เมื่อปี 2009 ใบหูเราฉีกขาดตุ้ม เนื่องจากเราเจาะหูทั้งหมด 3 รู และรูสุดท้ายที่อยุ่ด้านบนเจาะหมิ่น ในเช้าวันหนึ่งขณะที่เราล้างหน้ามือคงไม่เกี่ยวกับตุ้มหูโดยไม่รู้ตัวเลยทำให้ใบหูฉีกขาด ในตอนนั้นเราไม่ได้ไปหาหมอเพื่อเย็บแผล เพราะว่าเราไม่เห็นเลือดและไม่เจ็บด้วยเลยปล่อยแผลมันหายเองตามธรรมชาติ แต่หลังจากที่แผลหลายดีแล้ว เราก็พบว่าหูเราแหว่งมันไม่สนิทกันเหมือนเดิม (ตามรูปด้านล่าง) เนื่องจากมันก็ไม่ได้กระทบการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ๆ เลยปล่อยมันมานานหลายปี จนกระทั่งเรานั่งอ่านรีวิวเรื่องศัลยกรรมใบหูเราเลยลองติดต่อไปที่ First Care Clinic (น.พ. อภิชาญ) เพราะเห็นหลายเคสคุณหมอก็ทำออกมาแผลสวย งานละเอียด เท่าที่อ่านมาคุณหมอน่าจะมีประสบการณ์เรื่องการศัลยกรรมมาพอสมควร เราก็เลยติดต่อนัดเข้าไปพบ คลีนิกอยู่แถวสวนหลวง ร.9 ซึ่งการเดินทางสำหรับคนที่ไม่มีรถอาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ แท๊กซี่อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะย่านนั้นยังไม่มีรถไฟฟ้า ส่วนคนที่ขับรถมาก็สามารถจอดได้ที่หน้าคลีนิกเลย ลักษณะคลีนิกเหมือนบ้านพักอาศัย 2 ชั้นที่มีการดัดแปลง เป็นตึกสีชมพูสังเกตุได้ไม่ยาก พอดีเราไม่ได้ถ่ายรุปมาเลยไม่มีภาพประกอบ
มาถึงก็มีการทำประวัติคนไข้ วัดความดัน หลังจากนั้นก็เดินขึ้นชั้น 2 เพื่อพบคุณหมอ การปรึกษาคุณหมอแต่ละเคสมีค่าใช้จ่ายเคสละ 300 บาท ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจทำศัลยกรรมต่อหรือไม่ คุณหมอซักประวัติเราละเอียดยิบถามถึงอาชีพและประเภทของงานที่ทำ คุณหมอให้คำแนะนำดีแต่จาก character คุณหมอค่อนข้างจริงจังในการซักถามและให้ข้อมูล เลยทำให้เรารู้สึกเครียด แต่คุณหมอก็ได้แจ้งผลที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากการทำศัลยกรรมตรง ๆ กับเราเพื่อให้เรารับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ สุดท้ายเราก็ตัดสินใจผ่าตัดเล็กวันนั้นเลย เนื่องจากคุณหมอมีคิวว่างพอดี ก่อนผ่าตัดก็จะมีเอกสารมาให้เราเซ็นต์ยินยอม เราจำเนื้อหาได้คร่าว ๆ ว่าแผลอาจจะมีการขยาย เปลี่ยนสีเป็นเข้มหรือขาว เป็นแผลเป็นนูน และอื่น ๆ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้
หลังเซ็นต์เอกสารเสร็จเราก็เปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัด (สีเขียว) ในห้องผ่าตัดมีคุณหมอ และผู้ช่วยอีก 2 คน ถ้าใครจินตนาการภาพห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลใหญ่อาจจะเป็นคนละภาพ เพราะคลีนิกที่นี่ก็เหมือนห้องธรรมดาที่มีเตียงผ่าตัดวางกลางห้อง แต่ก็น่าจะได้มาตราฐานอยู่เพราะเราเหลือบไปเห็นถังออกซิเจนตั้งอยู่ในห้องผ่าตัดด้วยเผื่อมีกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากหูที่เราทำการผ่าตัดคือด้านซ้าย เราเลยต้องนอนตะแคงประมาณ 1 ชั่วโมงกับ 15 นาที ซึ่งเมื่อยมาก ตอนผ่าตัดนั้นเราก็รุ้สึกมีการดึงรั้งที่หูแต่ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร เพราะเราไม่รู้สึกอะไรตั้งแต่หลังการฉีดยาชา (ซึ่งกระบวนการนี้เจ็บสุดละ) ในขณะผ่าตัดก็มีเปิดเพลงเบา ๆ คลอไปด้วย น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ทั้งหมอ และคนไข้รุ้สึกผ่อนคลายระหว่างการผ่าตัด หลังจากผ่าตัดแล้วก็มีการถ่ายภาพเก็บไว้เป็นเคส รวมถึงคุณหมอมีการอธิบายวิธีการดูแลรักษาแผล ซึ่งก็ไม่ได้ยากอะไร ในเคสของเราหมอให้ล้างแผลด้วยน้ำต้มสุกและผ้ากอส และทายาซึ่งน่าจะเป็น oilment วันละ 4 ครั้ง รวมถึงกินยาแก้ปวด ฆ่าเชื้อ และลดบวมเป็นเวลาประมาณ 1 อาทิตย์ สำหรับยาแก้ปวดหมอให้เรากินแค่ 2 วัน ถ้าไม่มีอาการเจ็บแผลก็หยุดกินได้ เราต้องล้างแผลเป็นเวลา 14 วัน และจะมีการนัดตัดไหมอีกครั้ง นอกจากวิธีการดูแลแผลแล้ว หมอก็ยังแนะนำให้เรานอนหมอนตัวยูเอียงประมาณ 30 องศาในสองคืนแรกเพื่อไม่ให้แผลบวม และทับแผล เรานอนหมอนตัวยูทั้ง 14 วันจนกระทั่งวันตัดไหมเพราะกลัวทับแผลตัวเอง ลืมบอกไปนิดนึงว่าช่วยเวลา 14 วันนี้ ต้องระวังไม่ให้น้ำโดนแผลเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ เราสามารถสระผมได้ แต่ต้องไปสระที่ร้านเท่านั้น
นี่คือภาพก่อนศัลยกรรม
ภาพหลังทำศัลยกรรม (วันผ่าตัด)
วันที่สองหลังผ่าตัด
ครบกำหนด 14 วันที่ต้องตัดไหมพอดี จากที่เราศึกษามาการเย็บของหมอจะมีผลกับการเกิดรอยแผลเป็นในอนาคตได้ หากแผลเย็บสวยโอกาสการเกิดแผลเป็นจะลกลง สำหรับเราเรารู้สึกว่าแผลเราแห้งไม่เจ็บตั้งแต่ครบอาทิตย์แล้ว เราดูแลแผลค่อนข้างดีมากต้องระวังให้โดนน้ำน้อยที่สุด หรือไม่โดนน้ำเลยยิ่งดี ผมก็ต้องรวบขึ้น และใส่คาดผมหรือติดกิ๊บทุกวันเพื่อกันผมไปสัมผัสโดนแผล
หลังจากตัดไหมเราค่อนข้างพอใจก็แผล ถ้าไม่สังเกตดี ๆ ก็อาจจะไม่เห็นรอยแผลเราได้ แต่เราก็ยังลุ้น ๆ อยู่ว่าจะเป็นคีลอยด์หรือไม่ เพราะหมอแจ้งว่าใน 3 เดือนแรกอาจจะเกิดแผลนูนขึ้นมาเนื่องจากเป็นกระบวนการการหายของแผล ซึ่งมันจะบุบไปเอง (ถ้าไม่เป็นคีลอยด์) หมอมีสอนวิธีนวดแผลให้ด้วย รวมถึงบอกวิธีการดูแลแผลอย่างละเอียดหลังตัดไหม ซึ่งรายละเอียดนี้จะแตกต่างกันตามผิวหนังของแต่ละบุคคล
หลังตัดไหมวันแรก
ถ้าสอนใจลองติดต่อไปที่คลีนิกเพื่อสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ได้เลย ลอง google ชื่อ First Care Clinic ดูก็จะพบข้อมูลเบอร์โทร ที่อยู่ (ตำแหน่ง gps ใน FB ปักหมุดถูกต้อง) ค่าเสียหายของเราคุณหมอตีราคาที่ 25,000 บาท เนื่องจากคุณหมอบอกว่าเป็นงานละเอียดมีการเย็บหลายชั้นค่ะ หากใครสนใจเราแนะนำไปปรึกษาคุณหมอก่อนเพื่อเก็บข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจค่ะ
[CR] รีวิวศัลยกรรมใบหูฉีกขาดจากตุ้มหู
มาถึงก็มีการทำประวัติคนไข้ วัดความดัน หลังจากนั้นก็เดินขึ้นชั้น 2 เพื่อพบคุณหมอ การปรึกษาคุณหมอแต่ละเคสมีค่าใช้จ่ายเคสละ 300 บาท ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจทำศัลยกรรมต่อหรือไม่ คุณหมอซักประวัติเราละเอียดยิบถามถึงอาชีพและประเภทของงานที่ทำ คุณหมอให้คำแนะนำดีแต่จาก character คุณหมอค่อนข้างจริงจังในการซักถามและให้ข้อมูล เลยทำให้เรารู้สึกเครียด แต่คุณหมอก็ได้แจ้งผลที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากการทำศัลยกรรมตรง ๆ กับเราเพื่อให้เรารับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ สุดท้ายเราก็ตัดสินใจผ่าตัดเล็กวันนั้นเลย เนื่องจากคุณหมอมีคิวว่างพอดี ก่อนผ่าตัดก็จะมีเอกสารมาให้เราเซ็นต์ยินยอม เราจำเนื้อหาได้คร่าว ๆ ว่าแผลอาจจะมีการขยาย เปลี่ยนสีเป็นเข้มหรือขาว เป็นแผลเป็นนูน และอื่น ๆ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้
หลังเซ็นต์เอกสารเสร็จเราก็เปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัด (สีเขียว) ในห้องผ่าตัดมีคุณหมอ และผู้ช่วยอีก 2 คน ถ้าใครจินตนาการภาพห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลใหญ่อาจจะเป็นคนละภาพ เพราะคลีนิกที่นี่ก็เหมือนห้องธรรมดาที่มีเตียงผ่าตัดวางกลางห้อง แต่ก็น่าจะได้มาตราฐานอยู่เพราะเราเหลือบไปเห็นถังออกซิเจนตั้งอยู่ในห้องผ่าตัดด้วยเผื่อมีกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากหูที่เราทำการผ่าตัดคือด้านซ้าย เราเลยต้องนอนตะแคงประมาณ 1 ชั่วโมงกับ 15 นาที ซึ่งเมื่อยมาก ตอนผ่าตัดนั้นเราก็รุ้สึกมีการดึงรั้งที่หูแต่ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร เพราะเราไม่รู้สึกอะไรตั้งแต่หลังการฉีดยาชา (ซึ่งกระบวนการนี้เจ็บสุดละ) ในขณะผ่าตัดก็มีเปิดเพลงเบา ๆ คลอไปด้วย น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ทั้งหมอ และคนไข้รุ้สึกผ่อนคลายระหว่างการผ่าตัด หลังจากผ่าตัดแล้วก็มีการถ่ายภาพเก็บไว้เป็นเคส รวมถึงคุณหมอมีการอธิบายวิธีการดูแลรักษาแผล ซึ่งก็ไม่ได้ยากอะไร ในเคสของเราหมอให้ล้างแผลด้วยน้ำต้มสุกและผ้ากอส และทายาซึ่งน่าจะเป็น oilment วันละ 4 ครั้ง รวมถึงกินยาแก้ปวด ฆ่าเชื้อ และลดบวมเป็นเวลาประมาณ 1 อาทิตย์ สำหรับยาแก้ปวดหมอให้เรากินแค่ 2 วัน ถ้าไม่มีอาการเจ็บแผลก็หยุดกินได้ เราต้องล้างแผลเป็นเวลา 14 วัน และจะมีการนัดตัดไหมอีกครั้ง นอกจากวิธีการดูแลแผลแล้ว หมอก็ยังแนะนำให้เรานอนหมอนตัวยูเอียงประมาณ 30 องศาในสองคืนแรกเพื่อไม่ให้แผลบวม และทับแผล เรานอนหมอนตัวยูทั้ง 14 วันจนกระทั่งวันตัดไหมเพราะกลัวทับแผลตัวเอง ลืมบอกไปนิดนึงว่าช่วยเวลา 14 วันนี้ ต้องระวังไม่ให้น้ำโดนแผลเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ เราสามารถสระผมได้ แต่ต้องไปสระที่ร้านเท่านั้น
นี่คือภาพก่อนศัลยกรรม
ภาพหลังทำศัลยกรรม (วันผ่าตัด)
วันที่สองหลังผ่าตัด
ครบกำหนด 14 วันที่ต้องตัดไหมพอดี จากที่เราศึกษามาการเย็บของหมอจะมีผลกับการเกิดรอยแผลเป็นในอนาคตได้ หากแผลเย็บสวยโอกาสการเกิดแผลเป็นจะลกลง สำหรับเราเรารู้สึกว่าแผลเราแห้งไม่เจ็บตั้งแต่ครบอาทิตย์แล้ว เราดูแลแผลค่อนข้างดีมากต้องระวังให้โดนน้ำน้อยที่สุด หรือไม่โดนน้ำเลยยิ่งดี ผมก็ต้องรวบขึ้น และใส่คาดผมหรือติดกิ๊บทุกวันเพื่อกันผมไปสัมผัสโดนแผล
หลังจากตัดไหมเราค่อนข้างพอใจก็แผล ถ้าไม่สังเกตดี ๆ ก็อาจจะไม่เห็นรอยแผลเราได้ แต่เราก็ยังลุ้น ๆ อยู่ว่าจะเป็นคีลอยด์หรือไม่ เพราะหมอแจ้งว่าใน 3 เดือนแรกอาจจะเกิดแผลนูนขึ้นมาเนื่องจากเป็นกระบวนการการหายของแผล ซึ่งมันจะบุบไปเอง (ถ้าไม่เป็นคีลอยด์) หมอมีสอนวิธีนวดแผลให้ด้วย รวมถึงบอกวิธีการดูแลแผลอย่างละเอียดหลังตัดไหม ซึ่งรายละเอียดนี้จะแตกต่างกันตามผิวหนังของแต่ละบุคคล
หลังตัดไหมวันแรก
ถ้าสอนใจลองติดต่อไปที่คลีนิกเพื่อสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ได้เลย ลอง google ชื่อ First Care Clinic ดูก็จะพบข้อมูลเบอร์โทร ที่อยู่ (ตำแหน่ง gps ใน FB ปักหมุดถูกต้อง) ค่าเสียหายของเราคุณหมอตีราคาที่ 25,000 บาท เนื่องจากคุณหมอบอกว่าเป็นงานละเอียดมีการเย็บหลายชั้นค่ะ หากใครสนใจเราแนะนำไปปรึกษาคุณหมอก่อนเพื่อเก็บข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจค่ะ