เรื่องจริงต่อไปนี้ อาจจะมีช่วงที่ขาดไปบ้างหรือสลับไปบ้าง จากที่ผมมีภาวะความจำสั้น ซึ่งมันก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว ถ้าให้ระบุก็ ราวๆ 4 - 5 ปีแล้ว
เย็นวันนึงในช่วงที่อากาศแจ่มใส ผมมองดูสายลม มองดูผู้คน และเพื่อนผม ( ไมค์ ) ณ โรงเรียน อาชีวะศึกษาแม่สาย
(ชื่อปัจจุบัน : วิทยาลัยอาชีวศึกษาแม่สาย)
ณ ต. โป่งงาม อ. แม่สาย จ. เชียงราย
วินาทีนั้น ที่ผมได้เดินเข้าไปในห้องโถง ของ โรงเรียนของเพื่อนชายของผม ( ไมค์ ) ซึ่งเขาก็เรียนอยู่ที่นั่นเช่นเดียวกัน ในขณะที่มีนักศึกษากลุ่มนึงกำลังซ้อมเต้น ผมได้แต่ ชายตา มองแต่ผู้หญิงคนนึง คนที่ทำให้หัวใจผมสั่นระรัวเหมือนกับ คลื่นจากเสียงกลองที่เปิดดัง จนสามารถสะท้อนเข้าไปกระตุ้นหัวใจของผม แบบไม่เป็นจังหวะ มันทำให้ผมสงบใจไม่ได้เลย จนต้องคิดทำอะไรสักอย่างให้ได้ แต่ว่า ด้วยความที่ผมนั้นเป็นคนที่ขี่อายมาก ก็เลยทำเนียนสงบใจเอาไว้ และก็หันไปมองเพื่อนมันก็ปิ้งไอเดียขึ้นมาว่า ให้เพื่อนขอเบอร์ ของเธอคนนั้นให้ทีดีไหมนะ ก็เลยตัดสินใจให้เพื่อนไปขอให้ จังหวะที่ได้รับการตอบรับ เธอพิมเบอร์มือถือลงไปนั้นเอง ผมก็เกือบหลุด การควบคุมตัวเอง เกือบจะแสดงอาการดีใจ กับท่าทางประหลาดๆออกไป (เกือบไปแล้วๆ) และพอถึงเวลาเลิกเรียน ผมและเพื่อนของผม ชื่อไมค์ ก็ได้แยกย้ายกันกลับบ้าน หากแต่ว่าผู้หญิงคนนั้นพักอยู่ในหอพักหญิงของโรงเรียนนั้น ผมก็ยังไม่กล้าโทรไปหาเธอเลยนับตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน จนพบค่ำผมได้ตัดสินใจโทรหาเธอ เธอยังแปลกใจในวินาทีแรกที่ผมโทรไป ส่วนผมเองก็ยังตื่นเต้น ทั้งดีใจ ความรู้สึกดีแบบนี้ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แถมยังพูดจาตะกุกตะกัก ในช่วงแรก และได้รู้ชื่อของเธอคนนั้น เธอชื่อว่า ( จิน : ณัฐชา ใจรักปราง... แต่ผมชอบเรียกเธอว่า หนูจิน ) มีวันนึงที่เธอหิวข้าว ผมก็ถือโอกาศทำกับข้าวด้วยตัวเองและนำไปให้กับเธอ ผมดีใจมากตอนที่เธอพูดว่าอร่อย และนั่งคุยกับเธอสักพักที่ศาลาพักในโรงเรียน วันต่อๆมาผมก็ได้ตัดสินใจ ขอคบกับเธอ และได้คบกันหลังจากนั้นไม่นานนัก ผมมาหาเธอนั่นคุยกับเธอตรงไม้หินอ่อนทุกวัน เพราะผมอยากจะอยู่ใกล้ๆเธอ มีบางวันที่เราทะเลาะกันเล็กน้อยในบางครั้ง แค่เราก็ยังอภัยให้กัน เราเริ่มจะไปไหนมาไหนด้วยกันมากขึ้น จนจบการเรียนในปีแรก (หมายถึงจบ ม 4 โดยเทียบกับโรงเรียนมัธยม) เธอได้กลับไปบ้านของเธอซึ่งอยู่ต่างจังหวัด ( จ. เชียงใหม่ อ. ฝาง ) ผมก็ยังคงโทรหาเธอทุกวัน และเฝ้ารอการเปิดภาคเรียนในปีที่ 2 ปีนี้เธอย้ายออกมาอยู่หอพักนอกโรงเรียน เราได้ทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น รักกันมากขึ้น ทำกับข้าวทานด้วยกันบ่อยๆ เล่นน้ำด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน ผมมีความสุขมาก เธอเองก็เช่นกัน
ผมตัดสินใจได้เลยว่าเธอจะเป็นภรรยาของผมเมื่อเธอเรียนจบ เราคบกันจนเข้าสู่ปีที่ 3 ช่วงนึงของชีวิตผม ที่ผมเริ่มเกิดความไม่พอ ผมแอบจีบผู้หญิงคนนึงผมก็จำชื่อคนคนนั้นไม่ได้แล้ว ขอเรียกว่า น้อง เอ ก็แล้วกัน ผมได้ตาจีบน้อง เอ ได้ไม่นานนัก จนหนูจินจับได้และถามว่าใคร ผมก็บอกไป ผมเห็นความเสียใจในตาของหนูจิน และได้หยุดความสัมพันธ์กับน้อง เอ ไป แล้วเราก็คบกับไปเหมือนเคย หนูจินเองก็ไม่ไว้ใจตัวเราอีกเหมือนอย่างเคย จนผมได้เข้าสู่วัยเกนฑ์ทหาร แต่ผมได้ใบดำ ผมอยากหางานใหม่ทำ และได้มีคนรู้จักคนนึงจะส่งผมไปทำงานที่ กทม ซ่งผมก็ โอเค ด้วยความดีใจที่จะได้งานใหม่ ผมและเพื่อนผม ไมค์ ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องผม ได้พาผมไปเที่ยวสังสรรค์ กินเหล้ากันอยู่ ณ แอ่งน้ำแห่งนึง ชื่อ (ขุนน้ำนางนอน) ผมได้พบกับผู้หญิงอีกคนนึงจำชื่อไม่ได้ เรียกว่า น้องบี ก็แล้วกัน ผมเมา และได้เข้าไปขอเบอร์น้องบี วันต่อมาผมต้องออกเดินทาง ณ เวลานั้น น่าเป็นช่วงที่หนูจินกำลังฝึกงานที่ กทม แถวๆสวนน้ำ
ผมก็ออกเดินทางไป กทม และได้พี่พักผ่อนชั่วคราวกับพี่สาวของคนที่หางานให้ พักอยู่ที่ แฟลช สำนักงานเขตุบางคอแหลม เลขที่เท่าไหร่ไม่แน่ใจ ใกล้ๆ BTS และได้แอบคบกับน้องบี จนวันนึงหนูจินก็รู้เรื่องเข้า ผมคิดว่า หนูจินไม่น่าจะรู้เรื่องได้ ถ้าหาก ( ไมค์ ) เพื่อนผมไม่ได้บอก เพราะไม่มีใครรู้อีกแล้วน้องจาก ( ไมค์ ) นึกถึงวันเก่า ไมค์เคยบอกว่า เขาชอบหนูจินซึ่งเป็นแฟนผมในตอนนี้ ผมก็เกิดความแคลงใจว่านี้เป็นเพราะ ( ไมค์ ) แน่ๆ เขาต้องการจะแย่งหนูจินไปจากผมหรือเปล่า แต่ในช่วงนั้นเองหนูจินก็เดินทางมาหาผมด้วยหัวใจที่แตกสลาย ผมรู้สึก เกลียดตัวเองมาก และได้พยายาม บอกเลิกหนูจินไป อีกในนึงก็จะเลิกยุ่งกับน้องบีด้วยเช่นเดียวกัน ผมรู้ตัวขึ้นมาแล้ว ว่าผมไม่อาจจะทำให้ หนูจิน เจ็บปวดไปมากกว่านี้แล้ว ผมไม่รู้ว่าต่อไปผมจะทำอะไรอีกไหม แต่ท้ายที่สุด ผมก็ทำไม่ได้ ผมกลับไปยังห้องพัก พร้อมกับหนูจินที่สวนน้ำ และใช้เวลาน้ำอยู่กับหนูจินให้นานที่สุด ผมสำนึกผิดแล้ว และก็ถึงเวลาที่หนูจินจะต้องกลับไปเรียน ผมก็กลับไปยังที่พักของผมในแฟลชบางคอแหลม และกำลังจะได้งานทำ แต่ด้วยความกลัวของหนูจิน จึงขอให้ผมกลับมาอยู่กับหนูจิน ผมจึงตัดสินใจกลับมา และจะอยู่กับหนูจินต่อไป เมื่อหนูจินเรียนจบ หนูจินก็ได้กลับบ้านของเธอไป ที่ ฝาง ผมเองก็อยู่บ้านของผม
ได้โทรคุยกับหนูจินบ้างบางที แต่มีวันนึง ผมถูกโจ๋วัยรุ่นรุมทำร้าย จนต้องหยอดน้ำเกลือ มือถือก็พัง อยู่ในโรงพยาบาล 3 อาทิตย์ และพักฟื้นที่บ้านอีกหลยวัน และต้องจัดการกับคดีรุมทำร้ายกับพวกโจ๋วัยรุ่มอีกหลายวัน ไม่มีเวลาได้ติดต่อกับหนูจินเลย (ด้วยความที่ให้อยากให้หนูจินเป็นห่วง ผมบอกหนูจินไปว่าผมถูกรถชน ) หลังจากนั้นมันผ่านไปเป็นเดือนๆ กว่าจะได้มือถือใหม่ และติดต่อหาหนูจิน แต่คราวนี้ผมต้องน้ำตาร่วง เพราะหนูจินมีคนใหม่แล้ว คงด้วยความที่ผมทำให้หนูจินเจ็บปวดมาตลอด ซ้ำยังมาหายไปดื้อๆ หนูจินคงรับไม่ไหวอีกแล้ว มันคงเป็นบาปที่ผมได้ทำไว้กับเธอ ผมจึงต้องเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุด จากตอนนั้น นี่ก็ผ่านมาอาจจะ 4 - 5 ปีแล้ว ผมต้องโหยหาหนูจิน อยู่ตลอดเวลา ไม่มีวันไหนที่ผมสามารถนอนหลับอย่างอุ่นใจได้อีกแล้ว ผมยังโทรหาเธอเป็นบางครั้ง ล่าสุดเธอเปลี่ยนเบอร์โทรไปแล้ว ผมก็ยังคงโทรไปเบอร์นั้นอยู่บ่อยครั้ง หวังในใจว่าเธออาจจะเปิดมันขึ้นมาสักวัน หลายๆเรื่องราวที่เราเคยมีความสุขร่วมกัน มันย้อนกลับมาหาผมทุกวัน ไม่มีวันไหนที่ผมไม่คิดถึงหนูจินเลย บางครั้งนอนหลับก็น้ำตาไหล ซ้ำยังฝันถึง ความฝันที่ผมตั้งใจไว้แต่แรก ว่าผมจะได้สร้างครอบครัวกับหนูจิน มันทำให้ผมทรมานมาก
หลายครั้งที่ผมไม่ยอมกินน้ำไม่ยอมกินข้าว หวังจะให้มันจบเสียที ผมไม่อยากจะเจออะไรแบบนี้อีกแล้ว อยากให้ความทรมานนี้มันหยุดเสียที ในที่สุดแล้วผมก็เจอสิ่งที่ผมต้องการแล้วจริงๆ แต่ผมกลับทำร้ายมันอยู่ตลอดเวลา และนี่ก็เป็น บทลงโทษที่ผมสมควรได้รับ ผมจะต้องทนทุกข์ทรมานใจไปตลอดชีวิตของผม
จากอดีต สู่ปัจจุบัน จากความรัก สู่ความทุกข์ทรมาน
เย็นวันนึงในช่วงที่อากาศแจ่มใส ผมมองดูสายลม มองดูผู้คน และเพื่อนผม ( ไมค์ ) ณ โรงเรียน อาชีวะศึกษาแม่สาย
(ชื่อปัจจุบัน : วิทยาลัยอาชีวศึกษาแม่สาย)
ณ ต. โป่งงาม อ. แม่สาย จ. เชียงราย
วินาทีนั้น ที่ผมได้เดินเข้าไปในห้องโถง ของ โรงเรียนของเพื่อนชายของผม ( ไมค์ ) ซึ่งเขาก็เรียนอยู่ที่นั่นเช่นเดียวกัน ในขณะที่มีนักศึกษากลุ่มนึงกำลังซ้อมเต้น ผมได้แต่ ชายตา มองแต่ผู้หญิงคนนึง คนที่ทำให้หัวใจผมสั่นระรัวเหมือนกับ คลื่นจากเสียงกลองที่เปิดดัง จนสามารถสะท้อนเข้าไปกระตุ้นหัวใจของผม แบบไม่เป็นจังหวะ มันทำให้ผมสงบใจไม่ได้เลย จนต้องคิดทำอะไรสักอย่างให้ได้ แต่ว่า ด้วยความที่ผมนั้นเป็นคนที่ขี่อายมาก ก็เลยทำเนียนสงบใจเอาไว้ และก็หันไปมองเพื่อนมันก็ปิ้งไอเดียขึ้นมาว่า ให้เพื่อนขอเบอร์ ของเธอคนนั้นให้ทีดีไหมนะ ก็เลยตัดสินใจให้เพื่อนไปขอให้ จังหวะที่ได้รับการตอบรับ เธอพิมเบอร์มือถือลงไปนั้นเอง ผมก็เกือบหลุด การควบคุมตัวเอง เกือบจะแสดงอาการดีใจ กับท่าทางประหลาดๆออกไป (เกือบไปแล้วๆ) และพอถึงเวลาเลิกเรียน ผมและเพื่อนของผม ชื่อไมค์ ก็ได้แยกย้ายกันกลับบ้าน หากแต่ว่าผู้หญิงคนนั้นพักอยู่ในหอพักหญิงของโรงเรียนนั้น ผมก็ยังไม่กล้าโทรไปหาเธอเลยนับตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน จนพบค่ำผมได้ตัดสินใจโทรหาเธอ เธอยังแปลกใจในวินาทีแรกที่ผมโทรไป ส่วนผมเองก็ยังตื่นเต้น ทั้งดีใจ ความรู้สึกดีแบบนี้ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แถมยังพูดจาตะกุกตะกัก ในช่วงแรก และได้รู้ชื่อของเธอคนนั้น เธอชื่อว่า ( จิน : ณัฐชา ใจรักปราง... แต่ผมชอบเรียกเธอว่า หนูจิน ) มีวันนึงที่เธอหิวข้าว ผมก็ถือโอกาศทำกับข้าวด้วยตัวเองและนำไปให้กับเธอ ผมดีใจมากตอนที่เธอพูดว่าอร่อย และนั่งคุยกับเธอสักพักที่ศาลาพักในโรงเรียน วันต่อๆมาผมก็ได้ตัดสินใจ ขอคบกับเธอ และได้คบกันหลังจากนั้นไม่นานนัก ผมมาหาเธอนั่นคุยกับเธอตรงไม้หินอ่อนทุกวัน เพราะผมอยากจะอยู่ใกล้ๆเธอ มีบางวันที่เราทะเลาะกันเล็กน้อยในบางครั้ง แค่เราก็ยังอภัยให้กัน เราเริ่มจะไปไหนมาไหนด้วยกันมากขึ้น จนจบการเรียนในปีแรก (หมายถึงจบ ม 4 โดยเทียบกับโรงเรียนมัธยม) เธอได้กลับไปบ้านของเธอซึ่งอยู่ต่างจังหวัด ( จ. เชียงใหม่ อ. ฝาง ) ผมก็ยังคงโทรหาเธอทุกวัน และเฝ้ารอการเปิดภาคเรียนในปีที่ 2 ปีนี้เธอย้ายออกมาอยู่หอพักนอกโรงเรียน เราได้ทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น รักกันมากขึ้น ทำกับข้าวทานด้วยกันบ่อยๆ เล่นน้ำด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน ผมมีความสุขมาก เธอเองก็เช่นกัน
ผมตัดสินใจได้เลยว่าเธอจะเป็นภรรยาของผมเมื่อเธอเรียนจบ เราคบกันจนเข้าสู่ปีที่ 3 ช่วงนึงของชีวิตผม ที่ผมเริ่มเกิดความไม่พอ ผมแอบจีบผู้หญิงคนนึงผมก็จำชื่อคนคนนั้นไม่ได้แล้ว ขอเรียกว่า น้อง เอ ก็แล้วกัน ผมได้ตาจีบน้อง เอ ได้ไม่นานนัก จนหนูจินจับได้และถามว่าใคร ผมก็บอกไป ผมเห็นความเสียใจในตาของหนูจิน และได้หยุดความสัมพันธ์กับน้อง เอ ไป แล้วเราก็คบกับไปเหมือนเคย หนูจินเองก็ไม่ไว้ใจตัวเราอีกเหมือนอย่างเคย จนผมได้เข้าสู่วัยเกนฑ์ทหาร แต่ผมได้ใบดำ ผมอยากหางานใหม่ทำ และได้มีคนรู้จักคนนึงจะส่งผมไปทำงานที่ กทม ซ่งผมก็ โอเค ด้วยความดีใจที่จะได้งานใหม่ ผมและเพื่อนผม ไมค์ ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องผม ได้พาผมไปเที่ยวสังสรรค์ กินเหล้ากันอยู่ ณ แอ่งน้ำแห่งนึง ชื่อ (ขุนน้ำนางนอน) ผมได้พบกับผู้หญิงอีกคนนึงจำชื่อไม่ได้ เรียกว่า น้องบี ก็แล้วกัน ผมเมา และได้เข้าไปขอเบอร์น้องบี วันต่อมาผมต้องออกเดินทาง ณ เวลานั้น น่าเป็นช่วงที่หนูจินกำลังฝึกงานที่ กทม แถวๆสวนน้ำ
ผมก็ออกเดินทางไป กทม และได้พี่พักผ่อนชั่วคราวกับพี่สาวของคนที่หางานให้ พักอยู่ที่ แฟลช สำนักงานเขตุบางคอแหลม เลขที่เท่าไหร่ไม่แน่ใจ ใกล้ๆ BTS และได้แอบคบกับน้องบี จนวันนึงหนูจินก็รู้เรื่องเข้า ผมคิดว่า หนูจินไม่น่าจะรู้เรื่องได้ ถ้าหาก ( ไมค์ ) เพื่อนผมไม่ได้บอก เพราะไม่มีใครรู้อีกแล้วน้องจาก ( ไมค์ ) นึกถึงวันเก่า ไมค์เคยบอกว่า เขาชอบหนูจินซึ่งเป็นแฟนผมในตอนนี้ ผมก็เกิดความแคลงใจว่านี้เป็นเพราะ ( ไมค์ ) แน่ๆ เขาต้องการจะแย่งหนูจินไปจากผมหรือเปล่า แต่ในช่วงนั้นเองหนูจินก็เดินทางมาหาผมด้วยหัวใจที่แตกสลาย ผมรู้สึก เกลียดตัวเองมาก และได้พยายาม บอกเลิกหนูจินไป อีกในนึงก็จะเลิกยุ่งกับน้องบีด้วยเช่นเดียวกัน ผมรู้ตัวขึ้นมาแล้ว ว่าผมไม่อาจจะทำให้ หนูจิน เจ็บปวดไปมากกว่านี้แล้ว ผมไม่รู้ว่าต่อไปผมจะทำอะไรอีกไหม แต่ท้ายที่สุด ผมก็ทำไม่ได้ ผมกลับไปยังห้องพัก พร้อมกับหนูจินที่สวนน้ำ และใช้เวลาน้ำอยู่กับหนูจินให้นานที่สุด ผมสำนึกผิดแล้ว และก็ถึงเวลาที่หนูจินจะต้องกลับไปเรียน ผมก็กลับไปยังที่พักของผมในแฟลชบางคอแหลม และกำลังจะได้งานทำ แต่ด้วยความกลัวของหนูจิน จึงขอให้ผมกลับมาอยู่กับหนูจิน ผมจึงตัดสินใจกลับมา และจะอยู่กับหนูจินต่อไป เมื่อหนูจินเรียนจบ หนูจินก็ได้กลับบ้านของเธอไป ที่ ฝาง ผมเองก็อยู่บ้านของผม
ได้โทรคุยกับหนูจินบ้างบางที แต่มีวันนึง ผมถูกโจ๋วัยรุ่นรุมทำร้าย จนต้องหยอดน้ำเกลือ มือถือก็พัง อยู่ในโรงพยาบาล 3 อาทิตย์ และพักฟื้นที่บ้านอีกหลยวัน และต้องจัดการกับคดีรุมทำร้ายกับพวกโจ๋วัยรุ่มอีกหลายวัน ไม่มีเวลาได้ติดต่อกับหนูจินเลย (ด้วยความที่ให้อยากให้หนูจินเป็นห่วง ผมบอกหนูจินไปว่าผมถูกรถชน ) หลังจากนั้นมันผ่านไปเป็นเดือนๆ กว่าจะได้มือถือใหม่ และติดต่อหาหนูจิน แต่คราวนี้ผมต้องน้ำตาร่วง เพราะหนูจินมีคนใหม่แล้ว คงด้วยความที่ผมทำให้หนูจินเจ็บปวดมาตลอด ซ้ำยังมาหายไปดื้อๆ หนูจินคงรับไม่ไหวอีกแล้ว มันคงเป็นบาปที่ผมได้ทำไว้กับเธอ ผมจึงต้องเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุด จากตอนนั้น นี่ก็ผ่านมาอาจจะ 4 - 5 ปีแล้ว ผมต้องโหยหาหนูจิน อยู่ตลอดเวลา ไม่มีวันไหนที่ผมสามารถนอนหลับอย่างอุ่นใจได้อีกแล้ว ผมยังโทรหาเธอเป็นบางครั้ง ล่าสุดเธอเปลี่ยนเบอร์โทรไปแล้ว ผมก็ยังคงโทรไปเบอร์นั้นอยู่บ่อยครั้ง หวังในใจว่าเธออาจจะเปิดมันขึ้นมาสักวัน หลายๆเรื่องราวที่เราเคยมีความสุขร่วมกัน มันย้อนกลับมาหาผมทุกวัน ไม่มีวันไหนที่ผมไม่คิดถึงหนูจินเลย บางครั้งนอนหลับก็น้ำตาไหล ซ้ำยังฝันถึง ความฝันที่ผมตั้งใจไว้แต่แรก ว่าผมจะได้สร้างครอบครัวกับหนูจิน มันทำให้ผมทรมานมาก
หลายครั้งที่ผมไม่ยอมกินน้ำไม่ยอมกินข้าว หวังจะให้มันจบเสียที ผมไม่อยากจะเจออะไรแบบนี้อีกแล้ว อยากให้ความทรมานนี้มันหยุดเสียที ในที่สุดแล้วผมก็เจอสิ่งที่ผมต้องการแล้วจริงๆ แต่ผมกลับทำร้ายมันอยู่ตลอดเวลา และนี่ก็เป็น บทลงโทษที่ผมสมควรได้รับ ผมจะต้องทนทุกข์ทรมานใจไปตลอดชีวิตของผม