20 ดาวยิงที่อันตรายที่สุดหากวัดจากสถิติความแม่นยำจากโอกาสที่พวกเขาได้รับ ... ใครล่ะคือเบอร์ 1 แห่งเกาะอังกฤษ
20. มาร์โก อเนาโตวิช
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 15.6% (7 ลูก)
หลังย้ายมาจากสโต๊คมาอยู่กับ เวสต์แฮม อเนาโตวิช กลายเป็นผู้แบกทีมขุนค้อนสมราคาเจ้าของสถิติค่าตัวเเพงที่สุดของสโมสร เพราะปีกวัย 28 ปี คือนักเตะที่โดดเเด่นที่สุดในทุกๆด้านของทีม
เพราะเมื่อ เดวิด มอยส์ ดันเอา อเนาโตวิช มาเป็นกองหน้าตัวเป้า ดาวเตะชาวออสเตรียก็มีส่วนร่วมกับประตูไม่ว่าจะยิงหรือแอสซิสต์ถึง 9 ลูก จากการลงเล่น 7 เกม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ 12 เกมเขาทำได้แค่ลูกเดียวเท่านั้น
19. สตีฟ มูนี่
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 16.2% (6 ประตู)
อีกหนึ่งการทำลายสถิติการซื้อขายของสโมสรในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ มูนี่ ยิง 2 ประตูในเกมแรกที่ชนะ คริสตัล พาเลซ 3-0 อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นกองหน้าชาวเบนินก็ต้องเสียตำแหน่งตัวจริงให้กับ โลรองต์ เดอปัวตร์
ทั้ง มูนี่ และ เดอปัวตร์ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงคนละ 16 เกมเท่ากัน ขณะที่การลงเล่นร่วมกัน 1 ครั้งปรากฎว่าทีมแพ้ ฮัดเดอร์สฟิลด์ไป 0-3 ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม เดวิด ว้ากเนอร์ จึงต้องโรเตชั่นในตำแหน่งนี้
18. ริยาด มาห์เรซ
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 16.4% (10 ประตู)
ถือเป็นปีที่ค่อนข้างวุ่นวายของ มาห์เรซ เพราะถึงแม้ว่าฟอร์มจะดี ทว่าเขาก็ต้องเจอกับความตึงเครียดจากการไม่สามารถย้ายไปอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ ได้
อย่างไรก็ตามหากได้เห็นฟอร์มของเขาคุณก็จะเข้าใจวาทำไมเขาถึงได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของอังกฤษในตอนที่เลสเตอร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อ 2 ปีก่อน เพราะสถิติการแอสซิสต์และยิงของเขามีมากถึง 46% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในฤดูกาล 2015/16 แบะยังมากกว่าปีที่เเล้ว (2016-17) ถึง 2 เท่าเลยทีเดียว
17. อับดุลาย ดูกูเร่
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 16.7% (7ลูก)
นักเตะคนอื่นๆในลิสต์จอมเเม่นของเรานั้นเป็นเเข้งที่ปักหลักในเกมรุกเป็นส่วนใหญ่ ทว่า ดูกูเร่ คือมิดฟิลด์ตัวกลางเพียงแค่ 1 ใน 2 จาก 20 อันดับเท่านั้น
ดาวเตะจากวัตฟอร์ดรายนี้ลงเล่นทุกนาทีให้กับทีม โดยมี 1 เกมที่พลาดไปเพราะโดนแบน อย่างไรก็ตามในฤดูกาล 2017/18 ก็เป็นปีที่ดีที่สุดสำหรับเขาอยู่ดี และแน่นอนว่าทีมใหญ่กำลังจ้องกันตาเป็นมัน
16. เอเด็น อาซาร์
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 17% (9 ประตู)
สำหรับนักเตะที่มีความสามารถอย่าง อาซาร์ การมีค่าเฉลี่ยยิงประตูหรือแอสซิสต์ 1 ลูกในทุกๆ 172 นาทีนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ เชลซี ก็ชวนให้สงสัยว่า ตกลงแล้วมันดีหรือไม่ดีกันแน่
เป็นที่น่าสงสัยว่าการที่ อันโตนิโอ คอนเต้ จับเขาไปเล่นในตำแหน่งฟอลส์ไนน์ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำประตูของเขาดีขึ้นหรือเปล่า เพราะ อาซาร์ เพิ่มความเเม่นยำจาก 13% ในยุคก่อนหน้ากุนซือคนปัจจุบัน เป็น 19% หลังจากที่คอนเต้ใช้งานเขาในตำแหน่งใหม่เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ก่อนจะลดมาเหลือ 17% ในฤดูกาลนี้ และโอกาสยิงที่เกิดจากในกรอบเขตโทษเพิ่มขึ้นจาก 53% เป็น 70% เลยทีเดียว
14. (ร่วม) ลีรอย ซาเน่
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 17.4% (8 ประตู)
ซาเน่ คือ 1 ใน 5 นักเตะของ แมนฯ ซิตี้ ที่ถูกพูดถึงมากสำหรับการพัฒนาจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จนเป็นแข้งที่โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมจัดไปถึง 8 ประตูในเกมลีก อีกทั้งยัง แอสซิสต์ มากถึง 11 ลูกเป็นรองเพียงแค่ เควิน เดอ บรอยน์ เพียงคนเดียวเท่านั้น
14. (ร่วม) ดาบิด ซิลบา
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 17.4% (8ประตู)
ดาบิด ซิลบา เป็นจอมแอสซิสต์ตัวจริง ทว่าก็ต้องไม่ลืมว่าเขาเป็นจอมยิงประตูคนหนึ่งเหมือนกัน โดยเฉพาะในปี 2014-15 ที่ยิงได้ถึง 12 ลูก และมีสถิติการเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูมากถึง 18% ที่สำคัญ เขายังไม่แสดงให้เห็นสัญญาณของอาการฟอร์มตกเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ตอนนี้อายุอานามก็ 32 ปีเข้าไปแล้ว
13. โรเมลู ลูกากู
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 18.2% (14 ประตู)
ลูกากู ยิงในพรีเมียร์ลีกไป 14 ประตูแล้ว และและจากสถิติกอันแมนยำที่เราได้กล่าวไปเราคงต้องบอกว่าเขาเป็นกองหน้าที่เปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตูได้ดีกว่าที่หลายคนวิจารณ์เขา
12. คัลลัม วิลสัน
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 18.4% (7 ประตู)
ดาวเตะวัย 26 ปี สร้างชื่อสร้างสกอร์มาแบบเงียบๆ 6 เกมแรกของฤดูกาลนี้ เขายิงหรือแอสซิสต์ไม่ได้สักลูก ก่อนที่จะกลับมาเกิดใหม่ในครึ่งหลังของฤดูกาลด้วยการยิงทั้ง อาร์เซน่อล และ เชลี ก่อนที่จะมารัวแฮตทริกใส่ฮัดเดอร์สฟิลด์ได้อย่างต่อเนื่อง
11. ซน เฮือง มิน
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 18.5% (12 ประตู)
นี่คือฤดูกาลที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เล่นให้กับ สเปอร์ส ของ ซน เฮือง มิน ดาวเตะชาวเกาหลีใต้ยิงไป 12 ประตูจากการลงเล่นตัวจริงในเกมลีก 22 นัด และมีค่าเฉลี่ยความเฉียบขาดที่สูงมากสำหรับนักเตะตำแหน่งปีก
ยิ่ง แฮร์รี่ เคน หัวหอกอันดับ 1 ของอังกฤษเจ็บไปแบบนี้ ทีมไก่เดือยทองคงหวังให้โอปป้าผู้นี้แบกเกมรุกเป็นแน่
10. เซร์คิโอ อเกวโร่
เปลี่ยนโอกาสเป็นประคู 18.9% (17 ลูก)
อันดับ 10 ดูจะต่ำไปบ้างสำหรับเขา โดยเฉพาะในช่วงปีที่เเล้วที่ค่าความเฉียบขาดของเขาตกลงไปเหลือเพียงแค่ 12% เท่านั้น
อย่างไรก็ตามในฤดูกาล 2017/18 อเกวโร่ กลับมาเเล้ว ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการต้องเค้นฟอร์มเพื่อแย่งตัวจริงกับ กาเบรียล เชซุส นั่นเอง
9. โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 19.1% (13 ประตู)
เรียกได้ว่า ฟิร์มิโน่ คือหนึ่งในนักเตะที่ทำงานหนักมากของ ลิเวอร์พูล เขายิงได้ครึ่งหนึ่งที่ โม ซาลาห์ ทำได้ ทั้งๆ ที่เขาเองต้องรับหน้าที่การเปิดพื้นที่ดึงกองหลังให้กับดาวเตะชาว อียิปต์ เข้าไปใส่สกอร์
หนึ่งในสามจากประตูของเขาทั้งหมดที่ยิงได้เกิดขึ้นในกรอบเขตโทษ และมีเพียงแค่ แฮร์รี่ เคน เท่านั้นที่ทำได้มากกว่า
7. (ร่วม) อองโตนี่ มาร์กซิยาล
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 19.5% (8 ลูก)
เมื่อไรก็ตามที่ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเขาจะปิดจ็อบด้วยการทำประตู แม้ว่าจะมีโอกาสยิงต่อเกมน้อยมากก็ตาม
8 ประตูจากการง้างเท้า 41 ครั้งดูไม่เลวเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามยังมีเพื่อนร่วมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทำได้มากกว่าเขา
7. (ร่วม) เจสซี่ ลินการ์ด
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 19.5% (8 ประตู)
ลินการ์ด มีการพัฒนาตัวเองที่ก้าวกระโดดมาก เขายิงได้ 8 ประตูจากการยิง 41 ครั้งในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และเป็นการยิงใส่ทั้ง เชลซี และ อาร์เซน่อลจากการโดนเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองอีกด้วย
ลินการ์ด ไม่ได้เป็นนักเตะอังกฤษที่มีค่าเฉลี่ยนเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูมากที่สุด อย่างไรก็ตามจะเห็นว่าเขามีโอกาสจะไปถึงจุดนั้นได้
6. เกล็น มาร์รี่ย์
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 20% (7 ประตู)
สถิติการยิงประตูของดาวยิงจาก ไบรท์ตัน มีการบอกว่าเขาสมควรได้รับโอกาสติดทีมชาติอังกฤษไปลุยฟุตบอลโลก แม้จะอายุ 34 ปีก็ตาม
สถิติการยิงประตูของเขานั้นถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากต่อทีมน้องใหม่ที่กำลังหนีตายอย่าง ไบรท์ตัน ในเวลานี้
5. ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
เปลี่ยนโอกาสเป็นประคู 21.5% (14 ประตู)
ขณะที่เขาพัฒนาขึ้นในทุกๆ ด้าน ความโดดเด่นที่พุ่งขึ้นมาสำหรับสเตอร์ลิ่งนั้นคือการยิงประตูยามที่มีโอกาส
แม้ว่าจะมีการยิงจ่อๆ พลาดไปบ้าง แต่โดยรวมเเล้ว สเตอร์ลิ่ง ยังเป็นคนที่ ซิตี้ พึ่งพาได้อยู่ดี เพราะตลอด 5 ปีก่อนหน้านี้ สเตอร์ลิ่ง มีเปอร์เซนต์ความเเม่นยำอยู่ที่เพียง 11% เท่านั้นเอง
4. เจมี่ วาร์ดี้
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 21.7% (10 ประตู)
4 จาก 14 ประตูของดาวยิงจาก เลสเตอร์ เกิดขึ้นจากการยิงลูกโทษ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังยิงประตูได้มากอยู่ดี นั่นคือเหตุผลที่ วาร์ดี้ จะเป็นตัวเลือกของทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลกแน่นอน
แม้ว่าเขาจะเหมาะกับแท็คติกการเล่นส่วนกลับ แต่ดูเหมือนว่ามันคือแผนบีที่ เซาธ์เกต แทบไม่ต้องหาใครเพิ่มอีกเเล้ว
3. เวย์น รูนี่ย์
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 21.9% (7 ประตู)
นั่นไงล่ะ? เรียกเขาไปฟุตบอลโลกดีไหม?
แน่นอนว่าชื่อของเขาสร้างความเซอร์ไพรส์ที่ติดเข้ามาใน Top 20 ของเรา ทว่าปีนี้คือปีที่เขามีโอกาสยิงน้อยแต่เปลี่ยนมันเป็นประตูได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะยิงจากในกรอบเขตโทษแล้ว เขายังยิงไกลจากครึ่งสนามมาเเล้วอีกด้วย
2. กาเบรียล เชซุส
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 22.2% (8 ประตู)
สุดยอดมากจริงๆสำหรับการเบียดตำแหน่งจาก อเกวโร่ รวมถึงการมีสถิติการยิงประตูที่แม่นยำกว่าดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์
แม้ในปีนี้ เชซุส จะได้รับบาดเจ็บจนพักต้องไปหลายเกม และมีโอกาสลงเล่นตัวจริง 13 นัด เปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรอง 8 นัด ไม่อย่างนั้นค่าเฉลี่ยนของเขาอาจจะดีกว่านี้ก็ได้ แต่จากโอกาสเพียง 36 ครั้งในตอนนี้ หมอนี่มันคมจริงๆ
1. โมฮัมเหม็ด ซาลาห์
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 23.5% (27 ประตู)
การยิง 28 ประตูในพรีเมียร์ลีกก่อนเดือน มีนาคม ช่างเป็นอะไรที่โหดจัดได้ใจจริงๆ และไม่ใช้สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆ แน่นอน ซาลาห์ มีโอกาสยิง 3.9 ครั้งต่อเกม น้อยกว่าเเฮร์รี่ เคน เพียงคนเดียวเท่านั้น และนี่คือสิ่งที่ทำให้เขาเป็นราชาคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริง
credit : www.fourfourtwo.com/th
ง้างสั่งตาย : 20 อันดับเเข้งพรีเมียร์ลีกที่เหนี่ยวไกเมื่อไหร่ใส่สกอร์ได้ทันที
20. มาร์โก อเนาโตวิช
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 15.6% (7 ลูก)
หลังย้ายมาจากสโต๊คมาอยู่กับ เวสต์แฮม อเนาโตวิช กลายเป็นผู้แบกทีมขุนค้อนสมราคาเจ้าของสถิติค่าตัวเเพงที่สุดของสโมสร เพราะปีกวัย 28 ปี คือนักเตะที่โดดเเด่นที่สุดในทุกๆด้านของทีม
เพราะเมื่อ เดวิด มอยส์ ดันเอา อเนาโตวิช มาเป็นกองหน้าตัวเป้า ดาวเตะชาวออสเตรียก็มีส่วนร่วมกับประตูไม่ว่าจะยิงหรือแอสซิสต์ถึง 9 ลูก จากการลงเล่น 7 เกม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ 12 เกมเขาทำได้แค่ลูกเดียวเท่านั้น
19. สตีฟ มูนี่
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 16.2% (6 ประตู)
อีกหนึ่งการทำลายสถิติการซื้อขายของสโมสรในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ มูนี่ ยิง 2 ประตูในเกมแรกที่ชนะ คริสตัล พาเลซ 3-0 อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นกองหน้าชาวเบนินก็ต้องเสียตำแหน่งตัวจริงให้กับ โลรองต์ เดอปัวตร์
ทั้ง มูนี่ และ เดอปัวตร์ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงคนละ 16 เกมเท่ากัน ขณะที่การลงเล่นร่วมกัน 1 ครั้งปรากฎว่าทีมแพ้ ฮัดเดอร์สฟิลด์ไป 0-3 ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม เดวิด ว้ากเนอร์ จึงต้องโรเตชั่นในตำแหน่งนี้
18. ริยาด มาห์เรซ
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 16.4% (10 ประตู)
ถือเป็นปีที่ค่อนข้างวุ่นวายของ มาห์เรซ เพราะถึงแม้ว่าฟอร์มจะดี ทว่าเขาก็ต้องเจอกับความตึงเครียดจากการไม่สามารถย้ายไปอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ ได้
อย่างไรก็ตามหากได้เห็นฟอร์มของเขาคุณก็จะเข้าใจวาทำไมเขาถึงได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของอังกฤษในตอนที่เลสเตอร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อ 2 ปีก่อน เพราะสถิติการแอสซิสต์และยิงของเขามีมากถึง 46% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในฤดูกาล 2015/16 แบะยังมากกว่าปีที่เเล้ว (2016-17) ถึง 2 เท่าเลยทีเดียว
17. อับดุลาย ดูกูเร่
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 16.7% (7ลูก)
นักเตะคนอื่นๆในลิสต์จอมเเม่นของเรานั้นเป็นเเข้งที่ปักหลักในเกมรุกเป็นส่วนใหญ่ ทว่า ดูกูเร่ คือมิดฟิลด์ตัวกลางเพียงแค่ 1 ใน 2 จาก 20 อันดับเท่านั้น
ดาวเตะจากวัตฟอร์ดรายนี้ลงเล่นทุกนาทีให้กับทีม โดยมี 1 เกมที่พลาดไปเพราะโดนแบน อย่างไรก็ตามในฤดูกาล 2017/18 ก็เป็นปีที่ดีที่สุดสำหรับเขาอยู่ดี และแน่นอนว่าทีมใหญ่กำลังจ้องกันตาเป็นมัน
16. เอเด็น อาซาร์
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 17% (9 ประตู)
สำหรับนักเตะที่มีความสามารถอย่าง อาซาร์ การมีค่าเฉลี่ยยิงประตูหรือแอสซิสต์ 1 ลูกในทุกๆ 172 นาทีนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ เชลซี ก็ชวนให้สงสัยว่า ตกลงแล้วมันดีหรือไม่ดีกันแน่
เป็นที่น่าสงสัยว่าการที่ อันโตนิโอ คอนเต้ จับเขาไปเล่นในตำแหน่งฟอลส์ไนน์ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำประตูของเขาดีขึ้นหรือเปล่า เพราะ อาซาร์ เพิ่มความเเม่นยำจาก 13% ในยุคก่อนหน้ากุนซือคนปัจจุบัน เป็น 19% หลังจากที่คอนเต้ใช้งานเขาในตำแหน่งใหม่เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ก่อนจะลดมาเหลือ 17% ในฤดูกาลนี้ และโอกาสยิงที่เกิดจากในกรอบเขตโทษเพิ่มขึ้นจาก 53% เป็น 70% เลยทีเดียว
14. (ร่วม) ลีรอย ซาเน่
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 17.4% (8 ประตู)
ซาเน่ คือ 1 ใน 5 นักเตะของ แมนฯ ซิตี้ ที่ถูกพูดถึงมากสำหรับการพัฒนาจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จนเป็นแข้งที่โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมจัดไปถึง 8 ประตูในเกมลีก อีกทั้งยัง แอสซิสต์ มากถึง 11 ลูกเป็นรองเพียงแค่ เควิน เดอ บรอยน์ เพียงคนเดียวเท่านั้น
14. (ร่วม) ดาบิด ซิลบา
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 17.4% (8ประตู)
ดาบิด ซิลบา เป็นจอมแอสซิสต์ตัวจริง ทว่าก็ต้องไม่ลืมว่าเขาเป็นจอมยิงประตูคนหนึ่งเหมือนกัน โดยเฉพาะในปี 2014-15 ที่ยิงได้ถึง 12 ลูก และมีสถิติการเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูมากถึง 18% ที่สำคัญ เขายังไม่แสดงให้เห็นสัญญาณของอาการฟอร์มตกเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ตอนนี้อายุอานามก็ 32 ปีเข้าไปแล้ว
13. โรเมลู ลูกากู
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 18.2% (14 ประตู)
ลูกากู ยิงในพรีเมียร์ลีกไป 14 ประตูแล้ว และและจากสถิติกอันแมนยำที่เราได้กล่าวไปเราคงต้องบอกว่าเขาเป็นกองหน้าที่เปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตูได้ดีกว่าที่หลายคนวิจารณ์เขา
12. คัลลัม วิลสัน
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 18.4% (7 ประตู)
ดาวเตะวัย 26 ปี สร้างชื่อสร้างสกอร์มาแบบเงียบๆ 6 เกมแรกของฤดูกาลนี้ เขายิงหรือแอสซิสต์ไม่ได้สักลูก ก่อนที่จะกลับมาเกิดใหม่ในครึ่งหลังของฤดูกาลด้วยการยิงทั้ง อาร์เซน่อล และ เชลี ก่อนที่จะมารัวแฮตทริกใส่ฮัดเดอร์สฟิลด์ได้อย่างต่อเนื่อง
11. ซน เฮือง มิน
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 18.5% (12 ประตู)
นี่คือฤดูกาลที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เล่นให้กับ สเปอร์ส ของ ซน เฮือง มิน ดาวเตะชาวเกาหลีใต้ยิงไป 12 ประตูจากการลงเล่นตัวจริงในเกมลีก 22 นัด และมีค่าเฉลี่ยความเฉียบขาดที่สูงมากสำหรับนักเตะตำแหน่งปีก
ยิ่ง แฮร์รี่ เคน หัวหอกอันดับ 1 ของอังกฤษเจ็บไปแบบนี้ ทีมไก่เดือยทองคงหวังให้โอปป้าผู้นี้แบกเกมรุกเป็นแน่
10. เซร์คิโอ อเกวโร่
เปลี่ยนโอกาสเป็นประคู 18.9% (17 ลูก)
อันดับ 10 ดูจะต่ำไปบ้างสำหรับเขา โดยเฉพาะในช่วงปีที่เเล้วที่ค่าความเฉียบขาดของเขาตกลงไปเหลือเพียงแค่ 12% เท่านั้น
อย่างไรก็ตามในฤดูกาล 2017/18 อเกวโร่ กลับมาเเล้ว ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการต้องเค้นฟอร์มเพื่อแย่งตัวจริงกับ กาเบรียล เชซุส นั่นเอง
9. โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 19.1% (13 ประตู)
เรียกได้ว่า ฟิร์มิโน่ คือหนึ่งในนักเตะที่ทำงานหนักมากของ ลิเวอร์พูล เขายิงได้ครึ่งหนึ่งที่ โม ซาลาห์ ทำได้ ทั้งๆ ที่เขาเองต้องรับหน้าที่การเปิดพื้นที่ดึงกองหลังให้กับดาวเตะชาว อียิปต์ เข้าไปใส่สกอร์
หนึ่งในสามจากประตูของเขาทั้งหมดที่ยิงได้เกิดขึ้นในกรอบเขตโทษ และมีเพียงแค่ แฮร์รี่ เคน เท่านั้นที่ทำได้มากกว่า
7. (ร่วม) อองโตนี่ มาร์กซิยาล
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 19.5% (8 ลูก)
เมื่อไรก็ตามที่ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเขาจะปิดจ็อบด้วยการทำประตู แม้ว่าจะมีโอกาสยิงต่อเกมน้อยมากก็ตาม
8 ประตูจากการง้างเท้า 41 ครั้งดูไม่เลวเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามยังมีเพื่อนร่วมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทำได้มากกว่าเขา
7. (ร่วม) เจสซี่ ลินการ์ด
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 19.5% (8 ประตู)
ลินการ์ด มีการพัฒนาตัวเองที่ก้าวกระโดดมาก เขายิงได้ 8 ประตูจากการยิง 41 ครั้งในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และเป็นการยิงใส่ทั้ง เชลซี และ อาร์เซน่อลจากการโดนเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองอีกด้วย
ลินการ์ด ไม่ได้เป็นนักเตะอังกฤษที่มีค่าเฉลี่ยนเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูมากที่สุด อย่างไรก็ตามจะเห็นว่าเขามีโอกาสจะไปถึงจุดนั้นได้
6. เกล็น มาร์รี่ย์
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 20% (7 ประตู)
สถิติการยิงประตูของดาวยิงจาก ไบรท์ตัน มีการบอกว่าเขาสมควรได้รับโอกาสติดทีมชาติอังกฤษไปลุยฟุตบอลโลก แม้จะอายุ 34 ปีก็ตาม
สถิติการยิงประตูของเขานั้นถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากต่อทีมน้องใหม่ที่กำลังหนีตายอย่าง ไบรท์ตัน ในเวลานี้
5. ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
เปลี่ยนโอกาสเป็นประคู 21.5% (14 ประตู)
ขณะที่เขาพัฒนาขึ้นในทุกๆ ด้าน ความโดดเด่นที่พุ่งขึ้นมาสำหรับสเตอร์ลิ่งนั้นคือการยิงประตูยามที่มีโอกาส
แม้ว่าจะมีการยิงจ่อๆ พลาดไปบ้าง แต่โดยรวมเเล้ว สเตอร์ลิ่ง ยังเป็นคนที่ ซิตี้ พึ่งพาได้อยู่ดี เพราะตลอด 5 ปีก่อนหน้านี้ สเตอร์ลิ่ง มีเปอร์เซนต์ความเเม่นยำอยู่ที่เพียง 11% เท่านั้นเอง
4. เจมี่ วาร์ดี้
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 21.7% (10 ประตู)
4 จาก 14 ประตูของดาวยิงจาก เลสเตอร์ เกิดขึ้นจากการยิงลูกโทษ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังยิงประตูได้มากอยู่ดี นั่นคือเหตุผลที่ วาร์ดี้ จะเป็นตัวเลือกของทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลกแน่นอน
แม้ว่าเขาจะเหมาะกับแท็คติกการเล่นส่วนกลับ แต่ดูเหมือนว่ามันคือแผนบีที่ เซาธ์เกต แทบไม่ต้องหาใครเพิ่มอีกเเล้ว
3. เวย์น รูนี่ย์
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 21.9% (7 ประตู)
นั่นไงล่ะ? เรียกเขาไปฟุตบอลโลกดีไหม?
แน่นอนว่าชื่อของเขาสร้างความเซอร์ไพรส์ที่ติดเข้ามาใน Top 20 ของเรา ทว่าปีนี้คือปีที่เขามีโอกาสยิงน้อยแต่เปลี่ยนมันเป็นประตูได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะยิงจากในกรอบเขตโทษแล้ว เขายังยิงไกลจากครึ่งสนามมาเเล้วอีกด้วย
2. กาเบรียล เชซุส
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 22.2% (8 ประตู)
สุดยอดมากจริงๆสำหรับการเบียดตำแหน่งจาก อเกวโร่ รวมถึงการมีสถิติการยิงประตูที่แม่นยำกว่าดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์
แม้ในปีนี้ เชซุส จะได้รับบาดเจ็บจนพักต้องไปหลายเกม และมีโอกาสลงเล่นตัวจริง 13 นัด เปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรอง 8 นัด ไม่อย่างนั้นค่าเฉลี่ยนของเขาอาจจะดีกว่านี้ก็ได้ แต่จากโอกาสเพียง 36 ครั้งในตอนนี้ หมอนี่มันคมจริงๆ
1. โมฮัมเหม็ด ซาลาห์
เปลี่ยนโอกาสเป็นประตู 23.5% (27 ประตู)
การยิง 28 ประตูในพรีเมียร์ลีกก่อนเดือน มีนาคม ช่างเป็นอะไรที่โหดจัดได้ใจจริงๆ และไม่ใช้สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆ แน่นอน ซาลาห์ มีโอกาสยิง 3.9 ครั้งต่อเกม น้อยกว่าเเฮร์รี่ เคน เพียงคนเดียวเท่านั้น และนี่คือสิ่งที่ทำให้เขาเป็นราชาคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริง
credit : www.fourfourtwo.com/th