เรื่องมีอยู่ว่า.... ตอนนั้นเราทำงานที่ทำงานเก่า ทำโรงแรม แล้วเราอยากออกเพราะเราไม่ชอบงาน เราไม่ชอบระบบที่นั่นเลยน่ะค่ะ
แล้วเจ้านายที่นั่นเค้าโหดมากกับการประเมินเด็กใหม่ในช่วงทดลองงาน
เค้าบอกว่า ....สัปดาห์แรก เมื่อเราเข้ามาในที่ทำงานแล้ว....เค้าอยากให้เรารับโทรศัพท์ได้ / ใช้โปรแกรมคล่อง / ขายห้องได้ / รับจองห้องได้ / ขายบริการอื่นๆในโรงแรมได้ / ตอบอีเมลได้ / เปิดปิดรอบเงินได้แล้ว ถ้าภายใน 2 สัปดาห์หนูยังทำเหล่านี้ไม่ได้ หนูไม่ผ่านงานนะคะ
( เอิ่มมม........ ตอนสัมาษณ์เข้ามาหนูก็บอกไปแล้วนะคะว่า เพิ่งเรียนจบ ไม่ได้จบโรงแรม ไม่มีประสบการณ์ทำงานเลย เคยทำกิจกรรมเยอะแยะนู่นนี่นั่น ) แล้วคือเราจะมาเป็นงานโรงแรมภายในระยะเวลาแค่นี้ในหัวอกคนที่เจองานครั้งแรกไม่เคยทำงานเลยแม้แต่น้อย มันจะเป็นไปได้หรอคะ ???????
เราจบภาษาค่ะ
เราเลยคิดว่างานใหม่เราอยากเป็นครูสอนจีน เราเห็น รร สอนภาษาจีนเล็กๆที่หนึ่งเปิดประกาศรับสมัคร เราจึงส่งใบสมัครดู
สรุป เค้าโทรนัดเราไปคุยค่ะ ไอเราก็ดีใจใหญ่
ไปถึงที่ รร เจอคนให้สัมภาษณ์ .... หน้าเดิมตลอด หน้าไม่ยิ้มเลยแม้แต่น้อย นั่งถ่างขา นั่งแบบคนขี้เกียจ ไม่ค่อยทำตัวเรียบร้อยเหมือนคนสัมภาษณ์คนอื่นๆ
เรา......สวัสดี ทักทายตามมารยาทตามปกติ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : น้องครับ ...ทำงานไรมาครับ ???
เรา : ทำโรงแรมค่ะ ...กำลังจะออกแล้วค่ะ อยากมาเป็นครูสอนจีนเด็กๆ แต่ว่าหนูจีนไม่ได้ลึกกว่าภาษาอังกฤษค่ะ ถนัดสอนเด็กๆเล็กกๆมากกว่าค่ะ ( บอกความถนัดตามตรงไป )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ผมเคยทำโรงแรมมาครับ ไกด์ก็ทำมา ผมทราบนะครับมันหนักยังไง
เรา : อ่ออ ...ค่ะ..
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ที่นี่ชิวๆครับ แค่สอนเด็กประถมเองครับ จีนระดับ hsk 3 ผมก็รับนะครับ คุณผ่านระดับไหนมาครับ ???
เรา : 4 ค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : อ้อ ได้แล้วนี่ครับ แล้วผมถามคำเดียว จะเอาไม่เอา ???
เรา : เอ๊ะ.. ยังไงคะ???!!! ขอทราบรายละเอียดงานได้ไหมคะ ???
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ตอบผมมาก่อนสิครับ จะเอารึไม่เอา ???
เราก็นิ่งไปสักพัก ....คือตัดสินใจไมไ่ด้มาจริงๆอ้ะค่ะ มาไม้นี้ ....แล้วไม่บอกรายละเอียดงานเลย กฏเกณนโยบายก็ไม่บอก เราต้องเป็นฝ่ายถามเอง ถ้าเราไม่ถามอะไรเค้าไม่ตอบเลยค่ะ ถามคำตอบคำแค่นั้น
คือเราก็กลัวว่าเราจะพูดไม่ถูกลักษณะจนทำให้เค้ามองไม่ดีน่ะค่ะ เช่น การที่คนสัมภาษณ์ถามแต่เรื่องวันหยุดมากไป คนฝั่งตรงข้ามเค้าอาจคิดว่าเราไม่ได้ตั้งใจมาทำงานสักแต่หาวันหยุดเยอะๆก็ว่าได้ จริงไหมคะ ???
เรา : หนูก็อยากลองทำค่ะ แล้วต้องเตรียมตัวยังไงอะไรยังไงบ้างคะที่นี่ ?
ผู้ให้สัมภาษณ์ : เรามีหนังสือให้ครับ คุณแทบไม่ต้องเตรียมไรมาเลยเรามีให้ครบเลยครับ
เรา : แล้วที่นี่ทำงานเข้าออกเวลาไหนคะ ?
ผู้ให้สัมภาษณ์ : เข้า 9 ออก 6 ครับ
เรา : สัปดาห์นึงทำงานกี่วันคะ ?
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ทำ 6 หยุด 1 ครับ
เรา : แล้วที่นี่ต้องอตกบัตรเข้างาน ต้องลงชื่ออะไรยังไงคะ ?
ผู้ให้สัมภาษณ์ : สแกนแค่ลายนิ้วมือครับ
เรา : วันหยุดที่นี่ให้ยังไงบ้างคะ หนูต้องไปรับปริญญาด้วยค่ะ ยังไม่รับเลย รับกันยานี้ค่ะ
( ไม่อยากถามข้อนี้หรอกแต่คนนี้เค้าถ้าไม่ถามก็ไม่ตอบเลยอ่า ไม่อธิบายอะไรให้เราเลยนอกจากเราจะถามเอง )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : มีให้ครับ อ้อ ผมอยากจะบอกว่า 3 เดือนแรก ไม่ให้ลาอะไรเลยนะครับ
( อ้าว ...เราบอกอยู่ว่าต้องไปรับปริญญา -...- แล้วเค้าไม่ได้ถามถึงการรับปริญญาอะไรกับเราเลยสักกะนิด ยังคิดเลยว่าที่เราพูดออกไปเมื่อกี๊ได้ฟังเรารึเปล่านะ ????? )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : อ้อ คุณต้องรับหน้าที่นี้ด้วยนะครับ สอนภาษาไทยคนจีน ทำได้อยู่แล้วใช่ไหม เราคนไทยแท้ๆเนอะ
เรา : สอนไทยนี่ ยาก ลึกหรือยังไงคะ เป็นแบบไหนคะ ??
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ไม่ครับ แค่พื้นๆเลย คำชีวิตประจำวันเลยครับ ไม่ได้ยุ่งยากทางการอะไรแบบนั้น แต่ที่แน่ๆ นักเรียนทุกคนพูดอังกฤษไม่ได้เลยนะครับ ฟังไม่ออก เขียนไม่ได้ ........ แต่ !!!!!!! เค้าดันบอกด้วยว่า ..... แต่ละคนเค้าอาศัยอยู่ประไทยก็นานบ้างแล้ว
( เราคิดในใจ อ้าว.... ออกมาอยู่ต่างประเทศยังงี้จะพูดอิ๊งแม้แต่นิดเดียวไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรอ ??? เค้าบอกว่าคนเรียนบางคนเป็นนิสิตคณะการโรงแรมอินเตอร์ด้วย บางคนทำงานเป็นล่ามอังกฤษจีนด้วยซ้ำ............... ฟังแค่นี้ก็ทราบแล้วแหละ เค้าไม่อยากให้เราพูดอิ๊งกับคนที่มาเรียน)
เรา : แต่หนูผ่านแค่ hsk 4 เองนะคะ หนูได้บอกพี่ไปแล้วน่ะค่ะว่าจีนหนูไม่เก่งเท่าอิ๊งนะคะ ตอนสอนพูดอิ๊งผสมไปด้วยนิดนึงได้ไหมคะ ??
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ไม่ได้นะครับ ที่นี่เราไม่ให้พูดอังกฤษเลยนะครับ งั้นเดี๋ยวผมเอาครูจีนมาเทสได้ไหมครับ ?
เรา : ได้ค่ะ ( ก็เทสไปประมาณ 20 นาที แล้วเค้าก็ให้กลับบ้านแล้วบอกว่าถ้าจะเอาก็จะติดต่อกลับ )
.
.
.
วันต่อมา เราทำงานตามปกติ รอวันออกจากงาน ทาง รร นั้นเค้าโทรศัพท์มาหาเรา
เรา : สวัสดีค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ ?
ผู้ให้สัมภาษณ์ : คุณครับ จะเอามั้ยครับ ?
เรา : เอ่อ... คือตอนนี้เลยหรอคะ ?
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ใช่ครับ
เรา : ตอนนี้ยังไม่พร้อมนะคะ กระทันหันอย่างนี้ยังไม่แน่ใจค่ะเพราะอย่างที่แจ้งไปแล้วเมื่อวานนะคะว่าทำที่เก่ากำลังรอวันลาออกค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ผมถามตอบตรงๆครับ จะเอาหรือไม่เอา ??? ( พูดน้ำเสียงแบบว่า ไออื่นไม่ฟังละ ขอแต่อยากรู้ว่าเอาไม่เอา พอเราอธิบายไออื่นไปเค้าไม่สน มีแต่ถามว่า เอาหรือไม่เอาวนๆๆไป ) ....... พอดีมีอีกคนมาสัมภาษณ์อยู่ครับ
เรา : งั้น....ให้เค้าไปก่อนเลยค่ะ หนูไม่มีปัญหาค่ะ ขอบคุณที่ให้สัมภาษณ์เมื่อวานมากๆเลยนะคะ ( คือเค้าเร่งเราแบบนี้เรารู้สึกว่าเหมือนเราเห็นว่าเค้าคงรีบหาครูมากๆแล้วแถมเค้าสัมภาษณ์กับอีกคนนึงด้วย เราเลยให้สิทธิ์เค้าไปดีกว่า อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ )
.
.
.
.
2 เดือนต่อมา เราเห็นที่นี่รับสมัครครูอีกแล้ว เราคิดในใจสงสัยครูคนเก่าออกแล้วมั้ง ( ตอนนั้นรับปริญญาเสร็จใหม่ๆเลย พร้อมทำงานละ ) เลยลองไปสมัครอีกครั้ง
ครูภาษจีนเข้ามาคุยกับเราอย่างดีมากๆ เค้าจำเราได้ เค้าบอก งั้นไปดูครูคนนั้นสอนก่อนนะว่าเค้าสอนยังไง( คนที่ให้สัมภาษณ์เราน่ะค่ะ )
เราก็นั่งฟังอย่างตั้งใจจนจบคาบ ...... จนกระทั้งผู้ให้สัมภาษณ์มานั่งที่โซฟาตรงข้ามเรา นั่งท่าคนขี้เกียจ เอามือไขว้หลังหนุนศีรษะ นั่งถ่างขา เอนตัวลงโซฟา ทำหน้าเบื่อว่าเรามาอีกแล้ว มาทำไม หน้าตาไม่เหมือนกับที่เจอเราในครั้งที่แล้ว )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : อ้าวคุณ มาอีกแล้วหรอ ?... ไหนตอนนั้นคุณบอกว่าพิจารณางานผมก่อน ??
เรา : เอ๊ะ.. บอกตอนไหนคะ ?? ตอนนั้นหนูบอกว่าให้สิทธิ์คนที่มาสมัครหลังจากหนูไปได้เลย เพราะเห็นพี่รีบ หนูเลยให้สิทธิ์เค้าก่อนค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : แต่สรุป เด็กคนนั้นเค้าก็ไม่เอางานนี้ครับ
( เราคิดในใจ .... เราจะไปรู้มั้ยวะ ว่าเค้าไม่เอา !!!!!! )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : แล้วนี่คุณยังอยากทำจริงๆมั้ยครับ ?
เรา : ก็ ..อยากค่ะ ( เค้าพูดน้ำเสียงมาอารมแบบคนเบื่อหน่าย เซ็งๆ ไม่อยากพูดไรมากอะไรแบบนั้นค่ะ เราเลยกล้าๆกลัวๆ )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : แล้วคุณภาษาจีนระดับไหนครับ ( เอิ่มมม ... เหมือนเคยถามเราไปแล้วนิ -...- )
เรา : hsk 4 ค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : เท่านั้นไม่พอครับ คุณต้องมีความสามารถ hsk 5 ไม่ก็สามารถเข้าใจภาษาจีน 80 เปอร์เซ็นเลยนะครับ
( อ้าว...แล้วที่พูดกับเราคราวก่อนมันยังไงเนี่ย ??? ไหนบอกว่าระดับแบบเราก็รับ )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : แล้วที่ผ่านมา คุณมัวไปทำอะไรอยู่ครับ ... นี่รู้มั้ย !!! ผมแบกรับคนเดียวทุกอย่าง ผมสอนเองคนเดียวหมดเลย เด็กเป็นสิบเลยนะครับ เด็กๆทุกคนเค้าจะเรียนจบหมดแล้วนะครับ เหลือคาบสองคาบเองนะครับแล้วปิดคอร์สแล้วเนี่ยะ นี่ผมสอนคนเดียวหมดเลยนะ แล้วทีตอนเด็กๆเค้าเรียนกันแรกๆทำไมคุณไม่รับงานมาสอนล่ะครับ พอทีแบบนี้แล้วจะเอา ผมไม่เข้าใจคุณเลย ผมไม่ได้จบภาษจีนแบบคุณ แต่ผมพูดจีนคล่องมากเหมือนเป็นคนจีนแท้ๆคนนึง ผมฟังพูดอ่านเขียนทำคะแนนการสอบได้เกือบเต็มเลยนะครับ ผมเรียนรู้เองล้วนๆนะครับ ไม่ได้เข้า รร สอนจีนแบบคุณมากก่อนเลยครับ แล้วตอนนี้ผมกำลังเรียนภาษารัสเซียด้วยตัวเองด้วย ผมเก่งไหมล่ะครับ
( อ้าว.... เราจะไปรู้ได้ยังไงเนี่ยะ คุณไมไ่ด้บอกอะไรเราเลยนิ... สรุป เราผิด ??? )
เรา : ที่ผ่านมาทำพาททามสอนภาษจีนเด็กเล็กค่ะ สอนฆ่าเวลาหาประสบการณ์ขำๆเอาค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : คุณครับ ถ้ามาทำที่นี่ งานพาททาม คุณห้ามทำนะครับ ผมไม่ให้คุณทำ ถ้าคุณทำนะครับ ผมจะปรับคุณ ค่าปรับน่ะ ผมไม่บอกจำนวนนะครับ แต่ที่แน่ๆ ผมคิดโหด ผมปรับหนักมากนะครับ คือพวกเราทำงานกันแบบ loyalty ไม่อนุญาติให้รับงานนอกเข้ามาทำเลยนะครับแม้แต่นิดเดียว ต้องทำงานที่นี่นงานเดียวเท่านั้นเลยนะครับ !!!
( คือถ้าทำงานนอกที่ไม่กระทบกระเทือนงานนี้ ก็ไมไ่ด้ยังั้นหรอ??? .... คือเราเห็นสภาพแวดล้อมของ รร นะค่ะ วันนึงคาบสอนน้อยมากๆๆๆ งานน้อยจริงๆ เหมือนกับว่า ถ้านั่งว่างก็คือว่างยาวไปเลย คือเราก็มีขายของออนไลน์นิดๆด้วยน่ะค่ะ คือเจียดตัวไปตอบเฟสตอบอีเมลในขณะที่ไม่ได้ทำงานก็ไมไ่ด้ยังงั้นหรอคะ คือเราก็รุ้นะคะว่าอะไรควรไม่ควร เราเป็นคนไม่เคยเอาอะไรมายำมั่วอยู่แล้วน่ะค่ะ งานคืองาน เล่นคือเล่น อะไรไม่เกี่ยวกันเราจะไม่เอามาปนมั่วอยู่แล้ว )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : คุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่ ??
เรา : ขอแค่ขั้นต่ำปอตรีก็ได้ค่ะ 15000-17000 ไม่ต้องให้ถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ แค่ขั้นต่ำปอตรีก็พอแล้วค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : แค่นี้พอหรอครับ ?
( อ้าววว ขอเยอะก็น่าเกลียดไปหาว่าหน้าเงิน ขอน้อยก็ยังงี้??? )
เรา : แค่นี้ก็พอค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : แต่ภาษจีนอย่างคุณจะไหวหรอครับ นี่ผมพูดระหว่างสอนคุณฟังออกบ้างมั้ยเนี่ย ??
เรา : ฟังออกค่ะ ก็ราวๆครึ่งๆกลางๆค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ครึ่งๆกลางๆไม่ได้นะครับ ต้องให้ได้ 80 เปอเซ็น
เรา : อ่อค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : งั้นบ่ายสอง มาเทสอีกครั้งไหมครับ ผมจะเอานักเรียนจีนมาด้วย
เรา : ได้ค่ะ
บ่าย 2 เราก็มาเทสการสอน แต่ผู้ให้สัมภาษณ์คนนี้ไม่ได้ตั้งใจที่เราสอนเลยค่ะ นั่งก้มหน้าถ่างขา นั่งท่าคนขี้เกียจตามเดิมเล่นมือถือเล่นไลน์ แถมชวนนักเรียนจีนคุย นินทาเรา ติเราด้วยอีกตะหาก ( แล้วก็ไมไ่ด้สนใจเราเลยค่ะ ) มีแต่นักเรียนจีนกับครูจีนที่นั่นประเมินเรา
ไม่ได้จะเล่าแบบเข้าข้างตัวเองนะคะ นักเรียนจีนกับครูจีนที่นั่นเค้าพอใจเราค่ะ เราบอกพวกเค้าไปตรงๆนะคะว่าเราจีนไม่เก่งเท่าอังกฤษ เค้าบอกว่าครูคนไทยคนก่อนจีนไม่ได้หนักกว่าเราอีก ( อ้าว ไหนพี่แกที่สัมภาษณ์เราคนนี้บอกว่าจีนต้อง expert นิ )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ถ้าตัดสินใจว่าจะจ้างเด๋วโทรไปนะครับ
เรา : ค่ะ แล้วก็กลับบ้าน
สรุป วันที่เค้าโทรมาเราเลยขอไม่รับทำงานเลยค่ะ เรามีความรู้สึกว่าถ้าเราเข้าไปทำเราคงอยู่ไม่ได้น่ะค่ะ ไม่ค่อยรู้สึกดีกับที่นั่นแล้ว เรามีความรู้สึกว่าเค้าทิฐิสูง เกรงว่าจะมีปัญหาตอนทำงาน
แต่ปัจจุบันนี้เรามีงานทำใหม่แล้วนะคะ เพื่อนร่วมงานดี เจ้านายดีค่ะ เราก็พยายามเก็บประสบการณ์ใหม่จากที่ทำงานใหม่ค่ะ ทำมาสองเดือนกว่าๆแล้วค่ะ
ขอบคุณที่อ่านนะคะ มันยาวมากค่ะ
มีอะไรก็พิมพ์ได้นะคะ ยินดีอ่านความเห็นทุกคนค่ะ
คิดไงกับการที่เจอผู้ให้สัมภาษณ์แบบนี้คะ
แล้วเจ้านายที่นั่นเค้าโหดมากกับการประเมินเด็กใหม่ในช่วงทดลองงาน
เค้าบอกว่า ....สัปดาห์แรก เมื่อเราเข้ามาในที่ทำงานแล้ว....เค้าอยากให้เรารับโทรศัพท์ได้ / ใช้โปรแกรมคล่อง / ขายห้องได้ / รับจองห้องได้ / ขายบริการอื่นๆในโรงแรมได้ / ตอบอีเมลได้ / เปิดปิดรอบเงินได้แล้ว ถ้าภายใน 2 สัปดาห์หนูยังทำเหล่านี้ไม่ได้ หนูไม่ผ่านงานนะคะ
( เอิ่มมม........ ตอนสัมาษณ์เข้ามาหนูก็บอกไปแล้วนะคะว่า เพิ่งเรียนจบ ไม่ได้จบโรงแรม ไม่มีประสบการณ์ทำงานเลย เคยทำกิจกรรมเยอะแยะนู่นนี่นั่น ) แล้วคือเราจะมาเป็นงานโรงแรมภายในระยะเวลาแค่นี้ในหัวอกคนที่เจองานครั้งแรกไม่เคยทำงานเลยแม้แต่น้อย มันจะเป็นไปได้หรอคะ ???????
เราจบภาษาค่ะ
เราเลยคิดว่างานใหม่เราอยากเป็นครูสอนจีน เราเห็น รร สอนภาษาจีนเล็กๆที่หนึ่งเปิดประกาศรับสมัคร เราจึงส่งใบสมัครดู
สรุป เค้าโทรนัดเราไปคุยค่ะ ไอเราก็ดีใจใหญ่
ไปถึงที่ รร เจอคนให้สัมภาษณ์ .... หน้าเดิมตลอด หน้าไม่ยิ้มเลยแม้แต่น้อย นั่งถ่างขา นั่งแบบคนขี้เกียจ ไม่ค่อยทำตัวเรียบร้อยเหมือนคนสัมภาษณ์คนอื่นๆ
เรา......สวัสดี ทักทายตามมารยาทตามปกติ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : น้องครับ ...ทำงานไรมาครับ ???
เรา : ทำโรงแรมค่ะ ...กำลังจะออกแล้วค่ะ อยากมาเป็นครูสอนจีนเด็กๆ แต่ว่าหนูจีนไม่ได้ลึกกว่าภาษาอังกฤษค่ะ ถนัดสอนเด็กๆเล็กกๆมากกว่าค่ะ ( บอกความถนัดตามตรงไป )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ผมเคยทำโรงแรมมาครับ ไกด์ก็ทำมา ผมทราบนะครับมันหนักยังไง
เรา : อ่ออ ...ค่ะ..
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ที่นี่ชิวๆครับ แค่สอนเด็กประถมเองครับ จีนระดับ hsk 3 ผมก็รับนะครับ คุณผ่านระดับไหนมาครับ ???
เรา : 4 ค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : อ้อ ได้แล้วนี่ครับ แล้วผมถามคำเดียว จะเอาไม่เอา ???
เรา : เอ๊ะ.. ยังไงคะ???!!! ขอทราบรายละเอียดงานได้ไหมคะ ???
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ตอบผมมาก่อนสิครับ จะเอารึไม่เอา ???
เราก็นิ่งไปสักพัก ....คือตัดสินใจไมไ่ด้มาจริงๆอ้ะค่ะ มาไม้นี้ ....แล้วไม่บอกรายละเอียดงานเลย กฏเกณนโยบายก็ไม่บอก เราต้องเป็นฝ่ายถามเอง ถ้าเราไม่ถามอะไรเค้าไม่ตอบเลยค่ะ ถามคำตอบคำแค่นั้น
คือเราก็กลัวว่าเราจะพูดไม่ถูกลักษณะจนทำให้เค้ามองไม่ดีน่ะค่ะ เช่น การที่คนสัมภาษณ์ถามแต่เรื่องวันหยุดมากไป คนฝั่งตรงข้ามเค้าอาจคิดว่าเราไม่ได้ตั้งใจมาทำงานสักแต่หาวันหยุดเยอะๆก็ว่าได้ จริงไหมคะ ???
เรา : หนูก็อยากลองทำค่ะ แล้วต้องเตรียมตัวยังไงอะไรยังไงบ้างคะที่นี่ ?
ผู้ให้สัมภาษณ์ : เรามีหนังสือให้ครับ คุณแทบไม่ต้องเตรียมไรมาเลยเรามีให้ครบเลยครับ
เรา : แล้วที่นี่ทำงานเข้าออกเวลาไหนคะ ?
ผู้ให้สัมภาษณ์ : เข้า 9 ออก 6 ครับ
เรา : สัปดาห์นึงทำงานกี่วันคะ ?
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ทำ 6 หยุด 1 ครับ
เรา : แล้วที่นี่ต้องอตกบัตรเข้างาน ต้องลงชื่ออะไรยังไงคะ ?
ผู้ให้สัมภาษณ์ : สแกนแค่ลายนิ้วมือครับ
เรา : วันหยุดที่นี่ให้ยังไงบ้างคะ หนูต้องไปรับปริญญาด้วยค่ะ ยังไม่รับเลย รับกันยานี้ค่ะ
( ไม่อยากถามข้อนี้หรอกแต่คนนี้เค้าถ้าไม่ถามก็ไม่ตอบเลยอ่า ไม่อธิบายอะไรให้เราเลยนอกจากเราจะถามเอง )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : มีให้ครับ อ้อ ผมอยากจะบอกว่า 3 เดือนแรก ไม่ให้ลาอะไรเลยนะครับ
( อ้าว ...เราบอกอยู่ว่าต้องไปรับปริญญา -...- แล้วเค้าไม่ได้ถามถึงการรับปริญญาอะไรกับเราเลยสักกะนิด ยังคิดเลยว่าที่เราพูดออกไปเมื่อกี๊ได้ฟังเรารึเปล่านะ ????? )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : อ้อ คุณต้องรับหน้าที่นี้ด้วยนะครับ สอนภาษาไทยคนจีน ทำได้อยู่แล้วใช่ไหม เราคนไทยแท้ๆเนอะ
เรา : สอนไทยนี่ ยาก ลึกหรือยังไงคะ เป็นแบบไหนคะ ??
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ไม่ครับ แค่พื้นๆเลย คำชีวิตประจำวันเลยครับ ไม่ได้ยุ่งยากทางการอะไรแบบนั้น แต่ที่แน่ๆ นักเรียนทุกคนพูดอังกฤษไม่ได้เลยนะครับ ฟังไม่ออก เขียนไม่ได้ ........ แต่ !!!!!!! เค้าดันบอกด้วยว่า ..... แต่ละคนเค้าอาศัยอยู่ประไทยก็นานบ้างแล้ว
( เราคิดในใจ อ้าว.... ออกมาอยู่ต่างประเทศยังงี้จะพูดอิ๊งแม้แต่นิดเดียวไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรอ ??? เค้าบอกว่าคนเรียนบางคนเป็นนิสิตคณะการโรงแรมอินเตอร์ด้วย บางคนทำงานเป็นล่ามอังกฤษจีนด้วยซ้ำ............... ฟังแค่นี้ก็ทราบแล้วแหละ เค้าไม่อยากให้เราพูดอิ๊งกับคนที่มาเรียน)
เรา : แต่หนูผ่านแค่ hsk 4 เองนะคะ หนูได้บอกพี่ไปแล้วน่ะค่ะว่าจีนหนูไม่เก่งเท่าอิ๊งนะคะ ตอนสอนพูดอิ๊งผสมไปด้วยนิดนึงได้ไหมคะ ??
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ไม่ได้นะครับ ที่นี่เราไม่ให้พูดอังกฤษเลยนะครับ งั้นเดี๋ยวผมเอาครูจีนมาเทสได้ไหมครับ ?
เรา : ได้ค่ะ ( ก็เทสไปประมาณ 20 นาที แล้วเค้าก็ให้กลับบ้านแล้วบอกว่าถ้าจะเอาก็จะติดต่อกลับ )
.
.
.
วันต่อมา เราทำงานตามปกติ รอวันออกจากงาน ทาง รร นั้นเค้าโทรศัพท์มาหาเรา
เรา : สวัสดีค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ ?
ผู้ให้สัมภาษณ์ : คุณครับ จะเอามั้ยครับ ?
เรา : เอ่อ... คือตอนนี้เลยหรอคะ ?
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ใช่ครับ
เรา : ตอนนี้ยังไม่พร้อมนะคะ กระทันหันอย่างนี้ยังไม่แน่ใจค่ะเพราะอย่างที่แจ้งไปแล้วเมื่อวานนะคะว่าทำที่เก่ากำลังรอวันลาออกค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ผมถามตอบตรงๆครับ จะเอาหรือไม่เอา ??? ( พูดน้ำเสียงแบบว่า ไออื่นไม่ฟังละ ขอแต่อยากรู้ว่าเอาไม่เอา พอเราอธิบายไออื่นไปเค้าไม่สน มีแต่ถามว่า เอาหรือไม่เอาวนๆๆไป ) ....... พอดีมีอีกคนมาสัมภาษณ์อยู่ครับ
เรา : งั้น....ให้เค้าไปก่อนเลยค่ะ หนูไม่มีปัญหาค่ะ ขอบคุณที่ให้สัมภาษณ์เมื่อวานมากๆเลยนะคะ ( คือเค้าเร่งเราแบบนี้เรารู้สึกว่าเหมือนเราเห็นว่าเค้าคงรีบหาครูมากๆแล้วแถมเค้าสัมภาษณ์กับอีกคนนึงด้วย เราเลยให้สิทธิ์เค้าไปดีกว่า อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ )
.
.
.
.
2 เดือนต่อมา เราเห็นที่นี่รับสมัครครูอีกแล้ว เราคิดในใจสงสัยครูคนเก่าออกแล้วมั้ง ( ตอนนั้นรับปริญญาเสร็จใหม่ๆเลย พร้อมทำงานละ ) เลยลองไปสมัครอีกครั้ง
ครูภาษจีนเข้ามาคุยกับเราอย่างดีมากๆ เค้าจำเราได้ เค้าบอก งั้นไปดูครูคนนั้นสอนก่อนนะว่าเค้าสอนยังไง( คนที่ให้สัมภาษณ์เราน่ะค่ะ )
เราก็นั่งฟังอย่างตั้งใจจนจบคาบ ...... จนกระทั้งผู้ให้สัมภาษณ์มานั่งที่โซฟาตรงข้ามเรา นั่งท่าคนขี้เกียจ เอามือไขว้หลังหนุนศีรษะ นั่งถ่างขา เอนตัวลงโซฟา ทำหน้าเบื่อว่าเรามาอีกแล้ว มาทำไม หน้าตาไม่เหมือนกับที่เจอเราในครั้งที่แล้ว )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : อ้าวคุณ มาอีกแล้วหรอ ?... ไหนตอนนั้นคุณบอกว่าพิจารณางานผมก่อน ??
เรา : เอ๊ะ.. บอกตอนไหนคะ ?? ตอนนั้นหนูบอกว่าให้สิทธิ์คนที่มาสมัครหลังจากหนูไปได้เลย เพราะเห็นพี่รีบ หนูเลยให้สิทธิ์เค้าก่อนค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : แต่สรุป เด็กคนนั้นเค้าก็ไม่เอางานนี้ครับ
( เราคิดในใจ .... เราจะไปรู้มั้ยวะ ว่าเค้าไม่เอา !!!!!! )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : แล้วนี่คุณยังอยากทำจริงๆมั้ยครับ ?
เรา : ก็ ..อยากค่ะ ( เค้าพูดน้ำเสียงมาอารมแบบคนเบื่อหน่าย เซ็งๆ ไม่อยากพูดไรมากอะไรแบบนั้นค่ะ เราเลยกล้าๆกลัวๆ )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : แล้วคุณภาษาจีนระดับไหนครับ ( เอิ่มมม ... เหมือนเคยถามเราไปแล้วนิ -...- )
เรา : hsk 4 ค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : เท่านั้นไม่พอครับ คุณต้องมีความสามารถ hsk 5 ไม่ก็สามารถเข้าใจภาษาจีน 80 เปอร์เซ็นเลยนะครับ
( อ้าว...แล้วที่พูดกับเราคราวก่อนมันยังไงเนี่ย ??? ไหนบอกว่าระดับแบบเราก็รับ )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : แล้วที่ผ่านมา คุณมัวไปทำอะไรอยู่ครับ ... นี่รู้มั้ย !!! ผมแบกรับคนเดียวทุกอย่าง ผมสอนเองคนเดียวหมดเลย เด็กเป็นสิบเลยนะครับ เด็กๆทุกคนเค้าจะเรียนจบหมดแล้วนะครับ เหลือคาบสองคาบเองนะครับแล้วปิดคอร์สแล้วเนี่ยะ นี่ผมสอนคนเดียวหมดเลยนะ แล้วทีตอนเด็กๆเค้าเรียนกันแรกๆทำไมคุณไม่รับงานมาสอนล่ะครับ พอทีแบบนี้แล้วจะเอา ผมไม่เข้าใจคุณเลย ผมไม่ได้จบภาษจีนแบบคุณ แต่ผมพูดจีนคล่องมากเหมือนเป็นคนจีนแท้ๆคนนึง ผมฟังพูดอ่านเขียนทำคะแนนการสอบได้เกือบเต็มเลยนะครับ ผมเรียนรู้เองล้วนๆนะครับ ไม่ได้เข้า รร สอนจีนแบบคุณมากก่อนเลยครับ แล้วตอนนี้ผมกำลังเรียนภาษารัสเซียด้วยตัวเองด้วย ผมเก่งไหมล่ะครับ
( อ้าว.... เราจะไปรู้ได้ยังไงเนี่ยะ คุณไมไ่ด้บอกอะไรเราเลยนิ... สรุป เราผิด ??? )
เรา : ที่ผ่านมาทำพาททามสอนภาษจีนเด็กเล็กค่ะ สอนฆ่าเวลาหาประสบการณ์ขำๆเอาค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : คุณครับ ถ้ามาทำที่นี่ งานพาททาม คุณห้ามทำนะครับ ผมไม่ให้คุณทำ ถ้าคุณทำนะครับ ผมจะปรับคุณ ค่าปรับน่ะ ผมไม่บอกจำนวนนะครับ แต่ที่แน่ๆ ผมคิดโหด ผมปรับหนักมากนะครับ คือพวกเราทำงานกันแบบ loyalty ไม่อนุญาติให้รับงานนอกเข้ามาทำเลยนะครับแม้แต่นิดเดียว ต้องทำงานที่นี่นงานเดียวเท่านั้นเลยนะครับ !!!
( คือถ้าทำงานนอกที่ไม่กระทบกระเทือนงานนี้ ก็ไมไ่ด้ยังั้นหรอ??? .... คือเราเห็นสภาพแวดล้อมของ รร นะค่ะ วันนึงคาบสอนน้อยมากๆๆๆ งานน้อยจริงๆ เหมือนกับว่า ถ้านั่งว่างก็คือว่างยาวไปเลย คือเราก็มีขายของออนไลน์นิดๆด้วยน่ะค่ะ คือเจียดตัวไปตอบเฟสตอบอีเมลในขณะที่ไม่ได้ทำงานก็ไมไ่ด้ยังงั้นหรอคะ คือเราก็รุ้นะคะว่าอะไรควรไม่ควร เราเป็นคนไม่เคยเอาอะไรมายำมั่วอยู่แล้วน่ะค่ะ งานคืองาน เล่นคือเล่น อะไรไม่เกี่ยวกันเราจะไม่เอามาปนมั่วอยู่แล้ว )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : คุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่ ??
เรา : ขอแค่ขั้นต่ำปอตรีก็ได้ค่ะ 15000-17000 ไม่ต้องให้ถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ แค่ขั้นต่ำปอตรีก็พอแล้วค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : แค่นี้พอหรอครับ ?
( อ้าววว ขอเยอะก็น่าเกลียดไปหาว่าหน้าเงิน ขอน้อยก็ยังงี้??? )
เรา : แค่นี้ก็พอค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : แต่ภาษจีนอย่างคุณจะไหวหรอครับ นี่ผมพูดระหว่างสอนคุณฟังออกบ้างมั้ยเนี่ย ??
เรา : ฟังออกค่ะ ก็ราวๆครึ่งๆกลางๆค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ครึ่งๆกลางๆไม่ได้นะครับ ต้องให้ได้ 80 เปอเซ็น
เรา : อ่อค่ะ
ผู้ให้สัมภาษณ์ : งั้นบ่ายสอง มาเทสอีกครั้งไหมครับ ผมจะเอานักเรียนจีนมาด้วย
เรา : ได้ค่ะ
บ่าย 2 เราก็มาเทสการสอน แต่ผู้ให้สัมภาษณ์คนนี้ไม่ได้ตั้งใจที่เราสอนเลยค่ะ นั่งก้มหน้าถ่างขา นั่งท่าคนขี้เกียจตามเดิมเล่นมือถือเล่นไลน์ แถมชวนนักเรียนจีนคุย นินทาเรา ติเราด้วยอีกตะหาก ( แล้วก็ไมไ่ด้สนใจเราเลยค่ะ ) มีแต่นักเรียนจีนกับครูจีนที่นั่นประเมินเรา
ไม่ได้จะเล่าแบบเข้าข้างตัวเองนะคะ นักเรียนจีนกับครูจีนที่นั่นเค้าพอใจเราค่ะ เราบอกพวกเค้าไปตรงๆนะคะว่าเราจีนไม่เก่งเท่าอังกฤษ เค้าบอกว่าครูคนไทยคนก่อนจีนไม่ได้หนักกว่าเราอีก ( อ้าว ไหนพี่แกที่สัมภาษณ์เราคนนี้บอกว่าจีนต้อง expert นิ )
ผู้ให้สัมภาษณ์ : ถ้าตัดสินใจว่าจะจ้างเด๋วโทรไปนะครับ
เรา : ค่ะ แล้วก็กลับบ้าน
สรุป วันที่เค้าโทรมาเราเลยขอไม่รับทำงานเลยค่ะ เรามีความรู้สึกว่าถ้าเราเข้าไปทำเราคงอยู่ไม่ได้น่ะค่ะ ไม่ค่อยรู้สึกดีกับที่นั่นแล้ว เรามีความรู้สึกว่าเค้าทิฐิสูง เกรงว่าจะมีปัญหาตอนทำงาน
แต่ปัจจุบันนี้เรามีงานทำใหม่แล้วนะคะ เพื่อนร่วมงานดี เจ้านายดีค่ะ เราก็พยายามเก็บประสบการณ์ใหม่จากที่ทำงานใหม่ค่ะ ทำมาสองเดือนกว่าๆแล้วค่ะ
ขอบคุณที่อ่านนะคะ มันยาวมากค่ะ
มีอะไรก็พิมพ์ได้นะคะ ยินดีอ่านความเห็นทุกคนค่ะ