สวัสดีค่าาา ห่างหายจากการทำ Battle มานานแสนนาน วันนี้กลับมากับมือถือที่อุ้มไม่ได้ใช้งานทั้งสองเครื่องเลย 555 เครื่องนึงคือแชมป์เก่า iPhone X ผู้พ่ายแพ้ให้ Google Pixel 2 XL ไปเมื่อครั้งที่แล้ว ส่วนอีกเครื่องนึงคือ ว่าที่แชมป์ใหม่จาก Galaxy ที่กลับมาสู่สังเวียนด้วย Galaxy S9 Plus โดยการแบทเทิล และข้อความทั้งหมดในบทความนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของอุ้ม ย้ำ ความคิดเห็นส่วนตัวของอุ้มคนเดียว ไม่ดราม่า ไม่งอแง ไม่ว่ากันนะจ้ะ ถ้าพร้อมแล้ว ขอสั่นระฆังเริ่มการแบทเทิล ณ บัดนี้
|ยกที่ 1| ความสวยไม่เข้าใครออกใคร
เอาแบบเจอกันครั้งแรกเลยนะ อุ้มรู้สึกว่า iPhone X ว๊าวกว่า S9 Plus เหมือนที่เคยกรี๊ดไปในรีวิว iPhone X แบบจัดเต็มที่เคยทำไว้ (ใครยังไม่ได้อ่าน คลิ๊กที่นี่) เมื่อเทียบกับรุ่นพี่ iPhone ตั้งแต่ต้นตระกูลที่ผ่านมา iPhone X เป็นตัวแรกที่ยอมแหวก มาใช้จอ Super Retina HD ขนาด 5.8 นิ้ว ที่กินพื้นที่เป็น 82.9% ของพื้นที่ด้านหน้า และเว้นติ่งด้านบนไว้ ให้หลายๆค่ายสืบทอดกันต่อไป 555
ส่วนอีกฝั่งนึง เราขอใช้คำว่า Keep Look คือจาก S8 Plus นางก็ดูสวย ดูดี ดูแพงอยู่แล้ว เลยเอาร่างเดิม มาพร้อมหน้าจอ Quad HD+ sAMOLED Infinity Display อัตราส่วน 18.5:9 ขนาด 6.2 นิ้วมาด้วย ซึ่งความแซ่บของจอนั้นนน จัดไป 529 ppi เทียบกับ iPhone X ที่อยู่ที่ 458 ppi และกินพื้นที่ถึง 84.2% เมื่อเทียบกับพื้นที่ด้านหน้า
ถึงจะว๊าว กับหน้าตาโดยรวมกว่า แต่ถ้าดูฟังก์ชั่นการใช้งานจริงแล้ว S9 Plus ตอบโจทย์ได้ดีกว่า โดยเฉพาะความละเอียด ความใส และสีของหน้าจอ ส่วน iPhone X ก็ไม่เลวเลยทีเดียว มีการใส่ True Tone Display มา ปรับความเหลืองของหน้าจอให้อัตโนมัติ
ทั้งคู่ตัดปุ่มโฮมออก โดยใน iPhone X จะตัดออกไปเลย แต่ใน S9 Plus ยังคงมีปุ่มโฮมเสมือนใต้หน้าจอ และยังคงมีที่สแกนลายนิ้วมือไว้ด้านหลัง ซึ่งดีแล้ว … (เดี๋ยวจะมาเล่าต่อในหัวข้อถัดๆไป)
ด้านหลังของทั้งสองเครื่องเป็นกระจกทั้งคู่ ซึ่งก็ติดลายนิ้วมือกันไปสวยๆ 555 อัตราการติดพอๆกัน ไม่เอามาเป็นประเด็น ส่วนกล้องคู่ที่ตอนนี้เป็นแนวตั้งเหมือนกัน S9 Plus เนียนไปกับฝาหลัง ทำได้ดีกว่า iPhone X ที่ยื่นขึ้นมาให้หัวใจจะวายทุกครั้งที่วางบนโต๊ะแบบไม่ใส่เคส
สำหรับสีสัน อุ้มชอบสีน้ำเงินของ S9 Plus เป็นการส่วนตัว ทำให้ด้านหลัง อุ้มให้คะแนน S9 Plus มากกว่า ส่วนด้านหน้า ก็สวยคนละแบบ iPhone X อาจจะดีหน่อยตรง จอใหญ่แต่ตัวเล็ก แต่ดันหนากว่า S9 Plus หน่อยๆ
|ยกที่ 2| รักดีหามจั่ว รักชั่วห้ามเข้า
ถ้าพูดไปถึงการปลดล็อคที่ไม่ใช้การสแกน ถ้าจำไม่ผิด เหมือน Samsung Galaxy จะเริ่มกับ Iris Scanner ก่อน แต่ขอพูดตรงๆ ในเวอร์ชั่นแรก สร้างปัญหาให้กับคนใส่แว่นตาอย่างอุ้มมากค่ะ อีกฝั่งนึง เปิดตัวอย่างฮือฮาด้วย Face ID คือการปลดล็อคผ่านการสแกนใบหน้า ซึ่งจะนำมาสู่ Animoji ในยกถัดไป
ส่วน S9 Plus มีการคิดใหม่ ทำใหม่ สามารถใช้ Face Recognition คู่กับ Iris Scanner ได้ เพื่อสร้างทั้งความปลอดภัยที่มากขึ้น และความสะดวกสบายในการปลดล็อคตัวเครื่องได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็ทำได้ดีขึ้นมากจริงๆ
แต่เมื่ออุ้มได้เอามาทดสอบเทียบกันใน 3 สถานการณ์ เริ่มจากแสงในห้อง จนไปถึงปิดไฟมืด กลายเป็น Face ID ทำงานได้ไวกว่าฝั่ง Intelligent Scan เล็กน้อยในห้องที่ปิดไฟมืด แต่ในที่ที่มีแสง ก็จะปลดล็อคได้เร็วพอๆกัน
ไปๆมาๆ การที่ยังมีที่สแกนลายนิ้วมือ ก็สร้างความสะดวกสบายให้เรามากกว่า ตรงที่หากใช้งานเครื่องนี้หลายคน S9 Plus ยังลงทะเบียนลายนิ้วมือได้หลายอัน ส่วน iPhone X ก็จะต้องอาศัยการกดรหัสกันไป ขึ้นอยู่ว่าถนัดแบบไหน เพราะหน้าลงทะเบียนได้ 1 หน้าต่อครั้งเท่านั้น
|ยกที่ 3| ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแอพ
ถึงใครจะมากับกล้องคู่ ด้วยวัตถุประสงค์ไหนก็ตาม แต่ iPhone X และ S9 Plus มาด้วยเหตุผลเดียวกันคือ ตัวนึงคือเลนส์ Wide อีกตัวคือเลนส์ Tele นั่นเอง ความเก๋ของ S9 Plus ที่เพิ่มเติมขึ้นคือ Dual Aperture การใส่ค่ารูรับแสงมาถึง 2 ค่าคือ f/1.5 และ f/2.4 ในกล้องตัวหลัก และ f/2.4 ในกล้องอีกตัวนึง ทำให้คุณภาพของภาพที่ออกมา ทำได้ดีมากกก โดยเฉพาะในที่แสงน้อย
สำหรับ iPhone X จะมากับกล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซลทั้งสองตัวเหมือน S9 Plus โดยค่ารูรับแสงจะเป็น f/1.8 สำหรับกล้องตัวหลัก และ f/2.4 สำหรับกล้องอีกตัวนึง ทั้งสองเครื่องสามารถทำภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ทั้งคู่ ผ่าน Live Focus ของ S9 Plus และโหมด Portrait ใน iPhone X แต่จากใจจริง เรื่องหน้าชัดหลังเบลอ ทั้งสองตัว ยังสู้เจ้า Pixel 2 XL จีจี ไปลองชมตัวอย่างภาพจากที่แสงน้อยเปรียบเทียบกันขำๆกันก่อนนะคะ
[รอทำภาพตามมาสักครู่]
สำหรับกล้องหน้า อุ้มยังคงให้กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซลของ S9 Plus ชนะไปนิ่มๆ เหมือนเดิม ทั้งสวยใส หน้าผ่องกว่า มีลูกเล่น ที่แทบจะยกสโนว์มาเลย และรูรับแสงกล้องหน้าที่กว้างถึง 1.7 ทำให้ได้ภาพในที่แสงน้อยออกมาดีกว่า iPhone X ที่ก็พัฒนาในเรื่องการใส่การจัดแสงในโหมด Portrait เข้ามา แต่มันก็ยังจริงไปนิดนะออเจ้า
ยังมีอีกหลายอย่างที่ S9 Plus ใส่มาให้ ทั้งการถ่าย 960 fps Super Slow Motion หรือจะเป็นการปรับโบเก้เป็นรูปหัวใจอะไรอย่างนี้ได้อีก เดี๋ยวมีโอกาสจะทำเรื่องของกล้องให้ดูอีกทีนะคะ
|ยกที่ 4| ขี่ช้าง จับ Emoji
เราคุ้นเคยกับชื่อเสียงเรียงนามของ Animoji เป็นอย่างดีใน iPhone X ถือว่าเป็นลูกเล่นที่ใครได้เครื่องมาก็ต้องลอง ลองเสร็จแล้วก็ลืม ว่าเคยมีด้วยหวะ 555 … จริงๆ มันเป็นอีก 1 ลูกเล่นหลัก ที่แสดงถึงประสิทธิภาพกล้องหน้า หรือกล้อง TrueDepth ของ iPhone X เป็นอย่างดี
S9 Plus ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ปล่อย AR Emoji ออกมาพร้อมรบ โดยมีความเจ๋งกว่า คือการสร้าง AR Emoji ที่เป็นคาแรคเตอร์ของเราได้ และยังใช้ตัวที่หน้าเหมือนเราเหล่านี้ ทำเป็น .GIF ส่งต่อให้เพื่อนๆได้อีกด้วย
แต่ขอบอกเลยว่า เจ้า Animoji ค่อนข้างน่ารัก และใช้งานได้ตามที่เราขยับใบหน้ามากกว่า AR Emoji อย่างเห็นได้ชัด อันนี้คงต้องรอทาง Samsung พัฒนาเวอร์ชั่นต่อๆไปออกมาอีกนะคะ
|ยกที่ 5| ของมันแรง ห้ามแซงนะน้อง
ถ้าพูดถึงความแรงของทั้งสองตัว แค่อ่านสเปค ก็คงต้องให้คำว่า สูสีดู๋ดี๋ เหลือเกิน ฝั่ง iPhone X ก็มากับชิพเซ็ต Apple A11 Bionic บน iOS 11.2.6 ใส่แรมมา 3GB แรงที่สุดใน iPhone ที่มีมา และความจริงก็ทำได้ดีมากๆ อาการค้างหรือมีปัญหานี่แทบไม่มีให้เห็น
ส่วน S9 Plus ก็แรงที่สุดใน Galaxy เช่นเดียวกันค่ะ มากับชิพเซ็ต Exynos 9810 พร้อมแรม 6GB เล่นเกมสบายๆ แอบมีโอกาสได้ไปคุยกับน้องๆผู้เข้าแข่งขัน RoV เค้าบอกเลยว่า S9 Plus เล่นได้ดี ลื่น และเครื่องไม่ร้อนเท่า iPhone X อันนี้ก็ไม่รู้จริงไม่จริงยังไงนะคะ เพราะอุ้มเล่น RoV ได้อ่อนเหลือเกิน 555
สำหรับคะแนน AnTuTu Benchmark บน S9 Plus ได้ไป 235791 คะแนน เฉือนชนะ iPhone X ที่ 226983 ไปเพียงนิดเดียว ความไวและประสิทธิภาพทั้งสองตัว อุ้มไม่อยากเทียบอะไรมากค่ะ เพราะทำได้ดีทั้งคู่จริงๆ
ส่วนแบต ใน iPhone X จะใส่มา 2716 mAh เทียบกับ S9 Plus ที่ใส่มา 3500 mAh ถึง iPhone X จะแบตก้อนเล็กกว่า แต่ก็บริการจัดการแบตเตอรี่บนเครื่องได้ดีกว่าหลายรุ่นก่อนๆนะคะ
|ยกที่ 6| ให้คุ๊กกี้ทำนายกัน
หลังจากที่ปล่อยหมัดฮุกกันคนละหมัด ตอนนี้เรามาดูคือความฉลาด อย่างการใส่ผู้ช่วยอย่าง Siri & Bixby มาให้เรา ถึงตอนนี้ Bixby ยังพูดไทยฟังไทยไม่ได้ แต่ฟังก์ชั่นนึงที่อุ้มชอบมาก คือ Live Translation ถึงจะดึงคำแปลมาจาก Google Translate แต่มันก็สามารถช่วยเราเวลาไปท่องเที่ยวได้อย่างไม่น่าเชื่อ ส่วน Siri ก็ยังทำงานได้ดี ทั้งการรับคำสั่งต่างๆเป็นภาษาไทย และการใช้งานร่วมกับหลายๆ แอพพลิเคชั่น
มาถึงตรงนี้ คงต้องใช้คำว่า รบกวนเลือกเองแล้วกันนะคะ และมีบางประเด็นไม่ได้พูดถึง เช่นการกันน้ำและลำโพงแบบสเตอริโอที่เพิ่มเติมเข้ามา ทำให้ทั้งสองเครื่องเสียงดีขึ้นมาก แต่ตอนนี้อุ้มเอง ก็มีตัวเลือกในใจแล้วเช่นกัน 555 วันนี้อุ้มขอฝากการแบทเทิลไว้เท่านี้นะคะ เดี๋ยวรอเรือธงอีกแบรนด์มา จะเอามาเล่นกันอีกที ฝากติดตามกันได้ที่
แฟนเพจ IAUMReview หรือ
IAUMReview YouTube Channel และ
IG IAUMReview ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่า
[CR] | The Battle ศึกเจ้าสังเวียน | Galaxy S9 Plus vs iPhone X แบบไทยไทย
สวัสดีค่าาา ห่างหายจากการทำ Battle มานานแสนนาน วันนี้กลับมากับมือถือที่อุ้มไม่ได้ใช้งานทั้งสองเครื่องเลย 555 เครื่องนึงคือแชมป์เก่า iPhone X ผู้พ่ายแพ้ให้ Google Pixel 2 XL ไปเมื่อครั้งที่แล้ว ส่วนอีกเครื่องนึงคือ ว่าที่แชมป์ใหม่จาก Galaxy ที่กลับมาสู่สังเวียนด้วย Galaxy S9 Plus โดยการแบทเทิล และข้อความทั้งหมดในบทความนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของอุ้ม ย้ำ ความคิดเห็นส่วนตัวของอุ้มคนเดียว ไม่ดราม่า ไม่งอแง ไม่ว่ากันนะจ้ะ ถ้าพร้อมแล้ว ขอสั่นระฆังเริ่มการแบทเทิล ณ บัดนี้
|ยกที่ 1| ความสวยไม่เข้าใครออกใคร
เอาแบบเจอกันครั้งแรกเลยนะ อุ้มรู้สึกว่า iPhone X ว๊าวกว่า S9 Plus เหมือนที่เคยกรี๊ดไปในรีวิว iPhone X แบบจัดเต็มที่เคยทำไว้ (ใครยังไม่ได้อ่าน คลิ๊กที่นี่) เมื่อเทียบกับรุ่นพี่ iPhone ตั้งแต่ต้นตระกูลที่ผ่านมา iPhone X เป็นตัวแรกที่ยอมแหวก มาใช้จอ Super Retina HD ขนาด 5.8 นิ้ว ที่กินพื้นที่เป็น 82.9% ของพื้นที่ด้านหน้า และเว้นติ่งด้านบนไว้ ให้หลายๆค่ายสืบทอดกันต่อไป 555
ส่วนอีกฝั่งนึง เราขอใช้คำว่า Keep Look คือจาก S8 Plus นางก็ดูสวย ดูดี ดูแพงอยู่แล้ว เลยเอาร่างเดิม มาพร้อมหน้าจอ Quad HD+ sAMOLED Infinity Display อัตราส่วน 18.5:9 ขนาด 6.2 นิ้วมาด้วย ซึ่งความแซ่บของจอนั้นนน จัดไป 529 ppi เทียบกับ iPhone X ที่อยู่ที่ 458 ppi และกินพื้นที่ถึง 84.2% เมื่อเทียบกับพื้นที่ด้านหน้า
ถึงจะว๊าว กับหน้าตาโดยรวมกว่า แต่ถ้าดูฟังก์ชั่นการใช้งานจริงแล้ว S9 Plus ตอบโจทย์ได้ดีกว่า โดยเฉพาะความละเอียด ความใส และสีของหน้าจอ ส่วน iPhone X ก็ไม่เลวเลยทีเดียว มีการใส่ True Tone Display มา ปรับความเหลืองของหน้าจอให้อัตโนมัติ
ทั้งคู่ตัดปุ่มโฮมออก โดยใน iPhone X จะตัดออกไปเลย แต่ใน S9 Plus ยังคงมีปุ่มโฮมเสมือนใต้หน้าจอ และยังคงมีที่สแกนลายนิ้วมือไว้ด้านหลัง ซึ่งดีแล้ว … (เดี๋ยวจะมาเล่าต่อในหัวข้อถัดๆไป)
ด้านหลังของทั้งสองเครื่องเป็นกระจกทั้งคู่ ซึ่งก็ติดลายนิ้วมือกันไปสวยๆ 555 อัตราการติดพอๆกัน ไม่เอามาเป็นประเด็น ส่วนกล้องคู่ที่ตอนนี้เป็นแนวตั้งเหมือนกัน S9 Plus เนียนไปกับฝาหลัง ทำได้ดีกว่า iPhone X ที่ยื่นขึ้นมาให้หัวใจจะวายทุกครั้งที่วางบนโต๊ะแบบไม่ใส่เคส
สำหรับสีสัน อุ้มชอบสีน้ำเงินของ S9 Plus เป็นการส่วนตัว ทำให้ด้านหลัง อุ้มให้คะแนน S9 Plus มากกว่า ส่วนด้านหน้า ก็สวยคนละแบบ iPhone X อาจจะดีหน่อยตรง จอใหญ่แต่ตัวเล็ก แต่ดันหนากว่า S9 Plus หน่อยๆ
|ยกที่ 2| รักดีหามจั่ว รักชั่วห้ามเข้า
ถ้าพูดไปถึงการปลดล็อคที่ไม่ใช้การสแกน ถ้าจำไม่ผิด เหมือน Samsung Galaxy จะเริ่มกับ Iris Scanner ก่อน แต่ขอพูดตรงๆ ในเวอร์ชั่นแรก สร้างปัญหาให้กับคนใส่แว่นตาอย่างอุ้มมากค่ะ อีกฝั่งนึง เปิดตัวอย่างฮือฮาด้วย Face ID คือการปลดล็อคผ่านการสแกนใบหน้า ซึ่งจะนำมาสู่ Animoji ในยกถัดไป
ส่วน S9 Plus มีการคิดใหม่ ทำใหม่ สามารถใช้ Face Recognition คู่กับ Iris Scanner ได้ เพื่อสร้างทั้งความปลอดภัยที่มากขึ้น และความสะดวกสบายในการปลดล็อคตัวเครื่องได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็ทำได้ดีขึ้นมากจริงๆ
แต่เมื่ออุ้มได้เอามาทดสอบเทียบกันใน 3 สถานการณ์ เริ่มจากแสงในห้อง จนไปถึงปิดไฟมืด กลายเป็น Face ID ทำงานได้ไวกว่าฝั่ง Intelligent Scan เล็กน้อยในห้องที่ปิดไฟมืด แต่ในที่ที่มีแสง ก็จะปลดล็อคได้เร็วพอๆกัน
ไปๆมาๆ การที่ยังมีที่สแกนลายนิ้วมือ ก็สร้างความสะดวกสบายให้เรามากกว่า ตรงที่หากใช้งานเครื่องนี้หลายคน S9 Plus ยังลงทะเบียนลายนิ้วมือได้หลายอัน ส่วน iPhone X ก็จะต้องอาศัยการกดรหัสกันไป ขึ้นอยู่ว่าถนัดแบบไหน เพราะหน้าลงทะเบียนได้ 1 หน้าต่อครั้งเท่านั้น
|ยกที่ 3| ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแอพ
ถึงใครจะมากับกล้องคู่ ด้วยวัตถุประสงค์ไหนก็ตาม แต่ iPhone X และ S9 Plus มาด้วยเหตุผลเดียวกันคือ ตัวนึงคือเลนส์ Wide อีกตัวคือเลนส์ Tele นั่นเอง ความเก๋ของ S9 Plus ที่เพิ่มเติมขึ้นคือ Dual Aperture การใส่ค่ารูรับแสงมาถึง 2 ค่าคือ f/1.5 และ f/2.4 ในกล้องตัวหลัก และ f/2.4 ในกล้องอีกตัวนึง ทำให้คุณภาพของภาพที่ออกมา ทำได้ดีมากกก โดยเฉพาะในที่แสงน้อย
สำหรับ iPhone X จะมากับกล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซลทั้งสองตัวเหมือน S9 Plus โดยค่ารูรับแสงจะเป็น f/1.8 สำหรับกล้องตัวหลัก และ f/2.4 สำหรับกล้องอีกตัวนึง ทั้งสองเครื่องสามารถทำภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ทั้งคู่ ผ่าน Live Focus ของ S9 Plus และโหมด Portrait ใน iPhone X แต่จากใจจริง เรื่องหน้าชัดหลังเบลอ ทั้งสองตัว ยังสู้เจ้า Pixel 2 XL จีจี ไปลองชมตัวอย่างภาพจากที่แสงน้อยเปรียบเทียบกันขำๆกันก่อนนะคะ
[รอทำภาพตามมาสักครู่]
สำหรับกล้องหน้า อุ้มยังคงให้กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซลของ S9 Plus ชนะไปนิ่มๆ เหมือนเดิม ทั้งสวยใส หน้าผ่องกว่า มีลูกเล่น ที่แทบจะยกสโนว์มาเลย และรูรับแสงกล้องหน้าที่กว้างถึง 1.7 ทำให้ได้ภาพในที่แสงน้อยออกมาดีกว่า iPhone X ที่ก็พัฒนาในเรื่องการใส่การจัดแสงในโหมด Portrait เข้ามา แต่มันก็ยังจริงไปนิดนะออเจ้า
ยังมีอีกหลายอย่างที่ S9 Plus ใส่มาให้ ทั้งการถ่าย 960 fps Super Slow Motion หรือจะเป็นการปรับโบเก้เป็นรูปหัวใจอะไรอย่างนี้ได้อีก เดี๋ยวมีโอกาสจะทำเรื่องของกล้องให้ดูอีกทีนะคะ
|ยกที่ 4| ขี่ช้าง จับ Emoji
เราคุ้นเคยกับชื่อเสียงเรียงนามของ Animoji เป็นอย่างดีใน iPhone X ถือว่าเป็นลูกเล่นที่ใครได้เครื่องมาก็ต้องลอง ลองเสร็จแล้วก็ลืม ว่าเคยมีด้วยหวะ 555 … จริงๆ มันเป็นอีก 1 ลูกเล่นหลัก ที่แสดงถึงประสิทธิภาพกล้องหน้า หรือกล้อง TrueDepth ของ iPhone X เป็นอย่างดี
S9 Plus ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ปล่อย AR Emoji ออกมาพร้อมรบ โดยมีความเจ๋งกว่า คือการสร้าง AR Emoji ที่เป็นคาแรคเตอร์ของเราได้ และยังใช้ตัวที่หน้าเหมือนเราเหล่านี้ ทำเป็น .GIF ส่งต่อให้เพื่อนๆได้อีกด้วย
แต่ขอบอกเลยว่า เจ้า Animoji ค่อนข้างน่ารัก และใช้งานได้ตามที่เราขยับใบหน้ามากกว่า AR Emoji อย่างเห็นได้ชัด อันนี้คงต้องรอทาง Samsung พัฒนาเวอร์ชั่นต่อๆไปออกมาอีกนะคะ
|ยกที่ 5| ของมันแรง ห้ามแซงนะน้อง
ถ้าพูดถึงความแรงของทั้งสองตัว แค่อ่านสเปค ก็คงต้องให้คำว่า สูสีดู๋ดี๋ เหลือเกิน ฝั่ง iPhone X ก็มากับชิพเซ็ต Apple A11 Bionic บน iOS 11.2.6 ใส่แรมมา 3GB แรงที่สุดใน iPhone ที่มีมา และความจริงก็ทำได้ดีมากๆ อาการค้างหรือมีปัญหานี่แทบไม่มีให้เห็น
ส่วน S9 Plus ก็แรงที่สุดใน Galaxy เช่นเดียวกันค่ะ มากับชิพเซ็ต Exynos 9810 พร้อมแรม 6GB เล่นเกมสบายๆ แอบมีโอกาสได้ไปคุยกับน้องๆผู้เข้าแข่งขัน RoV เค้าบอกเลยว่า S9 Plus เล่นได้ดี ลื่น และเครื่องไม่ร้อนเท่า iPhone X อันนี้ก็ไม่รู้จริงไม่จริงยังไงนะคะ เพราะอุ้มเล่น RoV ได้อ่อนเหลือเกิน 555
สำหรับคะแนน AnTuTu Benchmark บน S9 Plus ได้ไป 235791 คะแนน เฉือนชนะ iPhone X ที่ 226983 ไปเพียงนิดเดียว ความไวและประสิทธิภาพทั้งสองตัว อุ้มไม่อยากเทียบอะไรมากค่ะ เพราะทำได้ดีทั้งคู่จริงๆ
ส่วนแบต ใน iPhone X จะใส่มา 2716 mAh เทียบกับ S9 Plus ที่ใส่มา 3500 mAh ถึง iPhone X จะแบตก้อนเล็กกว่า แต่ก็บริการจัดการแบตเตอรี่บนเครื่องได้ดีกว่าหลายรุ่นก่อนๆนะคะ
|ยกที่ 6| ให้คุ๊กกี้ทำนายกัน
หลังจากที่ปล่อยหมัดฮุกกันคนละหมัด ตอนนี้เรามาดูคือความฉลาด อย่างการใส่ผู้ช่วยอย่าง Siri & Bixby มาให้เรา ถึงตอนนี้ Bixby ยังพูดไทยฟังไทยไม่ได้ แต่ฟังก์ชั่นนึงที่อุ้มชอบมาก คือ Live Translation ถึงจะดึงคำแปลมาจาก Google Translate แต่มันก็สามารถช่วยเราเวลาไปท่องเที่ยวได้อย่างไม่น่าเชื่อ ส่วน Siri ก็ยังทำงานได้ดี ทั้งการรับคำสั่งต่างๆเป็นภาษาไทย และการใช้งานร่วมกับหลายๆ แอพพลิเคชั่น
มาถึงตรงนี้ คงต้องใช้คำว่า รบกวนเลือกเองแล้วกันนะคะ และมีบางประเด็นไม่ได้พูดถึง เช่นการกันน้ำและลำโพงแบบสเตอริโอที่เพิ่มเติมเข้ามา ทำให้ทั้งสองเครื่องเสียงดีขึ้นมาก แต่ตอนนี้อุ้มเอง ก็มีตัวเลือกในใจแล้วเช่นกัน 555 วันนี้อุ้มขอฝากการแบทเทิลไว้เท่านี้นะคะ เดี๋ยวรอเรือธงอีกแบรนด์มา จะเอามาเล่นกันอีกที ฝากติดตามกันได้ที่ แฟนเพจ IAUMReview หรือ IAUMReview YouTube Channel และ IG IAUMReview ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่า