ตั้งแต่วันนี้ ( 17 มีนาคม-11เมษายน )
ทีมแมนซิตี้ และลิเวอร์พูล ต่างมีโปรแกรมเตะถี่ขึ้น
เป็นผลมาจากการจับคู่ UCL ทำให้แผนการเล่นแต่ละครั้งต้องรัดกุม แบบพลาดไม่ได้
แต่แมนซิจะได้เปรียบนิดนึง เพราะไม่ได้เล่นในสัปดาห์นี้ ทำให้ได้พักยาวกว่าลิเวอร์พูล
ส่วนการแข่งขันพรีเมียร์ลีก เจอเอฟเวอร์ตัน วันที่ 31 มีนา แมนซิตี้ก็ไม่ค่อยเครียดเพราะไม่กดดัน คงชนะได้ไม่ยากนัก
แต่วันที่ 4 เมษา เจอลิเวอร์พูล ใน UCL ต้องจัดเต็ม จัดหนัก อย่างน้อยได้ผลอเวโกลก็เอา
ในวันที่ 7 เมษา เจอแมนยู ก็ต้องจัดเต็มเพื่อเถลิงแชมป์พรีเมียร์ ผมคาดว่าน่าจะไม่พลิกล็อค
วันที่ 11 ต้องชนะสถานเดียวครับ
สำหรับลิเวอร์พูล ต้องจัดเต็มทุกนัดที่ลงเล่น แพ้หรือเสมอจะมีผลต่ออันดับในพรีเมีนร์ลีกทันที เพราะสเปอร์ และเชลซี จ่อแล้ว
แมนซิ จะลงเตะเพียง 4 นัด แต่ลิเวอร์พูลต้องเตะ 5 นัด ความล้าถามหาแน่นอน
ดังนั้น ผมถือว่าสถานการณ์ของแมนซิได้เปรียบลิเวอร์พูล 60 : 40 %
อีกอย่าง...ขณะนี้ตัวนักเตะของแมนซิ...ถือว่ามาครบแล้ว เป็บเลือกใช้งานสบาย ๆ
ทั้งหมดผมแค่คาดการณ์นะครับ อาจจะผิดก็ได้
สถานการณ์ของแมนซิ...และลิเวอร์พูล..จากวันนี้ถึงวันที่ 11 เมษายน
ทีมแมนซิตี้ และลิเวอร์พูล ต่างมีโปรแกรมเตะถี่ขึ้น
เป็นผลมาจากการจับคู่ UCL ทำให้แผนการเล่นแต่ละครั้งต้องรัดกุม แบบพลาดไม่ได้
แต่แมนซิจะได้เปรียบนิดนึง เพราะไม่ได้เล่นในสัปดาห์นี้ ทำให้ได้พักยาวกว่าลิเวอร์พูล
ส่วนการแข่งขันพรีเมียร์ลีก เจอเอฟเวอร์ตัน วันที่ 31 มีนา แมนซิตี้ก็ไม่ค่อยเครียดเพราะไม่กดดัน คงชนะได้ไม่ยากนัก
แต่วันที่ 4 เมษา เจอลิเวอร์พูล ใน UCL ต้องจัดเต็ม จัดหนัก อย่างน้อยได้ผลอเวโกลก็เอา
ในวันที่ 7 เมษา เจอแมนยู ก็ต้องจัดเต็มเพื่อเถลิงแชมป์พรีเมียร์ ผมคาดว่าน่าจะไม่พลิกล็อค
วันที่ 11 ต้องชนะสถานเดียวครับ
สำหรับลิเวอร์พูล ต้องจัดเต็มทุกนัดที่ลงเล่น แพ้หรือเสมอจะมีผลต่ออันดับในพรีเมีนร์ลีกทันที เพราะสเปอร์ และเชลซี จ่อแล้ว
แมนซิ จะลงเตะเพียง 4 นัด แต่ลิเวอร์พูลต้องเตะ 5 นัด ความล้าถามหาแน่นอน
ดังนั้น ผมถือว่าสถานการณ์ของแมนซิได้เปรียบลิเวอร์พูล 60 : 40 %
อีกอย่าง...ขณะนี้ตัวนักเตะของแมนซิ...ถือว่ามาครบแล้ว เป็บเลือกใช้งานสบาย ๆ
ทั้งหมดผมแค่คาดการณ์นะครับ อาจจะผิดก็ได้