KRITARN@ChiangmaiTrip
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ทริปไปเชียงใหม่ เดือนมีนาคม ทั้งค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปทั้งหมด บรรยากาศช่วงมีนาคม ค่ะ ซึ่งสรุปรวมทริปนี้รวมค่าเครื่องบิน+ค่าใช้จ่ายในเชียงใหม่ เรากับแฟนหมดไป 12,271.63บาท ค่ะ ตกคนล่ะ 6พัน นิดๆ
สำหรับรูปถ่ายทริปนี้ ใช้กล้อง ไอโฟน 6s กับ ซัมซุงโน้ต7 นะคะ
ทริปเที่ยวครั้งนี้เรากับแฟนวางแพลนเที่ยวเชียงใหม่มานานแล้วค่ะ แต่ก็ไม่ได้ไปสักที จนในที่สุดครั้งนี้เราก็ได้ไปกันแล้วค่ะ ทริปแรกของเราสองคนเลย^_^ พอแน่นอนแล้วว่าได้ไปเราก็จัดการหาจองตั๋วเครื่องบินเลยค่ะ เราหาและจองตั้งแต่เดือนมกราคม จองล่วงหน้าหลายๆ เดือนหน่อย ช่วงใกล้มันจะแพง อิอิ เราจองผ่านแอพฯของ Traveloka ค่ะ (เขามีดิลทุกวันเลย เราเปิดดูบ่อยมากช่วงนั้น5555)
เอาล่ะ! สายการบินที่เราจองไปทั้ง ขาไป และ ขากลับ ตามนี้เลยค่ะ
ขาไป : ThaiLion air ราคา 809.89บาท/คน (รวม 2คน 1,619.78บาท)
ขากลับ : Nok-air ราคา 772.83บาท/คน (รวม 2คน 1,545.66บาท)
แต่! เรากับแฟนทำงานอยู่กันคนละที่ค่ะ เราเลยขึ้นไปเจอกันที่สนามบินดอนเมือง
เราบินไปดอนเมืองกับสายการบิน Air Asia ค่ะ ราคา 868.19บาท
ทุกคนอาจจะ งง ว่าทำไมไป มีนาคม มันไม่ร้อนหรอ? เอาจริงๆ เราก็คิดว่ามันต้องร้อน เพราะขนาดบ้านเรายังร้อนเลย555555 แต่เราสองคนหาเวลาที่ต่างคนต่างพร้อมและไปได้ค่ะ ก็เลยได้ เดือนมีนาคม ออกมา เอาล่ะ แพลนที่เรากับแฟนแพลนไว้คือ เราจะเที่ยวทั้งในเชียงใหม่ อำเภอใกล้ๆ และขึ้นดอยไปแม่กำปอง กันค่ะ
ไปกันเลย !!!
ปล. ก่อนเดินทางเรากับแฟนไปกินข้าวเที่ยง กินขนม ที่ฟิวเจอร์ รังสิต | 284บาท
เราเช็คอินแล้วเข้ามารอตั้งแต่บ่ายค่ะ ไฟท์ที่เราไป 15.20น. (ไม่ค่อยตื่นเต้นเลยเนอะ55555)
พอมาถึงสนามบินเชียงใหม่ (ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลยT_T) เราก็ใช้บริการแท็กซี่สนามบินให้เขาไปส่ง
ที่พักค่ะ ซึ่งเราก็ได้จองห้องพักไว้แล้วเรียบร้อยเช่ยเคย อิอิ เราจองผ่าน Booking ชื่อ โนเบิ้ลเฮ้าส์ อยู่ใกล้กับถนนคนเดินวัวลายเลยยยยยยย จริงๆ แพลนของเราตั้งใจไปวันนี้เพื่อไปเดินถนนคนเดินวัวลายค่ะ ก็เลยหาที่พักใกล้ๆ แถวนั้นด้วย (กลัวหมดค่าเดินทางเยอะ^_^)
สรุปค่าใช้จ่าย : ค่าแท็กซี่สนามบิน 150บาท | ห้องพัก 550บาท
(ที่มา :
https://www.booking.com/hotel/th/noble-house-chiangmai.th.html#)
หลังจากเช็คอิน เราก็เข้าห้องทันทีเลยค่ะ ห้องโอเคมากนะ เหมาะสมกับราคา ซึ่งจองผ่าน Booking เราก็ได้ช่วงเขาดิลมาอีกแล้วค่ะ55555 ห้องที่เราได้ตามภาพที่แปะไว้ให้เลย (พอดีเราไม่ได้ถ่ายห้องจริงมา) ห้องสะอาด แล้วก็กว้างดีค่ะ^_^ มีน้ำดื่มให้ ห้องน้ำก็มีสบู่กับยาสระผมให้ค่ะ พอเรากับแฟนเคลียร์ข้าวของเสร็จ พักเหนื่อย สักแปป ก็ออกไปถนนคนเดินกันค่ะ ไปหาของอร่อยๆ กินกัน ท้องร้องแล้ววววววววว \>O</
เรามาถึงถนนคนเดินกันแล้ว เรากับแฟนเดินมากันเอง เพราะที่พักกับถนนคนเดินห่างกันแค่ 20เมตร เท่านั้น! (เป็นไงล่ะบอกแล้วว่าตั้งใจจะมาจริงๆ^^) แต่เราจะบอกว่า ถนนคนเดินเราแทบไม่ได้ถ่ายรูปเลย เรากับแฟนเดินเพลินมาก คนก็เยอะมากค่ะ ก็เลยไม่ได้ถ่าย^_^;;
เดินมาสักพักก็เจอทางแยก เรากับแฟนคุยกันจะไปทางไหน พอมองเห็นป้ายวัดศรีสุพรรณ เรากับแฟนเลย นึกขึ้นมาได้ตอนนั่งแท็กซี่สนามบินแล้วโชเฟอร์เขาแนะนำมาค่ะ เรากับแฟนเลยเดินไปทางวัด เอาจริงๆ คนก็ยังเยอะเช่นเดิม5555 แต่พอเข้าไปในวัดแล้วเราชอบนะ วัดทางเหนือสวยมาก เอกลักษณ์เขาสวยจริงๆ
ปิดท้ายถนนคนเดินวัวลายไปกับภาพเด็กน้อยคนนี้ที่กำลังทำการแสดงสมทบทุนค่ะ น้องฟ้อนเทียนด้วยนะ แต่เราไม่ได้ถ่ายมา สรุปถนนคนเดินวัวลายไม่ได้สั้นอย่างที่ใครๆ บอกมา หรือเราอาจจะหิวด้วยก็ได้ เพราะเดินดูไปเรื่อยๆ สักพักเราก็ชวนแฟนหาซื้อของกินอย่างเดียวเลยค่ะ ไม่ดงไม่เดินมันแล้ว55555555
สรุปค่าใช้จ่าย : สตรอว์เบอรี่ 60บาท | ข้าวมื้อเย็น 112บาท | ซาลาเปา 40บาท | ขนมเบเกอร์รี่ 75บาท
เช้าวันใหม่แล้วค่าาาา เรากับแฟนตื่นกันแต่เช้าเลย เตรียมตัวไปขึ้นรถตู้เพื่อไป แม่กำปอง กันค่ะ เย้!!!
เราจองรถตู้ไปแม่กำปองไว้ล่วงหน้าเช่นเดิมค่ะ จองผ่าน เพจ : รถตู้น้ำพุร้อนสันกำแพง Van transpot to San Kamphaeng Hot Spring ค่ะ เขาคิดรวมขาไป-ขากลับ 300บาท/คน เราว่าโอเคเลยนะ สำหรับเรา เราว่ามันสะดวกดีค่ะ ไม่ต้องไปลุ้นข้างหน้า หรือเหมารถขึ้นไป ซึ่งแบบนั้นมันจะแพงกว่ามากๆ
ตะแล่นนนนน เรามาถึงที่รถตู้เขานัดหมายไว้แล้วค่ะ ตรงตลาดวโรรส หรือ กาดหลวง นั่นเองงงงงง \>O</
เรากับแฟนเรียกใช้บริการรถผ่านแอพฯ เอาค่ะ เขามารับถึงที่เลย สะดวกไปอีกกกก ราคาก็ไม่แพงมาก เรากับแฟนมาถึงก่อนเวลานัดค่ะ ซึ่งเวลาจริง 07.40น. เรามาถึง 6โมงกว่าๆ เกือบ 7โมง ได้ค่ะ ก็เลยถ่ายวิวแม่น้ำปิง กับขอเซลฟี่กันเองสักรูป สองรูป อิอิ หลังจากนั้นก็ไปหาข้าวเช้ากินกันตรงตลาดค่ะ
สรุปค่าใช้จ่าย : รถไปตลาดวโรรส 80บาท | ข้าวเช้า 70บาท | ซื้อน้ำ,ขนมในเซเว่น 33บาท | รถตู้ไปแม่กำปอง 300บาท
นี่ค่า รถตู้ของเรามาถึงแล้วววววว ไปกันเลยยยยยย
เดินทางไปเรื่อยๆ ระหว่างรอเวลา เราก็แชะวิวข้างทางเก็บไว้ซะหน่อย^_^ จะบอกว่าโชเฟอร์ใจดีมากๆ เลยค่ะ เสียงนุ่มมาก แล้วยังบอกเล่าเรื่องราวแม่กำปองสั้นๆ ให้เราฟังด้วย เขาบอกว่าจริงๆ แล้วแม่กำปองพึ่งมาดังได้ 3ปี ก่อนเดิมชาวบ้านแม่กำปองทำไร่ ปลูกกาแฟ ตามโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 ทรงมอบไว้ให้ โชเฟอร์แนะนำให้เราไปเดินป่ากับชาวบ้านค่ะ เพื่อช่วยคงความเดิมของชาวบ้าน และอนุรักษ์ความเป็นมาของแม่กำปองไว้ค่ะ
และแล้วเราก็มาถึงแม่กำปองกันแล้วค่ะ จะบอกว่าอากาศดีมากกกกกก เมฆครึ้มนิดๆ แบบมีฝนค่ะ ซึ่งตอนเย็นฝนตกจริงๆ แต่เราชอบมาก บอกเลยว่าเราชอบจริงๆ บรรยากาศ ความสงบ คนที่นี่ใจดี ชีวิตแบบสโลไลฟ์สุดๆ >_<///
เรากับแฟนเดินไปเรื่อยๆ เพื่อไปที่พักที่เรากับแฟนจองเอาไว้ เหมือนเดิมค่ะเราจองที่พักผ่าน Booking เหมือนเดิม เราได้ที่พัก บ้านพนิดา ค่ะ ราคา 1,500บาท ตกคนละ 750บาท ค่ะ แต่เซอร์ไพรส์ไปอีก พอไปที่พักพี่เขาลดให้เรา 200บาทค่ะ >__<
อ่อ! จะบอกว่าแม่กำปองมีน้ำตกไหลตลอดปีเลยนะคะ จะได้ยินเสียงน้ำตกไหลตลอด
ฟินมากบอกเลยยยยยย อิอิ \>O</
นี่ค่ะ บ้านพนิดา ที่เรากับแฟนจองเอาไว้ โอเคนะ พี่เขาก็ใจดีด้วย ลดให้ 200 จาก 1,500บาท ค่ะ รวมอาหารเช้า 1มื้อ เหลือเป็น 1,300บาท ห้องนอนจะมี 2ห้อง มีห้องเตียงเดี่ยวสำหรับนอน 2คน กับ เตียงใหญ่ 2เตียง สำหรับนอน 4คน เราเลือกเอาห้องนอน 4คนค่ะ กว้างดี นอนกลิ้งไป กลิ้งมาได้สบายเลย ห้องนอนไม่มีพัดลมค่ะ แต่ก็ไม่จำเป็นเลยนะ เพราะมันเย็นสบายมากจริงๆ ส่วนห้องน้ำก็มีน้ำอุ่นให้ค่ะ แต่เป็นระบบแก๊สนะคะ
ที่มาภาพ : เพจ บ้านพนิดา บ้านพัก แม่กำปอง
หลังจากเก็บข้าวของเสร็จ แฟนก็ไปคุยเรื่องไปเดินป่า แปปๆ ก็มีเจ้าเหมียวแวะมาทักทายถึงที่เลยค่ะ ชื่อ เจ้าทอง น้องมาร้องเหมียวๆ แล้วกลิ้งไป กลิ้งมา ค่ะ อดขอแชะเก็บไว้ไม่ได้5555555
ไปเดินป่ากันค่าาาา แฟนเรากับพี่ไกด์เดินนำไปก่อนละกันเนอะ เราขอแชะถ่ายตามหลัง อิอิ
เจอละค่าาาา ต้นกาแฟ จะบอกว่าดอกกาแฟกลิ่นหอมมาก กลิ่นแบบกาแฟผงเลยค่ะ และอเมซิ่งไปกับผลกาแฟค่ะ พี่เขาเอาให้เรากับแฟนลองกัดชิมน้ำดูมันจะมีรสหวานๆ ซึ่งมันหวานจริงๆ แฟนเรานี่ชอบมาก5555 พอเราลองบีบเอาเปลือกมันออก ก็เจอกับเมล็ดกาแฟที่คุ้นตาแค่ไม่ใช่สีดำ อิอิ พี่เขาบอกว่าเราจะเอาไปตากแดดให้แห้ง และกะเทาะเอากะลาออก จากนั้นก็เอาไปคั่ว จนออกมาเป็นรูปร่างกาแฟแบบที่เราเห็นกันค่ะ
ภาพนี้เป็นที่เขาตากกาแฟกัน
ส่วนภาพนี้เป็นกาแฟที่กะเทาะกะลาออกแล้วค่ะ
ต่อกันด้านล่างเลยค่า
[CR] เที่ยวเชียงใหม่-แม่กำปอง มีนาคม 4วัน 3คืน
สำหรับรูปถ่ายทริปนี้ ใช้กล้อง ไอโฟน 6s กับ ซัมซุงโน้ต7 นะคะ
เอาล่ะ! สายการบินที่เราจองไปทั้ง ขาไป และ ขากลับ ตามนี้เลยค่ะ
ขาไป : ThaiLion air ราคา 809.89บาท/คน (รวม 2คน 1,619.78บาท)
เราบินไปดอนเมืองกับสายการบิน Air Asia ค่ะ ราคา 868.19บาท
ไปกันเลย !!!
ที่พักค่ะ ซึ่งเราก็ได้จองห้องพักไว้แล้วเรียบร้อยเช่ยเคย อิอิ เราจองผ่าน Booking ชื่อ โนเบิ้ลเฮ้าส์ อยู่ใกล้กับถนนคนเดินวัวลายเลยยยยยยย จริงๆ แพลนของเราตั้งใจไปวันนี้เพื่อไปเดินถนนคนเดินวัวลายค่ะ ก็เลยหาที่พักใกล้ๆ แถวนั้นด้วย (กลัวหมดค่าเดินทางเยอะ^_^)
สรุปค่าใช้จ่าย : ค่าแท็กซี่สนามบิน 150บาท | ห้องพัก 550บาท
(ที่มา : https://www.booking.com/hotel/th/noble-house-chiangmai.th.html#)
เช้าวันใหม่แล้วค่าาาา เรากับแฟนตื่นกันแต่เช้าเลย เตรียมตัวไปขึ้นรถตู้เพื่อไป แม่กำปอง กันค่ะ เย้!!!
เราจองรถตู้ไปแม่กำปองไว้ล่วงหน้าเช่นเดิมค่ะ จองผ่าน เพจ : รถตู้น้ำพุร้อนสันกำแพง Van transpot to San Kamphaeng Hot Spring ค่ะ เขาคิดรวมขาไป-ขากลับ 300บาท/คน เราว่าโอเคเลยนะ สำหรับเรา เราว่ามันสะดวกดีค่ะ ไม่ต้องไปลุ้นข้างหน้า หรือเหมารถขึ้นไป ซึ่งแบบนั้นมันจะแพงกว่ามากๆ
สรุปค่าใช้จ่าย : รถไปตลาดวโรรส 80บาท | ข้าวเช้า 70บาท | ซื้อน้ำ,ขนมในเซเว่น 33บาท | รถตู้ไปแม่กำปอง 300บาท
ปล. เราแปะลิ้งค์ไว้ เผื่อใครสนใจเข้าไปอ่านกันได้นะคะ^_^
( http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/777592 )
ฟินมากบอกเลยยยยยย อิอิ \>O</
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น