บุพเพสันนิวาส แรงกระฉูด จัดเพิ่ม 3 ตอนพิเศษ สเปเชียล เอดิชั่น พร้อมขายโฆษณานาทีละ 4.8 แสนบาทเกลี้ยงในพริบตา

ตัดต่อใหม่-เอาใจแฟนละคร ยืด ‘ออเจ้า’ 3 ตอน

https://www.thairath.co.th/content/1238032

ให้ ‘แม่หญิงการะเกด’ นำลุ้นเรตติ้งทุบสถิติ ‘นาคี’ อยุธยาป้ายร้านฟีเวอร์

น้ำขึ้นต้องรีบตัก ช่อง 3 สบโอกาสกระแสละคร “บุพเพสันนิวาส” แรงกระฉูด จัดเพิ่ม 3 ตอนพิเศษ ตัดต่อใหม่ เป็น “สเปเชียล เอดิชั่น” หลังละครจบในวันที่ 11 เม.ย. พร้อมขายโฆษณานาทีละ 4.8 แสนบาทเกลี้ยงในพริบตา ใช้นางเอกเป็นตัวเดินเรื่อง รอลุ้นเรตติ้งจะแซง “นาคี” คว้าตำแหน่งละครที่เรตติ้งสูงสุดหลังทีวีดิจิทัลออกอากาศ ขณะที่ภาพรวมเรตติ้งทั่วประเทศก็แซงคู่แข่งอย่างช่อง 7 ขาดลอย ละคร-รายการช่วงเย็นถึงค่ำพลอยได้อานิสงส์ยกแผง ด้านพ่อค้าแม่ขายกรุงเก่า อิงกระแสละครต่อเนื่อง พาเหรดจัดส่งเสริมการขายสารพัดรูปแบบเอาใจออเจ้าถ้วนหน้า

กระแสความดังของละครอิงประวัติศาสตร์ “บุพเพสันนิวาส” ยังแรงไม่หยุด ส่งผลให้ช่อง 3 ตัดสินใจเพิ่ม 3 ตอนพิเศษ เอาใจผู้ชม โดยเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นาย วรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารสายงานการตลาด บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของสถานีไทยทีวีสีช่อง 3 ว่าหลังจบละครบุพเพสันนิวาส ในวันที่ 11 เม.ย.นี้ ทางช่องได้ตัดสินใจออกอากาศละครบุพเพสันนิวาส สเปเชียล เอดิชั่น (Special Edition) ต่ออีก 3 วัน คือในวันที่ 12, 18 และ 19 เม.ย. เป็นเวอร์ชั่นที่ตัดต่อใหม่ เล่าเรื่องโดยใช้นางเอกหรือแม่นางการะเกดเป็นตัวเดินเรื่องรวมเบื้องหลังการถ่ายทำ จะได้อรรถรสอีกแบบและเชื่อว่าจะถูกใจแฟนๆแน่

“เราเริ่มขายโฆษณาสเปเชียล เอดิชั่น 3 ตอนพิเศษของบุพเพสันนิวาสไปเมื่อต้นสัปดาห์ก่อน ลูกค้าให้การตอบรับดีมาก ขายหมดภายในเวลาไม่ถึงวัน ขายในราคานาทีละ 480,000 บาท เป็น ราคาขายสูงสุดของช่อง 3 ณ ขณะนี้ โดยสำหรับละครหลังข่าวแต่ละเรื่อง เรามีเวลาขายโฆษณาทั้งสิ้น 31.25 นาทีต่อวันต่อเรื่อง” นายวรุณเทพกล่าว และว่า แม้ลูกค้าจะแสดงความต้องการซื้อโฆษณามากขึ้น แต่ช่อง 3 ยังไม่มีแผนปรับขึ้นค่าโฆษณาในระยะใกล้นี้ เนื่องจากขายได้ในราคาที่สูงมากอยู่แล้ว ปัจจุบันราคาโฆษณา (rate card) ของช่อง 3 อยู่ระหว่างนาทีละ 180,000-480,000 บาท

นายวรุณเทพยังกล่าวอีกว่า ช่วงนี้เป็นช่วงขาขึ้นของช่อง เราขายโฆษณาง่ายขึ้นมาก ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามมากขึ้นด้วย มีลูกค้าหลายรายเข้ามาหาเรา พูดถึงความร่วมมือ ซึ่งมากกว่าแค่ซื้อเวลาโฆษณา ถือเป็นโอกาสในการขายบริการใหม่ๆ ทางช่องกำลังทำงานร่วมกับเจ้าของสินค้าหลากหลายแบรนด์ด้วยกัน ตัวอย่างล่าสุดได้แก่ ความร่วมมือกับเอไอเอส ในการทำโฆษณาแบบ Co-Creation มีเบลล่านางเอกละครบุพเพสันนิวาสเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของเอไอเอส เป็นต้น ทั้งนี้ ล่าสุดเรตติ้งของละครเรื่องบุพเพสันนิวาส เฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 15.9 ถือเป็นละครที่ได้เรตติ้งสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากนาคี ละครที่ทำเรตติ้งได้สูงที่สุดในประเทศที่ 17.29 นับตั้งแต่ทีวีดิจิทัลเริ่มต้นออกอากาศ ส่วนอันดับ 3 เป็นละครเรื่องนางชฎา ทางช่อง 7 เรตติ้ง 14.43 และอันดับ 4-10 เป็นของช่อง 7 ทั้งหมด โดยบุพเพสันนิวาสยังไม่จบ ก็ต้องลุ้นว่าจนกว่าจะจบในวันที่ 11 เม.ย. นั้น เรตติ้งจะโค่นนาคีได้หรือไม่

นอกจากนี้ นายวรุณเทพ กล่าวด้วยว่า ความนิยมของละครบุพเพสันนิวาส ยังทำให้เรตติ้งช่อง 3 โดยรวมเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายการช่วงเย็นถึงค่ำ ที่เรตติ้งเพิ่มขึ้นยกแผง เช่น รายการสีสัน บันเทิง เป็นรายการข่าวบันเทิง เรตติ้งเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10 คนรอดูเพราะคนรอข่าวละครบุพเพสันนิวาส ขณะที่แฟลชนิวส์ รายการข่าว 2 นาที ออกอากาศก่อนละครบุพเพสันนิวาส เรตติ้งปรับขึ้นมาอยู่ท่ี 12 ส่วนรายการข่าวสามมิติ ออกอากาศหลังละครบุพเพสันนิวาส เรตติ้งเพิ่มขึ้นมาเป็น 4.8 ส่งผลให้เรตติ้งรวมทั่วประเทศของช่อง 3 ในช่วงนี้ แซงหน้าช่อง 7 มาหลายวันแล้ว โดยก่อนหน้านี้เรตติ้ง รวมทั่วประเทศของช่อง 3 เคยสูงกว่าช่อง 7 มาครั้งหนึ่งในช่วงออกอากาศละครนาคี แต่หลังจากละครนาคีจบ เรตติ้งก็กลับมาเป็นที่ 2 ไม่สามารถแซงได้อีก แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เรตติ้งรวมทั้งประเทศช่องอยู่ที่ 3.01 ขณะที่ช่อง 7 อยู่ที่ 1.49

นายวรุณเทพกล่าวต่อว่า ความนิยมในละครบุพเพสันนิวาส ยังทำให้เกิดความนิยมในละครช่อง 3 อีกครั้ง ละคร “คมแฝก” ที่จะออกอากาศตอนแรกในวันจันทร์ที่ 26 มี.ค.นี้ ได้อานิสงส์จากความโด่งดังของละครบุพเพสันนิวาส สามารถขายโฆษณาได้หมดแล้ว ในราคานาทีละ 480,000 บาท ส่วนละคร “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” ที่มีกำหนดฉายต่อจากละครบุพเพสันนิวาส ขณะนี้ขายโฆษณาได้แล้วร้อยละ 90 แต่ยังเหลือเวลาขายอีกประมาณ 1 เดือน

สำหรับบรรยากาศที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ที่นับตั้งแต่ละครบุพเพสันนิวาส ออกอากาศ ก็มีนักท่องเที่ยวแห่เข้ามาชมสถานที่จริงในประวัติศาสตร์ ที่ปรากฏในละครฮิตเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ส่งผลถึงธุรกิจการค้าในพื้นที่ ข้าวของขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และเมื่อตอนสายวันที่ 24 มี.ค.ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจโบราณสถานในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ พบว่าแทบทุกวัดในเขตโบราณสถานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีนักท่องเที่ยวแต่งชุดไทย นักเรียน นักศึกษาเดินทางมากันตั้งแต่เช้าตรู่ เนื่องจากทางโบราณสถานเปิดให้นักเรียน นักศึกษา เข้าชมฟรี ทำให้โบราณสถานและวัดทุกแห่ง คลาคล่ำไปด้วยกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและคณะครูอาจารย์ ที่เข้าชมโบราณสถานและมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์จากสถานที่จริง นักเรียนจากต่างจังหวัดต่างพูดแซวกันในทำนองว่า รู้สึกอิจฉาเด็กนักเรียนอยุธยา เพราะไปสอบแข่งขันทีไรได้คะแนนวิชาประวัติศาสตร์เต็มหมดทุกคน เพราะมีบ้านอยู่ติดกับโบราณสถานสำคัญนี่เอง

ส่วนที่วัดไชยวัฒนาราม กระแสละคร “บุพเพสันนิวาส” ทำให้โรงเรียนต่างๆจากทั่วประเทศหัน มาจัดทัศนศึกษาพานักเรียนมาศึกษาประวัติศาสตร์แบบละเอียด ทุกๆตารางเมตรจากสถานที่จริงให้ได้เรียนรู้จริงและซึมซับบรรยากาศ หลายคนที่เห็นต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า รู้สึกเสียใจ เศร้าใจ รู้สึกโกรธ ที่โบราณอันล้ำค่าถูกพม่าทำลาย หลงเหลือไว้เพียงร่องรอยของความรุ่งเรืองในอดีตราชธานีเก่าของไทย แต่ก็ยังชื่นชมว่าบรรพบุรุษสร้างกรุงศรี-อยุธยาได้สวยงาม แม้จะถูกข้าศึกเผาทำลาย เหลือแต่ซากก็ยังคงเค้าโครงสวยงาม

ขณะเดียวกันกระแสละครดัง “บุพเพสันนิวาส” ยังส่งผลให้ร้านอาหารในตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา พากันขึ้นป้ายร้าน มีคำว่า “ออเจ้า” ตามหลังชื่อร้านเกือบทุกแห่ง โดยเฉพาะร้านขายกุ้งเผาริมถนนหน้าวัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม ตั้งเรียงรายอยู่ริมถนนหลายสิบร้าน ต่างโหนกระแสละครดังพากันขึ้นป้ายหน้าร้านคำว่า “กุ้งเผาออเจ้า” ขายกัน กก.ละ 800-1,500 บาท สังเกตพบว่าผู้ที่เข้าไปนั่งรับประทานส่วนใหญ่แต่งชุดไทย บรรยากาศ
เป็นไปอย่างคึกคัก หากร้านไหนไม่มีป้ายชื่อคำว่า “ออเจ้า”ติดหน้าร้าน บรรยากาศในร้านจะเงียบเหงา เช่นเดียวกับร้านก๋วยเตี๋ยวเรือดีเจรุ่งนภาริม หลังวิหารพระมงคลบพิตร ศูนย์กลางของจังหวัดพระนคร-ศรีอยุธยา ก็เปลี่ยนชื่อร้านเป็น “ก๋วยเตี๋ยวออเจ้า” หรือแม้แต่แผงขายปลาแดดเดียว ก็ไม่ขอน้อยหน้า ยังอิงกระแสคำฮิตอย่าง “ออเจ้า” ไปด้วย ต่างขายสินค้าได้เพิ่มขึ้นกว่าทุกช่วงที่ผ่านมา

ด้านนางปราณี ด่านชัยวิโรจน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จากกระแสละคร “บุพเพสันนิวาส” ที่กำลังเป็นที่โด่งดังไปทั่วประเทศในขณะนี้ ถือว่าเป็นแรงขับเคลื่อนจนทำให้เกิดการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม “ตามรอยบุพเพสันนิวาส” ให้กับ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นอย่างดี สร้างปรากฏการณ์หลายๆด้านให้กับการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น 3-4 เท่าตัว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เฉลี่ยวันละ 8,000-10,000 คน มาจากหลายๆ จังหวัด ต่างแต่งกายด้วยผ้าไทยตามแบบตัวละคร แม่การะเกด, พี่หมื่น มาถ่ายภาพเป็นที่ระลึกตามสถานที่ต่างๆที่ใช้เป็นฉากในการแสดง อาทิ วัด
ไชยวัฒนาราม, วัดเชิงท่า, วัดพุทไธศวรรย์, วัดพระราม, ป้อมเพชร, วัดสมณโกฏฐาราม เป็นต้น ส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และที่สำคัญช่วยสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ ทั้งโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร รวมไปถึงร้านเช่าชุดไทย ร้านของที่ระลึกเพิ่มขึ้น 3-4 เท่าเช่นกัน คาดว่ากระแสของละครจะส่งผลให้การท่องเที่ยวใน จ.พระนครศรีอยุธยา คึกคักต่อเนื่องไปอย่างน้อย 1-3 เดือน ทั้งนี้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับด้านการท่องเที่ยว ควรนำกระแสดังกล่าวมาพัฒนาต่อให้ยั่งยืนต่อไป


ส่วนที่ร้านอาภรณ์ ชุดไทยให้เช่า เลขที่ 281 ถนนพโลชัย อ.เมืองอุบลราชธานี กระแสละครดัง บุพเพสันนิวาส ส่งผลให้มีลูกค้าทั้งนักเรียน นักศึกษา วัยรุ่น วัยทำงาน รวมทั้งผู้สูงอายุ พากันแห่เข้าร้านเลือกชม ลองสวมใส่ และเช่าชุดไทยกันเป็นจำนวนมาก เพื่อใส่ไปโชว์ในงานต่างๆ นายฤทธิรงค์ โลกภิบาล อายุ 33 ปี เจ้าของร้าน กล่าวว่า หลังจากละครบุพเพ-สันนิวาสออนแอร์ทางช่อง 3 จนเกิดกระแสนิยม ทำให้คนจำนวนมากแห่เช่าชุดไทย อยากจะหล่อเหมือน หมื่นเดช หรือสวยอย่างแม่การะเกด ชุดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากคือ ชุดไทยสไบ, ชุดไทย ร.5, ชุดไทย ร.7 ส่วนราคาเช่าชุดมีตั้งแต่ชุดละ 200-800 บาท พร้อมเครื่องประดับครบเซต ตนรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่