หากใครที่รู้จักผม อาจจะเห็นผมวนเวียนอยู่ในแวดวงหนังและละครจากประเทศญี่ปุ่น แต่วันนี้ขออนุญาตนอกนอกแดนปลาดิบ ไปเวิ่นเว้อถึงเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่ผมได้ดื่มด่ำไปกับความตื่นตาตื่นใจของโลก ดาวแม่ของเราทุกคน
ช่วงวัยเด็ก ผมเติบโตมากับการดูสารคดีทั้งช่วงกลางคืนและตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน รายการสำรวจโลกคือสิ่งที่ดึงดูดให้ผมอยู่หน้าจอทีวีได้มากกว่าการ์ตูนเสียอีก หนังสือหลายต่อหลายเล่มก็เป็นหนังสือเกี่ยวกับสัตว์ ผมยังจำเมื่อครั้งประถม คุณครูให้ทำรายงานเกี่ยวกับสัตว์อะไรก็ได้ ที่สุดท้ายผมก็ปิดเล่มไม่ทันเวลา เพราะสนุกสนานอยู่กับการใส่ข้อมูลลงไป สุดท้ายจึงต้องนำเล่มที่ไม่สมบูรณ์นั้นไปส่ง
จวบจนกระทั่งเติบโตมากขึ้น สภาพแวดล้อม บริบทสังคมเริ่มเปลี่ยน สารคดีไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ยึดผมติดกับหน้าจอได้อีกต่อไป ทว่าหันไปสนใจสิ่งอื่นที่หวือหวาล่อตาล่อใจมากกว่า ตัวผมกับเหล่าสัตว์โลกจึงต้องเหินห่างกันไปโดยปริยาย และแทบไม่ได้แวะไปถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเลยเป็นเวลากว่าสิบปี
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ผมได้เห็นโปสเตอร์หนังเรื่องหนึ่งที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา ในนั้นมีรูปสัตว์อยู่สามสี่ตัว พร้อมชื่อเรื่องตัวโตๆ ว่า
EARTH: ONE AMAZING DAY แปลกที่ความเรียบง่ายนั้นกลับเรียกร้องความสนใจผมได้อย่างมหาศาล จนเมื่อหาข้อมูล ก็ได้พบว่านี้คือสารคดี สิ่งที่ห่างหายไปจากชีวิตผมมานาน
การที่ผมให้ความสนใจเรื่องนี้นั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะช่วงนี้ผมเจอสภาวะเครียดเข้ามาทักทายอย่างไม่หยุดหย่อน และคิดว่าบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายจะช่วยเยียวยาบำบัดผมได้ นับตั้งแต่นั้น ผมจึงตั้งใจอย่างหนักแน่นว่าต้องเข้าไปดูให้ได้แน่นอน
วันนี้ (15 มี.ค. 2017) ผมก็รีบจัดการกิจวัตรประจำวันช่วงเช้า เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการพบเจอเพื่อนสมัยเด็ก โดยก่อนเข้าไปหาเพื่อน ผมก็ไม่ลืมที่จะซื้อน้ำและป็อปคอร์นไปนั่งกินกันในวงเพื่อน ทว่านั่นเกือบจะกลายเป็นความคิดที่ผิดพลาด เพราะตลอด 95 นาที ผมโดนเพื่อนๆ ชวนคุย เจอเพื่อนตัวน้อยตัวใหญ่แสดงความมหัศจรรย์ให้ได้ชมจนลืมเรื่องขนมนมเนยไปจนหมด ด้วยกลัวว่าถ้าละสายตา ผมจะพลาดฉากสำคัญ
สัตว์ทุกตัวคือนักแสดงชั้นครู ไม่ต้องมีบท ไม่ต้องเข้าคอร์สการแสดง ทว่ากลับตีบทแตก เพราะนั่นคือธรรมชาติของพวกเขา บทแอ็คชั่นก็สู้กันได้ดุเด็ดเผ็ดมัน ฉากไล่ล่าก็ดำเนินไปอย่างลุ้นระทึก ฉากโรแมนติกก็ชวนให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างที่สุด ทุกๆ อิริยาบทสอดคล้องลื่นไหลไปกับเพลงประกอบฉากที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีได้อย่างลงตัวถึงที่สุด
ผมได้หัวเราะ ผมได้อึ้งอ้าปากค้าง ร้องอู้หู และเอาใจช่วยจนเผลอกำมือตัวเอง
ภาพทุกภาพ ฉากทุกฉาก ได้รับการถ่ายถอดออกมาอย่างตื่นตา ทั้งฉากเกลียวคลื่นคลั่งที่ซัดกระหน่ำเข้าหาฝูงเพนกวิ้น ทั้งการต่อสู้แย่งชิงน้ำหวานของนกฮัมมิงเบิร์ดตัวจิ๋วกับฝูงผึ้ง ทั้งสภาพอากาศแปรปรวนที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัวล้วนน่าตื่นเต้น และอื่นๆ อีกมากมาย
และด้วยความที่
EARTH: ONE AMAZING DAY ถ่ายถอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ ทีมงานและผู้ชมจึงเปรียบเหมือนผู้ชมในที่นั่งระดับวีไอพีไม่แตกต่างกัน และนักแสดงทุกคน(ตัว) ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไร้ที่ติ
หลังหนังดำเนินไปจนจบ สิ่งที่ผมได้รับกลับมาคือความอิ่มเอมใจ การได้ไปพบปะเพื่อนเก่าสมัยเด็กช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าประทำใจและตระการตาอย่างยิ่งยวด
อย่างที่คำบรรยายช่วงหนึ่งของสารคดีกล่าวเอาไว้
"มนุษย์เพียรค้นหาความอัศจรรย์ไปทั่วอวกาศ ทว่าในความจริง ความอัศจรรย์ที่ถวิลหานั้น อยู่เพียงแค่หน้าบ้านของเราเอง"
หวังว่าสักวัน ผมคงได้มีโอกาสพบเจอเพื่อนตัวน้อยตัวใหญ่เหล่านี้อีก
หมายเหตุ: ไม่ตั้งในหมวดกระทู้รีวิว เพราะโดยความคิดของผมนี่เป็น
[CR] [EARTH: ONE AMAZING DAY] สุนทรียอัศจรรย์
หากใครที่รู้จักผม อาจจะเห็นผมวนเวียนอยู่ในแวดวงหนังและละครจากประเทศญี่ปุ่น แต่วันนี้ขออนุญาตนอกนอกแดนปลาดิบ ไปเวิ่นเว้อถึงเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่ผมได้ดื่มด่ำไปกับความตื่นตาตื่นใจของโลก ดาวแม่ของเราทุกคน
ช่วงวัยเด็ก ผมเติบโตมากับการดูสารคดีทั้งช่วงกลางคืนและตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน รายการสำรวจโลกคือสิ่งที่ดึงดูดให้ผมอยู่หน้าจอทีวีได้มากกว่าการ์ตูนเสียอีก หนังสือหลายต่อหลายเล่มก็เป็นหนังสือเกี่ยวกับสัตว์ ผมยังจำเมื่อครั้งประถม คุณครูให้ทำรายงานเกี่ยวกับสัตว์อะไรก็ได้ ที่สุดท้ายผมก็ปิดเล่มไม่ทันเวลา เพราะสนุกสนานอยู่กับการใส่ข้อมูลลงไป สุดท้ายจึงต้องนำเล่มที่ไม่สมบูรณ์นั้นไปส่ง
จวบจนกระทั่งเติบโตมากขึ้น สภาพแวดล้อม บริบทสังคมเริ่มเปลี่ยน สารคดีไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ยึดผมติดกับหน้าจอได้อีกต่อไป ทว่าหันไปสนใจสิ่งอื่นที่หวือหวาล่อตาล่อใจมากกว่า ตัวผมกับเหล่าสัตว์โลกจึงต้องเหินห่างกันไปโดยปริยาย และแทบไม่ได้แวะไปถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเลยเป็นเวลากว่าสิบปี
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ผมได้เห็นโปสเตอร์หนังเรื่องหนึ่งที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา ในนั้นมีรูปสัตว์อยู่สามสี่ตัว พร้อมชื่อเรื่องตัวโตๆ ว่า EARTH: ONE AMAZING DAY แปลกที่ความเรียบง่ายนั้นกลับเรียกร้องความสนใจผมได้อย่างมหาศาล จนเมื่อหาข้อมูล ก็ได้พบว่านี้คือสารคดี สิ่งที่ห่างหายไปจากชีวิตผมมานาน
การที่ผมให้ความสนใจเรื่องนี้นั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะช่วงนี้ผมเจอสภาวะเครียดเข้ามาทักทายอย่างไม่หยุดหย่อน และคิดว่าบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายจะช่วยเยียวยาบำบัดผมได้ นับตั้งแต่นั้น ผมจึงตั้งใจอย่างหนักแน่นว่าต้องเข้าไปดูให้ได้แน่นอน
วันนี้ (15 มี.ค. 2017) ผมก็รีบจัดการกิจวัตรประจำวันช่วงเช้า เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการพบเจอเพื่อนสมัยเด็ก โดยก่อนเข้าไปหาเพื่อน ผมก็ไม่ลืมที่จะซื้อน้ำและป็อปคอร์นไปนั่งกินกันในวงเพื่อน ทว่านั่นเกือบจะกลายเป็นความคิดที่ผิดพลาด เพราะตลอด 95 นาที ผมโดนเพื่อนๆ ชวนคุย เจอเพื่อนตัวน้อยตัวใหญ่แสดงความมหัศจรรย์ให้ได้ชมจนลืมเรื่องขนมนมเนยไปจนหมด ด้วยกลัวว่าถ้าละสายตา ผมจะพลาดฉากสำคัญ
สัตว์ทุกตัวคือนักแสดงชั้นครู ไม่ต้องมีบท ไม่ต้องเข้าคอร์สการแสดง ทว่ากลับตีบทแตก เพราะนั่นคือธรรมชาติของพวกเขา บทแอ็คชั่นก็สู้กันได้ดุเด็ดเผ็ดมัน ฉากไล่ล่าก็ดำเนินไปอย่างลุ้นระทึก ฉากโรแมนติกก็ชวนให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างที่สุด ทุกๆ อิริยาบทสอดคล้องลื่นไหลไปกับเพลงประกอบฉากที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีได้อย่างลงตัวถึงที่สุด
ผมได้หัวเราะ ผมได้อึ้งอ้าปากค้าง ร้องอู้หู และเอาใจช่วยจนเผลอกำมือตัวเอง
ภาพทุกภาพ ฉากทุกฉาก ได้รับการถ่ายถอดออกมาอย่างตื่นตา ทั้งฉากเกลียวคลื่นคลั่งที่ซัดกระหน่ำเข้าหาฝูงเพนกวิ้น ทั้งการต่อสู้แย่งชิงน้ำหวานของนกฮัมมิงเบิร์ดตัวจิ๋วกับฝูงผึ้ง ทั้งสภาพอากาศแปรปรวนที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัวล้วนน่าตื่นเต้น และอื่นๆ อีกมากมาย
และด้วยความที่ EARTH: ONE AMAZING DAY ถ่ายถอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ ทีมงานและผู้ชมจึงเปรียบเหมือนผู้ชมในที่นั่งระดับวีไอพีไม่แตกต่างกัน และนักแสดงทุกคน(ตัว) ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไร้ที่ติ
หลังหนังดำเนินไปจนจบ สิ่งที่ผมได้รับกลับมาคือความอิ่มเอมใจ การได้ไปพบปะเพื่อนเก่าสมัยเด็กช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าประทำใจและตระการตาอย่างยิ่งยวด
อย่างที่คำบรรยายช่วงหนึ่งของสารคดีกล่าวเอาไว้
"มนุษย์เพียรค้นหาความอัศจรรย์ไปทั่วอวกาศ ทว่าในความจริง ความอัศจรรย์ที่ถวิลหานั้น อยู่เพียงแค่หน้าบ้านของเราเอง"
หวังว่าสักวัน ผมคงได้มีโอกาสพบเจอเพื่อนตัวน้อยตัวใหญ่เหล่านี้อีก
หมายเหตุ: ไม่ตั้งในหมวดกระทู้รีวิว เพราะโดยความคิดของผมนี่เป็น