จะทำใจยังไง เวลาอยากสมัครชิงทุนอะไร แต่ครอบครัวเราไม่มีเงินซัพพอร์ตจริงๆ

ตอนม.ปลาย เราเคยอยากไปแลกเปลี่ยนมากๆๆๆๆ
เราไปสอบข้อเขียนแล้ว ติดแล้ว แต่ไม่ได้ไปสัมภาษณ์
เพราะแม่บอกว่าแม่ไม่เงิน ตอนนั้นเราก็เสียใจมากแหละ
แต่เราก็ปลงๆ แล้วก็ผ่านช่วงเวลาตรงนั้นมาได้

พอขึ้นมามหาลัย
คณะที่เราเรียนอยู่ มีโครงการเกี่ยวกับด้านต่างประเทศค่อนข้างเยอะ

อย่างเช่นปีนี้ มีงานประชุมวิชาการที่ให้นศ.คณะเราทั่วโลกมาพบปะกัน
และจัดการแข่งขันความรู้ทางวิชาชีพ
ซึ่งทางคณะมีทุนให้ทั้งหมด แต่ต้องออกค่าตั๋วเครื่องบินเอง
ซึ่งก็อาจราคาหมื่นนิดๆไปจนถึงหลายหมื่นบาท
แต่เรารู้อยู่แล้ว ว่ายังไงเราก็คงไปไม่ได้ เพราะบ้านเราไม่มีเงินจริงๆ
เราก็เลยคิดว่าคงไม่ไปสัมภาษณ์ เพราะถึงติดก็ไม่ได้ไปอยู่ดี

แล้วก็ยังมีโครงการแลกเปลี่ยน/ฝึกงานที่ต่างประเทศตอนปีสูงๆ
ก่อนหน้านี้เราพยายามเตรียมตัว เก็บผลงาน ฝึกภาษา
เพราะได้ยินว่าคณะมีทุนให้ไป แต่เราเพิ่งรู้ว่าเขาไม่ได้ให้ทั้งหมด
เราต้องออกเองส่วนหนึ่งอยู่ดี ซึ่งตรงนี้ทำให้เรารู้เลย
ว่ายังไงเราก็คงไม่ได้ไปแน่ๆ

การที่เรารู้สึกว่าตัวเรามีศักยภาพมากพอที่จะทำได้
เราน่าจะสอบสัมภาษณ์ผ่านถ้าไปสัมภาษณ์
แต่เราจำเป็นต้องอยู่เฉยๆ ไม่สมัครไม่ไปสัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น
เพราะรู้ว่าถึงติดก็ไม่ได้ไปอยู่ดีนี่มันรู้สึกแย่เนอะ


แต่เราเข้าใจที่บ้านแหละ ไว้เรียนจบมีงานทำ ค่อยไปละกัน

จริงๆแม่เคยบอกว่าถ้าอยากไปแล้วหาเงินไปเองได้ก็ไปได้
เทอมที่แล้วเราเลยลองทำงานดู
แต่คณะเราเรียนหนักมากจริงๆ ทำงานไปด้วยแล้วมันเหนื่อยมาก
เราไม่ไหว ผลการเรียนเราแย่ เราเลยต้องเลิกทำแล้วกลับมาตั้งใจเรียนอย่างเดียว
ศักยภาพเรามันไม่มากพอที่จะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยจริงๆอ่ะ


แล้วคนอื่นๆล่ะคะ ถ้าอยากไปแต่ที่บ้านไม่มีเงินซัพพอร์ต
จะทำยังไงกันคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
ไม่มีคำแนะนำ  แต่อยากชมว่าจขกทมีวุฒิภาวะดีมากค่ะ  ตอบคำถามบางเมนท์ได้ดี  อยาางนี้โตไแคงจะรับมือกับปัญหาอื่นๆได้ดีค่ะ

ขอให้ประสบความสำเร็จตามที่หวังนะคะ
ความคิดเห็นที่ 5
ถ้าเล็งทุนแลกเปลี่ยน แล้วไม่มีเงิน ก็ลำบากค่ะ

     ทุนแลกเปลี่ยนสมัยนี้มันคือธุรกิจไปแล้วค่ะ  ที่จริงไม่น่าเรียกว่าทุนด้วยซ้ำ  ถ้าสมัยก่อน ใช่ สอบได้ไม่กี่คน   คนที่ได้ไปคือเด็กหัวกะทิจริงๆ  และไปฟรี  ต่างจากสมัยนี้สอบทีนึงได้หลายร้อยคน  แต่ผู้ปกครองต้องออกเงินสมทบทีละครึ่งล้านงี้

      มันไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่ต้องดิ้นรนไปให้ได้เลยค่ะ  ญาติเราฐานะร่ำรวย ส่งลูกไปได้สบายๆ ไฟเขียวให้ลูกๆ เต็มที่ แต่ลูกๆ ไม่อยากไปเอง  เห็นว่าเก็บเงินครึ่งล้านไว้ไปสมทบเป็นค่าใช้จ่ายตอนเรียนโทต่างประเทศดีกว่า  เขียนในเรซูเมว่าเรียนจบโทจากต่างประเทศดูดีกว่าไปแลกเปลี่ยนตอนมัธยมมาหนึ่งปีมากๆๆ

       ทำใจเถอะค่ะ คิดเสียว่าบุญแล้วที่บ้านฐานะยากจนแล้วผู้ปกครองยังกัดฟันส่งเสียให้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้ ที่เหลิอก็ไปขวนขวายไขว่คว้าด้วยความสามารถของตัวเองแล้วกัน  ถ้าเก่งเทพจริง ทุนไม่ไปไหนหรอกค่ะ

       
ความคิดเห็นที่ 6
ที่บ้านไม่รวย แม่จบป.สี่ แต่เลี้ยงลูกทุกคนจบปริญญาตรี เลยไม่เคยน้อยใจอะไร เค้าอดทนส่งเราจนจบพื้นฐานก็โอเคแล้ว
พี่เราอยากเรียนนอก ก็ไปสอบทุน ก.พ. จบมาก็ทำงานใช้ไปหลายปีอยู่ ไม่เห็นน้อยใจอะไรนะ
นึกสภาพ คนจบ ป.สี่ กัดฟันเลี้ยงลูกสี่ห้าคนจนจบการศึกษาขนาดนี้ ไม่เคยต้องไปกู้ กยศ ด้วย ไม่กล้าเรียกร้องหรือคิดมากกว่านี้จริงๆ
พ่อแม่เค้าก็มีหน้าที่ดันไประดับนึง ที่เกินจากนั้นใครอยากได้ ต้องฝ่าฟันเอง
ความคิดเห็นที่ 9
ผมจนกว่าอีก เพราะเรียน รร วัด 2 รร จนจบ ป.7 แล้วสอบเข้าสวน ต้องเดินเท้าข้ามสะพานพุทธไปเรียน 5 ปี ป.1-ป7 ก็เดินไป รร 7 ปี รวมไปกลับไกลสุดก็ราวๆ 10 กม 5 ปี

คิดว่า ไม่มีเด็กคนไหนในประเทศไทยเดินไป รร 10 กม ทุกวัน 5 ปีอีกแล้ว จนขนาดนี้ ผมก็ไม่ท้อครับ จบ มศ.5 ชิงทุนไปเรียนตรีที่ออสเตรเลียได้ ฟรีทุกอย่าง แต่กลับมารับราชการ 2 เท่า นั่นก็ 48 ปีมาแล้ว

คิดว่า สมัยนี้ยังมีทุนเรียนฟรีอยู่อีก เราเก่งแค่ไหน? ขยันแค่ไหน?

หนูคิดว่า ครอบครัวหนูจน แต่คนจนกว่าหนูยังมีอีกมากในประเทศไทย เพื่อนร่วมรุ่นไปออสเตรเลียคนหนึ่ง พ่อแม่เป็นชายไร่จากกุยบุรี แดนสีแดงสมัยนั้น มาอาศัยอยู่วัดแจ้งเป็นเด็กวัด เพื่อเรียนหนังสือและมีอาหารกินฟรี คนนี้สอบเข้าเตรียมได้ และสอบชิงทุนได้เช่นกันเหมือนผม จนพอๆ กัน แต่เขามีเงินขึ้นรถเมล์ไปเรียนเตรียมได้ ไม่ได้ถามว่า พ่อแม่ให้หรือ หลวงตาให้เงินใช้จ่าย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่