แต่งนิยายครั้งแรกฝากผลงานตำหนิติเตือนด้วยนะครับ นิยาย Silver eye Queen

บทที่ 1

คำขอร้อง



                ปี 3013 เดือน 3 วันที่ 3 เวลา 9.00 น. (9.00 AM) กรุงเทพฯ

                วันหยุดของปะป๊าและหม่าม๊า แต่หนูต้องไปเรียนพิเศษ วันนี้อากาศร้อนและแดดแรงมาก แต่หนูก็ได้กลิ่นของน้ำ คิดว่าวันนี้ต้องฝนตกแน่ๆก็เลยเอาร่มที่หม่าม๊าซื้อให้ตอนวันเกิดติดไปด้วย  ฮิฮิ  หนูชื่อ “ภัสรา” ค่ะ ตอนนี้หนุอายุ 6 ขวบสิ่งที่หนูชอบที่สุดคือทำอาหารเพราะหนูชอบกินมากๆทุกครั้งที่ทำอาหารจะกินหมดไม่เหลือเศษอาหารแม้แต่นิดเดียวเลย เพราะหม่าม๊าสอนหนูไว้ มีคนอีกมากมายที่ไม่มีโอกาสได้ ทำและรับประทานเหมือนหนู อย่าทานเหลือทิ้งให้ทำพอดีอย่าทำเยอะไม่งั้นหนูจะอ้วน (อ้วนคืออะไร?) สิ่งที่หนูไม่ชอบ ก็มีเยอะแยะแต่ที่ไม่ชอบที่สุดคืออากาศ “หนาวจัด” แต่ถ้ามีผ้าอุ่นๆให้ก็ไม่เป็นไร ไม่ถึงกับไม่ชอบซะเลย เพราะเวลาอากาศหนาวจัดปะป๊าจะเอาผาพันคอมาพันที่คอของหนูแล้วกอดหนูอยู่เสมอๆ หนูรักปะป๊ากับหม่าม๊าที่สุดเลย

9.05 น. (AM)

ปะป๊า : ภัสลูกจะเอาร่มไปทำไม? เดี๋ยวพ่อกับแม่ไปรับไปส่งไม่ได้โดนแดดร้อนนานๆซะหน่อยนิลูก?

ภัส : หนุเอาไปกันฝน “D

ปะป๊า : ???? (มองไปนอกบ้านแล้วมองดูบนฟ้า)

      : ฝนไม่น่าจะตกนะภัส?

ภัส : (ทำสายตาจริงจังมองไปในตาปะป๊า) ตกซิ!   (แล้วทำหน้าบู้~)

หลังจากที่หนูภัสหันหน้าหนีแล้วรีบขึ้นรถไปพร้อมร่มคันโปรดที่หนูภัสมั่นใจว่าวันนี้ฝนต้องตกอย่างแน่นอน หม่าม๊าที่เห็นเหตุการณ์ ตรงหน้าได้ยิ้มและหัวเราะกับท่าที่ของปะป๊า ที่ยืนมึนงง กับการกระทำของลูกสาวสุดรักครั้งนี้ คุณพ่อคิดในใจ “แดดออกจะแรงขนาดนี้เมฆก็ไม่มีฝนจะตกยังไงหว่า”  

หลังจากขับรถออกจากบ้านก็มุ่งตรงไปในตัวเมือง ส่งหนูภัสเรียนพิเศษหลากหลายวิชา และกีฬาต่างๆหนูภัสมีความสามารถพิเศษที่ไม่เหมือนใคร คือวิชาเพลงดาบ ฟันดาบ หนูภัสเริ่มเรียนตั้งแต่ 4 ขวบเพียง 2 ปีหนูภัสก็ก้าวขึ้นถึงระดับ 9 ขั้นสูงสุดของวิชาเพลงดาบ เป็นหนูน้อยที่ยิ้มสดใสและเก่งกาจ จนไม่มี เด็กหญิงหรือชาย คนใหนในรุ่นเดียวกับเธอที่สามารถเอาชนะหนูภัสได้แม้แต่คนเดียว

เวลา 16.28 น. (4.28) PM

ภัส : (สายตาเบิกกว้างมองหารถปะป๊า) อ๊ะ! ปะป๊าหม่าม๊า ~

ปะป๊า : เป็นไงมั่งภัสลูกพ่อ วันนี้โดนใครฟาดมั่งรึป่าว~

ทันทีที่ปะป๊าพูดจบหนูภัสกำลังจะตอบคำถาม   หม่าม๊าได้ตอบสวนแทนทันทีด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

หม่าม๊า : เดี๋ยวคุณจะโดนฉันฟาดแทนเอาไหมคะ ที่รัก . . .  (ยิ้มกว้าง)

   ตอนนั้นเองปะป๊าได้แต่หัวเราะแห้งๆ แล้วรีบตอบหม่าม๊าทันที

ปะป๊า : ไม่เอาดีกว่าจ่ะ พ่อแค่ห่วงลูกเฉยๆ กลัวว่าจะมีใครบ้างนะ . . . {ที่สามารถเอาชนะลูกสาวของพ่อได้! (น้ำเสียงหนักแน่นและมั่นใจในตัวลูกสาวสุดรัก)(สายตาที่มองมายังลูกสาวอย่างอ่อนโยนและรอยยิ้มที่เปลี่ยมไปด้วยความรัก) ภัสจะต้องโตเป็นสาวน้อยที่สวยงาม ของปะป๊าและหม่าม๊าแน่ๆเลย}

ภัส : หนูนะหรอ?

ปะป๊า : ใช่แล้ว เพราะหนู อึด ถึก ท…..  (    โอ้ย  !  !  )

ยังไม่ทันสิ้นเสียงกำปั้นของหม่าม๊าก็ลงมาที่หัวเคกหัวปะป๊า แล้วยิ้มเหมือนเคย (ตอนนี้ภัสคิดว่ารอยยิ้มของหม่าม๊านั้นชั่งน่ากลัว)

ภัส : ฮิ ฮิ ฮิๆ

หม่าม๊า : มาว่าลูกสาวตัวเองว่า อึด ถึก ทน!! ได้ยังไงกันคะ! มันเสียมารยาท นะคะ!

ปะป๊า : ขอโทษคร๊าฟๆ! ~~   พ่อก็แค่หยอกลูกสาวแค่นั้นเอง  . . . ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย

หนูภัสได้แต่ยิ้มและหัวเราะ ฮิ ฮิ ฮิๆๆ ตลอดท่าทีของปะป๊าที่เกรงกลัวหม่าม๊าต่อว่า อยู่สักพัก ทุกคนกลับขึ้นรถพร้อมที่จะออกไป รับประทานอาหารน้อกบ้าน วันนี้เป็นวันพิเศษอีก 1 วันที่หนูและครอบครัวได้อยู่ด้วยพร้อมกันไม่ว่าจะไปที่ใหนขอแค่มี ปะป๊า หม่าม๊าก็เป็นวันพิเศษของหนู

   ระหว่างเดินทางเหตุการณ์ในรถ คำพูดสั้นๆที่เอ่ยลอยมา

ภัส : เมื่อกี้~ ปะป๊า   หมดความเท่เลยนะคะ ฮิ ฮิ ฮิ

ปะป๊ามองผ่านกระจกรถ ยิ้มแล้วตอบคำสั้นๆให้หนูภัสนั้นได้แต่ งงในคำๆนั้น

ปะป๊า : เมื่อหนูโตขึ้นสักวันหนูก็จะเข้าใจ (ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่ม)

ภัส : ???

หม่าม๊า : เมื่อหนูโตขึ้น จะมีใครสักคนที่จะทำและยอมรับหนูไม่ว่าหนูจะทำอะไร ทุกๆอย่างที่หนูเป็นตัวของหนูเอง จะมีคนที่คอยเป็นห่วงอยู่เสมอถึงแม้หนูอาจจะเบื่อแต่ . . . ภัส จำไว้นะคนๆนั้นคือคนที่จะคอยปกป้องหนูและจะไม่มีวันทิ้งหนูไป

ภัส : ก็ปะป๊า กับ หม่าม๊า ยังไงหละคะ  . . . ?

หม่าม๊า : ใช่จ่ะตอนนี้หนูมีปะป๊ากับหม่าม๊าอยู่ยังไงหละ (หม่าม๊ายิ้มอย่างอ่อนโยน)



18.35 น (6.35)PM

ปะป๊าหม่าม๊าและหนูภัสก็ได้เดินทางมาถึง ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมือง

ปะป๊า : วันนี้เราจะกินอะไรกันดีนะ~ (ปะป๊าพรึมพรำพร้อมจ่องมองผ่านกระจกสายตาตรงมาที่หนูภัส)

ภัส : หนูกินอะไรก็ได้ ขอเป็นขนมนะคะ

หม่าม๊า : ไม่ได้นะคะ กินขนมก่อน กินข้าวไม่ได้นะจ๊ะ

ภัส : (งื้อออออ)

   หนูภัสทำหน้าบึ้งตึงเมื่อรู้ว่าหม่าม๊าไม่ให้กินขนม ตามที่ตัวเองอยากกิน  เมื่อทานข้าวเสร๊จแล้วหนูภัส ปะป๊า หม่าม๊า ได้เดินเที่ยวเล่น จนเวลาร่วงเลย 21.00 น. (9.00) PM

หนูภัสรา ปะป๊า หม่าม๊า จับมือกันเตรียมตัวเดินทางกลับไปที่รถและได้เตรียมตัวที่จะกลับบ้าน และเป็นอีก 1 วันพิเศษ ที่วันนี้ได้ทำอะไรพิเศษๆ ด้วยกันของหนูภัส หนูภัสได้กลิ่น กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่คุ้มเคยของหนูภัส นั้นคือกลิ่นของน้ำ หนูภัสได้แต่พรึมพรำออกมา

ภัส : เดี๋ยวฝนจะตกแล้ว

   ทันทีที่ปะป๊าเมื่อได้ยินเสียงพรึมพรำของหนูภัส

ปะป๊า : ไม่ตกหรอก หึหึ

   หนูภัสหันหน้ามองปะป๊าทันทีพร้อมแก้มบวมๆ งอลปะป๊าที่ไม่เชื่อ คำพูดของเธอ  หม่าม๊าเห็นหน้าตาหนูภัสที่งอลปะป๊าตุ๊บป่อง

หม่าม๊า : หม่าม๊าว่าอากาศแบบนี้เดี๋ยวฝนอาจจะตกลงมาก็ได้นะจ๊ะ

   ทันทีที่หม่าม๊าพูดจบหนูภัสก็ยิ้มและบ่นกับปะป๊าทันที

ภัส : เห็นมะ หม่าม๊ายังบอกฝนจะตกเลย ปะป๊าใจร้ายไม่เชื่อหนูเลย แบร่ ~

ปะป๊าได้แต่หัวเราะในท่าทีของหนูภัส ฮ่าๆๆ



21.25 น. (9.25) PM

หนูภัส ได้เห็นสิ่งผิดปกติจากในรถแล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ได้เห็นกลุ่มเมฆกลุ่มควันสีดำแล้วเรียกปะป๊าให้มองดู

ภัส : ปะป๊าๆ ดูนู้นๆ หนูบอกแล้วว่าจะมีฝนตกนั้นไงๆ ดูบนท้องฟ้าซิ

  ปะป๊าและหม่าม๊า ได้แหงนคอและมองดูท้องฟ้าเป็นกลุ่มก้อนเมฆและควันสีดำค่อยๆ ขยายตัวขึ้นแล้วกว้างออกอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่นาทีได้ครอบคลุมเมืองไปทั้งเมือง สิ่งที่ตามและตกลงมาจากกลุ่มหมอกควันไม่ใช่ฝน แต่กลุ่มเมฆหมอกควันได้ตกลงมายังพื้นดิน ทั้งเมือง การติดต่อสื่อสารถูกตัดขาดใช้การไม่ได้ ไฟฟ้าดับทั้งเมือง ไม่นานรถยนต์ที่หนูภัส และปะป๊าหม่าม๊า ที่กำลังเดินทางกลับบ้านได้ประสบอุบัติเหตุรถชนจนหยุดชะงักเดินทางต่อไม่ได้ เส้นทางเดินรถถูกปกคลุ่มไปด้วยหมอกสีดำ ไม่กี่นาทีได้มีเสียงกรีดร้องของเสียงเด็ก เสียงร้องให้ เสียงของความเจ็บปวด เสียงของแข็งปะทะของแข็งเสียงต่างๆนาๆ ในความมืดชั่งน่ากลัว เสียงเหล่านี้ได้เกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่มหมอกควันปกคลุ่มไปทั่ว

หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุ

ปะป๊า : ภัส! เป็นอะไรหรือป่าวลูก

ภัส : หนูไม่เป็นอะไรค่ะ! เกิดอะไรขึ้นหรอคะ? ปะป๊า!

ทันทีที่หนูภัสตอบได้เหลือบมองไปที่หม่าม๊า หนูภัสตาเบิกกว้าง

ภัส : หม่าม๊า เลือดออก! (เสียงกังวลใจ) หม่าม๊าๆ  หม่าม๊า!เจ็บมากหรือป่าวคะหม่าม๊า!

หนูภัส ถามอาการของหม่าม๊า ตอนนั้นน้ำตาของหนูน้อยก็ไหลออกมา เพราะความกลัวและห่วงหม่าม๊าอย่างมาก

ปะป๊า : คุณเป็นอะไรหรือป่าว (ปะป๊าได้ถามหม่าม๊า)

   ปะป๊าเป็นห่วงหม่าม๊ามาก เมื่อเห็นหม่าม๊ามีเลือดออกตามหางคิ้ว

หม่าม๊า : ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ (และหันมายิ้มให้หนูภัส) หม่าม๊าไม่เป็นอะไรนะคะ แค่หางคิ้วแตกนิดหน่อยเอง (ยิ้ม)

หม่าม๊าพูดกับหนูภัสทุกครั้ง จะยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ทุกครั้ง ยิ่งเห็นน้ำตาของลูกสาวที่เป็นห่วงยิ่งแสดงอาการความเจ็บปวดไม่ได้ ได้แต่เก็บเอาไว้เพื่อให้ลูกสาวสุดรักนั้นหยุดร้องให้ และคอยปลอบหนูภัสที่กลัวอยู่เสมอ จนหนูภัสเข้าไปโอบกอดหม่าม๊าไว้ไม่ลุกหรือห่างไปใหน

เสียงกรีดร้องดังไม่หยุด ปะป๊าพยายามที่จะลงจากรถเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้มากนักเพราะหมอกควันสีดำได้ปกคลุมไปทั่ว

ปะป๊า : อย่าออกจากรถนะ!  (เสียงที่ดุดันของปะป๊า ทำให้หนูภัส นั้นกลัว)

ภัส : แล้วปะป๊าจะไปใหนคะ!?

ปะป๊า : เดี๋ยวปะป๊ากลับมา (ปะป๊า เอามือลูบหัวหนูภัสแล้วยิ้มปลอบ) ไม่ต้องกลัวนะ

  ปะป๊าได้ปิดประตูรถเดินดุ่มๆหายไปในหมอกควันสีดำ เสียงกรีดร้องและความเจ็บปวดค่อยๆดังมากขึ้นๆ เพียงไม่กีวินาทีปะป๊าวิ่งกลับมาที่รถแล้วบอกให้หม่าม๊า และหนูภัสลงจากรถ

ปะป๊า : คุณลงจากรถเร็วเข้า ต้องรีบไปกันแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่