เมื่อเหล่าชายชาวจีนโพ้นทะเลเจอกับเหล่าลูกสาวของชาวอารยธรรมอินคา การสร้างความมั่งคั่งในดินแดนเปรูก็กำเนิด

เรื่องที่จะเขียนด้านล่างคือเรื่องประวัติศาสตร์ของชาวจีนโพ้นทะเลสมัยชิงและสาธารณรัฐจนถึงปัจจุบัน    ชาวจีนโพ้นทะเลสมัยชิง,สาธารณรัฐไปที่ไหนก็ตั้งตัวได้  วันนี้ผมจะมาเขียนเรื่องชาวจีนโพ้นทะเลในเปรู



เกริ่น
ที่อเมริกาใต้ ดูเหมือนจะมีแค่เปรูเท่านั้นที่ชาวจีนตั้งตัวได้  เหตุผลไม่ใช่เพราะชาวจีนที่อื่นๆค้าขายไม่เก่ง  แต่เหตุผลคือชาวจีนไม่มีอาวุธ และหลายที่ถูกปล้นโดยรัฐบาล  เช่นในคิวบา  ถูกบังคับให้ออกจากบ้านไปเมกากลางดึก โดยทิ้งของทุกอย่างในบ้านให้รัฐบาลปล้น

ประวัติอารยธรรมอินคา

ชาวอินคามีหน้าตาคล้ายชาวจีน  จมูกไม่โด่ง   ชาวอินคาเป็นเจ้าของอารยธรรมอินคา พูดภาษาคิชัว Quechua พวกเขามีอารยธรรมที่น่าทึ่งมาก
กล่าวคือ  พวกเขาอยู่บนภูเขาแอนเดรสที่หนาวเย็น, มีการเก็บเมล็ดพืชไว้กินในยุ้งฉาง มีความสามารถเรื่องการสร้างบ้าน,อาคารจากหินอย่างน่าทึ่ง  บ้านหินของพวกเขาตัดหินอย่างปราณีตมาก  มีถนนเชื่อมระหว่างเมือง   มีนักวิ่งส่งข่าวระหว่างเมืองทำหน้าที่เป็นไปรษณีย์(ไม่มีม้า)  และก็มีภาษาเขียนที่ไม่ใช้การเขียน  ใช้การผูกเชือกแทน     ในขณะที่สเปนมาถึง พวกอินคากำลังจะรวมนครรัฐที่ใช้วัฒนธรรมอินคาด้วยกันมาเป็นหนึ่งเดียวสำเร็จ และกำลังจะขยายอาณาจักรไปชนกับอารยธรรมมายากับเอซเทค
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
รายละเอียดไม่ลง  เอาเป็นว่าพวกสเปนเริ่มสงครามกับพวกอินคาปี1533 เริ่มตั้งอาณานิคมในดินแดนที่ชนะปี 1542 และชนะสิ้นสุดในปี 1572
จากนั้นก็ซื้อคนดำมาทำทาสในอาณานิคมแห่งนี้  พวกชาวสเปนไม่ได้เอาผู้หญิงมาด้วย  ผู้ชนะเลยยังจำเป็นต้องแต่งงานกับเผ่าผู้แพ้  อาณานิคมของสเปนในดินแดนภูเขานี้ก็เกิดขึ้น  ระบบวรรณะก็เกิดขึ้นโดยมีพวกผิวขาวจากสเปนอยู่สูงสุด พวกลูกครึ่งรองลงมา และพวกผิวดำกับพวกอินคาเป็นทาส


เวลาล่วงเลยมาจนถึงปี 1850 (ตอนนี้อาจจะมี หญิง ชาวสเปนมาแล้ว) ขณะนั้นสเปนแห่งเปรูมีแนวคิดเลิกทาส    ขณะนั้นยังมีอารยธรรมจีนที่เลิกทาสมาเป็นพันปีแล้ว(ในระดับกฏหมายของจีน ไม่ให้มีทาส แต่ในระดับบ้านในทางปฎิบัติก็มีคนใช้ที่คล้ายทาส) กำลังเกิดกบฎไท่ผิง  กบฎใหญ่ที่ทำต่อราชวงศ์ชิงมีผู้ได้รับผลกระทบถึงสามสิบล้านคน  ผู้แพ้จะต้องหนี  จึงพอดีกันกับความต้องการแรงงานที่มาแทนแรงงานทาสผิวดำของสเปนแห่งเปรู  ในที่สุด ชาวจีนกุลี100,000 คนแรกก็ปรากฏตัวขึ้ันที่อาณานิคมของสเปนที่แอนเดรสในฐานะลูกจ้างกุลี  ทั้งหมดเป็น ผู้ชาย  ชาวจีนเหล่านี้ไม่ใช่ทาส เพราะถือสัญญาจ้างงานมาด้วย ระยะเวลาจ้างในสัญญาระบุว่า 4 ถึง 8 ปี แล้วแต่คน    แต่ก็ไม่ทุกคน  บางคนก็ถูกลักลอบพาตัวมา   แต่ไม่ว่าอย่างไร คนจีนเหล่านี้จะเป็นอิสระหลังจากสัญญาจ้างงานสิ้นสุดลง  ส่วนใหญ่ราว 75% ตายก่อนสัญญาจ้างสิ้นสุดเพราะสภาพการทำงานอันโหดร้าย  และนายจ้างก็คิดว่าเป็นทาสมากกว่าเป็นคน  และเมื่อนายจ้างรู้ว่ามีเวลาแค่ไม่กี่ปี เลยใช้งานยิ่งกว่าทาสจนตาย   พวกที่รอดจนสัญญาจ้างสิ้นสุดก็ยังถูกบังคับให้ทำงานต่อกับนายจ้างจนตายซ้ำ  แต่ก็ยังมีพวกที่อยู่รอดจนหมดสัญญาสามารถประกอบอาชีพตามใจต้องการได้
https://en.wikipedia.org/wiki/Coolie

ในเมืองหลวงลิม่า  ยังมีพวกผู้หญิงอินคาที่มาขายของในเมือง  พวกคนจีนก็เริ่มแต่งงานกับผู้หญิงเหล่านี้    นอกเมืองออกไป การหาคู่เป็นเรื่องยาก  ก็ได้คนจีนที่แต่งงานแล้วมาทำหน้าที่เป็นนักจัดหาคู่  พวกที่พอจะหาเมียได้ก็ไม่ค่อยอยากจะแต่งงานกับทาสผิวดำ   ส่วนใหญ่แต่งกับผู้หญิงอินคา

พอกุลีรุ่นถัดมา  พวกลูกสาวลูกครึ่งผู้หญิงอินคา-จีน ถูกมองว่าสวยสำหรับพวกกุลี  เมื่อมีการแต่งงานระหว่างลูกครึ่งกับกุลีจีน  ครอบครัวที่ใช้วัฒนธรรมจีนก็เกิดขึ้น   จนกระทั่งปี 1868 ในที่สุด กุลีจีนเหล่านี้ก็สามารถตั้งสมาคมขึ้นมาได้เป็นครั้งแรก มีสมาคมจีนแคะ จีนกวางตุ้ง  

พวกกุลีขอร้องไปยังฮ่องเต้จีนเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการถูกลดให้เป็นกึ่งทาส  มีความพยายามจากองกรณ์ศาสนาคริสต์ที่จะยื่นมือมาช่วย แต่ก็สะดุดลงเมื่อฮ่องเต้จีนส่งมาแล้วฑูตจีนสั่งให้หยุดช่วย และฑูตจีนเริ่มตั้งองกรณ์การกุศลเพื่อช่วยเหลือชาวจีนในเปรู  ซึ่งองกรณ์การกุศลนี้นำโดยพวกบริษัทจีน ซึ่งเป็นหัวหน้าสมาคมการค้า(น่าจะหมายถึง  คนเหล่านี้เป็นคนรวยมีบริษัทและเป็นหัวหน้าสมาคมการค้าของจีนจากที่อื่นๆ ผู้แปล) คนเหล่านี้เป็นพวกมีการศึกษา คนเหล่านี้ก็จะขึ้นกับฑูตจีนที่วอชิงตัน สหรัฐอเมริกาอีกที  รัฐบาลเปรูก็เลยรับรององกรณ์เหล่านี้  คนเหล่านี้ได้สร้างโครงสร้างการปกครองขึ้นโดยให้พวกกุลีกลายมาเป็นประชาชนธรรมดาในสมาคม แล้วคนพวกนี้ก็กลายเป็นอิลิท(Elite) ในโครงสร้างการปกครอง  โครงสร้างการปกครองนี้ก่อให้เกิดกฏหมายและระเบียบ

พวกลูกครึ่งมีสองทาง  ทางนึงก็กลายเป็นประชาชนชาวเปรูไป    อีกพวกนึงรับวัฒนธรรมจีน  บางคนในกลุ่มนี้กลับไปที่เมืองจีน เพื่อหาภรรยาชาวจีน  หรืออาจจะส่งลูกไปเมืองจีนเพื่อการศึกษา

โครงสร้างสามเหลี่ยมปีระมิดที่สร้างขึ้นจึงมีพวกพ่อค้าและเจ้าของบริษัทใหญ่ๆอยู่ระดับบนสุด พวกหัวหน้าสมาคมพวกเขาเป็นพ่อค้า, ผู้จัดการ, ลูกพ่อค้าที่มีการศึกษามาจากเมืองจีนแล้วพ่อแม่ส่งมา    ลองลงมาเป็นพวกลูกที่เกิดที่เปรูของพ่อจีนและแม่จีนซึ่งจะอยู่ในโครงสร้างสมาคมได้ก็ต้องพึ่งพาความสามารถภาษาจีนของลูกๆเหล่านี้และก็ขึ้นกับความประสบความสำเร็จทางการงานของคนเหล่านี้พอๆกัน   ลองลงมาเป็นลูกที่เกิดในเปรูของพ่อจีนแม่ลูกครึ่ง  และชั้นล่างสุดของปีระมิดคือลูกที่เกิดในเปรูของพ่อจีนแม่อินคา

เพราะความขาดแคลนผู้หญิง  ทำให้โครงสร้างนี้อยู่รอดได้ด้วยการมีผู้หญิงอินคามาเติมสำหรับระดับล่าง  และต้องไปพาผู้หญิงจีนจากเมืองจีนมาเติมในระดับบน  ถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่มีลูก  และโครงสร้างการมีอยู่ก็จะสิ้นสุดลง  พวกลูกสาวลูกครึ่งก็จะถูกส่งไปที่มาเก๊า(เพราะมาเก๊าสอนการศึกษาที่พูดภาษาจีน-สเปนได้ ผู้แปล)   พอเริ่มมีผู้หญิงจากจีนมามากขึ้น ก็เกิดการประท้วงจากชาวเปรูให้ยุติการนำเข้าคนจีน   พวกฑูตจีน-อาณานิคมเปรูก็เซ็นสัญญากันไป  แต่ก็ไม่ได้นำไปปฎิบัติ เพราะคอรัปชั่นกันทั้งสองประเทศ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่