ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียง 24/3/2561 - เรื่องสยอง POLTERGEIST

กระทู้คำถาม


ดอกไม้หัวใจสวัสดีครับอมยิ้ม17 สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันเสาร์ MC แอ๊ด (WANG JIE หรือ ชื่อดั้งเดิม "พฤษภเสารี" สมาชิกเก่าห้อง รดน.ช่วงปี 2546-2550) ประจำการครับ ^^

วันนี้ หาเรื่องลึกลับสยองๆมาฝาก (MC ฮารุ นายกสมาคมปอดแหกแห่งประเทศไทย ไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยก่อนเด้อ แล้วค่อยมาอ่าน!) เกี่ยวกับ ปรากฏการณ์วิญญาณซึ่งเรียกว่า "โพลเตอร์ไกสต์" (POLTERGEIST) ครับ

ภาพจริงจากกล้อง CCTV ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในประเทศไอร์แลนด์ ทำให้ผวากันทั้งโรงเรียน


POLTERGEIST มาจากภาษาเยอรมัน มีความหมายว่า "เสียงดังซึ่งเกิดจากการกระทำของผี" (polter เสียงดัง + geist ผี) หรือ "ผีซึ่งทำเสียงดัง(ให้ได้ยิน)" ก็ได้ เช่น อยู่ในบ้านหรือในโรงแรมคนเดียว จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตู หน้าต่าง เสียงดังจากในห้องน้ำ พอเข้าไปดูก็ไม่มีใคร เป็นต้น

โพลเตอร์ไกส์ คนส่วนใหญ่แทบจะร้อยทั้งร้อย ฟันธงว่าเป็น "ผี" ซึ่งอันที่จริงมันก็ใช่แหละครับ แต่มันเป็น "ผีพิเศษ" ที่เหนือกว่าผีธรรมดา และน่ากลัวกว่า มีอันตรายมากกว่า เพราะผีธรรมดา จะออกมาหลอกให้กลัวเฉยๆ บางทีก็ไม่ได้ตั้งใจจะหลอก แต่จำเป็นต้องปรากฏตัว อย่างเช่น ผีของคนที่ฆ่าตัวตายด้วยวิธีการใดๆ เมื่อตายไปแล้วก็ต้องปรากฏตัวออกมาทำวิธีการนั้นๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกวันในเวลาที่ตนเองฆ่าตัวตาย จนกว่าจะหมดอายุขัยของตัวเอง (เรื่องนี้จะเล่าอีกครั้งในโอกาสต่อไป) แต่ผีโพโตไกสต์ จะเล่นหนัก เล่นเจ็บๆ และบางทีอันตรายถึงชีวิตสำหรับผู้ที่พบเห็น!

ผู้เชี่ยวชาญ (ต่อไปนี้จะย่อว่า ผชช.) เรื่องภูติผีปีศาจ ได้ทำการจำแนกความแตกต่างของผีธรรมดา และโพลเตอร์ไกสต์ไว้ เป็น 5 ข้อ ดังต่อไปนี้

1. จุดกำเนิด หรือที่มา แตกต่างกัน
ผี มาจากมนุษย์ (โดยมาก) เป็นวิญญาณของมนุษย์ ผชช.บอกว่า มักปรากฏซ้ำที่เดิม (โดยเฉพาะรายที่ฆ่าตัวตาย) แต่ โพลเตอร์ไกสต์ อาจจะไม่ได้เกิดจากผีก็เป็นได้ ตามทฤษฎีแล้วมันคือ "พลังงาน" ในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งคนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ปลดปล่อยมันออกมาโดยไม่รู้ตัว การ "ปลดปล่อยพลังงาน" นั้น เกิดจากภาวะจิตที่ถูกกดดัน (เครียด,คับแค้น) หรือ การถูกทำร้ายร่างกาย...และพลังงานที่ว่านี้จะสามารถเคลื่อนย้ายวัตถุได้ หรือเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของวัตถุได้ โดยมิได้สัมผัสด้วยมือหรือด้วยอวัยวะอื่นใดเลย พูดง่ายๆ สั้นๆ คือ "พลังจิต" นั่นแหละครับ มีชื่อเรียกว่า "ไซโคไคเนซิส" (Psychokinesis) มีชื่อเรียกย่อว่า "พลังจิต PK" ครับ PK นี่แหละทำปรากฏการณ์โพลเตอร์ไกสต์ได้ และคนที่พบเห็นอาจเข้าใจว่าเป็นการกระทำของภูติผีปีศาจ เช่น ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเช่น วิทยุ ทีวี เครื่องเล่นเพลง เครื่องเล่นหนัง คอมพิวเตอร์ ฯลฯ เปิด ปิด เอง ข้าวของต่างๆภายในบ้านถูกขว้างปา เก้าอี้เลื่อนไปเอง โต๊ะล้มเอง อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งอาการแบบนี้ หลายคนจะฟันธงว่าเป็นผีทำแน่นอน ในหลายกรณีมันก็น่าจะใช่แหละครับ อย่างเช่น ในคลิปนี้
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ส่วนที่เกิดจากการใช้พลัง PK โดยมนุษย์ก็มี คนที่มีชื่อเสียงมากก็ อย่างเช่น ยูริ เกลเลอร์

แต่ ผชช.บอกว่า ส่วนใหญ่ โพลเตอร์ไกสต์ เกิดจากการกระทำของเด็กหญิงซึ่งกำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่น โดยให้เหตุผลว่าเด็กพวกนี้มีจิตใจและอารมณ์อ่อนไหวมากกว่าคนปกติ เขาเรียกกันว่า "เด็กหญิงโพลเตอร์ไกสต์" (POLTERGEIST GIRL) เลยทีเดียว ที่มีบันทึกในรายงาน เช่น

แองเจลิก โคแตง (Angeligue Cottin) ชาวนอรมังดี ฝรั่งเศส ในปี ค.ศ.1846 ตอนที่เธออายุ 14 ปี ต้องพบกับความยากลำบากในชีวิตเมื่อเธอได้เริ่มสัมผัสพลังลึกลับ วัตถุใดๆที่เธอเข้าไปใกล้ๆ จะถูกพลังนั้นผลักกระเด็นออกไป หรือไม่ก็จะสั่นสะเทือนอย่างแรง ขนาดโต๊ะเรียนหนังสือหนัก 60 ปอนด์ ยังลอยตัวขึ้นไปในอากาศเมื่อเธอแตะมันเบาๆเท่านั้น เธอถูกทดสอบหลายครั้ง จนกระทั่งสรุปได้ว่า เธอไม่สามารถจะสัมผัสสิ่งใดๆโดยไม่ทำให้เสียหรือแตกหักได้เลย

อีกคนหนึ่งคือ เอเลนนอร์ ซูกัน (Eleonore Zugun)

เด็กหญิงชาวโรมาเนีย ทำโพลเตอร์ไกสต์ครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 11 เดือนเท่านั้น เธอสามารถทำให้วัตถุ
เคลื่อนย้ายที่ไปได้ด้วยพลังลึกลับ เช่น เหยือกบรรจุน้ำไว้เต็ม เธอสามารถบังคับให้เหยือกซึ่งมีน้ำอยู่เต็มลอยขึ้นไปบนอากาศได้โดยน้ำไม่กระฉอกแม้แต่หยดเดียว และวัตถุเล็กๆ ก็กระเด็นออกห่างจากตัวเธอเมื่อเธอเข้าไปใกล้ๆ

แต่พลังโพลเตอร์ไกสต์ บางครั้งก็มีอาการดุร้าย ก้าวร้าว คุกคาม เช่น สิ่งของต่างๆถูกมือที่มองไม่เห็นขว้างใส่คนอื่นเอาดื้อๆ และบางครั้งก็ทำร้ายตัวเธอเองก็มี และยังมีเหตุที่เหลือเชื่ออีก เช่น อยู่ดีๆ ก็มีของอะไรบางอย่างโผล่ออกมาเองหน้าตาเฉยไม่รู้ว่ามาจากไหน หรือ ไฟที่ไม้ขีดติดขึ้นมาเอง

และก็ยังมี โพลเตอร์ไกสต์ ซึ่งมิได้มาจากคน ไม่มีสัญญาณใดๆบ่งบอกว่าจะมาจากใครได้ เป็นปริศนาลึกลับที่ทำให้เชื่อว่าเกิดจากอำนาจของภูติผีปีศาจหรือสิ่งเร้นลับ

2. สิ่งที่ผูกพัน

ผี มักจะผูกพันหรือยึดติดกับสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งเป็นพิเศษ (ซึ่งเราเรียกว่ามัน "สิง" อยู่นั่นเอง) ตั้งแต่ครั้งเมื่อตนยังมีชีวิต และสถานที่ๆตนเสียชีวิต แต่ โพลเตอร์ไกสต์ ไม่ยึดติดกับสถานที่แห่งใด แต่กลับไปยึดติดกับ "คน" บางคน หรือสิ่งของบางอย่าง (กรณีหลังก็จะเป็นแบบ "ผีหวงของ") การยึดติดกับคนบางคน ที่เห็นได้ชัดๆก็อย่างในภาพยนตร์เรื่อง PARANORMAL ACTIVITY ทุกภาค ซึ่งวิญญาณชั่วยึดติดกับคนแต่ละคน และมันติดตามคนๆนั้นไปทุกที่ จนกว่าคนๆนั้นจะตกอยู่ในการครอบงำของมันในที่สุด ส่วนการยึดติดกับสิ่งของนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน เฉพาะในเมืองไทยก็มีมากมาย เช่น นาฬิกาข้อมือ โทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ค รถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ ฯลฯ ของคนตาย ซึ่งหวงของตนมาก ก็จะทำให้เกิดปรากฏการณ์โพลเตอร์ไกส์ได้ อย่างเช่นโทรศัพท์มือถือ มีเรื่องเล่าหลายเรื่องเล่าว่า มือถือ (ซึ่งมักเป็นสินค้ามือสองหรือซื้อต่อจากคนอื่นมา) ซึ่งเป็นของคนตาย ก่อกวนเจ้าของคนใหม่ มีเสียงโทรเข้า รับสายแล้วก็ไม่มีใครพูด หรือมีก็เสียงแปลกๆ จากคนที่ไม่รู้จัก ที่น่าประหลาดเหลือเชื่อคือ ในบางราย หวาดกลัวจนถอดแบตออก ถอดซิมออกแล้ว ยังมีการโทรเข้ามาให้เห็นจะจะ แบบนี้ก็ครอบครองต่อไปไม่ไหวแล้ว....

3. การสำแดงเดชหรืออิทธฤทธิ์ (หรือความเฮี้ยน ความแรง)

สำหรับผีธรรมดา มักจะมาในรูปแบบ "การสิงสู่" (Haunting สำหรับฝรั่ง อะไรหลอนๆเรียกได้หมด แต่ถ้าของคนไทย "สิง" คือ สิงสู่ในตัวคน เช่น ผีปอบ) หรือการปรากฏให้เห็น หลอกหลอนให้เห็นด้วยตา ซึ่งการปรากฏให้เห็นนี้ ปรากฏเป็นร่างโปร่งใสมองทะลุไปข้างหลังได้ก็มี หรือปรากฏกายเป็นตัวเป็นตนมีเนื้อมีหนังจับต้องได้เลยก็มี แถมพูดติดต่อสื่อสารได้ด้วย หรือส่งกลิ่นแปลกๆมาให้ได้กลิ่น เช่น กลิ่นธูป กลิ่นดอกไม้ซึ่งไม่รู้ว่าดอกอะไร ณ สถานที่ๆผู้ตายเคยอยู่อาศัย มีความผูกพัน ก่อนเสียชีวิต

ส่วน โพลเตอรไกสต์ นั้น จะเป็นการ "รบกวน" (Disturbance) มันจะเกิดขึ้นเมื่อใดที่คนๆนั้นมีความกดดันในใจ และเกิดขึ้นได้เสมอ เวลาไหนก็ได้ จะไม่เลือกทั้งเวลาและสถานที่ โพลเตอร์ไกสต์จะทำได้หลายอย่าง เช่น เคาะประตู หน้าต่าง เคาะหรือทุบฝาผนัง เปิด/ปิดไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า ขว้างปาสิ่งของ ยกของลอยขึ้นจากพื้น เขียนหนังสือเองบนผนัง (อาจมองเห็นปากกาหรือแปรงสีลอยบนอากาศกำลังวาดอยู่) ข่วนคนด้วยเล็บ (แมวผี,ผัผู้หญิง ??) ผลัก ทุบตีคน ฯลฯ

ข้อสังเกตอีกอย่างคือ ผี มักปรากฏให้เห็น แต่ไม่ค่อยจะให้ได้ยินเสียง แต่โพลเตอร์ไกสต์ จะมีเสียงให้ได้ยินเสมอ และไม่ปรากฏตัว

4. พลังงาน
ผี จะมีพลังงานที่คงที่ (ผชช.เขาว่างั้น) และต่อเนื่อง ตลอดช่วงระยะเวลาของการสำแดงเดช หรือแสดงความเฮี้ยน ส่วน โพลเตอร์ไกสต์ จะต่างออกไป คือในช่วงระยะเวลาของการสำแดงเดช พลังงานของโพลเตอร์ไกสต์จะเพิ่มขึ้นเรื่อย จนกระทั่งถึงจุดสูงสุด หลังจากนั้นก็จะค่อยๆผ่อนลงๆ จนสงบ แล้วก็ไปเริ่มต้นใหม่อีกรอบ

5. อันตราย
ผชช.บอกว่า อันตรายจากการหลอกหลอนของ ผี (ธรรมดา) นั้น ไม่รุนแรงมากนัก (จริงรื้อ ?) ส่วนใหญ่ เพียงแค่ทำให้ตกใจกลัว แต่ยังไม่ถึงขนาดจะ "เอาเป็นเอาตาย"  ทำร้ายมนุษย์ (ก็ลองไปลบหลู่ดูซี่...) ต่างจาก โพลเตอรไกสต์ ผชช.บอกเลยว่าเป็น "อันตรายที่แท้จริง" และความอันตรายของโพลเตอร์ไกสต์ ก็แบ่งออกเป็น 5 สเต็ปด้วยกัน คือ

(1) รับรู้ได้ ด้วยประสาทสัมผัส เราจะรู้สึก หนาวเย็น (ร้อนอบอ้าวผิดปกติก็มี) ณ จุดใดจุดหนึ่งเท่านั้น แทยที่จะเป็นเหมือนกันหมดตลอดทั้งห้อง หรือการที่หู ได้ยินเสียงฝีเท้า เสียงแปลกๆ หรือ รู้สึกเหมือนกำลังถูกใครบางคนจ้องมอง..อันนี้ มีข้อแนะนำว่า "อย่าไปกลัวมัน!" เพราะหลายคนบอกว่า ผีหรือปีศาจนั้น มัน ชอบเสพความกลัว ความกลัว เป็นอาหารของมัน !

(2) การสื่อสาร,การบอกให้รู้ คือต่อจากได้ยินเสียงหรือได้กลิ่นแปลกๆ ที่พบกันบ่อยมากคือ เสียงกระซิบ เสียงร้องไห้ครวญคราง หรือรู้สึกมีลมพัดผ่าน ลมปะทะใส่หน้าเมื่อเปิดประตูจะเข้าห้อง

(3) การเปิดเผยตัวตน คือ การที่ไฟเปิดหรือปิดได้เอง รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆด้วย การถูกสัมผัสด้วยมือที่มองไม่เห็น ประตูหน้าต่างเปิด/ปิดเอง หรือถูกเคาะ

(4) การหลอกหลอนให้ตกใจกลัว การหลอกหลอนนี้จะมีความเข้มข้นและรุนแรงกว่าผีธรรมดา เช่น ทำให้สิ่งของต่างๆเคลื่อนที่ไปได้เอง หรือลอยขึ้นจากพื้นแล้วร่วงตกลงมา การที่ของบางอย่างหายไปจากที่หนึ่งแล้วไปปรากฏอยู่อีกที่หนึ่ง การขย่มเก้าอี้ สั่นเก้าอี้ หรือเตียงนอน การปรากฏภาพหลอน มีเสียงพูดต่างๆให้ได้ยิน การทำกระจกแตก ฯลฯ ขั้นตอนนี้สรุปคือ การเริ่มคุกคามแล้ว!

(5) ขั้นตอนแห่งอันตราย และอาจถึงขั้นเอาชีวิต! เป็นขั้นตอนสุดท้าย จุดพีคของโพลเตอร์ไกสต์ อันตรายถึงขีดสุด เพราะจะใช้ความรุนแรงมากกว่าทุกขั้นตอน เพิ่มการข่มขู่คุกคาม มีการทำร้ายร่างกายด้วย เช่น ขว้างปาของใส่ นอนอยู่บนเตียงดีๆ ก็ถูกกระชากผ้าห่มหลึดออกไป แล้วลากขาลงจากเตียง บางรายถูกดึงขาขึ้นไปบนอากาศก็มี! แถมยังมีทั้งการข่วนด้วยเล็บ ตบหน้า แม้กระทั่งกัดจนเป็นแผลช้ำ! มีรอยเลือดปรากฏบนฝาผนังหรือเพดาน มีมีดหรือของมีคมอย่างอื่นบินว่อนทั่วห้อง มีการเขียนข้อความข่มขู่ มีสัญลักษณ์บ่งบอกถึงอันตราย...ถ้าผ่านขั้นตอนนี้ไปแล้ว โพลเตอร์ไกสต์จะ "สงบ" ลงชั่วคราว นานแค่ไหนไม่อาจรู้ได้ แล้วมันก็จะกลับไปเริ่มสเต็ปที่ 1 ใหม่

ระยะเวลาของแต่ละสเต็ปไม่แน่นอน บางราย กินเวลาเป็นปีๆก็มี ผชช.กล่าวว่ามันขึ้นอยู่กับ จุดกำเนิดของมันและอิทธิพลอื่นๆจากภายนอกด้วย

ในศาสนาคริสต์ โรมันคาทอลิก มีพิธีการกำจัดผีหรือปีศาจซึ่งเรียกกันว่า EXORCISM ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากสำนักวาติกันเสียก่อน ทำให้ล่าช้าไม่ทันการในบางกรณีที่รุนแรงมากๆ ผีธรรมดาอาจขับไล่ได้ไม่ยาก แต่ถ้ามีลักษณะโพลเตอร์ไกสต์ ต้องค้นหาจุดกำเนิดมันให้ได้ว่าเกิดจากอะไรอย่างไร ถ้าเจอสิ่งของก็กำจัดหรือทำลายเสีย แต่ถ้าเป็นคนซึ่งมีปัญหาทางจิตก็ต้องพาไปรับการบำบัดทางจิต ก็อาจจะช่วยได้บ้าง

แต่ในทัศนะของ MC เห็นว่า โพลเตอร์ไกสต์ ที่โหดๆ และน่ากลัว โดยมาก น่าจะเกิดจากอำนาจของผีร้ายหรือปีศาจมากกว่าคนละครับ! เป็นความเห็นส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณ!

ขอบคุณ ข้อมูลจาก นิตยสาร ต่วยตูนพิเศษ ปีที่ 32 ฉบับที่ 377 เดือนกรกฎาคม 2549 คอลัมน์ "ร้อยแปดปริศนา" เรื่อง "ผี VS โพลเตอร์ไกสต์"  คุณ "ดวงดี" เขียน, MC เพิ่มเติมบางส่วน

พรุ่งนี้พบกันอีกวันครับอมยิ้ม04
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่