เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ซึ่งวันที่ผมเดินทางไปพัก มีกลุ่มผมแค่กลุ่มเดียว ที่รีสอร์ตมีที่พักเป้นแบบบ้าน และเตนท์ กลุ่มผมเลือกพักเตนท์ สมาชิกมี ผม แฟน ลูก นอน 1 เตนท์ น้องแฟนอีก 3 คน (ผญ. 2 ช. 1) อีก 1 เตนท์
ไปถึงที่พักเวลาเย็นๆ ก็ทำกิจกรรมตามปกติ จนถึงเข้านอน เวลาประมาณ 4 ทุ่มเศษๆ สมาชิกในเตนท์ผมหลับไปแล้ว
เหลืออีกเตนท์ของน้องยังไม่หลับ
บุคคลลึกลับ : สวัสดีครับ สวัสดีครับ
น้อง : ….. (เงียบ) ส่องจากช่องหน้าต่างเตนท์ ปรากฏว่า เป็นผู้ชายชาวต่างชาติ เดินมาด้อมๆ มองๆ เตนท์ที่พัก
น้องๆ นั่งในเตนท์ด้วยความหวาดระแวง รีบโทรหาแฟนผม ว่ามีผู้ชายมาเดินหน้าเตนท์อยู่ แฟนผม ปลุกผมให้ออกมาดู
เดินออกมานอกเตนท์ยังไม่เจอใคร สักครู่นึง เห็นผู้ชายใส่หมวกสีขาวรีบเดินมาทางพวกผม
พูดภาษาอังกฤษ จับใจความพอได้ว่า “เข้ามาขอแชร์ที่พัก มาดูพระอาทิตย์ขึ้น”
พูดโต้ตอบกับน้องแฟนสักพักนึง บุคคลลึกลับ : คุณจองที่เตนท์ไว้กี่หลัง
น้อง : 2 หลัง
บุคคลลึกลับ : งั้นอีกหลังนึงว่างใช่ไหม
น้อง : ว่างนะ เห็นเจ้าหน้าที่บอกมีคนจองใช่คุณหรือเปล่า
บุคคลลึกลับ : โอเค
ผมเกิดความสงสัยจึงทำทีเป็นเดินขึ้นไปด้านบนที่เป็นที่ติดต่อบ้านพัก และห้องน้ำ แอบมองดูอยู่ในที่มืด ปรากฏว่าชายคนนั้น ค่อยๆ เปิดเตนท์ที่ว่าง และย่องเข้าไปข้างใน จากนั้นผมจึงขึ้นไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ของที่พัก (ผญ. 2 คน) ว่า มีคนบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของรีสอร์ตนะ เค้าได้จองไว้ก่อนหรือเปล่า จนท.บอกไม่ได้จอง หลังจากนั้นผมจึงแจ้งให้ จนท.ทำการโทรแจ้งกับเจ้าของรีสอร์ต
น้องๆ อยู่ในอาการตกใจ และมีความรู้สึกไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น ขอยืนยันว่าจะไม่ลงไปนอนที่เตนท์แล้ว เนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัย
ทาง จนท. จึงแจ้งว่าจะให้ย้ายขึ้นมาบนที่พักที่เป็นบ้าน แต่.... ต้องเพิ่มเงิน 1000 บาท ผมจึงตอบปฏิเสธการจ่ายเงินเพิ่ม
จนท. ต่อสายถึงคนดูแลรีสอร์ต ให้ผมคุย
คนดูแล. : ถ้าจะย้ายขึ้นมานอนที่บ้านพัก ขอเก็บค่าที่พักเพิ่ม 300 บาท
ผม : ขอไม่จ่ายเพิ่มนะครับ เนื่องจากผมรู้สึกไม่ปลอดภัย กับเหตุการณ์นี้
คนดุแล : รีสอร์ตของเรามีการรักษาความปลอดภัย มีกล้องวงจรปิด
ถ้าย้ายมาบ้านพัก มี 2 เตียง จึงต้องเก็บเพิ่ม ไม่อย่างนั้นนอนอีกห้องที่มี 1 เตียง
ผม : ได้ครับ ห้องที่มี 1 เตียงก็ได้ ที่เหลือเดี๋ยวเอาผ้าปูนอนได้
จนท. พาไปเปิดบ้าน ย้ายผ้าปูรองนอน ผ้าห่มมาให้เสร็จ อันนี้ขอชื่นชม จนท. นะครับ เหตุการณ์กลับไม่จบตามนี้
โทรศัพท์ผมดังขึ้น เป็นเบอร์ของเจ้าของรีสอร์ต
จข : คุณขอย้ายขึ้นมาบ้านพักใช่ไหมครับ
ผม : ใช่ครับ แล้วก้เล่าเหตุการณ์ให้เค้าฟัง
จข. : มันเป้นเหตุสุดวิสัย ยังไงถ้าจะย้ายผมขอเก็บค่าที่พักเพิ่ม 200 บาท
เนื่องจากบ้านพัก มีสิ่งอำนวยความสะดวก ทีวี ตู้เย็น
ผม : ผมต้องการแค่ที่นอนครับ ผมไม่ใช้ของในห้องเพิ่มอยู่แล้ว ( ณ เวลา 5 ทุ่มกว่า ต้องการแค่ที่นอนล่ะครับ )ขอปฏิเสธไม่จ่ายนะครับ ถ้าจะเก็บผมขอไม่พักที่นี่แล้ว
จข : ถ้าอย่างนั้นไม่เก็บเพิ่ม คุณก็พักไป เดี๋ยวจะแจ้งตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบชายคนดังกล่าว
หลังจากวางสาย แฟนผมโทรหาเจ้าของรีสอร์ตอีกครั้ง เพื่อความมั่นใจ ว่าเข้าใจไม่ผิด ว่าไม่เก็บเงินแล้ว และให้พักที่บ้านพักได้
ก็เป็นไปตามนั้นพักได้ แต่ห้ามใช้ผ้าเช็ดตัว ทีวี ตู้เย็น
เช้าตื่นขึ้นมาด้วยความเพลีย ไปสอบถาม จนท. ว่ามีตำรวจมาไหม ผลปรากฏว่าไม่มี ผมได้ทำการสอบถามต่อ ว่าจะจัดการยังไงกับชายคนดังกล่าว จนท. บอกว่าคนดูแลให้เก็บเงินค่าที่พัก ถ้าเค้าไม่จ่าย คนดูแลจะเข้ามา และที่ทราบข้อมูลเพิ่มเติมคือ ชายคนดังกล่าวเคยทำลักษณะนี้มาแล้ว 1 ครั้ง กว่าจะเก็บเงินได้ใช้เวลาอยู่นาน
บทสรุปของเรื่องนี้ คือ สิ่งที่ผมตำหนิเลย คือ การรักษาความปลอดภัยของรีสอร์ต บุคคลภายนอกสามารถเดินเข้าที่พักได้อย่างง่ายดาย
เจ้าของรีสอร์ต คำนึงถึงแต่รายได้ของตนเองเป็นหลัก โดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของลูกค้า อ้างถึงแต่ว่ามีกล้องวงจรปิด
แล้วถ้าเกิดชายคนดังกล่าวมีอาวุธมา จะเกิดเหตุการณ์อย่างไรขึ้น
กระทู้เตือนภัย : เหตุเกิด ณ รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ณ ภูชี้ฟ้า
ไปถึงที่พักเวลาเย็นๆ ก็ทำกิจกรรมตามปกติ จนถึงเข้านอน เวลาประมาณ 4 ทุ่มเศษๆ สมาชิกในเตนท์ผมหลับไปแล้ว
เหลืออีกเตนท์ของน้องยังไม่หลับ
บุคคลลึกลับ : สวัสดีครับ สวัสดีครับ
น้อง : ….. (เงียบ) ส่องจากช่องหน้าต่างเตนท์ ปรากฏว่า เป็นผู้ชายชาวต่างชาติ เดินมาด้อมๆ มองๆ เตนท์ที่พัก
น้องๆ นั่งในเตนท์ด้วยความหวาดระแวง รีบโทรหาแฟนผม ว่ามีผู้ชายมาเดินหน้าเตนท์อยู่ แฟนผม ปลุกผมให้ออกมาดู
เดินออกมานอกเตนท์ยังไม่เจอใคร สักครู่นึง เห็นผู้ชายใส่หมวกสีขาวรีบเดินมาทางพวกผม
พูดภาษาอังกฤษ จับใจความพอได้ว่า “เข้ามาขอแชร์ที่พัก มาดูพระอาทิตย์ขึ้น”
พูดโต้ตอบกับน้องแฟนสักพักนึง บุคคลลึกลับ : คุณจองที่เตนท์ไว้กี่หลัง
น้อง : 2 หลัง
บุคคลลึกลับ : งั้นอีกหลังนึงว่างใช่ไหม
น้อง : ว่างนะ เห็นเจ้าหน้าที่บอกมีคนจองใช่คุณหรือเปล่า
บุคคลลึกลับ : โอเค
ผมเกิดความสงสัยจึงทำทีเป็นเดินขึ้นไปด้านบนที่เป็นที่ติดต่อบ้านพัก และห้องน้ำ แอบมองดูอยู่ในที่มืด ปรากฏว่าชายคนนั้น ค่อยๆ เปิดเตนท์ที่ว่าง และย่องเข้าไปข้างใน จากนั้นผมจึงขึ้นไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ของที่พัก (ผญ. 2 คน) ว่า มีคนบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของรีสอร์ตนะ เค้าได้จองไว้ก่อนหรือเปล่า จนท.บอกไม่ได้จอง หลังจากนั้นผมจึงแจ้งให้ จนท.ทำการโทรแจ้งกับเจ้าของรีสอร์ต
น้องๆ อยู่ในอาการตกใจ และมีความรู้สึกไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น ขอยืนยันว่าจะไม่ลงไปนอนที่เตนท์แล้ว เนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัย
ทาง จนท. จึงแจ้งว่าจะให้ย้ายขึ้นมาบนที่พักที่เป็นบ้าน แต่.... ต้องเพิ่มเงิน 1000 บาท ผมจึงตอบปฏิเสธการจ่ายเงินเพิ่ม
จนท. ต่อสายถึงคนดูแลรีสอร์ต ให้ผมคุย
คนดูแล. : ถ้าจะย้ายขึ้นมานอนที่บ้านพัก ขอเก็บค่าที่พักเพิ่ม 300 บาท
ผม : ขอไม่จ่ายเพิ่มนะครับ เนื่องจากผมรู้สึกไม่ปลอดภัย กับเหตุการณ์นี้
คนดุแล : รีสอร์ตของเรามีการรักษาความปลอดภัย มีกล้องวงจรปิด
ถ้าย้ายมาบ้านพัก มี 2 เตียง จึงต้องเก็บเพิ่ม ไม่อย่างนั้นนอนอีกห้องที่มี 1 เตียง
ผม : ได้ครับ ห้องที่มี 1 เตียงก็ได้ ที่เหลือเดี๋ยวเอาผ้าปูนอนได้
จนท. พาไปเปิดบ้าน ย้ายผ้าปูรองนอน ผ้าห่มมาให้เสร็จ อันนี้ขอชื่นชม จนท. นะครับ เหตุการณ์กลับไม่จบตามนี้
โทรศัพท์ผมดังขึ้น เป็นเบอร์ของเจ้าของรีสอร์ต
จข : คุณขอย้ายขึ้นมาบ้านพักใช่ไหมครับ
ผม : ใช่ครับ แล้วก้เล่าเหตุการณ์ให้เค้าฟัง
จข. : มันเป้นเหตุสุดวิสัย ยังไงถ้าจะย้ายผมขอเก็บค่าที่พักเพิ่ม 200 บาท
เนื่องจากบ้านพัก มีสิ่งอำนวยความสะดวก ทีวี ตู้เย็น
ผม : ผมต้องการแค่ที่นอนครับ ผมไม่ใช้ของในห้องเพิ่มอยู่แล้ว ( ณ เวลา 5 ทุ่มกว่า ต้องการแค่ที่นอนล่ะครับ )ขอปฏิเสธไม่จ่ายนะครับ ถ้าจะเก็บผมขอไม่พักที่นี่แล้ว
จข : ถ้าอย่างนั้นไม่เก็บเพิ่ม คุณก็พักไป เดี๋ยวจะแจ้งตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบชายคนดังกล่าว
หลังจากวางสาย แฟนผมโทรหาเจ้าของรีสอร์ตอีกครั้ง เพื่อความมั่นใจ ว่าเข้าใจไม่ผิด ว่าไม่เก็บเงินแล้ว และให้พักที่บ้านพักได้
ก็เป็นไปตามนั้นพักได้ แต่ห้ามใช้ผ้าเช็ดตัว ทีวี ตู้เย็น
เช้าตื่นขึ้นมาด้วยความเพลีย ไปสอบถาม จนท. ว่ามีตำรวจมาไหม ผลปรากฏว่าไม่มี ผมได้ทำการสอบถามต่อ ว่าจะจัดการยังไงกับชายคนดังกล่าว จนท. บอกว่าคนดูแลให้เก็บเงินค่าที่พัก ถ้าเค้าไม่จ่าย คนดูแลจะเข้ามา และที่ทราบข้อมูลเพิ่มเติมคือ ชายคนดังกล่าวเคยทำลักษณะนี้มาแล้ว 1 ครั้ง กว่าจะเก็บเงินได้ใช้เวลาอยู่นาน
บทสรุปของเรื่องนี้ คือ สิ่งที่ผมตำหนิเลย คือ การรักษาความปลอดภัยของรีสอร์ต บุคคลภายนอกสามารถเดินเข้าที่พักได้อย่างง่ายดาย
เจ้าของรีสอร์ต คำนึงถึงแต่รายได้ของตนเองเป็นหลัก โดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของลูกค้า อ้างถึงแต่ว่ามีกล้องวงจรปิด
แล้วถ้าเกิดชายคนดังกล่าวมีอาวุธมา จะเกิดเหตุการณ์อย่างไรขึ้น