ลูกชายเราพิการขาหลังหนึ่งข้างแต่เด็กค่ะ
แต่เค้าก็ยังเดินกระโดดกระด๊อกกระแด๊กได้เหมือนกระต่าย ขึ้นลงโต๊ะเก้าอี้เป็นว่าเล่น โดยเฉพาะวันที่เราไปทำงาน เค้าก็จะกระโดดขึ้นมาชะเง้อรอรถเราหลังสี่โมงเย็นเป๊ะๆ ไม่เคยขาด
เราก็ตอบแทนความรักที่เค้ามีให้เราด้วยการดูแลเค้าอย่างดี พาไปเที่ยวประจำ เค้าอยากไปหาน้องหมาพุดเดิ้ลที่อยู่ไกลจากบ้านเราหลายซอย เราก็พาไปหลังเลิกงานแทบทุกวัน แม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม..
หมาซอยสองที่อยู่ใกล้กว่ามาก้อร่อก้อติก เค้ายังไม่แยแสเลยค่ะ
เอาเถอะ.. หนุ่มก็ต้องอยากหลีสาวเป็นธรรมดา เจ้าของหมาพุดเดิ้ลคงเข้าใจ
"เค้าคิดถึงสาวพุดเดิ้ลน่ะค่ะ รบเร้าจะมาให้ได้เลย" เราบอกน้องเจ้าของพุดเดิ้ลอายๆ เพราะลูกชายเราชอบยืนมองหน้าบ้านเธอบ่อยจนเกินงาม
"เอ่อ.. พี่คะ หมาหนูเป็นตัวผู้!?!?!"
แป่วววววว แหว่วววๆๆๆๆ
ไม่เป็นไรโน๊ะลูก.. ความรักมันเป็นเรื่องของหัวใจ แม่เข้าใจหนูเสมอ
.................................................................
มาช่วงปีหลังๆนี้ลูกชายเราเดินไม่ค่อยไหว เพราะอายุมากขึ้น เราเลยให้เค้านั่งรถเที่ยวแทน
เค้าก็ชะโงกหน้าออกมาดูวิวทิวทัศน์ทางหน้าตารถด้วยความสุขทุกครั้ง ปล่อยน้ำจิ้มไหลเยิ้มเปื้อนกระจกและประตู จนฟิล์มเสีย เบาะเหม็น ขนปลิวว่อน
แต่เราก็ยังยินดี..
พาไปให้อาหารหมาจรจัดด้วยกัน
เราถือคติว่า..
1. รถสกปรกมันล้างได้ แต่เวลาแห่งความสุขของลูกในช่วงชีวิตอันแสนสั้น มันจะไม่กลับมาอีกแล้ว
2. รถมีไว้ใช้ แม่ไม่ได้ไว้โชว์ใคร
3. แม่ยอมเป็นผู้หญิงซกมก ขับรถสกปรก เพราะแม่รักลูกมากกว่าอยากลงจากคาน
สุนทรพจน์ทั้งสามข้อด้านบน เราท่องมาอย่างดิบดี เตรียมไว้ตอบคำถามคนที่ไม่เข้าใจเรา
แต่ไม่เคยได้ใช้เลยแฮะ (ดีจัง) เพราะคนรอบตัวเราต่างก็รักสัตว์ไม่แพ้กัน กลับมองเป็นความรักที่สวยงามระหว่างคนกับมะหมาสี่ขาครับไป บางคนปลาบปลื้มใจจนอยากเกิดมาเป็นหมาเราบ้างก็มี! จึ้ยยย ย..
.........................................
แต่ไม่นานเรื่องเศร้าก็มาเยือนอีกครั้ง เมื่อหมาเราไม่มีแรงยืนชะโงกหน้าที่หน้าต่างรถอีกต่อไปแล้ว ทำได้แค่นั่งจุ้มปุ๊กอยู่กลางรถ มองซ้ายทีขวาที เท่านั้นเอง..
บางวันก็ลุกไม่ไหวเลย จะกินข้าวกินน้ำก็ต้องนอนกิน มองตาก็รู้ ว่าเค้าทุกข์เหลือเกิน..
ตอนนั้นเราเองก็ถังแตก แทบจะชักหน้าไม่ถึงหลัง แต่ไม่ลังเลเลยที่จะซื้อรถคันใหม่เปิดประทุนมาให้เค้า อยากพาไปท่องเที่ยวโลกกว้างด้วยกันอีกครั้ง
เราอุ้มเค้าขึ้นรถทุลักทุเลมาก ..ชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยวมันเหนื่อยจริงหนอ แต่ไม่เป็นไร แม่ทำได้..
เข็นๆไปได้สักพัก เจ้าลูกชายขาพิการดันขาดีกระทันหัน ผงกตัวขึ้นมาจนแทบกระเด็นตกรถ เราจึงรู้ว่าไม่สามารถพาเค้าไปผจญภัยด้วยรถคันนี้อีกต่อไปแล้ว
จำใจต้องขายรถทิ้งไปในเวลาไม่นาน..
มาอวดรถลูกชายค่ะ 🐶 #เป็นลูกแม่# ต้องได้เที่ยว 🚓🎉😘
แต่เค้าก็ยังเดินกระโดดกระด๊อกกระแด๊กได้เหมือนกระต่าย ขึ้นลงโต๊ะเก้าอี้เป็นว่าเล่น โดยเฉพาะวันที่เราไปทำงาน เค้าก็จะกระโดดขึ้นมาชะเง้อรอรถเราหลังสี่โมงเย็นเป๊ะๆ ไม่เคยขาด
เราก็ตอบแทนความรักที่เค้ามีให้เราด้วยการดูแลเค้าอย่างดี พาไปเที่ยวประจำ เค้าอยากไปหาน้องหมาพุดเดิ้ลที่อยู่ไกลจากบ้านเราหลายซอย เราก็พาไปหลังเลิกงานแทบทุกวัน แม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม..
หมาซอยสองที่อยู่ใกล้กว่ามาก้อร่อก้อติก เค้ายังไม่แยแสเลยค่ะ
เอาเถอะ.. หนุ่มก็ต้องอยากหลีสาวเป็นธรรมดา เจ้าของหมาพุดเดิ้ลคงเข้าใจ
"เค้าคิดถึงสาวพุดเดิ้ลน่ะค่ะ รบเร้าจะมาให้ได้เลย" เราบอกน้องเจ้าของพุดเดิ้ลอายๆ เพราะลูกชายเราชอบยืนมองหน้าบ้านเธอบ่อยจนเกินงาม
"เอ่อ.. พี่คะ หมาหนูเป็นตัวผู้!?!?!"
แป่วววววว แหว่วววๆๆๆๆ
ไม่เป็นไรโน๊ะลูก.. ความรักมันเป็นเรื่องของหัวใจ แม่เข้าใจหนูเสมอ
.................................................................
มาช่วงปีหลังๆนี้ลูกชายเราเดินไม่ค่อยไหว เพราะอายุมากขึ้น เราเลยให้เค้านั่งรถเที่ยวแทน
เค้าก็ชะโงกหน้าออกมาดูวิวทิวทัศน์ทางหน้าตารถด้วยความสุขทุกครั้ง ปล่อยน้ำจิ้มไหลเยิ้มเปื้อนกระจกและประตู จนฟิล์มเสีย เบาะเหม็น ขนปลิวว่อน
แต่เราก็ยังยินดี..
พาไปให้อาหารหมาจรจัดด้วยกัน
เราถือคติว่า..
1. รถสกปรกมันล้างได้ แต่เวลาแห่งความสุขของลูกในช่วงชีวิตอันแสนสั้น มันจะไม่กลับมาอีกแล้ว
2. รถมีไว้ใช้ แม่ไม่ได้ไว้โชว์ใคร
3. แม่ยอมเป็นผู้หญิงซกมก ขับรถสกปรก เพราะแม่รักลูกมากกว่าอยากลงจากคาน
สุนทรพจน์ทั้งสามข้อด้านบน เราท่องมาอย่างดิบดี เตรียมไว้ตอบคำถามคนที่ไม่เข้าใจเรา
แต่ไม่เคยได้ใช้เลยแฮะ (ดีจัง) เพราะคนรอบตัวเราต่างก็รักสัตว์ไม่แพ้กัน กลับมองเป็นความรักที่สวยงามระหว่างคนกับมะหมาสี่ขาครับไป บางคนปลาบปลื้มใจจนอยากเกิดมาเป็นหมาเราบ้างก็มี! จึ้ยยย ย..
.........................................
แต่ไม่นานเรื่องเศร้าก็มาเยือนอีกครั้ง เมื่อหมาเราไม่มีแรงยืนชะโงกหน้าที่หน้าต่างรถอีกต่อไปแล้ว ทำได้แค่นั่งจุ้มปุ๊กอยู่กลางรถ มองซ้ายทีขวาที เท่านั้นเอง..
บางวันก็ลุกไม่ไหวเลย จะกินข้าวกินน้ำก็ต้องนอนกิน มองตาก็รู้ ว่าเค้าทุกข์เหลือเกิน..
ตอนนั้นเราเองก็ถังแตก แทบจะชักหน้าไม่ถึงหลัง แต่ไม่ลังเลเลยที่จะซื้อรถคันใหม่เปิดประทุนมาให้เค้า อยากพาไปท่องเที่ยวโลกกว้างด้วยกันอีกครั้ง
เราอุ้มเค้าขึ้นรถทุลักทุเลมาก ..ชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยวมันเหนื่อยจริงหนอ แต่ไม่เป็นไร แม่ทำได้..
เข็นๆไปได้สักพัก เจ้าลูกชายขาพิการดันขาดีกระทันหัน ผงกตัวขึ้นมาจนแทบกระเด็นตกรถ เราจึงรู้ว่าไม่สามารถพาเค้าไปผจญภัยด้วยรถคันนี้อีกต่อไปแล้ว
จำใจต้องขายรถทิ้งไปในเวลาไม่นาน..