ถามไรหน่อย ช่วงนี้ SET มีโอกาสลงแรงๆได้ไหม?
งั้นขอถามก่อน การที่หุ้นจะลงแรงๆ เกิดได้จากอะไร?
คนขายหุ้นเอาเงินออกจากตลาดไง (จำได้ๆ)
ถามต่อ อะไรทำให้คนเอาเงินออกจากตลาดหุ้นล่ะ?
เอาเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงรวมกับผลตอบแทนดีกว่า
แต่ช่วงนี้ ผลตอบแทนของตลาดหุ้นดีขึ้นนี่นา
กำไรของบริษัทจดทะเบียนก็เพิ่มขึ้น ( เราจะไป 2000 กันแล้ว )
หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับความเสี่ยง?
กราฟ: กำไร การลงทุน อัตราการว่างงาน เงินเฟ้อ
มันไม่แปลกหรือ?
กำไรบริษัทดี จากการส่งออกขยายตัว และดุลการค้าเป็นบวก
ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนคงที่ การจ้างงานอยู่ในระดับสูง
อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ
สิ่งที่ควรจะเป็นคือ
ถ้ากำไรสูง แปลว่าขายดี
ภาคธุรกิจจะลงทุนมากขึ้น เพราะโอกาสการทำกำไรเป็นตัวผลักดันการลงทุน
ซึ่งจะทำให้การจ้างงานสูงขึ้น
เมื่อคนมีงาน มีเงินมากขึ้น ก็จะใช้จ่ายมากขึ้น ของไม่พอขาย
อัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้น
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันแปลก
บริษัททำกำไรได้ดี แต่ไม่เพิ่มการลงทุน และเงินเฟ้อต่ำ
… IMF ถึงกับบินมาถาม กันเลยทีเดียว …
ถ้าบริษัทจะมีกำไรเพิ่ม ในขณะที่การผลิตเท่าเดิม
สิ่งที่จะลดลงคือ สินค้าคงเหลือ
แต่เมื่อสินค้าคงเหลือลดลง การจะขายสินค้าให้ได้มากขึ้น
ยังไงก็ต้องผลิตเพิ่ม คือเพิ่มกำลังการผลิต
แต่เมื่อการจ้างงานเต็มที่แล้ว การจะผลิตเพิ่มก็ทำไม่ได้อีก
ในไม่ช้า การขาดแคลนสินค้า และความต้องการแรงงานจะเกิดขึ้น
และสุดท้ายเรื่องนี้ จะนำไปสู่ อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในที่สุด
เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น การขึ้นดอกเบี้ยจะตามมา
การลงทุนความเสี่ยงต่ำจะให้ผลตอบแทนดีขึ้น
และตลาดหุ้นซึ่งมีความเสี่ยงสูงจะลง
นี่คือปัจจัยหนึ่ง ที่มีโอกาสจะทำให้ SET ลงในเร็วๆนี้
“เงินเฟ้อ”
ถ้าการคาดการณ์การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในอนาคตสูงขึ้นเมื่อไหร่
กองทุนมีโอกาสจะเทขายหุ้นจำนวนมาก
ซึ่งมีจะทำให้ หุ้นลงได้
เช่น คาดการณ์ 0.7 แต่เงินเฟ้อจริง เกิน 1.0% แค่นี้หุ้นก็อาจลงแรงได้แล้ว
อีกเหตุผลที่จะทำให้
SET ลงได้ ในช่วงนี้คือ
“การเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย”
การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องการช่วยผู้ส่งออก
ที่ประสบปัญหาค่าเงินบาทแข็ง
ทำให้ไม่มีการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา
เรื่องนี้ทำให้ Bond Yield (ผลตอบแทนพันธบัตร) ของไทยคงที่
ในขณะที่ Bond Yield ของอเมริกาสูงขึ้น
เรื่องนี้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ เงินทุนต่างชาติไหลออก
ทั้งจากตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้
เพราะผลตอบแทนที่ควรจะได้รับจากตราสารหนี้
มันย้ายไปเป็นของผู้ส่งออกแทน
ตราบใดที่เงินบาทแข็งค่า เรื่องนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไร
แต่ว่า… เมื่อไหร่ก็ตามที่ ดุลการค้าของเราเริ่มลดลง
เงินบาทจะเริ่มอ่อนค่า และอาจจะอ่อนอย่างรวดเร็วด้วย
เพราะเงินทุนต่างชาติไม่เข้ามา
Bond Yield ของไทยมีโอกาสจะกลับไปสูงกว่า อเมริกา ในเวลาอันสั้น
ซึ่งถ้า ธนาคารแห่งประเทศไทย คงดอกเบี้ยถึงปลายปีได้จริง
ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยของไทยกับ อเมริกา จะต่างกันมาก
ความรุนแรงของการเพิ่มขึ้นของ Bond Yield
จะทำให้เงินลงทุนย้ายไปยังตลาดตราสารหนี้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งจะมีโอกาสทำให้เกิดการลดลงของตลาดหุ้นอย่างรุนแรงจะตามมา
และนี่คือสองปัจจัย ที่มีโอกาสจะทำให้ตลาดหุ้นตกลงมาในช่วงนี้
….. ที่นี่ บราซิล …..
ไม่เถื่อนจริง อยู่ยากครับ
ไม่ซื้อ… ไม่ขาดทุน
สวัสดีครับทุกท่าน.....ลง..ลง..ลงเด้งลง...เด้งลง..เด้งลง..ลง...เด้งลง....
ถามไรหน่อย ช่วงนี้ SET มีโอกาสลงแรงๆได้ไหม?
งั้นขอถามก่อน การที่หุ้นจะลงแรงๆ เกิดได้จากอะไร?
คนขายหุ้นเอาเงินออกจากตลาดไง (จำได้ๆ)
ถามต่อ อะไรทำให้คนเอาเงินออกจากตลาดหุ้นล่ะ?
เอาเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงรวมกับผลตอบแทนดีกว่า
แต่ช่วงนี้ ผลตอบแทนของตลาดหุ้นดีขึ้นนี่นา
กำไรของบริษัทจดทะเบียนก็เพิ่มขึ้น ( เราจะไป 2000 กันแล้ว )
หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับความเสี่ยง?
กราฟ: กำไร การลงทุน อัตราการว่างงาน เงินเฟ้อ
มันไม่แปลกหรือ?
กำไรบริษัทดี จากการส่งออกขยายตัว และดุลการค้าเป็นบวก
ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนคงที่ การจ้างงานอยู่ในระดับสูง
อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ
สิ่งที่ควรจะเป็นคือ
ถ้ากำไรสูง แปลว่าขายดี
ภาคธุรกิจจะลงทุนมากขึ้น เพราะโอกาสการทำกำไรเป็นตัวผลักดันการลงทุน
ซึ่งจะทำให้การจ้างงานสูงขึ้น
เมื่อคนมีงาน มีเงินมากขึ้น ก็จะใช้จ่ายมากขึ้น ของไม่พอขาย
อัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้น
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันแปลก
บริษัททำกำไรได้ดี แต่ไม่เพิ่มการลงทุน และเงินเฟ้อต่ำ
… IMF ถึงกับบินมาถาม กันเลยทีเดียว …
ถ้าบริษัทจะมีกำไรเพิ่ม ในขณะที่การผลิตเท่าเดิม
สิ่งที่จะลดลงคือ สินค้าคงเหลือ
แต่เมื่อสินค้าคงเหลือลดลง การจะขายสินค้าให้ได้มากขึ้น
ยังไงก็ต้องผลิตเพิ่ม คือเพิ่มกำลังการผลิต
แต่เมื่อการจ้างงานเต็มที่แล้ว การจะผลิตเพิ่มก็ทำไม่ได้อีก
ในไม่ช้า การขาดแคลนสินค้า และความต้องการแรงงานจะเกิดขึ้น
และสุดท้ายเรื่องนี้ จะนำไปสู่ อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในที่สุด
เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น การขึ้นดอกเบี้ยจะตามมา
การลงทุนความเสี่ยงต่ำจะให้ผลตอบแทนดีขึ้น
และตลาดหุ้นซึ่งมีความเสี่ยงสูงจะลง
นี่คือปัจจัยหนึ่ง ที่มีโอกาสจะทำให้ SET ลงในเร็วๆนี้
“เงินเฟ้อ”
ถ้าการคาดการณ์การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในอนาคตสูงขึ้นเมื่อไหร่
กองทุนมีโอกาสจะเทขายหุ้นจำนวนมาก
ซึ่งมีจะทำให้ หุ้นลงได้
เช่น คาดการณ์ 0.7 แต่เงินเฟ้อจริง เกิน 1.0% แค่นี้หุ้นก็อาจลงแรงได้แล้ว
อีกเหตุผลที่จะทำให้
SET ลงได้ ในช่วงนี้คือ
“การเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย”
การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องการช่วยผู้ส่งออก
ที่ประสบปัญหาค่าเงินบาทแข็ง
ทำให้ไม่มีการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา
เรื่องนี้ทำให้ Bond Yield (ผลตอบแทนพันธบัตร) ของไทยคงที่
ในขณะที่ Bond Yield ของอเมริกาสูงขึ้น
เรื่องนี้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ เงินทุนต่างชาติไหลออก
ทั้งจากตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้
เพราะผลตอบแทนที่ควรจะได้รับจากตราสารหนี้
มันย้ายไปเป็นของผู้ส่งออกแทน
ตราบใดที่เงินบาทแข็งค่า เรื่องนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไร
แต่ว่า… เมื่อไหร่ก็ตามที่ ดุลการค้าของเราเริ่มลดลง
เงินบาทจะเริ่มอ่อนค่า และอาจจะอ่อนอย่างรวดเร็วด้วย
เพราะเงินทุนต่างชาติไม่เข้ามา
Bond Yield ของไทยมีโอกาสจะกลับไปสูงกว่า อเมริกา ในเวลาอันสั้น
ซึ่งถ้า ธนาคารแห่งประเทศไทย คงดอกเบี้ยถึงปลายปีได้จริง
ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยของไทยกับ อเมริกา จะต่างกันมาก
ความรุนแรงของการเพิ่มขึ้นของ Bond Yield
จะทำให้เงินลงทุนย้ายไปยังตลาดตราสารหนี้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งจะมีโอกาสทำให้เกิดการลดลงของตลาดหุ้นอย่างรุนแรงจะตามมา
และนี่คือสองปัจจัย ที่มีโอกาสจะทำให้ตลาดหุ้นตกลงมาในช่วงนี้
….. ที่นี่ บราซิล …..
ไม่เถื่อนจริง อยู่ยากครับ
ไม่ซื้อ… ไม่ขาดทุน