ถ้าคุณคือการะเกด คุณจะลองเปลี่ยนประวัติศาสตร์ไหมครับ

ผมชะล่าใจ ประมาทหลวมตัวไปดูบุพเพสันนิวาสเมื่อห้าวันที่แล้ว ไม่คิดว่าจะติด รู้ตัวอีกทีมาวันนี้ผมดูจนจบ EP9 ไปเรียบร้อยแล้ว คอนเซ็ปต์ของเนื้อเรื่องละม้ายคล้ายกับคำสาปฟาโรห์มาก

แต่ผมเกิดความสงสัยอยู่เรื่องหนึ่งครับ ในช่วงที่เกศสุรางค์ไปอยู่ในร่างการะเกด ก็ล่วงมาจนถึงยุคที่อาณาจักรอยุธยาเจริญรุ่งเรืองขีดสุด คือในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และถือเป็นยุคเกือบจะปลายแล้ว คืออีกแค่ไม่ถึง 80 ปีก็จะเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่นั่นคือการเสียกรุงครั้งที่สอง ซึ่งจะมีคนล้มตายเรือนแสน บ้างก็ถูกต้อนให้ไปเผชิญชะตากรรมประวัติศาสตร์อันเลวร้ายที่พม่า (พม่าหลังจากเหตุการกรุงศรีฯ ก็ระส่ำระส่ายมาตลอดจนปัจจุบัน) และส่วนมากจะเป็นระดับเจ้าขุนมูลนาย คนในเชื้อพระวงศ์เฉกเช่นคนในครอบครัวของนางแทบทั้งนั้น และแน่นอนลูกหลานของนางกับพี่หมื่นก็คงไม่รอดพ้นชะตากรรมนี้ หากไม่เฉลียวใจและหาทางหลบหนีลี้ภัยออกจากกรุงศรีฯ ไปเสียก่อน

ทำให้เกิดคำถามตามมาคือ ******ถ้าคุณคือเกศสุรางค์ที่อยู่ในร่างของการะเกด และศึกษาประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีฯ มามากขนาดนั้น คุณจะลองเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ดูไหมครับ******* เช่น

1. หาทางเตือนหรือแก้ไขบางอย่างไม่ให้พระเพทราชาบุ่มบ่ามกีดกันชาวต่างชาติทั้งฝรั่งและญี่ปุ่น ขอเพียงอย่างมากแค่จัดการเรื่องของตาฟอลคอน ไม่ให้มันคิดการร้ายต่อราชอาณาจักรเท่านั้นพอ อย่าไปฆ่าเขา แต่ยังคงไว้ซึ่งสานสัมพันธ์ที่ดีงามต่อชาวต่างชาติตลอดไป
2. หาหนทางที่จะเตือนสมเด็จพระนารายณ์ให้มองการภายภาคหน้าว่าจะมีภัยจากพม่า และหาทางปูพื้นฐานกองกำลังของราชอาณาจักรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นตั้งแต่เหนือจรดใต้แดนสยาม รวมไปถึงเสริมความแข็งแกร่งการป้องกันทางทะเลเพื่อตั้งรับการรุกรานของชาวต่างชาติในยุคล่าอาณานิคมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีก 200 ปีข้างหน้า (แต่ไม่รู้จะกันญี่ปุ่นได้ไหม)
3. เอาความรู้ทางวิทยาศาตร์ คณิตศาสตร์ การเกษตร การกสิกรรม การสาธารณสุข เท่าที่นางเรียนรู้มาจากโลกอนาคต มาพัฒนาองค์ความรู้ให้กับชาวสยาม เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดในวิทยาการทุกๆ แขนง
4. และอีกมากมายครับที่จะทำให้ชาติมีความแข็งแกร่งจนพม่าสมัยนั้นอาจต้องปาดเหงื่อแล้วปาดเหงื่ออีก ถ้าคิดจะเข้ามารุกรานสยาม ถึงขั้นต้องล้มเลิกความคิดไปในที่สุด

ผมอาจเพ้อเจ้อ แต่ถ้าเป็นผม ผมจะลองเปลี่ยนประวัติศาสตร์ดูนะครับ เพราะผมคงยืนเฉยๆ รอนับถอยหลังสู่วันแห่งโลกาวินาศไม่ได้แน่นอนทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ และการที่ผมถูกส่งให้กลับไปยังโลกอดีต ผมถือว่าพระเจ้า หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ จะอะไรก็แล้วแต่ ได้เข้าใจในผลข้างเคียงที่ตามมาของการให้ผมไปอยู่ตรงนั้น ว่าผมอาจกระทำการบางอย่างตามที่ผมเห็นสมควรเพื่ออนาคตที่ผมคิดว่าดีต่อส่วนรวม ไม่งั้นเขาก็คงไม่กล้าส่งไป (แต่กรณีนี้คนที่ไปลากเกศสุรางค์มาคือการะเกด นางคงคิดแต่เรื่องสามี) เพราะเกศสุรางค์ในร่างการะเกดเองยังเอาความรู้เรื่องการป้องกันมาลาเรีย กระทะปิ้งย่างเกาหลี เครื่องกรองน้ำ ไปถ่ายทอดให้คนในสมัยนั้น คุณไม่คิดว่าแค่สามเรื่องนี้จะไม่ทำให้ประวัติศาสตร์ไทยเปลี่ยนแปลงหรือครับ ถ้าเกศสุรางค์ข้ามเวลากลับมาโลกปัจจุบัน ลูกหลานของการะเกดกับพี่หมื่น อาจกลายเป็นเจ้าของบริษัทผู้ผลิตเครื่องกรองน้ำที่ใหญ่ที่สุดของโลกก็ได้ อาจไม่มีบิลเกต ไม่มี Elon Musk เพราะจะมีแต่บริษัทการะเกดวอเตอร์ริ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกบริษัทเดียวที่เป็นเจ้าของกิจการขนาดยักษ์มากมายในเกือบๆ ทุกอุสาหกรรมทั่วทั้งโลกเลยก็ได้ โดยเติบโตจากเพียงแค่เครื่องกรองน้ำในวันนั้นที่เกศสุรางค์สาธิตให้ดู
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 39
เรื่องย้อนเวลา มันมีหลายทฤษฏี  หนังหรือละครแต่ละเรื่อง เวลาแต่งจะต้องมีบทอธิบายสมมติฐานที่ใช้ในการย้อนเวลา ว่าใช้ทฤษฏีแบบไหนอ้างอิง แล้วถึงจะผูกปมเรื่องต่อไปได้  ทฤษฏีที่หนังหรือนิยายส่วนใหญ่เลือกใช้ก็ต่างไปดังนี้

1. ทฤษฏีที่ว่าคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้ เพราะมันเป็นสายน้ำสายเดียวกัน หากคุณเปลี่ยนแปลงอะไรไป มันจะส่งผลถึงปลายน้ำ นั่นก็คือตัวตนของคุณในอนาคตนั่นเอง

2. ทฤษฏีโลกคู่ขนาน คือสิ่งที่คุณกลับไปเปลี่ยนแปลง จะสร้างสายน้ำเส้นใหม่ขึ้นมา ซึ่งไม่เกี่ยวกับสายน้ำสายเดิมที่คุณจากมา มันจะเป็นเหนือนหนังสือที่ซ้อนทับกันบนโต๊ะหนังสือ หนังสือแต่ละเล่มก็มีเรื่องราวของตัวเอง เพียงแค่ตั้งวางอยู่บนพื้นที่เดียวกันเท่านั้นเอง

3. ทฤษฏีที่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกคือสิ่งที่ถูกกำหนดมาแล้ว  เช่นคนนี้ต้องตาย  ไม่ว่าคุณจะย้อนกลับไปอดีตเพื่อช่วยเค้ากี่ครั้ง  คนนี้ก็จะต้องตายอยู่ดีไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะการคงอยู่ของเขามีผลกับการเปลี่ยนแปลงของอนาคตในแบบที่ไม่ควรจะเป็น เพราะงั้นเวลาจะพยายามรักษาเส้นทางของมันเสมอ โดยทำให้เงื่อนไขที่ต้องเกิด ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง  นั่นคือการเชื่อว่ามีสิ่งที่เรียกว่า Destiny และ Free will  เช่นเราต้องไปที่ร้านอาหารแห่งนี้ เพราะเราจะไปพบกับคนรักของเราที่เราต้องแต่งงานด้วย  นั่นคือ Destiny  แต่พอเราไปถึงร้านอาหารแล้ว เราจะสั่งอาหารอะไรก็ได้แล้วแต่เรา  นั่นคือ Free will คือสิ่งที่เรากำหนดเอง  แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ผลลัพธ์คือเราต้องเดินทางไปที่ร้านอาหารแห่งนี้ และพบกับคนรักของเรา เพื่อที่จะแต่งงานกันในอนาคต  นั่นคือสิ่งที่เราเลี่ยงไม่ได้ และไม่มีใครสามารถย้อนเวลามาเปลี่ยนมัน

หลักๆ จะใช้แค่สามทฤษฏีนี้ครับในการเขียนละคร นิยายต่างๆ  ส่วนในโลกวิทยาศาสตร์ ทฤษฏีสตริงเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะมีสิ่งที่เรียกว่าโลกคู่ขนาน ซึ่งซ้อนทับอยู่บนโลกใบเดียวกันนี้  เช่นมีโลกที่ไดโนเสาร์ไม่สูญพันธุ์  ในขณะเดียวกันก็อาจจะมีโลกที่ไม่มีสงครามโลกเกิดขึ้นเลย ซ้อนทับระหว่างกันและกันอยู่  

ส่วนตัวผมเชื่อในทฤษฏีที่สองครับ และก็กำลังวางพล็อตนิยายแนวนี้อยู่เช่นกัน

ในเรื่องบุพเพสันนิวาศ ดูเหมือนจะใช้ทฤษฏีที่  3 เป็นหลักในการเขียน  ดังนั้นด้วยทฤษฏีนี้  ไม่ว่าจะพยายามเปลี่ยนแปลงอะไร สุดท้ายเหตุการณ์ที่ต้องเกิด มันก็ต้องเกิดอยู่ดี โดยที่ตัวเธอเองแก้ไขอะไรไม่ได้

แต่ถ้าผมย้อนกลับไปได้ สิ่งที่จะทำ

1. พัฒนาระบบปืน ให้กลายเป็นระบบแก็ป  และพัฒนาระบบกระสุนให้ดีขึ้น  ให้บรรจุง่ายขึ้น และเร่งความเร็วในการยิงต่อนัดได้ไวขึ้น  แค่นี้อยุธยาก็รบเก่งขึ้นอีกเยอะแล้ว

2. ยุคนั้นเป็นยุคศิลปะยุคบาโรก ผมก็จะให้พ่อค้าชาวฮอลันดา และฝรั่งเศส หาซื้องานศิลปะของศิลปินชื่อดังสมัยนั้นมาเก็บไว้  แล้วเอาไปเก็บในเมืองที่ปลอดภัย สร้างห้องเก็บดีๆ ในเมืองที่ปลอดภัย แค่นี้ก็รวยละ รูปยุคนั้นขายได้ราคามหาศาลทั้งนั้น

3. พัฒนาระบบสุขอนามัย อย่างน้อยก็ในเรือนของตน  คนในเรือนก็จะไม่ป่วยง่าย ตายง่าย

แต่ก็อย่างว่า  ถ้าเราไม่สามารถย้อนไปเกิดในร่างคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจในระดับนโยบาย เราก็ทำอะไรไม่ได้มากอยู่ดีนะแหละ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่