สวัสดีค่ะทุกคน หายไปสักพักกับการรีวิวกระทู้เที่ยวของตัวเอง....
เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว เพิ่งไปเที่ยวกับเพื่อนสาวตัวแคระกันมา คือดีย์มาก นานแล้วที่ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน
บอกเลยเพลียร่างมาก ไม่ใช่อะไรนะ คือ หัวเราะกันตลอดการเดินทางจริงๆ เหมือนกันไม่ได้เจอกันมา 10 ปี
แต่ก็มาพรั่งพลูเรื่องราวต่างๆที่สะสมกันใน 3 วัน 2 คืน
เอาจริงๆก็คงไม่หมดนะ เลยต้องพูดกันให้เยอะเข้าไว้เพราะแต่ละคนกว่าจะมาเจอกัน
ต้องทิ้งภาระอันหนักหน่วงว่าจะโดนเจ้านายเคลมงาน ส่งงานมา หรือ ติดตามงานอยู่หรือเปล่า 555+
แต่ในที่สุดเราก็มาได้เจอกัน มันคือบุพเพสันนิวาสหรือไม่ เปล่า มันคือเวรกกรรมที่ต้องเจอกันตลอดไป 555+
วันเดินทาง : 10-12 มีนาคม 2561
สถานที่ : กาญจนบุรี (เมืองมัลลิกา-อำเภอสังขละบุรี สะพานมอญ-เดอะ ฟอร์ เรสท์ รีสอร์ท)
ที่พัก : พี เกสเฮ้าส์ รีสอร์ท 1 คืน และ ฟอร์ เรสท์ รีสอร์ท 1 คืน
ผู้เดินทาง : 3 สาว (1 พลขับตลอดทริป
และ 2 พลนั่งตลอดทริป เพราะขับรถไม่เป็น
))
การเดินทาง : รถส่วนตัว
ค่าใช้จ่าย : ตั๋วเครื่องบินไปกลับ หาดใหญ่-กรุงเทพฯ 2,200 บาท
ค่าที่พัก พี เกสเฮ้าส์ รีสอร์ท 1 คืน 450 บาท/คน
ค่าที่พัก เดอะ ฟอร์ เรสท์ รีสอร์ท 1 คืน 1,200 บาท/คน
ค่ากองกลาง 1,500 บาท/คน
ไม่รวม จิปาถะ ซื้อของฝาก ทำบุญ
วันแรก | ไปตามหาขุนหมื่นที่ เมืองมัลลิกา รศ.124 @กาญจนบุรี
ออกเดินทางแต่เช้า เก้าโมงกว่าๆก็ยิงตรงไปยังกาญจนบุรี เพื่อแวะเที่ยวที่เมืองมัลลิกาก่อน
ด้วยกระแส ออเจ้า จากละครบุพเพสันนิวาสมาแรงเหลือเกิน ไปแต่งชุดไทยถ่ายรูปกันดีก่าาา
โดยพลขับ ขับคนเดียวตลอดทริป เราก็คอยชวนคุย ชวนร้องเพลง ชวนหัวเราะเพื่อไม่ให้เพื่อง่วงนอน 555+
ไม่มีอะไรหรอกอยากเม้าส์มอย บอกเลยแสบคอมาก พูดมากเกินมนุษย์
เดินทางไปถึงเมืองมัลลิกา ราวๆ บ่ายสองแล้วเพราะเพื่อนขับเรื่อยๆ (เน้นเรื่อยๆ)
ขับตรงเข้ามายัง กาญจนบุรี ใช้ทางหลวง หมายเลข 323 เส้นทางสายกาญจนบุรี -ไทรโยค
เมื่อสังเกตุปั๊มบางจาก มองซ้ายเลยจ้า (อากู๋ช่วยคุณได้) เลี้ยวโลด
หรือง่ายสุด จิ้ม Google Map กันได้เลย ปักหมุดไว้แบบตรงเป๊ะ!
คือแบบว่า อู้ววว ใหญ่โต คนค่อนข้างเยอะเพราะเรา และที่สำคัญ ร้อนมากก 555+ เราะไม่ค่อยมีต้นไม้เท่าไหร่
เมืองมัลลิกาเป็นเมืองเก่าจำลองสมัย ร.5 ในช่วง ร.ศ.124 หรือเป็นช่วงหลังจากการประกาศเลิกทาสนั่นเองนะค่า
ขั้นตอน : ซื้อตั๋วเข้า คนละ 200 บาท > เช่าชุด คนละ 200 บาท (แบบสไบ+โจงกระเบน) และของเรา 150 บาท (เสื้อ+โจงกระเบน) มีน้องๆคอยแต่งชุดให้ ให้ทิปได้ตามอัธยาศัย >และเงินเข้าไปซื้อของกิน 100 บาท (เบี้ยแบบเหรียญโบราณ) เอ้า ลุย!!
เมื่อเดินชมบรรยากาศเมืองเก่าแล้ว ถ่ายรูปแล้ว คืนชุด เดินทางต่อไปยัง สะพานมอญ อ.สังขละบุรี
"สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย"
ออกจากเมืองมัลลิกา ราวๆ 4 โมง ต้องรีบแล้วเพราะมีสัญญาณมาว่า พลขับ ไม่ถนัดขับรถตอนไม่มีแสง!!
โอ๊ยยย งานเข้าแล้วไง 555+
ขับรถมาสักพักเข้าเขตอำเภอสังขละบุรี ขับไปเรื่อยๆจะผ่านอุทยานแห่งชาติเขื่อนเขาแหลม
เมื่อไปถึงแยก ผ่านด่านเจดีย์สามองค์เข้าไปอีกนิดเดียวก็จะถึงตัวเมืองสังขละบุรี
อากาศก็เริ่มเย็นลงๆ เปิดกระจกรับอากาศหน่อยจะฟินมาก ร้องเพลงกันอย่างรื่นเริงบันเทิงใจ
สักพักก็เริ่มมีบทสนทนาแบบหายใจไม่ทั่วท้อง...
พลขับ : เห้ย โค้งเยอะแบบนี้เลยเหรอ ขึ้นเขา ลงเขา ทางแบบนี้ตลอดมั้ยว่ะ
เรา : เอิ่ม ไม่รู้อ่ะ เพิ่งมาครั้งแรก มาตามอากู๋ โทดอากู๋เลย
พลขับ : ครั้งแรกของเราเหมือนกัน ไม่เคยขับขึ้นเขา ลงเขาแบบโค้งประชิดเหว เยี่ยงนี้
(ด้วยสีหน้าแบบเลือดไม่สูบฉีดมาเป็นระยะเวลา 2 ชั่วโมง)
เรา : ไม่เป็นไรนะ แกจะได้ขับเก่งขึ้นไง ประสบการณ์ดีกับทริปครั้งนี้
พลขับ : ถ้าครั้งหน้าชวนมาอีกไม่มาแล้วนะ 555+
ระหว่างทางก็ชวน พลขับคุยไปด้วย ปลอบไปด้วยเพื่อลดความกลัว เราก็ได้แต่พูดคนเดียวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ไม่ยอมตอบเว้ยเห้ย (เราก็คิด เพื่อนเราโกดมั้ยว่ะที่ชวนมาที่แบบนี้)
สรุป นางเกร็งจ้า ขับแบบมีสมาธิสุดๆ สักพัก ช่วยหน่อยๆ "แก ตะคริวกินไหล่ขวา 555+ "
โอ๊ยยย เป็นการนั่งรถแบบลุ้นๆ กับพลขับ และลุ้นเรื่องพระอาทิตย์ตกดินสุดๆ
ดีนะที่ วันนั้น พระอาทิตย์ตกดินช้ามาก 6 โมงกว่าก็ยังมีแสงช่วยพลขับเราอยู่
เชื่อม่ะ ไปถึงที่พัก ราว 1 ทุ่มกว่า (อากู๋บอกว่าใช้เวลา 2 ชม.ถึงที่พัก) โดยปลอดภัย
(กราบงามๆกับพลขับที่พาเพื่อนถึงที่พักครบสามสิบสอง)
คืนนี้เราพักที่ พี เกสเฮ้าส์ รีสอร์ท : ที่พักสะอาด บริการดี อาหารอร่อย วิวสวย 9/10 (หักปลั๊กในห้องน้อย 555+)
รีบนอนกัน ไม่ได้ไปเดินตลาดนัดกลางคืน เพราะความเหน็ดเหนื่อยและต้องตื่นไปตักบาตรแต่เช้าที่สะพานมอญ
กริ๊งง!!!! นาฬิกาปลุก ตีห้า เพื่อเตรียมตัวและเดินทางไป ตอน 6 โมงเช้า
เราเช่ามอเตอร์ไซด์ ที่รีสอร์ท 200 บาท (มัดจำกุญแจ 100บาท) น้ำมันเต็มถังทั้งไป-กลับ (ตอนคืนรถ ก็ต้องเต็มถังกลับมา)
วันที่สอง | ซึบซับอากาศบริสุทธิ์ที่สะพานมอญ (สะพานอุตตมานุสรณ์) และเดินชิล กิน ช้อป ชุมชนมอญ @สังขละบุรี
ขั้นตอน : แว๊นไปสะพานมอญซึ่งห่าจากที่พักไม่เท่าไหร่ มีป้ายบอกทางอยู่ > เปลี่ยนชุดเข้าธีมชาวมอญ > ตักบาตรร่วมชาติ > เดินข้ามไปฝั่งชุมชนมอญเพื่อกินอาหารเช้า > เดินเลานชิลๆ > เดินกลับเพื่อถ่ายรูป > ไปเช่าเรือเหมาลำ 300 บาท 3 คน ไปชมวัดลอยน้ำ Unseen Thailand วัดวังก์วิเวการาม > แว๊นไปพระเจดีย์พุทธคยา
วิวหน้าห้องพัก อากาศกำลังดี แสงไฟสลัวในยามเช้าตรู่
เจอสะพานปูนก่อนจะถึงสะพานไม้
มื้อเช้าของเรา โจ๊กใส่ไข่กินกับหมี่กรอบทอด ปาท่องโก๋ยักษ์ กาแฟโบราณ โรตีโอ่ง (แป้งโรตีหนึบๆ หนาหน่อย ราดนมข้น ผงโอวัลติน)
ร้านโจ๊กนั่งยอง ถ้าข้ามมา เจอเลยร้านที่สอง (ถ้านับเป็นร้าน) ขวามือ โต๊ะแนวราบเยอะๆ 7/10
(เพื่อนบอกไม่ค่อยถูกปาก แม่ค้าแนวฮาร์ดคอร์ 555+)
เด็กๆที่มาคอยบริการปะแป้งพม่าเป็นรูปแบบต่างๆ หาเงินค่าเรียน ทิปแล้วแต่ให้ เต็มสองข้างทางเลยเด้อ
ดาราประจำสะพานมอญและนักท่องเที่ยว 555+
แว๊นไปต่อยังพระเจดีย์พุทธคยา มีป้ายบอกตลอดทาง ซิ่งโลด
[CR] >>ครั้งแรกก็หลง ณ เมืองกาญจนบุรี 3 วัน 2 คืนกับเพื่อนผู้ไม่เคยขับรถขึ้นเขา ลงห้วยและทางโค้ง รอดไม่รอดก็ต้องรอด<<
สวัสดีค่ะทุกคน หายไปสักพักกับการรีวิวกระทู้เที่ยวของตัวเอง....
เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว เพิ่งไปเที่ยวกับเพื่อนสาวตัวแคระกันมา คือดีย์มาก นานแล้วที่ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน
บอกเลยเพลียร่างมาก ไม่ใช่อะไรนะ คือ หัวเราะกันตลอดการเดินทางจริงๆ เหมือนกันไม่ได้เจอกันมา 10 ปี
แต่ก็มาพรั่งพลูเรื่องราวต่างๆที่สะสมกันใน 3 วัน 2 คืน
เอาจริงๆก็คงไม่หมดนะ เลยต้องพูดกันให้เยอะเข้าไว้เพราะแต่ละคนกว่าจะมาเจอกัน
ต้องทิ้งภาระอันหนักหน่วงว่าจะโดนเจ้านายเคลมงาน ส่งงานมา หรือ ติดตามงานอยู่หรือเปล่า 555+
แต่ในที่สุดเราก็มาได้เจอกัน มันคือบุพเพสันนิวาสหรือไม่ เปล่า มันคือเวรกกรรมที่ต้องเจอกันตลอดไป 555+
วันเดินทาง : 10-12 มีนาคม 2561
สถานที่ : กาญจนบุรี (เมืองมัลลิกา-อำเภอสังขละบุรี สะพานมอญ-เดอะ ฟอร์ เรสท์ รีสอร์ท)
ที่พัก : พี เกสเฮ้าส์ รีสอร์ท 1 คืน และ ฟอร์ เรสท์ รีสอร์ท 1 คืน
ผู้เดินทาง : 3 สาว (1 พลขับตลอดทริป และ 2 พลนั่งตลอดทริป เพราะขับรถไม่เป็น))
การเดินทาง : รถส่วนตัว
ค่าใช้จ่าย : ตั๋วเครื่องบินไปกลับ หาดใหญ่-กรุงเทพฯ 2,200 บาท
ค่าที่พัก พี เกสเฮ้าส์ รีสอร์ท 1 คืน 450 บาท/คน
ค่าที่พัก เดอะ ฟอร์ เรสท์ รีสอร์ท 1 คืน 1,200 บาท/คน
ค่ากองกลาง 1,500 บาท/คน
ไม่รวม จิปาถะ ซื้อของฝาก ทำบุญ
วันแรก | ไปตามหาขุนหมื่นที่ เมืองมัลลิกา รศ.124 @กาญจนบุรี
ออกเดินทางแต่เช้า เก้าโมงกว่าๆก็ยิงตรงไปยังกาญจนบุรี เพื่อแวะเที่ยวที่เมืองมัลลิกาก่อน
ด้วยกระแส ออเจ้า จากละครบุพเพสันนิวาสมาแรงเหลือเกิน ไปแต่งชุดไทยถ่ายรูปกันดีก่าาา
โดยพลขับ ขับคนเดียวตลอดทริป เราก็คอยชวนคุย ชวนร้องเพลง ชวนหัวเราะเพื่อไม่ให้เพื่อง่วงนอน 555+
ไม่มีอะไรหรอกอยากเม้าส์มอย บอกเลยแสบคอมาก พูดมากเกินมนุษย์
เดินทางไปถึงเมืองมัลลิกา ราวๆ บ่ายสองแล้วเพราะเพื่อนขับเรื่อยๆ (เน้นเรื่อยๆ)
ขับตรงเข้ามายัง กาญจนบุรี ใช้ทางหลวง หมายเลข 323 เส้นทางสายกาญจนบุรี -ไทรโยค
เมื่อสังเกตุปั๊มบางจาก มองซ้ายเลยจ้า (อากู๋ช่วยคุณได้) เลี้ยวโลด
หรือง่ายสุด จิ้ม Google Map กันได้เลย ปักหมุดไว้แบบตรงเป๊ะ!
คือแบบว่า อู้ววว ใหญ่โต คนค่อนข้างเยอะเพราะเรา และที่สำคัญ ร้อนมากก 555+ เราะไม่ค่อยมีต้นไม้เท่าไหร่
เมืองมัลลิกาเป็นเมืองเก่าจำลองสมัย ร.5 ในช่วง ร.ศ.124 หรือเป็นช่วงหลังจากการประกาศเลิกทาสนั่นเองนะค่า
ขั้นตอน : ซื้อตั๋วเข้า คนละ 200 บาท > เช่าชุด คนละ 200 บาท (แบบสไบ+โจงกระเบน) และของเรา 150 บาท (เสื้อ+โจงกระเบน) มีน้องๆคอยแต่งชุดให้ ให้ทิปได้ตามอัธยาศัย >และเงินเข้าไปซื้อของกิน 100 บาท (เบี้ยแบบเหรียญโบราณ) เอ้า ลุย!!
เมื่อเดินชมบรรยากาศเมืองเก่าแล้ว ถ่ายรูปแล้ว คืนชุด เดินทางต่อไปยัง สะพานมอญ อ.สังขละบุรี
"สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย"
ออกจากเมืองมัลลิกา ราวๆ 4 โมง ต้องรีบแล้วเพราะมีสัญญาณมาว่า พลขับ ไม่ถนัดขับรถตอนไม่มีแสง!!
โอ๊ยยย งานเข้าแล้วไง 555+
ขับรถมาสักพักเข้าเขตอำเภอสังขละบุรี ขับไปเรื่อยๆจะผ่านอุทยานแห่งชาติเขื่อนเขาแหลม
เมื่อไปถึงแยก ผ่านด่านเจดีย์สามองค์เข้าไปอีกนิดเดียวก็จะถึงตัวเมืองสังขละบุรี
อากาศก็เริ่มเย็นลงๆ เปิดกระจกรับอากาศหน่อยจะฟินมาก ร้องเพลงกันอย่างรื่นเริงบันเทิงใจ
สักพักก็เริ่มมีบทสนทนาแบบหายใจไม่ทั่วท้อง...
พลขับ : เห้ย โค้งเยอะแบบนี้เลยเหรอ ขึ้นเขา ลงเขา ทางแบบนี้ตลอดมั้ยว่ะ
เรา : เอิ่ม ไม่รู้อ่ะ เพิ่งมาครั้งแรก มาตามอากู๋ โทดอากู๋เลย
พลขับ : ครั้งแรกของเราเหมือนกัน ไม่เคยขับขึ้นเขา ลงเขาแบบโค้งประชิดเหว เยี่ยงนี้
(ด้วยสีหน้าแบบเลือดไม่สูบฉีดมาเป็นระยะเวลา 2 ชั่วโมง)
เรา : ไม่เป็นไรนะ แกจะได้ขับเก่งขึ้นไง ประสบการณ์ดีกับทริปครั้งนี้
พลขับ : ถ้าครั้งหน้าชวนมาอีกไม่มาแล้วนะ 555+
ระหว่างทางก็ชวน พลขับคุยไปด้วย ปลอบไปด้วยเพื่อลดความกลัว เราก็ได้แต่พูดคนเดียวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ไม่ยอมตอบเว้ยเห้ย (เราก็คิด เพื่อนเราโกดมั้ยว่ะที่ชวนมาที่แบบนี้)
สรุป นางเกร็งจ้า ขับแบบมีสมาธิสุดๆ สักพัก ช่วยหน่อยๆ "แก ตะคริวกินไหล่ขวา 555+ "
โอ๊ยยย เป็นการนั่งรถแบบลุ้นๆ กับพลขับ และลุ้นเรื่องพระอาทิตย์ตกดินสุดๆ
ดีนะที่ วันนั้น พระอาทิตย์ตกดินช้ามาก 6 โมงกว่าก็ยังมีแสงช่วยพลขับเราอยู่
เชื่อม่ะ ไปถึงที่พัก ราว 1 ทุ่มกว่า (อากู๋บอกว่าใช้เวลา 2 ชม.ถึงที่พัก) โดยปลอดภัย
(กราบงามๆกับพลขับที่พาเพื่อนถึงที่พักครบสามสิบสอง)
คืนนี้เราพักที่ พี เกสเฮ้าส์ รีสอร์ท : ที่พักสะอาด บริการดี อาหารอร่อย วิวสวย 9/10 (หักปลั๊กในห้องน้อย 555+)
รีบนอนกัน ไม่ได้ไปเดินตลาดนัดกลางคืน เพราะความเหน็ดเหนื่อยและต้องตื่นไปตักบาตรแต่เช้าที่สะพานมอญ
กริ๊งง!!!! นาฬิกาปลุก ตีห้า เพื่อเตรียมตัวและเดินทางไป ตอน 6 โมงเช้า
เราเช่ามอเตอร์ไซด์ ที่รีสอร์ท 200 บาท (มัดจำกุญแจ 100บาท) น้ำมันเต็มถังทั้งไป-กลับ (ตอนคืนรถ ก็ต้องเต็มถังกลับมา)
วันที่สอง | ซึบซับอากาศบริสุทธิ์ที่สะพานมอญ (สะพานอุตตมานุสรณ์) และเดินชิล กิน ช้อป ชุมชนมอญ @สังขละบุรี
ขั้นตอน : แว๊นไปสะพานมอญซึ่งห่าจากที่พักไม่เท่าไหร่ มีป้ายบอกทางอยู่ > เปลี่ยนชุดเข้าธีมชาวมอญ > ตักบาตรร่วมชาติ > เดินข้ามไปฝั่งชุมชนมอญเพื่อกินอาหารเช้า > เดินเลานชิลๆ > เดินกลับเพื่อถ่ายรูป > ไปเช่าเรือเหมาลำ 300 บาท 3 คน ไปชมวัดลอยน้ำ Unseen Thailand วัดวังก์วิเวการาม > แว๊นไปพระเจดีย์พุทธคยา
วิวหน้าห้องพัก อากาศกำลังดี แสงไฟสลัวในยามเช้าตรู่
เจอสะพานปูนก่อนจะถึงสะพานไม้
มื้อเช้าของเรา โจ๊กใส่ไข่กินกับหมี่กรอบทอด ปาท่องโก๋ยักษ์ กาแฟโบราณ โรตีโอ่ง (แป้งโรตีหนึบๆ หนาหน่อย ราดนมข้น ผงโอวัลติน)
ร้านโจ๊กนั่งยอง ถ้าข้ามมา เจอเลยร้านที่สอง (ถ้านับเป็นร้าน) ขวามือ โต๊ะแนวราบเยอะๆ 7/10
(เพื่อนบอกไม่ค่อยถูกปาก แม่ค้าแนวฮาร์ดคอร์ 555+)
เด็กๆที่มาคอยบริการปะแป้งพม่าเป็นรูปแบบต่างๆ หาเงินค่าเรียน ทิปแล้วแต่ให้ เต็มสองข้างทางเลยเด้อ
ดาราประจำสะพานมอญและนักท่องเที่ยว 555+
แว๊นไปต่อยังพระเจดีย์พุทธคยา มีป้ายบอกตลอดทาง ซิ่งโลด