...
เคยมีคำกล่าวว่า คนเราสามารถยอมตายได้ ขอเพียงแค่ให้คนที่เรารัก มีความสุข...ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องเวอร์เกินจริงใช่ไหมครับ!
แต่จากเรื่องของ เปาโล ดิบาล่า แสดงให้เห็นว่า เพื่อคนที่เรารัก แม้ต้องยอมเสียสละแค่ไหน เราก็พร้อมจะยอมทำ
ย้อนกลับเมื่อ ราว 70 ปีก่อน หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 " โบเลสลาฟ ดิบาล่า " เป็นชาวโปแลนด์ เขาเอาชีวิตรอดจากสงครามมาได้ แต่ก็สูญเสียทรัพย์สินไปหมดทุกอย่าง จึงตัดสินใจนั่งเรือขนส่งไปตายดาบหน้าเอาที่ต่างแดน ในประเทศอาร์เจนติน่า
" โบเลสลาฟ " เริ่มต้นใช้ชีวิตเป็นคนงาน เขาพูดภาษาถิ่นไม่ได้ และใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่สุดท้ายก็เก็บหอบรอมริบ ตั้งรกรากในเมืองเล็กๆที่ชื่อ
ลากูน่า ลาร์ก้า ก่อนที่ภรรยาจะให้กำเนิดลูกชาย
" อดอลโฟ่ ดิบาล่า "
" อดอลโฟ่ " เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน เขาจึงฝันอยากที่จะร่ำรวยบ้าง ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ได้มีการศึกษามากมาย การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เป็นทางลัดที่นำมาทั้งชื่อเสียง และเงินทอง เขาพยายามเต็มที่ และได้ติดทีมท้องถิ่น โดยเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง แต่ด้วยการที่ตัวเองไม่ค่อยมีพรสวรรค์เท่าไหร่ ( ด้วยร่างกายที่ท้วม ทำให้โดนเพื่อนแซวว่า เอล ชานโช่ หรือไอ้หมู )
สุดท้ายเขาเลยไม่มีโอกาสได้เล่นอาชีพ ก่อนผันตัวเอง มาทำงานอื่นแทน คือเปิดร้านขายล็อตเตอรี่เล็กๆที่บ้านเกิดแต่ถึงกระนั้น ความฝันของเขาก็ยังคงอยู่ เขาประกาศเอาไว้ว่า
" ลูกชายของเขาคนใดคนหนึ่งต้องกลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้ได้ " จริงๆมันก็เป็นแค่ความฝันของเขา อดอลโฟ่ไม่เคยบังคับลูกชาย ถ้าสุดท้ายลูกๆของเขา อยากไปทำอาชีพอื่น เขาก็จะยอมรับความจริงแต่โดยดี...
ลูกชายคนโต
" กุสตาโว่ " ลองเตะฟุตบอล แต่ก็ไม่ชอบนัก สุดท้ายเลยหันไปค้าขาย ประกอบธุรกิจอื่น ความหวังแรกสุดของคุณพ่อหายไปอย่างรวดเร็ว
ลูกชายคนที่สอง
" มาเรียโน่ " คนนี้มีแววดีทีเดียว ทรงบอลใช้ได้ มีคนเคยบอกว่า น่าจะเล่นลีกสูงสุดได้ แต่สุดท้าย พอเริ่มเข้าสู่บอลอาชีพจริงจัง มาเรียโน่ เป็นโรคโฮมซิคขั้นรุนแรง ไม่แข็งแกร่งพอจะเป็นนักเตะอาชีพได้ จึงล้มเลิกความตั้งใจ หันมาทำอาชีพอื่นแทน
ลูกชายสองคนแรก ความหวังของคุณพ่อยังไม่เป็นจริง...
...และสุดท้าย ก็มาถึงลูกชายคนสุดท้อง...
" เปาโล ดิบาล่า "
" เปาโล ดิบาล่า " เติบโตมาด้วยความรักในฟุตบอลเหมือนคุณพ่อ เขาตัวเล็กแต่ทักษะดีเยี่ยม และที่สำคัญ...ถนัดเท้าซ้าย
ในวัย 10 ขวบ นีเวลส์ โอลด์ บอยส์ ทีมดังในอาร์เจนติน่า จากเมืองโรซาริโอ สนใจจะดึงดิบาล่า เข้ามาสู่อคาเดมี่ของทีม แต่คุณพ่ออดอลโฟ่ กลัวว่า ถ้าเปาโล ต้องย้ายไปอยู่ต่างเมืองคนเดียว อาจจะเป็นโรคโฮมซิกอีกคนเหมือนพี่ชายมาเรียโน่ และอาจทำให้เกลียดฟุตบอลไปเลย
เขาจึงตัดสินใจปฏิเสธข้อเสนอ ของนีเวลส์ และ พาลูกชาย ไปอยู่อคาเดมี่ของคอร์โดบ้าแทน ซึ่งแม้ต้องขับรถไปรับไปส่ง 65 กิโลเมตร แต่คุณพ่ออดอลโฟ่ ก็ยินดี ดีกว่าปล่อยลูกชายไปผจญต่างเมืองคนเดียว เปาโลสนิทกับคุณพ่อมาก หลังจบแต่ละแมตช์ทั้งคู่จะใช้เวลากันเป็นชั่วโมง เพื่อวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียในแต่ละเกม คุณพ่ออยู่ในทุกช่วงชีวิตของเปาโล
ตอนนี้ ความฝันของคุณพ่อก็เป็นความฝันของลูกชายด้วยเช่นกัน เขาอยากเป็นนักเตะอาชีพ อยากให้แม่อยากให้พี่ชายสบาย เวลาผ่านไป 5 ปี เปาโล อายุ 15 นี่คือ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการก้าวไปสู่นักเตะอาชีพ เขาจะได้สัญญา หรือจะจบการค้าแข้ง ก็อยู่ที่ตรงนี้
คุณพ่อยังทำเหมือนเดิม คือ ขับรถไปส่ง คุยเรื่องฟุตบอล ใส่ใจทุกรายละเอียด ซึ่งนับวันเปาโล ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากคนรอบข้างมากขึ้นเรื่อยๆ เส้นทางสู่ความฝันของพ่อลูกกำลังจะเป็นจริง...
สิ่งเดียว...ที่คุณพ่อไม่เคยบอก เปาโลเลย คือ เขาเป็นมะเร็งตับอ่อน อาการในตอนที่ตรวจพบ ต่อให้รักษาเต็มที่ ก็ไม่รู้ว่าจะหายหรือไม่... เงินทั้งหมดที่อดอลโฟ่มี เขาจึงตัดสินใจใช้ซื้อน้ำมัน เพื่อขับรถพาลูกชายไปสนามซ้อม ไม่นำเงินไปใช้กับการรักษาตัวเอง เขาไม่บอกเปาโล เพราะไม่อยากให้อะไรมารบกวนจิตใจทั้งนั้น นี่คือช่วงสำคัญจริงๆของนักเตะวัยรุ่น
จนสุดท้าย...วันที่ไม่คาดฝันก็มาถึง กันยายน ปี 2008 คุณพ่อเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เปาโลตกอยู่ในภาวะช็อก เขายอมทิ้งทุกอย่างแม้กระทั่งฟุตบอล เขาออกจากทีมคอร์โดบ้า และเตรียมกลับมาใช้ชีวิตที่ลากูน่า ลาร์ก้า ถ้าไม่มีพ่อแล้ว แม่จะทำยังไง จะอยู่คนเดียวได้ไหม แล้วงานที่ร้านขายลอตเตอรี่ จะมีใครช่วย เขาควรกลับมาช่วยงานที่บ้าน ไม่ใช่ไปล่าความฝันนักบอลอาชีพ ที่อาจไม่มีวันเป็นจริง...
อย่างไรก็ตาม คุณแม่อลิเซีย และพี่ชายทั้งสองคนไม่ยอมเด็ดขาด เพราะเปาโล มีพรสวรรค์เกินกว่าจะมาจบที่การขายล็อตเตอรี่ ทุกคนขอเปาโล ว่าถ้ารักครอบครัวอย่างที่พูดจริงๆ ก็ขอให้เดินตามความฝันต่อไป ส่วนหนึ่งเพื่อคุณพ่อที่จากไปแล้วด้วย นั่นทำให้เปาโล กลับไปที่คอร์โดบ้าอีกครั้ง
คราวนี้ ที่บ้านไม่มีเงินทำให้ไม่สามารถขับรถไปรับไปส่งได้แล้ว เปาโล ต้องอยู่ลำพังคนเดียวต่างเมือง มีหลายครั้งที่เขาต้องเข้าไปร้องไห้ ในห้องน้ำ แต่สุดท้าย เขาก็สู้ เขาไม่ยอมแพ้ ความฝันของเขา ไม่ใช่แค่ของเขา แต่มันคือ ความฝันของทุกคน ของคุณพ่อ ของคุณแม่ และของพี่ชาย เขาจะไม่ทิ้งขว้างมันไปเด็ดขาด !
และสุดท้ายในวัย 17 ปี สองปีหลังจากคุณพ่อเสียชีวิต เปาโล ก็ได้สัญญานักเตะอาชีพ ฉบับแรกจากสโมสร รับค่าเหนื่อย 4 พันเปโซ กับสัญญา 3 ปี ซึ่งเป็นค่าเหนื่อยต่ำที่สุด แต่ถึงกระนั้น เขาก็ซื้อรถมือสองคันเล็กๆได้ และคราวนี้ก็ขับรถไปกลับ หาครอบครัวที่รออยู่ได้แล้ว
จากนั้น มาเรื่องราวของเปาโล ดิบาล่า ก็อย่างที่ทุกคนรู้กัน เขาย้ายไปกัลโช่ เซเรียอา กับปาแลร์โม่ ก่อนย้ายมายูเวนตุส ด้วยค่าตัว 32 ล้านยูโร และกลายเป็นคีย์แมนของทีมจนถึงวันนี้ แถมได้ใส่เสื้อเบอร์ 10 อันทรงเกียรติของเบียงโคเนรี่อีกต่างหาก
เขาทำให้ครอบครัวมีความสุขและไม่ลำบากแล้ว คุณแม่ไม่ต้องขายล็อตเตอรี่เหมือนเดิมอีก
แต่สิ่งที่เปาโล เสียใจเสมอมา คือความฝันที่คุณพ่อ อดอลโฟ่ หวังไว้ คืออยากให้ลูกชายสักคนเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ในที่สุดมันก็เป็นจริง เพียงแต่คุณพ่อไม่มีโอกาสได้เห็น...
" การที่ผมชูมือขึ้นฟ้าเวลายิงประตูได้ เป็นการอุทิศให้เขา " ดิบาล่าเผย
" คุณพ่อสอนให้ผมสู้ สอนให้ผมไม่ยอมแพ้ ความฝันของเขาคือได้เห็นผมในสนามฟุตบอล "
" ซึ่งแม้เขาจะไม่มีโอกาสได้ดูมัน แต่ผมมั่นใจว่า เขาต้องภูมิใจในตัวผมแน่นอน "
" สำหรับผมเอง ยังคิดถึงคุณพ่อเสมอ บางครั้งผมหลับฝันแล้วเห็นเขา ซึ่งทุกครั้งที่ฝันถึง ผมก็จะตื่นมาร้องไห้ทุกครั้ง "
" ก็หวังเพียงแต่ว่า แผลในใจนี้ สักวันจะถูกเยียวยาได้เสียที... "
Credit : วิเคราะห์บอลจริงจัง
https://www.facebook.com/jingjungfootball/posts/1933404013541506
ปกติเราก็ไม่ค่อยเล่นเฟซบุ๊คอยู่ละ ไม่ค่อยชอบแชร์อะไรจากเพจไหนมาลง PT เท่าไหร่ด้วย
แต่บทความนี้น่าสนใจ เพราะเป็นเรื่องราวของนักฟุตบอลที่เราชอบ เป็นเรื่องที่เราไม่เคยรู้เลยด้วยแหล่ะ เลยขอแชร์หน่อยนะคะ ^^
เพิ่งรู้ว่ากว่าจะมีดิบซี่ในวันนี้ ต้องผ่านอะไรมาเยอะเลยสินะ ทูลหัวของบ่าว
+ + + ความฝันของชายที่ชื่อว่า " Paulo Dybala " + + +
...เคยมีคำกล่าวว่า คนเราสามารถยอมตายได้ ขอเพียงแค่ให้คนที่เรารัก มีความสุข...ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องเวอร์เกินจริงใช่ไหมครับ!
แต่จากเรื่องของ เปาโล ดิบาล่า แสดงให้เห็นว่า เพื่อคนที่เรารัก แม้ต้องยอมเสียสละแค่ไหน เราก็พร้อมจะยอมทำ
ย้อนกลับเมื่อ ราว 70 ปีก่อน หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 " โบเลสลาฟ ดิบาล่า " เป็นชาวโปแลนด์ เขาเอาชีวิตรอดจากสงครามมาได้ แต่ก็สูญเสียทรัพย์สินไปหมดทุกอย่าง จึงตัดสินใจนั่งเรือขนส่งไปตายดาบหน้าเอาที่ต่างแดน ในประเทศอาร์เจนติน่า
" โบเลสลาฟ " เริ่มต้นใช้ชีวิตเป็นคนงาน เขาพูดภาษาถิ่นไม่ได้ และใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่สุดท้ายก็เก็บหอบรอมริบ ตั้งรกรากในเมืองเล็กๆที่ชื่อ ลากูน่า ลาร์ก้า ก่อนที่ภรรยาจะให้กำเนิดลูกชาย " อดอลโฟ่ ดิบาล่า "
" อดอลโฟ่ " เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน เขาจึงฝันอยากที่จะร่ำรวยบ้าง ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ได้มีการศึกษามากมาย การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เป็นทางลัดที่นำมาทั้งชื่อเสียง และเงินทอง เขาพยายามเต็มที่ และได้ติดทีมท้องถิ่น โดยเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง แต่ด้วยการที่ตัวเองไม่ค่อยมีพรสวรรค์เท่าไหร่ ( ด้วยร่างกายที่ท้วม ทำให้โดนเพื่อนแซวว่า เอล ชานโช่ หรือไอ้หมู )
สุดท้ายเขาเลยไม่มีโอกาสได้เล่นอาชีพ ก่อนผันตัวเอง มาทำงานอื่นแทน คือเปิดร้านขายล็อตเตอรี่เล็กๆที่บ้านเกิดแต่ถึงกระนั้น ความฝันของเขาก็ยังคงอยู่ เขาประกาศเอาไว้ว่า " ลูกชายของเขาคนใดคนหนึ่งต้องกลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้ได้ " จริงๆมันก็เป็นแค่ความฝันของเขา อดอลโฟ่ไม่เคยบังคับลูกชาย ถ้าสุดท้ายลูกๆของเขา อยากไปทำอาชีพอื่น เขาก็จะยอมรับความจริงแต่โดยดี...
ลูกชายคนโต " กุสตาโว่ " ลองเตะฟุตบอล แต่ก็ไม่ชอบนัก สุดท้ายเลยหันไปค้าขาย ประกอบธุรกิจอื่น ความหวังแรกสุดของคุณพ่อหายไปอย่างรวดเร็ว
ลูกชายคนที่สอง " มาเรียโน่ " คนนี้มีแววดีทีเดียว ทรงบอลใช้ได้ มีคนเคยบอกว่า น่าจะเล่นลีกสูงสุดได้ แต่สุดท้าย พอเริ่มเข้าสู่บอลอาชีพจริงจัง มาเรียโน่ เป็นโรคโฮมซิคขั้นรุนแรง ไม่แข็งแกร่งพอจะเป็นนักเตะอาชีพได้ จึงล้มเลิกความตั้งใจ หันมาทำอาชีพอื่นแทน
ลูกชายสองคนแรก ความหวังของคุณพ่อยังไม่เป็นจริง...
...และสุดท้าย ก็มาถึงลูกชายคนสุดท้อง... " เปาโล ดิบาล่า "
" เปาโล ดิบาล่า " เติบโตมาด้วยความรักในฟุตบอลเหมือนคุณพ่อ เขาตัวเล็กแต่ทักษะดีเยี่ยม และที่สำคัญ...ถนัดเท้าซ้าย
ในวัย 10 ขวบ นีเวลส์ โอลด์ บอยส์ ทีมดังในอาร์เจนติน่า จากเมืองโรซาริโอ สนใจจะดึงดิบาล่า เข้ามาสู่อคาเดมี่ของทีม แต่คุณพ่ออดอลโฟ่ กลัวว่า ถ้าเปาโล ต้องย้ายไปอยู่ต่างเมืองคนเดียว อาจจะเป็นโรคโฮมซิกอีกคนเหมือนพี่ชายมาเรียโน่ และอาจทำให้เกลียดฟุตบอลไปเลย
เขาจึงตัดสินใจปฏิเสธข้อเสนอ ของนีเวลส์ และ พาลูกชาย ไปอยู่อคาเดมี่ของคอร์โดบ้าแทน ซึ่งแม้ต้องขับรถไปรับไปส่ง 65 กิโลเมตร แต่คุณพ่ออดอลโฟ่ ก็ยินดี ดีกว่าปล่อยลูกชายไปผจญต่างเมืองคนเดียว เปาโลสนิทกับคุณพ่อมาก หลังจบแต่ละแมตช์ทั้งคู่จะใช้เวลากันเป็นชั่วโมง เพื่อวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียในแต่ละเกม คุณพ่ออยู่ในทุกช่วงชีวิตของเปาโล
ตอนนี้ ความฝันของคุณพ่อก็เป็นความฝันของลูกชายด้วยเช่นกัน เขาอยากเป็นนักเตะอาชีพ อยากให้แม่อยากให้พี่ชายสบาย เวลาผ่านไป 5 ปี เปาโล อายุ 15 นี่คือ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการก้าวไปสู่นักเตะอาชีพ เขาจะได้สัญญา หรือจะจบการค้าแข้ง ก็อยู่ที่ตรงนี้
คุณพ่อยังทำเหมือนเดิม คือ ขับรถไปส่ง คุยเรื่องฟุตบอล ใส่ใจทุกรายละเอียด ซึ่งนับวันเปาโล ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากคนรอบข้างมากขึ้นเรื่อยๆ เส้นทางสู่ความฝันของพ่อลูกกำลังจะเป็นจริง...
สิ่งเดียว...ที่คุณพ่อไม่เคยบอก เปาโลเลย คือ เขาเป็นมะเร็งตับอ่อน อาการในตอนที่ตรวจพบ ต่อให้รักษาเต็มที่ ก็ไม่รู้ว่าจะหายหรือไม่... เงินทั้งหมดที่อดอลโฟ่มี เขาจึงตัดสินใจใช้ซื้อน้ำมัน เพื่อขับรถพาลูกชายไปสนามซ้อม ไม่นำเงินไปใช้กับการรักษาตัวเอง เขาไม่บอกเปาโล เพราะไม่อยากให้อะไรมารบกวนจิตใจทั้งนั้น นี่คือช่วงสำคัญจริงๆของนักเตะวัยรุ่น
จนสุดท้าย...วันที่ไม่คาดฝันก็มาถึง กันยายน ปี 2008 คุณพ่อเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เปาโลตกอยู่ในภาวะช็อก เขายอมทิ้งทุกอย่างแม้กระทั่งฟุตบอล เขาออกจากทีมคอร์โดบ้า และเตรียมกลับมาใช้ชีวิตที่ลากูน่า ลาร์ก้า ถ้าไม่มีพ่อแล้ว แม่จะทำยังไง จะอยู่คนเดียวได้ไหม แล้วงานที่ร้านขายลอตเตอรี่ จะมีใครช่วย เขาควรกลับมาช่วยงานที่บ้าน ไม่ใช่ไปล่าความฝันนักบอลอาชีพ ที่อาจไม่มีวันเป็นจริง...
อย่างไรก็ตาม คุณแม่อลิเซีย และพี่ชายทั้งสองคนไม่ยอมเด็ดขาด เพราะเปาโล มีพรสวรรค์เกินกว่าจะมาจบที่การขายล็อตเตอรี่ ทุกคนขอเปาโล ว่าถ้ารักครอบครัวอย่างที่พูดจริงๆ ก็ขอให้เดินตามความฝันต่อไป ส่วนหนึ่งเพื่อคุณพ่อที่จากไปแล้วด้วย นั่นทำให้เปาโล กลับไปที่คอร์โดบ้าอีกครั้ง
คราวนี้ ที่บ้านไม่มีเงินทำให้ไม่สามารถขับรถไปรับไปส่งได้แล้ว เปาโล ต้องอยู่ลำพังคนเดียวต่างเมือง มีหลายครั้งที่เขาต้องเข้าไปร้องไห้ ในห้องน้ำ แต่สุดท้าย เขาก็สู้ เขาไม่ยอมแพ้ ความฝันของเขา ไม่ใช่แค่ของเขา แต่มันคือ ความฝันของทุกคน ของคุณพ่อ ของคุณแม่ และของพี่ชาย เขาจะไม่ทิ้งขว้างมันไปเด็ดขาด !
และสุดท้ายในวัย 17 ปี สองปีหลังจากคุณพ่อเสียชีวิต เปาโล ก็ได้สัญญานักเตะอาชีพ ฉบับแรกจากสโมสร รับค่าเหนื่อย 4 พันเปโซ กับสัญญา 3 ปี ซึ่งเป็นค่าเหนื่อยต่ำที่สุด แต่ถึงกระนั้น เขาก็ซื้อรถมือสองคันเล็กๆได้ และคราวนี้ก็ขับรถไปกลับ หาครอบครัวที่รออยู่ได้แล้ว
จากนั้น มาเรื่องราวของเปาโล ดิบาล่า ก็อย่างที่ทุกคนรู้กัน เขาย้ายไปกัลโช่ เซเรียอา กับปาแลร์โม่ ก่อนย้ายมายูเวนตุส ด้วยค่าตัว 32 ล้านยูโร และกลายเป็นคีย์แมนของทีมจนถึงวันนี้ แถมได้ใส่เสื้อเบอร์ 10 อันทรงเกียรติของเบียงโคเนรี่อีกต่างหาก
เขาทำให้ครอบครัวมีความสุขและไม่ลำบากแล้ว คุณแม่ไม่ต้องขายล็อตเตอรี่เหมือนเดิมอีก
แต่สิ่งที่เปาโล เสียใจเสมอมา คือความฝันที่คุณพ่อ อดอลโฟ่ หวังไว้ คืออยากให้ลูกชายสักคนเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ในที่สุดมันก็เป็นจริง เพียงแต่คุณพ่อไม่มีโอกาสได้เห็น...
" การที่ผมชูมือขึ้นฟ้าเวลายิงประตูได้ เป็นการอุทิศให้เขา " ดิบาล่าเผย
" คุณพ่อสอนให้ผมสู้ สอนให้ผมไม่ยอมแพ้ ความฝันของเขาคือได้เห็นผมในสนามฟุตบอล "
" ซึ่งแม้เขาจะไม่มีโอกาสได้ดูมัน แต่ผมมั่นใจว่า เขาต้องภูมิใจในตัวผมแน่นอน "
" สำหรับผมเอง ยังคิดถึงคุณพ่อเสมอ บางครั้งผมหลับฝันแล้วเห็นเขา ซึ่งทุกครั้งที่ฝันถึง ผมก็จะตื่นมาร้องไห้ทุกครั้ง "
" ก็หวังเพียงแต่ว่า แผลในใจนี้ สักวันจะถูกเยียวยาได้เสียที... "
Credit : วิเคราะห์บอลจริงจัง
https://www.facebook.com/jingjungfootball/posts/1933404013541506
ปกติเราก็ไม่ค่อยเล่นเฟซบุ๊คอยู่ละ ไม่ค่อยชอบแชร์อะไรจากเพจไหนมาลง PT เท่าไหร่ด้วย
แต่บทความนี้น่าสนใจ เพราะเป็นเรื่องราวของนักฟุตบอลที่เราชอบ เป็นเรื่องที่เราไม่เคยรู้เลยด้วยแหล่ะ เลยขอแชร์หน่อยนะคะ ^^
เพิ่งรู้ว่ากว่าจะมีดิบซี่ในวันนี้ ต้องผ่านอะไรมาเยอะเลยสินะ ทูลหัวของบ่าว