พูดคุยกับ"โมบายล์BNK48" กับนิยามคำว่า'ไอดอลไม่ต้องเพอร์เฟกต์' แต่อยากให้มองความพยายาม เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ เพราะเชื่อว่ายังมีคนอีกมากมายที่อยากพัฒนาตัวเองอยู่
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งสาวที่หลายคนหลงเสน่ห์ในความสดใส สำหรับ โมบายล์-พิมรภัส ผดุงวัฒนะโชค สมาชิก “BNK 48” เกิร์ลกรุ๊ปที่กำลังโด่งดังในขณะนี้ โดยโมบายล์นั้นเป็นเซ็นเตอร์เพลงฮิต “คุกกี้เสี่ยงทาย” ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่โดดเด่นสุด ๆ แต่กว่าเธอจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย สาวน้อยคนนี้ได้ใช้ความพยายามพิสูจน์ตัวเองไม่ใช่น้อย เพราะเธอเคยไม่ติดแม้แต่ตำแหน่งเซมบัตสึ หรือ สมาชิกที่ได้รับเลือกให้มีส่วนร่วมในเพลงมาแล้ว ซึ่งเบื้องหลังรอยยิ้มแสนน่ารัก โมบายล์เคยเสียน้ำตามากมายกว่าจะถึงตรงนี้ วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยขอชวนแฟน ๆ มาพบกับเส้นทางการเป็นศิลปินของเธอที่มาพร้อมหัวใจนักสู้ ด้วยความคิดที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และขอเป็นไอดอลในเรื่องความพยายามให้กับทุกคนด้วย
ทำไมถึงตัดสินใจมาออดิชั่นเป็น “BNK 48” ?
“เมื่อก่อนหนูชอบร้องเพลง ชอบเต้น เลยสนใจโคฟเวอร์ ประกอบกับเราชื่นชอบไอดอลญี่ปุ่นอยู่แล้วและรู้จักรุ่นพี่ “AKB48” ว่าเขามีประวัติเป็นมายังไง ตอนแรกหนูเคยคิดไปสมัครที่ญี่ปุ่น แต่คิดว่าภาษาอาจไม่ไหวเลยไม่ไป พอมีการเปิดออดิชั่น BNK 48 ที่ไทยก็ดีใจมาก เลยรีบมาสมัคร ซึ่งตอนนั้นเราก็คาดหวังว่าจะผ่านออดิชั่นนิดนึง เพราะเขาก็รับเยอะอยู่ อาจมีเราติดเข้าไปสักคน (หัวเราะ) ซึ่งพอได้ประกาศชื่อว่าผ่านออดิชั่นแล้ว ตอนนั้นก็ดีใจและตกใจด้วยค่ะ”
การใช้ชีวิตกับสมาชิกในวงต้องมีปรับจูนบ้างมั้ย?
“หนูเข้ากับคนอื่นได้ง่ายอยู่แล้ว ซึ่งหนูชอบเล่นกับรุ่นพี่มากกว่าวัยเดียวกัน พี่ ๆ มีคำแนะนำให้เราเยอะ เพราะเขามีประสบการณ์มากกว่า เวลาที่เรามีปัญหาก็ไปปรึกษาพี่ ๆ ได้ ซึ่งหนูสนิทกับพี่มิลินและพี่ปูเป้มากที่สุด อย่างพี่ปูเป้เราเป็นรูมเมทห้องเดียวกันด้วย ก็ปรึกษากันได้ง่าย พี่ปูเป้เป็นพิธีกรเก่ง หนูไม่ค่อยคล่องเรื่องนี้ ก็ได้ปรึกษาพี่เขาว่าต้องทำยังไง ส่วนพี่มิลินคือเราชอบอะไรเหมือนกัน ดูหนังแนวเดียวกัน ก็ไปเที่ยวด้วยกันบ่อย สำหรับการอยู่ในวงที่มีกฎมากมาย หนูก็ไม่อึดอัดเลย เพราะมันจะได้เป็นการระมัดระวังตัวเราไปด้วย เช่น ห้ามจับมือหรือถูกเนื้อต้องตัว มันก็เป็นการเซฟเราด้วยค่ะ”
เป็นไอดอลของหลายคน วางตัวกับเรื่องต่าง ๆ ยังไง?
“เราต้องแสดงภาพลักษณ์ที่ดีของเราออกไปให้คนเห็นค่ะ ในแง่การถูกจับตามอง ก่อนอื่นหนูก็เป็นตัวของตัวเองและทำแต่สิ่งดี ๆ คือไอดอลไม่จำเป็นต้องเก่ง คำว่าไอดอลสำหรับหนูนิยามว่าไม่ต้องเพอร์เฟกต์เต็มร้อย ไม่ต้องสวย บ้านรวย หนูอยากให้มองว่าหนูเป็นไอดอลด้านคนที่มีความพยายาม หนูอยากเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนในด้านการพัฒนา เพราะเชื่อว่ายังมีคนอีกมากมายที่อยากพัฒนาตัวเองอยู่ และอยากให้เห็นคุณค่าตัวเอง ไม่อยากให้ทุกคนมองว่าตัวเองไร้ค่า แต่อยากให้มองว่าตัวนั้นมีค่าและพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ค่ะ”
งานแน่นแบบนี้ แบ่งเรื่องเรียนกับทำงานยังไง?
“ตอนนี้หนูกำลังจะเข้าการศึกษานอกระบบ เทียบเท่าระดับมัธยมต้น ก็จะเข้าเรียนช่วงเดือน เม.ย. นี้ เพราะที่ผ่านมาตลอดเดือนที่แล้ว หนูไม่มีวันหยุดเลย ถ้าหนูเรียนปกติคงโดนไล่ออกแล้ว (ยิ้ม) เลยเลือกเรียนนอกระบบดีกว่า คือหนูคิดว่าเรื่องเรียนก็สำคัญ เลยเลือกเรียน กศน. เพราะมันเรียนแค่วันอาทิตย์ ซึ่งอาจยังพอจัดสรรเวลากับงานได้ ก็มองว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีค่ะ”
เห็นว่าก่อนหน้านี้เกือบไม่ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน “เซมบัตสึ” อะไรคือสิ่งผลักดันให้เราสู้ต่อ?
“เมื่อก่อนเสียใจมากเลย ร้องไห้ ตอนที่เรายังไม่ติดเซมบัตสึ มันก็เหนื่อย คิดว่าก็ซ้อมมาตลอด ทำไมไม่ติด มีพักไปช่วงนึง เหมือนยังหาคาแรกเตอร์ตัวเองไม่เจอ เลยเปลี่ยนวิธีคิดใหม่มาเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และเมื่อก่อนเรายังไม่คุ้นกับเพื่อน อาจเผยตัวตนเราไม่หมด แต่พอเริ่มสนิทกันในวงมากขึ้น แฟน ๆ ก็เริ่มรู้ว่าหนูตลก เลยทำให้หนูเป็นที่รู้จักขึ้นเล็กน้อย จริง ๆ ตอนนั้นก็เครียด แต่เราก็กลับไปฝึกซ้อมร้อง ซ้อมเต้น ฝึกทุกอย่างที่ยังทำไม่ได้ และแค่สนุกไปกับมัน จนในที่สุดก็ได้โอกาสเป็นเซ็นเตอร์ “คุกกี้เสี่ยงทาย” ซึ่งหนูอยู่ตรงนี้ได้เพื่อน ๆ ในวงก็มีส่วนช่วย พูดคุยให้เราผ่อนคลายขึ้น เน้นไปที่การพัฒนาตัวเองค่ะ”
พอได้ก้าวเข้ามาเป็นเซ็นเตอร์ใน “คุกกี้เสี่ยงทาย” มันมีความหมายกับเรายังไง?
“จริง ๆ ตอนนั้นเราคิดว่าแค่เป็นเซมบัตสึก็ดีใจแล้ว แล้วเราก็ถูกประกาศชื่อคนสุดท้ายเลยคิดว่าไม่ติดแน่แล้ว (ยิ้ม) แต่พอรู้ว่าตัวเองได้เป็นเซ็นเตอร์เพลงนี้ก็ตกใจ แต่ก็คิดว่าจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ซึ่งการเป็นเซ็นเตอร์ก็ทำให้เรากดดันมากเพราะเราก็เหมือนเป็นแนวหน้าในเพลงนั้น คนจะเห็นเราก่อนเลยและเราจะทำให้เพลงดังได้มั้ย จะสื่อเพลงเราให้ทุกคนได้รู้เนื้อหาได้เต็มที่รึเปล่า ซึ่งหนูเตรียมตัวกับตำแหน่งนี้ด้วยการพยายามส่งฟีลลิ่งไปกับเพลง คือคาแรกเตอร์หนูตรงกับเพลงอยู่แล้ว เลยใส่ความเป็นตัวเองเข้าไป ส่วนเพลงต่อไปหนูไม่ได้เป็นเซ็นเตอร์แล้ว แต่หนูก็จะสนุกไปกับเพลงเหมือนเดิมค่ะ”
ในวงมีสมาชิกมากมายย่อมมีการแข่งขันกัน เรารับมือยังไง เคยมีการทะเลาะแย่งกันเด่นกันบ้างมั้ย?
“หนูก็ต้องพัฒนาตัวเองขึ้นมา คือแค่เต้นร้องมันอาจไม่พอ แต่อาจต้องมีเรื่องบุคลิกเราด้วย ส่วนตัวหนูไม่คาดหวังว่าต้องเป็นที่ 1 สำหรับเรื่องทะเลาะกันในวงหนูว่าไม่น่ามี เรายังคงเป็นพี่น้อง ไม่มีใครคิดว่าต้องเด่นกว่าใคร ส่วนการที่จะมีรุ่น 2 เข้ามามันก็มีความกดดันในแง่การแข่งขันเยอะขึ้น แต่เหมือนเราก็ต้องทำให้ตัวเองโดดเด่นขึ้นมา พัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ค่ะ”
อยู่ในวงการบันเทิงย่อมมีทั้งเสียงชื่นชมและวิจารณ์?
“เสียงวิจารณ์ก็กระทบจิตใจหนูมาก เพราะหนูเป็นคนเซ็นซิทีฟ (ยิ้ม) เราก็เสียใจ แต่หนูจะไม่ไปกระทบกระทั่งเขาต่อ เลือกที่จะพัฒนาตัวเองและทำให้เขารู้ว่าเราทำได้ พิสูจน์ตัวเอง ซึ่งหนูไม่เคยเหลิงไปกับชื่อเสียง ชีวิตหนูยังเหมือนเดิม อาจมีคนมาทักมากขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้รู้สึกว่าชื่อเสียงทำให้เราเปลี่ยนไป ส่วนหลักในการใช้ชีวิต คืออย่ากดดันตัวเองเกินไป เพราะมันจะเหนื่อยและสูญเสียความเป็นตัวเอง เรามาแก้ไขจุดบกพร่อง มาสนุกงานกับงาน ไม่ต้องเครียด หวังได้นะคะแต่อย่าหวังสูงเกินไป เอาแค่หวังในสิ่งที่เราทำได้ก็พอ คือการสนุกไปกับงานจะทำให้เราทำงานได้ยืนยาวมากขึ้น และผลลัพธ์ก็จะออกมาดีกว่า”
ได้เป็นเซ็นเตอร์เพลงดัง อย่าง “คุกกี้เสี่ยงทาย” ถือว่าประสบความสำเร็จรึยัง?
“ก็ประสบความสำเร็จแล้วในระดับนึง แต่หนูยังมีสิ่งที่ยังทำได้ไม่ดี ยังพัฒนาได้ไม่ดีพอ ซึ่งสิ่งที่หนูอยากพัฒนาอีกคือเรื่องที่พูดไม่ชัด ร้องเพลงไม่ชัด ออกสื่อสัมภาษณ์ก็เขิน ส่วนสิ่งที่เรียนรู้จากวงการบันเทิงมากที่สุดคือการวางตัว เราจะทำเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ต้องทำตัวให้เหมาะสม เมื่อก่อนจะดี๊ด๊า (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ก็ต้องควบคุมสติมากขึ้น”
เห็นมีลุคน่ารักสดใส แต่ถ้าหากพูดชื่อ “โมบายล์ BNK 48” อยากให้คนคิดถึงอะไรมากที่สุด?
“อยากให้คิดว่าเราเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาคนนึงที่ไม่ได้เพอร์เฟกต์ แต่ทำทุกอย่างด้วยใจรัก พร้อมพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ค่ะ ซึ่งหนูมองว่าข้อดีในตัวหนู คือมองโลกในแง่ดี แต่หนูก็เก็บปัญหาไว้ลึก ๆ เห็นหนูยิ้มตลอด แต่จริง ๆ หนูก็มีช่วงเสียน้ำตาเยอะเว่อร์เลย (ยิ้ม) เวลาอยู่คนเดียวหนูก็เครียด ช่วงที่ผ่านมาร้องไห้บ่อยมาก”
ทำไมถึงร้องไห้บ่อย ทั้งที่ก็มีชื่อเสียงและคนรักมากแบบนี้?
“มันก็มีผลกระทบกลับมาเหมือนกันว่าเราต้องทำให้ดี หนูเสียใจ โกรธตัวเองว่าทำไมถึงทำแบบที่ตั้งใจไว้ไม่ได้ ส่วนสิ่งที่หนูภูมิใจที่สุดในชีวิต ก็น่าจะคือการเป็นเซ็นเตอร์ “คุกกี้เสี่ยงทาย” เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นเซ็นเตอร์ เกินความฝัน ซึ่งเพลงต่อไปที่หนูไม่ได้เป็นเซ็นเตอร์ หนูก็ไม่นอยด์เพราะแฟนคลับบอกว่าจะอยู่ตรงไหน ก็เป็นเซ็นเตอร์ของเขา (ยิ้ม) และมันก็เหมือนให้เราได้พักด้วย เพราะเซ็นเตอร์มันกดดัน พอเรามาเป็นเซมบัตสึหนูก็ทำเต็มที่เหมือนเดิม แต่ไม่กดดันเท่าตำแหน่งนั้น”
สิ่งที่ประทับใจที่สุดตั้งแต่เข้ามาเป็น BNK 48?
“งานเยอะที่สุดในรอบปี แต่หนูชอบทำงาน สนุกดีและภูมิใจในสิ่งที่ทำในตอนนี้ เมื่อก่อนหนูเป็นคนที่ทำอะไรแล้วเหนื่อยก็ไม่เอาแล้ว แต่พอเรามาอยู่ตรงนี้มันรู้สึกว่ามันอาจเป็นเส้นทางของเราแล้ว หนูอยากอยู่ในฐานะสมาชิก BNK 48 จนหมดสัญญาเพราะรักงานตรงนี้ แต่อนาคตไกล ๆ ถ้ามีงานที่หนูชอบมากกว่า ซึ่งคงต้องหาก่อนว่าจะชอบอะไร ค่อยคิดถึงเรื่องการจบการศึกษา ตอนเด็กหนูมีความฝันหลายอย่าง แต่พอได้มาทำตรงนี้ความฝันก็ชัดเจนขึ้นว่าคือการเป็นนักร้อง แต่หนูก็ยังมองมันอาจเป็นงานที่ยังไม่มั่นคง ดังนั้นตอนโต กว่านี้อาจมองหาอาชีพที่เราจะทำจริงจัง เราอาจอยากเป็นอย่างอื่นอีกก็ได้ค่ะ”
เห็นว่าในวงมีกฎห้ามมีแฟน เราอึดอัดบ้างมั้ย?
“ไม่อึดอัดเลย เพราะว่าหนูไม่ชอบมีแฟน (หัวเราะ) หนูยังเป็นเด็ก และสนุกกับเพื่อนมากกว่า กฎนี้เลยเหมือนเป็นการปกป้องตัวเราด้วยค่ะ ส่วนอนาคตถ้ามีคนเข้ามาดูแลเราได้ คนที่จะเอาชนะหัวใจหนู คือหนูชอบคนที่ไม่ขี้จุกจิก มีเหตุผล เป็นคนอารมณ์ดี ส่วนมุมมองความรัก ณ วันนี้ คือความรักของหนูยังเป็นรักเพื่อน รักรุ่นพี่ รักแฟนคลับและรักพ่อแม่ ความรักคือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าเราตอบแทนอะไรเขาได้ ก็อยากตอบแทนค่ะ”
สำหรับเราแฟนคลับมีความสำคัญยังไง?
“ก็มีคนเขียนจดหมายมาหาว่าหนูเป็นแรงบันดาลใจให้เขา เราก็หา! หนูเนี่ยนะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ (ยิ้ม) แต่หนูก็อยากบอกว่าทุกคนก็เป็นแรงบันดาลใจของหนูเหมือนกัน เวลาท้อหนูก็จะมาอ่านข้อความให้กำลังใจต่าง ๆ ที่แฟน ๆ เขียนมาให้ทั้งในโซเชียล ซึ่งข้อความจากแฟนคลับที่หนูประทับใจที่สุด คือหนูชอบเวลาที่แฟน ๆ บอกปัญหาว่าหนูควรแก้ไขที่ตรงไหน มีชมหนูบ้าง มีคำแนะนำให้ ก็ปลื้มใจ คือเสียงติหนูก็ชอบฟังนะคะแต่อย่าแรงมาก (หัวเราะ) อยากให้ชมเราด้วย”
ท้ายสุดหากมอบคำมั่นสัญญาอะไรสักอย่างกับแฟนคลับ อยากบอกอะไรพวกเขามากที่สุด?
“คนที่ยังไม่เคยเจอหนูก็มาดูหนูได้ในไอจีและเฟซบุ๊กของหนู หนูก็จะทำคลิปน่ารัก ๆ ตลก ๆ ให้ทุกคนดูนะคะ เพราะไม่อยากให้เครียดกัน อยากให้มีรอยยิ้มและมีความสุข และขอขอบคุณทุกคนมากที่คอยส่งของขวัญมา หนูเก็บไว้ทุกชิ้น ชิ้นไหนใช้ได้หนูเอามาใช้เลย (ยิ้ม) ทุกชิ้นที่ทุกคนส่งมาหนูชอบหมดเลย และขอบคุณที่ให้กำลังใจกันด้วยค่ะ”
แฟน ๆ คงได้ข้อคิดดี ๆ และพลังบวกจากการพูดคุยกับสาว “โมบายล์” ครั้งนี้ไม่น้อย ซึ่งบอกได้เลยว่ายิ่งรู้จักเธอมากขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งหลงรักเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ และเชื่อว่าด้วยหัวใจที่รักการทำงานและความพยายามที่ไม่สิ้นสุดของสาวคนนี้ คงทำให้เราได้เห็นผลงานปัง ๆ จากเธออีกแน่นอน.
ขอบคุณบทสัมภาษณ์และรูปภาพจาก
https://www.dailynews.co.th/entertainment/632877
'โมบายล์BNK48'กับบทพิสูจน์ สู่ไอดอลแห่งความพยายาม
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งสาวที่หลายคนหลงเสน่ห์ในความสดใส สำหรับ โมบายล์-พิมรภัส ผดุงวัฒนะโชค สมาชิก “BNK 48” เกิร์ลกรุ๊ปที่กำลังโด่งดังในขณะนี้ โดยโมบายล์นั้นเป็นเซ็นเตอร์เพลงฮิต “คุกกี้เสี่ยงทาย” ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่โดดเด่นสุด ๆ แต่กว่าเธอจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย สาวน้อยคนนี้ได้ใช้ความพยายามพิสูจน์ตัวเองไม่ใช่น้อย เพราะเธอเคยไม่ติดแม้แต่ตำแหน่งเซมบัตสึ หรือ สมาชิกที่ได้รับเลือกให้มีส่วนร่วมในเพลงมาแล้ว ซึ่งเบื้องหลังรอยยิ้มแสนน่ารัก โมบายล์เคยเสียน้ำตามากมายกว่าจะถึงตรงนี้ วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยขอชวนแฟน ๆ มาพบกับเส้นทางการเป็นศิลปินของเธอที่มาพร้อมหัวใจนักสู้ ด้วยความคิดที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และขอเป็นไอดอลในเรื่องความพยายามให้กับทุกคนด้วย
ทำไมถึงตัดสินใจมาออดิชั่นเป็น “BNK 48” ?
“เมื่อก่อนหนูชอบร้องเพลง ชอบเต้น เลยสนใจโคฟเวอร์ ประกอบกับเราชื่นชอบไอดอลญี่ปุ่นอยู่แล้วและรู้จักรุ่นพี่ “AKB48” ว่าเขามีประวัติเป็นมายังไง ตอนแรกหนูเคยคิดไปสมัครที่ญี่ปุ่น แต่คิดว่าภาษาอาจไม่ไหวเลยไม่ไป พอมีการเปิดออดิชั่น BNK 48 ที่ไทยก็ดีใจมาก เลยรีบมาสมัคร ซึ่งตอนนั้นเราก็คาดหวังว่าจะผ่านออดิชั่นนิดนึง เพราะเขาก็รับเยอะอยู่ อาจมีเราติดเข้าไปสักคน (หัวเราะ) ซึ่งพอได้ประกาศชื่อว่าผ่านออดิชั่นแล้ว ตอนนั้นก็ดีใจและตกใจด้วยค่ะ”
การใช้ชีวิตกับสมาชิกในวงต้องมีปรับจูนบ้างมั้ย?
“หนูเข้ากับคนอื่นได้ง่ายอยู่แล้ว ซึ่งหนูชอบเล่นกับรุ่นพี่มากกว่าวัยเดียวกัน พี่ ๆ มีคำแนะนำให้เราเยอะ เพราะเขามีประสบการณ์มากกว่า เวลาที่เรามีปัญหาก็ไปปรึกษาพี่ ๆ ได้ ซึ่งหนูสนิทกับพี่มิลินและพี่ปูเป้มากที่สุด อย่างพี่ปูเป้เราเป็นรูมเมทห้องเดียวกันด้วย ก็ปรึกษากันได้ง่าย พี่ปูเป้เป็นพิธีกรเก่ง หนูไม่ค่อยคล่องเรื่องนี้ ก็ได้ปรึกษาพี่เขาว่าต้องทำยังไง ส่วนพี่มิลินคือเราชอบอะไรเหมือนกัน ดูหนังแนวเดียวกัน ก็ไปเที่ยวด้วยกันบ่อย สำหรับการอยู่ในวงที่มีกฎมากมาย หนูก็ไม่อึดอัดเลย เพราะมันจะได้เป็นการระมัดระวังตัวเราไปด้วย เช่น ห้ามจับมือหรือถูกเนื้อต้องตัว มันก็เป็นการเซฟเราด้วยค่ะ”
เป็นไอดอลของหลายคน วางตัวกับเรื่องต่าง ๆ ยังไง?
“เราต้องแสดงภาพลักษณ์ที่ดีของเราออกไปให้คนเห็นค่ะ ในแง่การถูกจับตามอง ก่อนอื่นหนูก็เป็นตัวของตัวเองและทำแต่สิ่งดี ๆ คือไอดอลไม่จำเป็นต้องเก่ง คำว่าไอดอลสำหรับหนูนิยามว่าไม่ต้องเพอร์เฟกต์เต็มร้อย ไม่ต้องสวย บ้านรวย หนูอยากให้มองว่าหนูเป็นไอดอลด้านคนที่มีความพยายาม หนูอยากเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนในด้านการพัฒนา เพราะเชื่อว่ายังมีคนอีกมากมายที่อยากพัฒนาตัวเองอยู่ และอยากให้เห็นคุณค่าตัวเอง ไม่อยากให้ทุกคนมองว่าตัวเองไร้ค่า แต่อยากให้มองว่าตัวนั้นมีค่าและพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ค่ะ”
งานแน่นแบบนี้ แบ่งเรื่องเรียนกับทำงานยังไง?
“ตอนนี้หนูกำลังจะเข้าการศึกษานอกระบบ เทียบเท่าระดับมัธยมต้น ก็จะเข้าเรียนช่วงเดือน เม.ย. นี้ เพราะที่ผ่านมาตลอดเดือนที่แล้ว หนูไม่มีวันหยุดเลย ถ้าหนูเรียนปกติคงโดนไล่ออกแล้ว (ยิ้ม) เลยเลือกเรียนนอกระบบดีกว่า คือหนูคิดว่าเรื่องเรียนก็สำคัญ เลยเลือกเรียน กศน. เพราะมันเรียนแค่วันอาทิตย์ ซึ่งอาจยังพอจัดสรรเวลากับงานได้ ก็มองว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีค่ะ”
เห็นว่าก่อนหน้านี้เกือบไม่ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน “เซมบัตสึ” อะไรคือสิ่งผลักดันให้เราสู้ต่อ?
“เมื่อก่อนเสียใจมากเลย ร้องไห้ ตอนที่เรายังไม่ติดเซมบัตสึ มันก็เหนื่อย คิดว่าก็ซ้อมมาตลอด ทำไมไม่ติด มีพักไปช่วงนึง เหมือนยังหาคาแรกเตอร์ตัวเองไม่เจอ เลยเปลี่ยนวิธีคิดใหม่มาเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และเมื่อก่อนเรายังไม่คุ้นกับเพื่อน อาจเผยตัวตนเราไม่หมด แต่พอเริ่มสนิทกันในวงมากขึ้น แฟน ๆ ก็เริ่มรู้ว่าหนูตลก เลยทำให้หนูเป็นที่รู้จักขึ้นเล็กน้อย จริง ๆ ตอนนั้นก็เครียด แต่เราก็กลับไปฝึกซ้อมร้อง ซ้อมเต้น ฝึกทุกอย่างที่ยังทำไม่ได้ และแค่สนุกไปกับมัน จนในที่สุดก็ได้โอกาสเป็นเซ็นเตอร์ “คุกกี้เสี่ยงทาย” ซึ่งหนูอยู่ตรงนี้ได้เพื่อน ๆ ในวงก็มีส่วนช่วย พูดคุยให้เราผ่อนคลายขึ้น เน้นไปที่การพัฒนาตัวเองค่ะ”
พอได้ก้าวเข้ามาเป็นเซ็นเตอร์ใน “คุกกี้เสี่ยงทาย” มันมีความหมายกับเรายังไง?
“จริง ๆ ตอนนั้นเราคิดว่าแค่เป็นเซมบัตสึก็ดีใจแล้ว แล้วเราก็ถูกประกาศชื่อคนสุดท้ายเลยคิดว่าไม่ติดแน่แล้ว (ยิ้ม) แต่พอรู้ว่าตัวเองได้เป็นเซ็นเตอร์เพลงนี้ก็ตกใจ แต่ก็คิดว่าจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ซึ่งการเป็นเซ็นเตอร์ก็ทำให้เรากดดันมากเพราะเราก็เหมือนเป็นแนวหน้าในเพลงนั้น คนจะเห็นเราก่อนเลยและเราจะทำให้เพลงดังได้มั้ย จะสื่อเพลงเราให้ทุกคนได้รู้เนื้อหาได้เต็มที่รึเปล่า ซึ่งหนูเตรียมตัวกับตำแหน่งนี้ด้วยการพยายามส่งฟีลลิ่งไปกับเพลง คือคาแรกเตอร์หนูตรงกับเพลงอยู่แล้ว เลยใส่ความเป็นตัวเองเข้าไป ส่วนเพลงต่อไปหนูไม่ได้เป็นเซ็นเตอร์แล้ว แต่หนูก็จะสนุกไปกับเพลงเหมือนเดิมค่ะ”
ในวงมีสมาชิกมากมายย่อมมีการแข่งขันกัน เรารับมือยังไง เคยมีการทะเลาะแย่งกันเด่นกันบ้างมั้ย?
“หนูก็ต้องพัฒนาตัวเองขึ้นมา คือแค่เต้นร้องมันอาจไม่พอ แต่อาจต้องมีเรื่องบุคลิกเราด้วย ส่วนตัวหนูไม่คาดหวังว่าต้องเป็นที่ 1 สำหรับเรื่องทะเลาะกันในวงหนูว่าไม่น่ามี เรายังคงเป็นพี่น้อง ไม่มีใครคิดว่าต้องเด่นกว่าใคร ส่วนการที่จะมีรุ่น 2 เข้ามามันก็มีความกดดันในแง่การแข่งขันเยอะขึ้น แต่เหมือนเราก็ต้องทำให้ตัวเองโดดเด่นขึ้นมา พัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ค่ะ”
อยู่ในวงการบันเทิงย่อมมีทั้งเสียงชื่นชมและวิจารณ์?
“เสียงวิจารณ์ก็กระทบจิตใจหนูมาก เพราะหนูเป็นคนเซ็นซิทีฟ (ยิ้ม) เราก็เสียใจ แต่หนูจะไม่ไปกระทบกระทั่งเขาต่อ เลือกที่จะพัฒนาตัวเองและทำให้เขารู้ว่าเราทำได้ พิสูจน์ตัวเอง ซึ่งหนูไม่เคยเหลิงไปกับชื่อเสียง ชีวิตหนูยังเหมือนเดิม อาจมีคนมาทักมากขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้รู้สึกว่าชื่อเสียงทำให้เราเปลี่ยนไป ส่วนหลักในการใช้ชีวิต คืออย่ากดดันตัวเองเกินไป เพราะมันจะเหนื่อยและสูญเสียความเป็นตัวเอง เรามาแก้ไขจุดบกพร่อง มาสนุกงานกับงาน ไม่ต้องเครียด หวังได้นะคะแต่อย่าหวังสูงเกินไป เอาแค่หวังในสิ่งที่เราทำได้ก็พอ คือการสนุกไปกับงานจะทำให้เราทำงานได้ยืนยาวมากขึ้น และผลลัพธ์ก็จะออกมาดีกว่า”
ได้เป็นเซ็นเตอร์เพลงดัง อย่าง “คุกกี้เสี่ยงทาย” ถือว่าประสบความสำเร็จรึยัง?
“ก็ประสบความสำเร็จแล้วในระดับนึง แต่หนูยังมีสิ่งที่ยังทำได้ไม่ดี ยังพัฒนาได้ไม่ดีพอ ซึ่งสิ่งที่หนูอยากพัฒนาอีกคือเรื่องที่พูดไม่ชัด ร้องเพลงไม่ชัด ออกสื่อสัมภาษณ์ก็เขิน ส่วนสิ่งที่เรียนรู้จากวงการบันเทิงมากที่สุดคือการวางตัว เราจะทำเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ต้องทำตัวให้เหมาะสม เมื่อก่อนจะดี๊ด๊า (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ก็ต้องควบคุมสติมากขึ้น”
เห็นมีลุคน่ารักสดใส แต่ถ้าหากพูดชื่อ “โมบายล์ BNK 48” อยากให้คนคิดถึงอะไรมากที่สุด?
“อยากให้คิดว่าเราเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาคนนึงที่ไม่ได้เพอร์เฟกต์ แต่ทำทุกอย่างด้วยใจรัก พร้อมพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ค่ะ ซึ่งหนูมองว่าข้อดีในตัวหนู คือมองโลกในแง่ดี แต่หนูก็เก็บปัญหาไว้ลึก ๆ เห็นหนูยิ้มตลอด แต่จริง ๆ หนูก็มีช่วงเสียน้ำตาเยอะเว่อร์เลย (ยิ้ม) เวลาอยู่คนเดียวหนูก็เครียด ช่วงที่ผ่านมาร้องไห้บ่อยมาก”
ทำไมถึงร้องไห้บ่อย ทั้งที่ก็มีชื่อเสียงและคนรักมากแบบนี้?
“มันก็มีผลกระทบกลับมาเหมือนกันว่าเราต้องทำให้ดี หนูเสียใจ โกรธตัวเองว่าทำไมถึงทำแบบที่ตั้งใจไว้ไม่ได้ ส่วนสิ่งที่หนูภูมิใจที่สุดในชีวิต ก็น่าจะคือการเป็นเซ็นเตอร์ “คุกกี้เสี่ยงทาย” เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นเซ็นเตอร์ เกินความฝัน ซึ่งเพลงต่อไปที่หนูไม่ได้เป็นเซ็นเตอร์ หนูก็ไม่นอยด์เพราะแฟนคลับบอกว่าจะอยู่ตรงไหน ก็เป็นเซ็นเตอร์ของเขา (ยิ้ม) และมันก็เหมือนให้เราได้พักด้วย เพราะเซ็นเตอร์มันกดดัน พอเรามาเป็นเซมบัตสึหนูก็ทำเต็มที่เหมือนเดิม แต่ไม่กดดันเท่าตำแหน่งนั้น”
สิ่งที่ประทับใจที่สุดตั้งแต่เข้ามาเป็น BNK 48?
“งานเยอะที่สุดในรอบปี แต่หนูชอบทำงาน สนุกดีและภูมิใจในสิ่งที่ทำในตอนนี้ เมื่อก่อนหนูเป็นคนที่ทำอะไรแล้วเหนื่อยก็ไม่เอาแล้ว แต่พอเรามาอยู่ตรงนี้มันรู้สึกว่ามันอาจเป็นเส้นทางของเราแล้ว หนูอยากอยู่ในฐานะสมาชิก BNK 48 จนหมดสัญญาเพราะรักงานตรงนี้ แต่อนาคตไกล ๆ ถ้ามีงานที่หนูชอบมากกว่า ซึ่งคงต้องหาก่อนว่าจะชอบอะไร ค่อยคิดถึงเรื่องการจบการศึกษา ตอนเด็กหนูมีความฝันหลายอย่าง แต่พอได้มาทำตรงนี้ความฝันก็ชัดเจนขึ้นว่าคือการเป็นนักร้อง แต่หนูก็ยังมองมันอาจเป็นงานที่ยังไม่มั่นคง ดังนั้นตอนโต กว่านี้อาจมองหาอาชีพที่เราจะทำจริงจัง เราอาจอยากเป็นอย่างอื่นอีกก็ได้ค่ะ”
เห็นว่าในวงมีกฎห้ามมีแฟน เราอึดอัดบ้างมั้ย?
“ไม่อึดอัดเลย เพราะว่าหนูไม่ชอบมีแฟน (หัวเราะ) หนูยังเป็นเด็ก และสนุกกับเพื่อนมากกว่า กฎนี้เลยเหมือนเป็นการปกป้องตัวเราด้วยค่ะ ส่วนอนาคตถ้ามีคนเข้ามาดูแลเราได้ คนที่จะเอาชนะหัวใจหนู คือหนูชอบคนที่ไม่ขี้จุกจิก มีเหตุผล เป็นคนอารมณ์ดี ส่วนมุมมองความรัก ณ วันนี้ คือความรักของหนูยังเป็นรักเพื่อน รักรุ่นพี่ รักแฟนคลับและรักพ่อแม่ ความรักคือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าเราตอบแทนอะไรเขาได้ ก็อยากตอบแทนค่ะ”
สำหรับเราแฟนคลับมีความสำคัญยังไง?
“ก็มีคนเขียนจดหมายมาหาว่าหนูเป็นแรงบันดาลใจให้เขา เราก็หา! หนูเนี่ยนะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ (ยิ้ม) แต่หนูก็อยากบอกว่าทุกคนก็เป็นแรงบันดาลใจของหนูเหมือนกัน เวลาท้อหนูก็จะมาอ่านข้อความให้กำลังใจต่าง ๆ ที่แฟน ๆ เขียนมาให้ทั้งในโซเชียล ซึ่งข้อความจากแฟนคลับที่หนูประทับใจที่สุด คือหนูชอบเวลาที่แฟน ๆ บอกปัญหาว่าหนูควรแก้ไขที่ตรงไหน มีชมหนูบ้าง มีคำแนะนำให้ ก็ปลื้มใจ คือเสียงติหนูก็ชอบฟังนะคะแต่อย่าแรงมาก (หัวเราะ) อยากให้ชมเราด้วย”
ท้ายสุดหากมอบคำมั่นสัญญาอะไรสักอย่างกับแฟนคลับ อยากบอกอะไรพวกเขามากที่สุด?
“คนที่ยังไม่เคยเจอหนูก็มาดูหนูได้ในไอจีและเฟซบุ๊กของหนู หนูก็จะทำคลิปน่ารัก ๆ ตลก ๆ ให้ทุกคนดูนะคะ เพราะไม่อยากให้เครียดกัน อยากให้มีรอยยิ้มและมีความสุข และขอขอบคุณทุกคนมากที่คอยส่งของขวัญมา หนูเก็บไว้ทุกชิ้น ชิ้นไหนใช้ได้หนูเอามาใช้เลย (ยิ้ม) ทุกชิ้นที่ทุกคนส่งมาหนูชอบหมดเลย และขอบคุณที่ให้กำลังใจกันด้วยค่ะ”
แฟน ๆ คงได้ข้อคิดดี ๆ และพลังบวกจากการพูดคุยกับสาว “โมบายล์” ครั้งนี้ไม่น้อย ซึ่งบอกได้เลยว่ายิ่งรู้จักเธอมากขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งหลงรักเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ และเชื่อว่าด้วยหัวใจที่รักการทำงานและความพยายามที่ไม่สิ้นสุดของสาวคนนี้ คงทำให้เราได้เห็นผลงานปัง ๆ จากเธออีกแน่นอน.
ขอบคุณบทสัมภาษณ์และรูปภาพจาก https://www.dailynews.co.th/entertainment/632877