ปชช.มีความสุขงานอุ่นไอรัก-ชอบละครบุพเพสันนิวาส
ซูเปอร์โพล ประชาชนมีความสุขงาน "อุ่นไอรัก คลายความหนาว" ได้เห็นคนไทยแต่งกายย้อนยุค ขณะ ร้อยละ 80 ติดตามดู "บุพเพสันนิวาส" อยากเป็น "การะเกด"
สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ เปิดเผย ผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง อุ่นไอรัก กับ ความสุขของประชาชนจากกรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพ จำนวนทั้งสิ้น 1,185 ระหว่างวันที่ 10-16 มี.ค. ที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 95.3 มีความสุขจากการจัดงาน อุ่นไอรัก คลายความหนาว โดยมีเพียงร้อยละ 4.7 ไม่มีความสุข โดยประชาชน ร้อยละ 95.1 ระบุ มีความสุขที่เห็นคนไทยแต่งกาย ย้อนยุค มีเพียงร้อยละ 4.9 ที่ไม่มีความสุข
พร้อมกันนี้ ยังได้สอบถามถึง การติดตามดูละคร “บุพเพสันนิวาส” พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.8 ดู ในขณะที่ ร้อยละ 19.2 ยังไม่ได้ดู ซึ่งประชาชน ร้อยละ 54.4 ระบุ ตัวละคร บุพเพสันนิวาส ที่แสดงได้ดีที่สุด คือ การะเกด รองลงมาคือร้อยละ 21.1 หมื่นเดช ร้อยละ 6.2 จ้อย , ร้อยละ 5.2 หมื่นเรือง เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังพบว่า ประชาชน อยากเป็นตัวละคร “การะเกด” ใน บุพเพสันนิวาสมากที่สุด แบ่งเป็น เพศชาย ร้อยละ 25.6 และ เพศหญิง ร้อยละ 73.5 อยากเป็น การะเกดเช่นเดียวกันกับ เพศหญิงร้อยละ 4.6 อยากเป็น หมื่นเดช และ เพศชายร้อยละ 37.5 อยากเป็น หมื่นเดช อย่างไรก็ตาม ประชาชน ร้อยละ 98.0 ดูละคร บุพเพสันนิวาส แล้ว มีความสุข
https://www.innnews.co.th/breaking-news/news_39127/
ออเจ้า อยู่กันอย่างไร? มาดูไลฟ์สไตล์และเมืองในสมัยอยุธยา
ข่าวแว่วมาว่าบ้านพี่หมื่นสุนทรเทวา อยู่ใกล้กับวัดไชยวัฒนาราม จะไปสั่งทำกะทะหรือว่าไปซื้อจีวรถวายพระที่ตลาด ก็ใช้เวลาเพียงไม่นานในการนั่งเรือไป แสดงว่าบ้านพี่หมื่นสุนทรเทวา ต้องอยู่ในพื้นที่ “ตัวเมือง” อยุธยาเป็นแน่
แต่ออเจ้าทั้งหลายรู้หรือไม่? ว่าจริงๆแล้ว “ยูเดีย” หรือยุธยาในสมัยนั้นมีบริบทเมืองเป็นแบบใด ตรงไหนคือจุดศูนย์กลางของเมือง? ‘อยุธยา’ คือ 1 ใน 16 เมืองใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของชนชาติฝั่งตะวันตก เคยมีชื่อของ “เมืองอยุธยา” หรือ “ยูเดีย” ตามที่ชาวตะวันตกในสมัยนั้นเรียกกัน ปรากฎในการศึกษาเปรียบเทียบความรุ่งเรืองระหว่างมหานครนิวยอร์คในศตวรรษที่ 20, กรุงลอนดอนในทศวรรษที่ 1900, กรุงคอนสแตนติโนเบิล 600 ปี ก่อนคริสต์ศักราช และเมืองเจริโค เมื่อ 7,000 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งชื่อของอยุธยา ได้ปรากฎออกมาในฐานะ เมืองที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก คือ 1,000,000 คน ราวปี พ.ศ.2243 โดยเติบโตมากถึง 3 เท่าตัวจากในปี พ.ศ.2143 หรือประมาณ 100 ปี ซึ่งเป็นช่วงรัชสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถ ถึงสมัยสมเด็จพระเพทราชา ซึ่งเป็นช่วงปีที่แม่การะเกดและพี่หมื่นสุนทรเทวาใช้ชีวิตอยู่ คือช่วงการเจริญเติบโตเกือบขีดสุดในสมัยอยุธยา หรือในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนั่นเอง (พ.ศ.2199-2231)
องค์ประกอบของเมืองพระนคร
ที่ตั้งของ ศูนย์กลางเมือง อยุธยา หรือจะเรียกว่าเป็น CBD ในขณะนั้นคือเกาะกรุงพระนครศรีอยุธยา มีภูมิประเทศเป็นเกาะมีแม้น้ำสามสายล้อมรอบ ได้แก่ แม่น้ำป่าสัก (ทิศเหนือ), แม่น้ำเจ้าพระยา (ทิศตะวันตกและทิศใต้) และแม่น้ำลพบุรี (ทิศตะวันออก)
ซึ่งที่กรุงศรีอยุธยามีรูปร่างเป็นเกาะได้พอเหมาะพอเจาะขนาดนั้น เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ได้ขุดคูเชื่อมแม่น้ำทั้งสามสายเพื่อรองรับในกาลสงคราม เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปและเริ่มมีการค้าทางเรือจากต่างประเทศมากขึ้น อยุธยาจึงได้เป็นศูนย์กลางการค้ากับชาวต่างประเทศ เนื่องจากมีข้อได้เปรียบด้านสภาพภูมิประเทศมากกว่าที่อื่น ชาวตะวันตกที่เข้ามาในสมัยนั้น เรียกขานอยุธยาว่าเป็น “เวนิสตะวันออก” ซึ่งรูปแบบของภูมิประเทศในอยุธยา คือต้นแบบของเกาะรัตนโกสินทร์ของกรุงเทพฯ ในปัจจุบันนั่นเอง
เกาะพระนคร มีการโอบล้อมชั้นนอกด้วยรั้วและป้อมปราการ จะเห็นได้ว่าเวลาหมื่นสุนทรเทวาต้องการไปที่ไหน ก็จะสั่งไอ้จ้อยว่าให้พายเรือไปทางประตูป้อมอะไร เช่นเดียวกับการเป็นถนนเส้นหลักเหมือนอย่างปัจจุบัน
บริเวณศูนย์กลางภายในเมือง ด้านเทิศเหนือตอนกลางเป็นที่ตั้งของพระบรมมหาราชวัง โดยภายในประกอบไปด้วย ด้านทิศตะวันออกคือวังหลวง เป็นที่ตั้งของวังอุปราช ทิศตะวันคือที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์ และยังมีพระที่นั่งเรือนไม้ เพื่อเป็นสถานที่ประกอบประราชกรณียกิจต่างๆ
ด้านใต้ของที่ตั้งพระบรมมหาราชวัง เป็นย่านที่อยู่อาศัยของขุนนาง เสนาบดี กระจุกตัวบริเวณสองฟากถนนและริมน้ำ ซึ่งเรือนของพระยาโกษา (ปาน) และหมื่นเรืองอยู่บริเวณนี้
สำหรับเรือนของพระยาโหราธิบดี หรือพ่อของพี่หมื่นสุนทรเทวา ตั้งอยู่นอกเกาะพระนครในทิศตะวันตกบริเวณคลองแกลบ อยู่ห่างจากวัดไชยวัฒนารามแค่เพียงหนึ่งคลองเท่านั้น
ย่านชุมชนชาวต่างชาติและพาณิชยกรรม
ชุมชนชาวต่างชาติ ส่วนใหญ่เกาะกลุ่มอาศัยอยู่นอกเมืองทางทิศใต้ตามกลุ่มเชื้อชาติ อาทิ หมู่บ้านญี่ปุ่น หมู่บ้านโปรตุเกส หมู่บ้านฮอลันดา หมู่บ้านอินเดีย เป็นต้น เนื่องจากใกล้กับท่าเรือสำเภาค้าขายต่างประเทศ โดยยังมีการบันทึกชื่อถนนตามแผนที่ Plan de Ville de Siam ว่ามี China Street อยู่ในบริเวณนั้นด้วย
นอกจากนั้นยังมีบันทึกไว้ว่าในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ มีคนกลุ่มต่างๆมากกว่า 20 ชาติภาษา สำหรับย่านช้อปปิ้งที่แม่การะเกดไปเลือกช้อปที่ตลาดผ้าเหลือง ตลาดบ้านดินสอ หรือสั่งทำกระทะ ตั้งอยู่บริเวณจุดตัดของถนนเส้นหลักของเมือง คือถนนเส้นกลางเมืองที่มาจากพระบรมมหาราชวังและถนนเส้นตะวันตก-ตะวันออก ซึ่งเป็นลักษณะที่ตั้งศูนย์กลางเมืองที่ยังคงปรากฎอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งนอกจากตลาดที่เห็นผ่านตาจากในละครแล้ว ยังมีตลาดน้ำและตลาดอื่นอีกในตัวเมืองอยุธยา รวมกว่า 70 แห่ง
บ้านอยู่ในเมือง แต่ไปทำงานนอกเมือง
ส่วนหนึ่งในพงศาวดารพันจันทนุมาศในสมัยพระนเรศวร บอกว่าฝั่งศัตรูมีการตั้งกองทหารอยู่นอกพื้นที่ เพื่อไม่ให้ชาวพระนครออกมาทำนาได้ ซึ่งหมายความว่าคนในสมัยนั้น มีบ้านเรือนอยู่ในเขตเมือง แต่ออกไปทำงานนอกเมือง เช่นเดียวกับสมัยอยุธยา ที่ออกไปทุ่งประเชดหรือทุ่งหันตราเพื่อทำเกษตรกรรม แต่ออกไปเพีนงแค่วันหว่านข้าวและตอนเก็บเกี่ยว เนื่องจากในตอนนั้นยังไม่มีการส่งออกข้าว มีเพียงก็แต่ส่งไปให้จิ๋นซีฮ่องเต้ของจีนเพื่อเป็นเครื่องบรรณาการเท่านั้น และเกษตรกรรมไม่ใช่อาชีพหลักของชาวอยุธยา
โดยเราจะเห็นจากในละครว่า ชาวบ้านอยุธยาต่างก็มีการประกอบอาชีพหลากหลาย อาทิ ปั้นหม้อ ตีเหล็ก ตีมีด ทำเสื่อ ช่างไม้ ขายผัก เป็นต้น อีกทั้งในสมัยนั้นยังมีระบบทาส ทำให้แรงงานในอยุธยานั้นอยู่เป็นกลุ่ม ไม่ได้มีอาชีพของใครของมันอย่างชัดเจน
สรุปว่ารูปแบบเมืองอยุธยาสมัยนั้น ศูนย์กลางเมืองคือที่ตั้งพื้นที่ราชการ(พระบรมราชวัง) ที่อยู่อาศัยของชนชั้นสูง และพาณิชยกรรม แต่แหล่งงานนั้นอยู่บริเวณนอกเมือง ซึ่งแตกต่างกับปัจจุบันที่มีที่อยู่อาศัยอยู่นอกเมือง และมีศูนย์กลางแหล่งงานอยู่ที่กลางเมือง
ออเจ้าคงจะเห็นกันจากในละครแล้วว่า ทั้งด้านสภาพเศรษฐกิจ การเมือง และการฑูตในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์เริ่มเป็นสากลโลกมากขึ้น ทำให้มีการค้าขายกับชาวต่างชาติทางเรือสำเภา พร้อมมีการแลกเปลี่ยนความรู้และวิทยาการใหม่ๆ ไปจนถึงเริ่มมีการส่งออกข้าว ซึ่งกลายเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศไทย
ในปัจจุบัน “อยุธยา” หรือ “ยูเดีย” จึงเป็นที่จดจำในสายตาของชาวตะวันตกว่า ครั้งหนึ่งเคยเป็นอาณาจักรที่อุดมสมบูรณ์และยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก - เทอร์ร่า บีเคเค อ้างอิง :
https://www.silpa-mag.com http://coursewares.mju.ac.th
http://thainationhistory.blogspot.com https://www.matichon.co.th/ บทความโดย : TerraBKK เคล็ด
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : TerraBKK.com -
http://terrabkk.com/news/192651
เพจรัฐบาล ยกละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ เป็นละครน้ำดีดูสนุก แถมแทรกเรื่องราวประวัติศาสตร์ โบราณคดี แนะทำมาเยอะๆ หวังส่งออกไปขายเป็นสินค้าวัฒนธรรมเหมือนเกาหลีใต้
ช่วงนี้กระแสละคร “บุพเพสันนิวาส” มาแรงแซงทางโค้ง แถมได้ข่าวว่าดังไกลไปถึงเมืองจีน มีการใส่ซับไตเติล (Subtitle) ภาษาจีน เพื่อฉายในจีน ดูกันได้พร้อม ๆ กับคนไทย เพราะนอกจากจะได้รับความบันเทิงแล้ว ยังได้ความรู้เกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจในสมัยกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย
เพจไทยคู่ฟ้า ส่งเสริมละครน้ำดี บันเทิงแบบมีสาระ ยกระดับจิตใจคนดู เหมือนกับที่ท่านนายกฯ ประยุทธ์ เคยเอ่ยปากชมละครหลายเรื่อง เช่น พิษสวาท รากนครา เหนี่ยวหัวใจสุดไกลปืน ฯลฯ ถึงกับบอกว่า “ประเทศไทยเป็นมหาอำนาจด้านละคร” อยากให้ผู้จัดผลิตละครแบบนี้ออกมาเยอะ ๆ ยิ่งถ้าส่งออกไปขายเป็นสินค้าวัฒนธรรม แบบประเทศเกาหลีใต้ก็น่าสนใจไม่น้อย
วันนี้เราได้รวบรวม 10 คำศัพท์จากละคร ที่หลายคนเพิ่งเคยได้ยินมาฝากกัน !!
1. ออเจ้า หมายถึง เจ้าหรือเธอ เพียงแต่เอาไว้เรียกคนที่อายุน้อยกว่า อาวุโสน้อยกว่า
2. เทื้อคาเรือน หมายถึง ขึ้นคาน
3. โล้สำเภา หมายถึง การเข้าพระเข้านาง
4. แชเชือน หมายถึง ไถล หรือ เถลไถลไม่ตรงไปตรงมา
5. วิปลาส หมายถึง แปลกประหลาด หรือมีสติคลาดเคลื่อนไปจากธรรมดาสามัญ
6. เพลาชาย หมายถึง ช่วงเวลาบ่ายโมง
7. ฟะรังคี หมายถึง ฝรั่ง หรือชาวต่างชาติ
8. คร้าน หมายถึง ขี้เกียจ มีความรู้สึกไม่อยากจะทำหรือคิดหรือไม่อยากแสดงอาการใด ๆ
9. น้ำมันครั่ง หมายถึง สารชนิดหนึ่งมีลักษณะเป็นเหมือนยางหรือชัน มีสีแดงม่วง เป็นสารที่แมลงจำพวกเพลี้ยที่มีชื่อว่า “ครั่ง” ขับออกมาเพื่อป้องกันศัตรู ซึ่งมนุษย์ได้นำมาใช้ประโยชน์เป็นยาสมุนไพร หรือทำเชลแล็ก แลกเกอร์ เป็นต้น
10. เวจ หมายถึง ที่ถ่ายอุจจาระ หรือห้องถ่ายทุกข์หนักเบาสมัยกรุงศรีอยุธยา ลักษณะเป็นส้วมหลุมนั่งยอง ๆ มีไม้หรือหินพาดรองไม่ให้หลุมถล่ม มักใช้กันเฉพาะคนในสังคมชั้นสูง
https://news.mthai.com/general-news/622176.html
วธ.หนุนงบ สร้างละครบุพเพสันนิวาส ภาค 2
กระทรวงวัฒนธรรม หนุนงบ สร้างละคร "บุพเพสันนิวาส ภาค 2" หลังกระแสละครดังทำให้ประชาชนตื่นตัวในวัฒนธรรมไทย
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/795780
"บิ๊กตู่" ต่อยอด "งานอุ่นไอรักฯ-ละครบุพเพสันนิวาส" หนุนเที่ยวชุมชน โบราณสถาน แซวตัวเองเกินจะเป็น "หมื่นเดช" เป็นได้แค่คนรับใช้
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/795482
อ้อ...ขอแย้งค่ะ ลุงตู่ยังเป็นพระเอกได้นะคะ....👍👍👍👍👍👍
คิดถึงลุงตู่ค่ะ.......💗💗💗💗💗💗💗
อยากเป็นแม่หญิงในอยุธยาบ้าง.......
💗💝~มาลาริน~ปชช.มีความสุขงานอุ่นไอรัก ชอบละครบุพเพสันนิวาส อยากเป็นการะเกด ออเจ้าอยู่กันอย่างไร ไลฟ์สไตล์คนสมัยอยุธยา
ปชช.มีความสุขงานอุ่นไอรัก-ชอบละครบุพเพสันนิวาส
ซูเปอร์โพล ประชาชนมีความสุขงาน "อุ่นไอรัก คลายความหนาว" ได้เห็นคนไทยแต่งกายย้อนยุค ขณะ ร้อยละ 80 ติดตามดู "บุพเพสันนิวาส" อยากเป็น "การะเกด"
สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ เปิดเผย ผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง อุ่นไอรัก กับ ความสุขของประชาชนจากกรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพ จำนวนทั้งสิ้น 1,185 ระหว่างวันที่ 10-16 มี.ค. ที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 95.3 มีความสุขจากการจัดงาน อุ่นไอรัก คลายความหนาว โดยมีเพียงร้อยละ 4.7 ไม่มีความสุข โดยประชาชน ร้อยละ 95.1 ระบุ มีความสุขที่เห็นคนไทยแต่งกาย ย้อนยุค มีเพียงร้อยละ 4.9 ที่ไม่มีความสุข
พร้อมกันนี้ ยังได้สอบถามถึง การติดตามดูละคร “บุพเพสันนิวาส” พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.8 ดู ในขณะที่ ร้อยละ 19.2 ยังไม่ได้ดู ซึ่งประชาชน ร้อยละ 54.4 ระบุ ตัวละคร บุพเพสันนิวาส ที่แสดงได้ดีที่สุด คือ การะเกด รองลงมาคือร้อยละ 21.1 หมื่นเดช ร้อยละ 6.2 จ้อย , ร้อยละ 5.2 หมื่นเรือง เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังพบว่า ประชาชน อยากเป็นตัวละคร “การะเกด” ใน บุพเพสันนิวาสมากที่สุด แบ่งเป็น เพศชาย ร้อยละ 25.6 และ เพศหญิง ร้อยละ 73.5 อยากเป็น การะเกดเช่นเดียวกันกับ เพศหญิงร้อยละ 4.6 อยากเป็น หมื่นเดช และ เพศชายร้อยละ 37.5 อยากเป็น หมื่นเดช อย่างไรก็ตาม ประชาชน ร้อยละ 98.0 ดูละคร บุพเพสันนิวาส แล้ว มีความสุข
https://www.innnews.co.th/breaking-news/news_39127/
ออเจ้า อยู่กันอย่างไร? มาดูไลฟ์สไตล์และเมืองในสมัยอยุธยา
ข่าวแว่วมาว่าบ้านพี่หมื่นสุนทรเทวา อยู่ใกล้กับวัดไชยวัฒนาราม จะไปสั่งทำกะทะหรือว่าไปซื้อจีวรถวายพระที่ตลาด ก็ใช้เวลาเพียงไม่นานในการนั่งเรือไป แสดงว่าบ้านพี่หมื่นสุนทรเทวา ต้องอยู่ในพื้นที่ “ตัวเมือง” อยุธยาเป็นแน่
แต่ออเจ้าทั้งหลายรู้หรือไม่? ว่าจริงๆแล้ว “ยูเดีย” หรือยุธยาในสมัยนั้นมีบริบทเมืองเป็นแบบใด ตรงไหนคือจุดศูนย์กลางของเมือง? ‘อยุธยา’ คือ 1 ใน 16 เมืองใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของชนชาติฝั่งตะวันตก เคยมีชื่อของ “เมืองอยุธยา” หรือ “ยูเดีย” ตามที่ชาวตะวันตกในสมัยนั้นเรียกกัน ปรากฎในการศึกษาเปรียบเทียบความรุ่งเรืองระหว่างมหานครนิวยอร์คในศตวรรษที่ 20, กรุงลอนดอนในทศวรรษที่ 1900, กรุงคอนสแตนติโนเบิล 600 ปี ก่อนคริสต์ศักราช และเมืองเจริโค เมื่อ 7,000 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งชื่อของอยุธยา ได้ปรากฎออกมาในฐานะ เมืองที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก คือ 1,000,000 คน ราวปี พ.ศ.2243 โดยเติบโตมากถึง 3 เท่าตัวจากในปี พ.ศ.2143 หรือประมาณ 100 ปี ซึ่งเป็นช่วงรัชสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถ ถึงสมัยสมเด็จพระเพทราชา ซึ่งเป็นช่วงปีที่แม่การะเกดและพี่หมื่นสุนทรเทวาใช้ชีวิตอยู่ คือช่วงการเจริญเติบโตเกือบขีดสุดในสมัยอยุธยา หรือในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนั่นเอง (พ.ศ.2199-2231)
องค์ประกอบของเมืองพระนคร
ที่ตั้งของ ศูนย์กลางเมือง อยุธยา หรือจะเรียกว่าเป็น CBD ในขณะนั้นคือเกาะกรุงพระนครศรีอยุธยา มีภูมิประเทศเป็นเกาะมีแม้น้ำสามสายล้อมรอบ ได้แก่ แม่น้ำป่าสัก (ทิศเหนือ), แม่น้ำเจ้าพระยา (ทิศตะวันตกและทิศใต้) และแม่น้ำลพบุรี (ทิศตะวันออก)
ซึ่งที่กรุงศรีอยุธยามีรูปร่างเป็นเกาะได้พอเหมาะพอเจาะขนาดนั้น เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ได้ขุดคูเชื่อมแม่น้ำทั้งสามสายเพื่อรองรับในกาลสงคราม เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปและเริ่มมีการค้าทางเรือจากต่างประเทศมากขึ้น อยุธยาจึงได้เป็นศูนย์กลางการค้ากับชาวต่างประเทศ เนื่องจากมีข้อได้เปรียบด้านสภาพภูมิประเทศมากกว่าที่อื่น ชาวตะวันตกที่เข้ามาในสมัยนั้น เรียกขานอยุธยาว่าเป็น “เวนิสตะวันออก” ซึ่งรูปแบบของภูมิประเทศในอยุธยา คือต้นแบบของเกาะรัตนโกสินทร์ของกรุงเทพฯ ในปัจจุบันนั่นเอง
เกาะพระนคร มีการโอบล้อมชั้นนอกด้วยรั้วและป้อมปราการ จะเห็นได้ว่าเวลาหมื่นสุนทรเทวาต้องการไปที่ไหน ก็จะสั่งไอ้จ้อยว่าให้พายเรือไปทางประตูป้อมอะไร เช่นเดียวกับการเป็นถนนเส้นหลักเหมือนอย่างปัจจุบัน
บริเวณศูนย์กลางภายในเมือง ด้านเทิศเหนือตอนกลางเป็นที่ตั้งของพระบรมมหาราชวัง โดยภายในประกอบไปด้วย ด้านทิศตะวันออกคือวังหลวง เป็นที่ตั้งของวังอุปราช ทิศตะวันคือที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์ และยังมีพระที่นั่งเรือนไม้ เพื่อเป็นสถานที่ประกอบประราชกรณียกิจต่างๆ
ด้านใต้ของที่ตั้งพระบรมมหาราชวัง เป็นย่านที่อยู่อาศัยของขุนนาง เสนาบดี กระจุกตัวบริเวณสองฟากถนนและริมน้ำ ซึ่งเรือนของพระยาโกษา (ปาน) และหมื่นเรืองอยู่บริเวณนี้
สำหรับเรือนของพระยาโหราธิบดี หรือพ่อของพี่หมื่นสุนทรเทวา ตั้งอยู่นอกเกาะพระนครในทิศตะวันตกบริเวณคลองแกลบ อยู่ห่างจากวัดไชยวัฒนารามแค่เพียงหนึ่งคลองเท่านั้น
ย่านชุมชนชาวต่างชาติและพาณิชยกรรม
ชุมชนชาวต่างชาติ ส่วนใหญ่เกาะกลุ่มอาศัยอยู่นอกเมืองทางทิศใต้ตามกลุ่มเชื้อชาติ อาทิ หมู่บ้านญี่ปุ่น หมู่บ้านโปรตุเกส หมู่บ้านฮอลันดา หมู่บ้านอินเดีย เป็นต้น เนื่องจากใกล้กับท่าเรือสำเภาค้าขายต่างประเทศ โดยยังมีการบันทึกชื่อถนนตามแผนที่ Plan de Ville de Siam ว่ามี China Street อยู่ในบริเวณนั้นด้วย
นอกจากนั้นยังมีบันทึกไว้ว่าในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ มีคนกลุ่มต่างๆมากกว่า 20 ชาติภาษา สำหรับย่านช้อปปิ้งที่แม่การะเกดไปเลือกช้อปที่ตลาดผ้าเหลือง ตลาดบ้านดินสอ หรือสั่งทำกระทะ ตั้งอยู่บริเวณจุดตัดของถนนเส้นหลักของเมือง คือถนนเส้นกลางเมืองที่มาจากพระบรมมหาราชวังและถนนเส้นตะวันตก-ตะวันออก ซึ่งเป็นลักษณะที่ตั้งศูนย์กลางเมืองที่ยังคงปรากฎอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งนอกจากตลาดที่เห็นผ่านตาจากในละครแล้ว ยังมีตลาดน้ำและตลาดอื่นอีกในตัวเมืองอยุธยา รวมกว่า 70 แห่ง
บ้านอยู่ในเมือง แต่ไปทำงานนอกเมือง
ส่วนหนึ่งในพงศาวดารพันจันทนุมาศในสมัยพระนเรศวร บอกว่าฝั่งศัตรูมีการตั้งกองทหารอยู่นอกพื้นที่ เพื่อไม่ให้ชาวพระนครออกมาทำนาได้ ซึ่งหมายความว่าคนในสมัยนั้น มีบ้านเรือนอยู่ในเขตเมือง แต่ออกไปทำงานนอกเมือง เช่นเดียวกับสมัยอยุธยา ที่ออกไปทุ่งประเชดหรือทุ่งหันตราเพื่อทำเกษตรกรรม แต่ออกไปเพีนงแค่วันหว่านข้าวและตอนเก็บเกี่ยว เนื่องจากในตอนนั้นยังไม่มีการส่งออกข้าว มีเพียงก็แต่ส่งไปให้จิ๋นซีฮ่องเต้ของจีนเพื่อเป็นเครื่องบรรณาการเท่านั้น และเกษตรกรรมไม่ใช่อาชีพหลักของชาวอยุธยา
โดยเราจะเห็นจากในละครว่า ชาวบ้านอยุธยาต่างก็มีการประกอบอาชีพหลากหลาย อาทิ ปั้นหม้อ ตีเหล็ก ตีมีด ทำเสื่อ ช่างไม้ ขายผัก เป็นต้น อีกทั้งในสมัยนั้นยังมีระบบทาส ทำให้แรงงานในอยุธยานั้นอยู่เป็นกลุ่ม ไม่ได้มีอาชีพของใครของมันอย่างชัดเจน
สรุปว่ารูปแบบเมืองอยุธยาสมัยนั้น ศูนย์กลางเมืองคือที่ตั้งพื้นที่ราชการ(พระบรมราชวัง) ที่อยู่อาศัยของชนชั้นสูง และพาณิชยกรรม แต่แหล่งงานนั้นอยู่บริเวณนอกเมือง ซึ่งแตกต่างกับปัจจุบันที่มีที่อยู่อาศัยอยู่นอกเมือง และมีศูนย์กลางแหล่งงานอยู่ที่กลางเมือง
ออเจ้าคงจะเห็นกันจากในละครแล้วว่า ทั้งด้านสภาพเศรษฐกิจ การเมือง และการฑูตในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์เริ่มเป็นสากลโลกมากขึ้น ทำให้มีการค้าขายกับชาวต่างชาติทางเรือสำเภา พร้อมมีการแลกเปลี่ยนความรู้และวิทยาการใหม่ๆ ไปจนถึงเริ่มมีการส่งออกข้าว ซึ่งกลายเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศไทย
ในปัจจุบัน “อยุธยา” หรือ “ยูเดีย” จึงเป็นที่จดจำในสายตาของชาวตะวันตกว่า ครั้งหนึ่งเคยเป็นอาณาจักรที่อุดมสมบูรณ์และยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก - เทอร์ร่า บีเคเค อ้างอิง : https://www.silpa-mag.com http://coursewares.mju.ac.th http://thainationhistory.blogspot.com https://www.matichon.co.th/ บทความโดย : TerraBKK เคล็ด
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : TerraBKK.com - http://terrabkk.com/news/192651
เพจรัฐบาล ยกละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ เป็นละครน้ำดีดูสนุก แถมแทรกเรื่องราวประวัติศาสตร์ โบราณคดี แนะทำมาเยอะๆ หวังส่งออกไปขายเป็นสินค้าวัฒนธรรมเหมือนเกาหลีใต้
ช่วงนี้กระแสละคร “บุพเพสันนิวาส” มาแรงแซงทางโค้ง แถมได้ข่าวว่าดังไกลไปถึงเมืองจีน มีการใส่ซับไตเติล (Subtitle) ภาษาจีน เพื่อฉายในจีน ดูกันได้พร้อม ๆ กับคนไทย เพราะนอกจากจะได้รับความบันเทิงแล้ว ยังได้ความรู้เกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจในสมัยกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย
เพจไทยคู่ฟ้า ส่งเสริมละครน้ำดี บันเทิงแบบมีสาระ ยกระดับจิตใจคนดู เหมือนกับที่ท่านนายกฯ ประยุทธ์ เคยเอ่ยปากชมละครหลายเรื่อง เช่น พิษสวาท รากนครา เหนี่ยวหัวใจสุดไกลปืน ฯลฯ ถึงกับบอกว่า “ประเทศไทยเป็นมหาอำนาจด้านละคร” อยากให้ผู้จัดผลิตละครแบบนี้ออกมาเยอะ ๆ ยิ่งถ้าส่งออกไปขายเป็นสินค้าวัฒนธรรม แบบประเทศเกาหลีใต้ก็น่าสนใจไม่น้อย
วันนี้เราได้รวบรวม 10 คำศัพท์จากละคร ที่หลายคนเพิ่งเคยได้ยินมาฝากกัน !!
1. ออเจ้า หมายถึง เจ้าหรือเธอ เพียงแต่เอาไว้เรียกคนที่อายุน้อยกว่า อาวุโสน้อยกว่า
2. เทื้อคาเรือน หมายถึง ขึ้นคาน
3. โล้สำเภา หมายถึง การเข้าพระเข้านาง
4. แชเชือน หมายถึง ไถล หรือ เถลไถลไม่ตรงไปตรงมา
5. วิปลาส หมายถึง แปลกประหลาด หรือมีสติคลาดเคลื่อนไปจากธรรมดาสามัญ
6. เพลาชาย หมายถึง ช่วงเวลาบ่ายโมง
7. ฟะรังคี หมายถึง ฝรั่ง หรือชาวต่างชาติ
8. คร้าน หมายถึง ขี้เกียจ มีความรู้สึกไม่อยากจะทำหรือคิดหรือไม่อยากแสดงอาการใด ๆ
9. น้ำมันครั่ง หมายถึง สารชนิดหนึ่งมีลักษณะเป็นเหมือนยางหรือชัน มีสีแดงม่วง เป็นสารที่แมลงจำพวกเพลี้ยที่มีชื่อว่า “ครั่ง” ขับออกมาเพื่อป้องกันศัตรู ซึ่งมนุษย์ได้นำมาใช้ประโยชน์เป็นยาสมุนไพร หรือทำเชลแล็ก แลกเกอร์ เป็นต้น
10. เวจ หมายถึง ที่ถ่ายอุจจาระ หรือห้องถ่ายทุกข์หนักเบาสมัยกรุงศรีอยุธยา ลักษณะเป็นส้วมหลุมนั่งยอง ๆ มีไม้หรือหินพาดรองไม่ให้หลุมถล่ม มักใช้กันเฉพาะคนในสังคมชั้นสูง
https://news.mthai.com/general-news/622176.html
วธ.หนุนงบ สร้างละครบุพเพสันนิวาส ภาค 2
กระทรวงวัฒนธรรม หนุนงบ สร้างละคร "บุพเพสันนิวาส ภาค 2" หลังกระแสละครดังทำให้ประชาชนตื่นตัวในวัฒนธรรมไทย
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/795780
"บิ๊กตู่" ต่อยอด "งานอุ่นไอรักฯ-ละครบุพเพสันนิวาส" หนุนเที่ยวชุมชน โบราณสถาน แซวตัวเองเกินจะเป็น "หมื่นเดช" เป็นได้แค่คนรับใช้
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/795482
อ้อ...ขอแย้งค่ะ ลุงตู่ยังเป็นพระเอกได้นะคะ....👍👍👍👍👍👍
คิดถึงลุงตู่ค่ะ.......💗💗💗💗💗💗💗
อยากเป็นแม่หญิงในอยุธยาบ้าง.......