Reservation required ก็คือไม่ต้องไปแลกตั๋ว สามารถใช้พาสตัวนี้โชว์ให้คนขับรถบัสดูได้เลย ขึ้นรถไปนั่งตรงไหนก็ได้
- อีกกรณีคือเส้นทาง Reservation required บางเวลาที่ไม่ใช่ช่วงคนเยอะๆ จะมีโน้ตไว้ว่า Reservation for seat not necessary เราก็ใช้แค่พาสโชว์ให้คนขับดู แล้วขึ้นรถได้เลย นั่งตรงไหนก็ได้
ได้ตั๋วรถไฟแล้วเราก็เดินทางเข้าเมืองนาโกย่ากันค่ะ ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็มาถึงสถานีนาโกย่า ซึ่งก็ยังไม่ถึงเวลาเช็คอินโรงแรมที่จองไว้ ตามแพลนที่วางไว้คือวันแรกก็กะไปเที่ยวหมู่บ้าน Shirakawa-go ฝนก็ตกประปราย แต่ก็กลัวไม่มีเวลาไปอีกเลยไปที่ Meitetsu bus center เพื่อแลกตั๋วรถบัสไปเมืองทาคายาม่า แล้วค่อยไปต่อรถบัสไปหมู่บ้าน Shirakawa-go อีกที ระหว่างทางฝนเริ่มตกหนักขึ้น พังตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ
รถบัสขับผ่าน Hisho สถาปัตยกรรมของเมืองนาโกย่า สวยงามมากค่ะ
ถึงทาคายาม่าแล้ว แวะซื้อของกินซักหน่อยระหว่างรอรถบัสไป Shirakawa-go ได้นมวัวฮิดะมาค่ะ เข้มข้นดีจริงๆ ระหว่างทางก่อนถึงทาคายาม่า รถบัสจะจอดที่จุดแวะพัก 15 นาที ให้ลงไปเข้าห้องน้ำ ซื้อของกินได้นะคะ บนรถก็มีห้องน้ำ สะอาดนะ แต่แคบมากๆ ที่นั่งก็กว้างสบายดีคะ มีฮีทเตอร์ด้วยเพราะข้างนอกหนาวมาก ดีต่อใจ มีที่เสียบชาร์ตแบตด้วย สบายเลยทีนี้ ดูหนังวนไปไม่ต้องกลัวแบตหมดเด้อออ
เดินทางกันต่อ ระหว่างทางเริ่มมีหิมะที่ยังไม่ละลายให้เห็นบ้าง ยิ่งไกลหิมะยิ่งหนาขึ้น ตื่นเต้นๆ เจอพี่คนไทยไปเที่ยวคนเดียวเองด้วย เก่งมากๆค่ะ
หิมะตกคลุมทั้งภูเขาเลย สวยมากกกก เสียดายฝนตกฟ้าครึ้ม ถ่ายรูปไม่สวยเท่าไหร่
ในที่สุดก็มาถึงละค่ะ หมู่บ้าน Shirakawa-go ในสภาพชุ่มฉ่ำสุดๆ อากาศหนาวม๊ากกกก ฝนก็ยังคงตกต่อไปเรื่อยๆ เลยต้องซื้อร่มที่ Bus center เพื่อออกไปเดินเล่น ไม่งั้นก็เสียเที่ยวแย่ ก่อนออกไปเดินก็ไม่ลืมจองที่นั่งขากลับไว้ คราวนี้นั่งตรงจาก Shirakawa-go ไปถึงสถานีนาโกย่าเลย ไม่ต้องเปลี่ยนรถที่ทาคายาม่าแล้ว
สะพานแขวนที่คิดไว้ว่าจะต้องได้รูปที่สวยงามแน่ๆ ได้แค่นี้แหละ มาทั้งฝนทั้งลม
พังมากๆ ค่ะวันแรก รูปทั้งหมดก็เลยมาจากกล้องมือถือ ไม่กล้าเอาหน่องฟูจิออกมา ลมและฝนมาเต็มๆ มือถือก็เปียกไปละ ดีที่ยังไม่ตาย
ทริปวันแรกจึงหมดลงด้วยประการฉะนี้ หลังจากนั้นเราก็นั่งบัสกลับนาโกย่าค่ะ ถึงนาโกย่าก็ค่ำๆละ ฝนก็ยังไม่หยุด เดินไปโรงแรมทุลักทุเลมาก
คืนแรกเราพักที่โรงแรม Sun nagoya nishiki เป็นโรงแรมที่แถมมาตอนจองตั๋วเครื่องบิน ตอนแรกก็เลือกๆ ไปเพราะเห็นว่าห่างสถานีนาโกย่าแค่ 2 สถานีเอง อยู่ในย่าน Sakae ด้วย ย่านช้อปปิ้ง จะได้ออกไปช้อปไปหาอะไรกินตอนกลางคืนด้วย แต่พอมาถึงมันคนละแบบกะที่คิดไว้เลย
มันก็เป็นย่านแสงสี มีอบายมุกนะแหละ ส่วนใหญ่เป็นร้านเหล้า แล้วก็จะเห็นชายวัยกลางคนในชุดทำงานเดินกับผุ้หญิงสาวๆสวยๆกันเป็นคู่ๆเลยคะ เง้อออ น่ากลัวอยู่นะ แต่ก็นอนแค่คืนเดียวค่ะ อยู่ๆไป
โรงแรมไม่ใหญ่ค่ะ เป็นตึกแถวเล็กๆ ในตัวโรงแรมนั้นก็สะอาดดี พนักงานก็บริการดี ตอนนั้นเหนื่อยมากไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย แต่ห้องแคบไป เราเอากระเป๋า 28 นิ้วไป กางทีก็เต็มทางเดินละ ในห้องก็มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเหมือนโรงแรมญี่ปุ่นทั่วๆไป มีน้ำเปล่าให้ด้วย 2 ขวด แต่ไม่มีอาหารเช้านะคะ เหมาะแก่การมาแค่นอนเท่านั้นจริงๆ
พิกัดของโรงแรมนะคะ
จบการริวิววันแรกที่แบบพังๆเพียงเท่านี้นะคะ ไว้จะมารีวิววันต่อๆไป ฟินกว่าวันแรกแน่นอน อิอิ
[CR] รีวิว ภูมิภาค CHUBU ท่องเที่ยวเมืองในหุบเขา และไปไหว้ศาลเจ้าใหญ่ที่ Mie
ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เราไปเที่ยวญี่ปุ่นค่ะ ไปเอง หาข้อมูลเองทุกอย่างเลย อยากมารีวิวโซนนี้เพราะว่าธรรมชาติเค้าสวยม๊ากกกกก แล้วก็ยังไม่ค่อยมีคนไป น่าจะเป็นเพราะการเดินทางอะไรก็ไม่ได้มีตัวเลือกมาก บางที่รถไฟก็ไปไม่ถึงงี้ ไม่เหมือนเมืองใหญ่ๆ อย่างโอซาก้า หรือโตเกียวเนอะ
โดยครั้งนี้เราเลือกบินไปลงที่สนามบิน Chubu centrair international airport เมืองนาโกย่า มาเริ่มตั้งแต่การเดินทางกันเลยนะคะ ทริปนี้เราไปทั้งหมด 9 วัน 8 - 16 มี.ค. 61 เดินทางกับสายการบิน Japan airline economy class จองช่วงโปรกับ expedia ได้แถมที่พัก 1 คืนด้วยเด้อออ (พอจองเสร็จ อีกวันก็ออกโปรมาแถมที่พัก 3 คืนคะ ช้ำใจมาก T T)
Day 1
ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ 00:55 น. ง่วงตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องละค่ะ แต่เราต้องแข็งตาไว้ก่อน รอแอร์แจกขนมและน้ำก่อน เดี๋ยวอดกินค่ะ (รอบก่อนหลับสนิท ไม่ได้กินอะไรเลย T T) เครื่องออกซักพักแอร์ก็แจกขนมและเครื่องดื่มตามระเบียบค่ะ กินๆแล้วก็รีบพักผ่อน
หลับไปประมาณ 4 ชั่วโมงก็ตื่นมากินข้าวเช้าค่ะ เช้านี้สายการบินเสริฟเมนูออมเล็ต ตรงตามข้อมูลในเว็บไซต์เป๊ะ สายการบินนี้เราสามารถเข้าไปดูล่วงหน้าได้ด้วยนะคะว่าวันไหนเค้าเสริฟอาหารอะไร ตามลิงค์ที่ให้ไว้เลยนะคะ
https://www.jal.co.jp/en/inter/service/economy/meal/
เวลา 8:15 น. ก็ถึงสนามบินชูบุค่ะ มาถึงก็ฝนตกเลย ชีวิตเศร้ามากเว่อร์ ถึงสนามบินแล้วก็ไปแลกตั๋วรถบัสก่อนค่ะ 5 วันแรกเราจะใช้ตั๋ว Shoryudo Highway bus pass 5-day ราคา 13,000¥ ในการเดินทางเที่ยวทั้งหมดค่ะ
ตั๋ว Shoryudo Highway bus pass มีแบบ 3 วัน กับ 5 วัน ครอบคลุมพื้นที่ไม่เท่ากัน ไปศึกษาดูได้ในเว็บไซต์ตามลิงค์ที่ให้ไว้ได้เลย
http://www.meitetsu.co.jp/tha/ticket-info/shoryudo.html
มีไกด์บุ๊ค และก็ตารางเวลาเดินรถให้ เราสามารถวางแผนการเดินทางคร่าวๆ ไปก่อนได้ แต่พอถึงญี่ปุ่นก็ยึดตามตารางเวลารถที่เขาให้มานะคะ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเวลาบ้างในบางรอบ
พาสนี้เค้าขายให้แค่นักท่องเที่ยว หาซื้อไม่ได้ในญี่ปุ่น จะต้องทำการจองไปก่อนเท่านั้นผ่านตัวแทนขาย เราจองผ่านเว็บไซต์ japanican ต้องระบุจุดรับพาสด้วย ว่าเราจะไปรับที่ไหน จะมีให้เลือกๆ อยู่ เราเลือกรับที่สนามบินเลยเพราะจะใช้นั่งรถไฟเข้าเมืองด้วย
จ่ายเงินเสร็จเค้าก็จะให้ใบเสร็จส่งเข้า e-mail เอาใบเสร็จไปยื่นที่เค้าท์เตอร์ Meitetsu trave plaza เราต้องปริ้นท์ใบเสร็จไปเท่านั้น เปิดในมือถือให้ดูไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็จะเอาตั๋ว พร้อมซองใสใส่ตารางเวลา คู่มือ และก็คูปองส่วนลดให้เราคะ ตามรูปเลย
พาสจะมีอยู่ 4 ส่วน ซึ่งจะยังใช้ไม่ได้ ต้องไปแลกเป็นตั๋วก่อน แต่บางเส้นทางก็ไม่ต้องแลกตั๋ว (อ่าวๆ งงอะดิ เดี๋ยวอธิบายต่อ ใจเย็นๆ)
ส่วนที่ 1. ใช้แลกตั๋วรถไฟจากสนามบิน-->เข้าเมือง เราใช้แลกไปเมืองนาโกย่าค่ะ รถไฟแบบธรรมดานะคะ ถ้าอยากได้แบบเร็ว(μ-SKY) เพิ่มเงินอีก 360¥ ซึ่งในรูปเราใช้ไปแล้ว ลืมถ่ายรูปไว้ 55 เคาท์เตอร์ซื้อตั๋วรถไฟของ Meitetsu ก็อยู่ข้างๆ จุดที่เราแลกพาสเลยค่ะ
ส่วนที่ 2. ใช้แลกตั๋วรถไฟจากในเมือง-->สนามบิน อันนี้เราไม่ได้ใช้ เพราะอยู่เกิน 5 วัน พาสหมดอายุละ
ส่วนที่ 3. ใช้แลกตั๋วรถไฟจากนาโกย่า-->กิฟุ
ส่วนที่ 4. ใช้แลกตั๋วรถบัสในเส้นทางของแต่ละพาส ต้องดูตารางเวลาประกอบว่าอันไหนต้องจองที่นั่งหรือไม่ต้องจอง ซึ่งเวลาจองเราสามารถจองได้จากสถานีต้นทางที่เราอยู่เท่านั้น เช่น อยู่นาโกย่าจะจองไปทาคายาม่า แต่จะไม่สามารถจองจากทาคายาม่าไปชิราคาวาโกได้ ต้องไปจองที่สถานีรถบัสเมืองทาคายาม่า พาสนี้จองที่นั่งผ่านอินเตอร์เน็ตก็ไม่ได้ ต้องไปจองที่เคาท์เตอร์เท่านั้น ลุ้นเอาว่าจะเต็มไหม 5555 แต่ส่วนใหญ่ที่ไปมานี่ก็ไม่ค่อยเต็มนะ มาต่อกันที่เรื่องว่าต้องแลกหรือไม่แลกตั๋ว
- เส้นทางที่เขียนว่า Reservation required จะต้องทำการเอาพาสส่วนนี้ ไปแลกเป็นตั๋วรถบัสที่ Bus center ก่อน ก็คือเป็นการจองที่นั่งนั่นแหละ คนขับจะตรวจตั๋วทุกครั้งก่อนขึ้นรถ
- แต่ถ้าเส้นทางที่จะไปเขียนว่า No Reservation required ก็คือไม่ต้องไปแลกตั๋ว สามารถใช้พาสตัวนี้โชว์ให้คนขับรถบัสดูได้เลย ขึ้นรถไปนั่งตรงไหนก็ได้
- อีกกรณีคือเส้นทาง Reservation required บางเวลาที่ไม่ใช่ช่วงคนเยอะๆ จะมีโน้ตไว้ว่า Reservation for seat not necessary เราก็ใช้แค่พาสโชว์ให้คนขับดู แล้วขึ้นรถได้เลย นั่งตรงไหนก็ได้
ได้ตั๋วรถไฟแล้วเราก็เดินทางเข้าเมืองนาโกย่ากันค่ะ ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็มาถึงสถานีนาโกย่า ซึ่งก็ยังไม่ถึงเวลาเช็คอินโรงแรมที่จองไว้ ตามแพลนที่วางไว้คือวันแรกก็กะไปเที่ยวหมู่บ้าน Shirakawa-go ฝนก็ตกประปราย แต่ก็กลัวไม่มีเวลาไปอีกเลยไปที่ Meitetsu bus center เพื่อแลกตั๋วรถบัสไปเมืองทาคายาม่า แล้วค่อยไปต่อรถบัสไปหมู่บ้าน Shirakawa-go อีกที ระหว่างทางฝนเริ่มตกหนักขึ้น พังตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ
รถบัสขับผ่าน Hisho สถาปัตยกรรมของเมืองนาโกย่า สวยงามมากค่ะ
ถึงทาคายาม่าแล้ว แวะซื้อของกินซักหน่อยระหว่างรอรถบัสไป Shirakawa-go ได้นมวัวฮิดะมาค่ะ เข้มข้นดีจริงๆ ระหว่างทางก่อนถึงทาคายาม่า รถบัสจะจอดที่จุดแวะพัก 15 นาที ให้ลงไปเข้าห้องน้ำ ซื้อของกินได้นะคะ บนรถก็มีห้องน้ำ สะอาดนะ แต่แคบมากๆ ที่นั่งก็กว้างสบายดีคะ มีฮีทเตอร์ด้วยเพราะข้างนอกหนาวมาก ดีต่อใจ มีที่เสียบชาร์ตแบตด้วย สบายเลยทีนี้ ดูหนังวนไปไม่ต้องกลัวแบตหมดเด้อออ
เดินทางกันต่อ ระหว่างทางเริ่มมีหิมะที่ยังไม่ละลายให้เห็นบ้าง ยิ่งไกลหิมะยิ่งหนาขึ้น ตื่นเต้นๆ เจอพี่คนไทยไปเที่ยวคนเดียวเองด้วย เก่งมากๆค่ะ
หิมะตกคลุมทั้งภูเขาเลย สวยมากกกก เสียดายฝนตกฟ้าครึ้ม ถ่ายรูปไม่สวยเท่าไหร่
ในที่สุดก็มาถึงละค่ะ หมู่บ้าน Shirakawa-go ในสภาพชุ่มฉ่ำสุดๆ อากาศหนาวม๊ากกกก ฝนก็ยังคงตกต่อไปเรื่อยๆ เลยต้องซื้อร่มที่ Bus center เพื่อออกไปเดินเล่น ไม่งั้นก็เสียเที่ยวแย่ ก่อนออกไปเดินก็ไม่ลืมจองที่นั่งขากลับไว้ คราวนี้นั่งตรงจาก Shirakawa-go ไปถึงสถานีนาโกย่าเลย ไม่ต้องเปลี่ยนรถที่ทาคายาม่าแล้ว
สะพานแขวนที่คิดไว้ว่าจะต้องได้รูปที่สวยงามแน่ๆ ได้แค่นี้แหละ มาทั้งฝนทั้งลม
พังมากๆ ค่ะวันแรก รูปทั้งหมดก็เลยมาจากกล้องมือถือ ไม่กล้าเอาหน่องฟูจิออกมา ลมและฝนมาเต็มๆ มือถือก็เปียกไปละ ดีที่ยังไม่ตาย
ทริปวันแรกจึงหมดลงด้วยประการฉะนี้ หลังจากนั้นเราก็นั่งบัสกลับนาโกย่าค่ะ ถึงนาโกย่าก็ค่ำๆละ ฝนก็ยังไม่หยุด เดินไปโรงแรมทุลักทุเลมาก
คืนแรกเราพักที่โรงแรม Sun nagoya nishiki เป็นโรงแรมที่แถมมาตอนจองตั๋วเครื่องบิน ตอนแรกก็เลือกๆ ไปเพราะเห็นว่าห่างสถานีนาโกย่าแค่ 2 สถานีเอง อยู่ในย่าน Sakae ด้วย ย่านช้อปปิ้ง จะได้ออกไปช้อปไปหาอะไรกินตอนกลางคืนด้วย แต่พอมาถึงมันคนละแบบกะที่คิดไว้เลย
มันก็เป็นย่านแสงสี มีอบายมุกนะแหละ ส่วนใหญ่เป็นร้านเหล้า แล้วก็จะเห็นชายวัยกลางคนในชุดทำงานเดินกับผุ้หญิงสาวๆสวยๆกันเป็นคู่ๆเลยคะ เง้อออ น่ากลัวอยู่นะ แต่ก็นอนแค่คืนเดียวค่ะ อยู่ๆไป
โรงแรมไม่ใหญ่ค่ะ เป็นตึกแถวเล็กๆ ในตัวโรงแรมนั้นก็สะอาดดี พนักงานก็บริการดี ตอนนั้นเหนื่อยมากไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย แต่ห้องแคบไป เราเอากระเป๋า 28 นิ้วไป กางทีก็เต็มทางเดินละ ในห้องก็มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเหมือนโรงแรมญี่ปุ่นทั่วๆไป มีน้ำเปล่าให้ด้วย 2 ขวด แต่ไม่มีอาหารเช้านะคะ เหมาะแก่การมาแค่นอนเท่านั้นจริงๆ
พิกัดของโรงแรมนะคะ
จบการริวิววันแรกที่แบบพังๆเพียงเท่านี้นะคะ ไว้จะมารีวิววันต่อๆไป ฟินกว่าวันแรกแน่นอน อิอิ