สวัสดีค่ะ วันนี้ขอมาแบ่งปันประสบการณ์การติดต่อ customer service ของ Burberry ค่ะ
เมื่อต้นปี 2017 เราไปไต้หวันมาค่ะ แล้วที่ duty free สนามบินนานาชาติเถาหยวนยังมีน้ำหอมรุ่นที่อยากได้มากขายอยู่
เลยตัดสินใจซื้อมาก่อนกลับไทยค่ะ

น้ำหอมนั้นคือ My Burberry Limited Edition Eau de Parfum 90ml
รุ่นนี้เลยค่ะ มีกลิตเตอร์ฟรุ้งฟริ้ง แต่กลิ่นเหมือน My Burberry Eau de Parfum ปกติเลยค่ะ
(ขอบคุณภาพจากอากู๋ด้วยค่ะ)

ใช้มาเรื่อยๆ ไม่พบปัญหาอะไรเลยค่ะ จนกระทั่งวันที่ 3 ม.ค. 2018 ก็รู้สึกว่าน้ำหอมมันขุ่นๆ แปลกๆ แต่กลิ่นยังเหมือนเดิม
หยิบขวดออกมาดูพบว่ากลิตเตอร์ในขวดละลายค่ะ


ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ คิดแค่ว่ามันอาจจะละลายได้เพราะอากาศเมืองไทยร้อน (ฮา)
เราเก็บน้ำหอมในตู้เสื้อผ้าไม่โดนแสงแดดนะคะ และบวกกับกลิ่นมันไม่เปลี่ยนเลยไม่ได้คิดอะไรมาก

ผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์เริ่มรู้สึกว่า เอ้ะ มันปกติจริงๆ ใช่มั้ย เลยอยากหาคนคอนเฟิร์มให้แน่ใจว่ามันปกติดี
เลยหาทางติดต่อกับบริษัทโดยตรง เราเข้าไปที่ website ของ burberry เลื่อนลงมาล่างสุด
เห็นช่องทางติดต่อมีทั้ง facebook, twitter, IG และ google+ เลยค่ะ
โดยส่วนตัวเราเลือกติดต่อผ่าน direct message ทาง twitter ไปค่ะ ส่งไปถามแบบไม่ได้คาดคิดว่าเค้าจะตอบด้วยซ้ำ (ฮา)
ปรากฎว่าเค้าตอบเรากลับมาภายในเวลาไม่กี่นาทีเลยค่ะ เค้าขอรายละเอียดชื่อ-นามสกุล ร้านค้าที่ซื้อ
หลักฐานการซื้อ และ e-mail address ติดต่อเราไว้
เราเลยแจ้งเค้าไว้ค่ะว่าเราซื้อผ่านบัตรเครดิตเดี๋ยวเราจะหา statement มาให้อีกทีนึง เค้าก็ขอ location ของเราไปเพื่อเช็คว่า
มี burberry store อยู่ใกล้เคียงมั้ย (ซึ่งไม่มีค่ะ ไม่ได้อยู่กทม. 55555)
จากนั้นเค้าก็ขอแพลนเดินทางค่ะพอดีว่าเราจะต้องขึ้นกทม.เดือนก.พ.พอดีเลยแจ้งไว้
และเค้าก็ขอให้เราหยุดใช้น้ำหอมขวดนี้ไปเลยค่ะ (ในใจคือแบบพี่เล่นใหญ่จัง หนูยังคิดว่าใช้ได้อยู่เลย 5555555555)
หลังจากนั้นพอเราหา statement เจอก็ถ่ายรูปแนบไปให้เค้าเรียบร้อยค่ะ เค้าก็จะขอ e-mail และเบอร์โทรศัพท์อีกครั้ง
รวมถึงแพลนที่แน่นอนที่เราจะได้กทม.ด้วยค่ะ

หลังจากข้อมูลพร้อมเค้าก็รับเคสของเราเรียบร้อย ให้เลข case reference มาและหลังจากนี้จะขอติดต่อขอ
หลักฐานเพิ่มเติมทาง e-mail ค่ะ แล้วก็ยังบอกว่าขอให้ติดต่อเค้าได้ 24 ชั่วโมงเลยค่ะ
ซึ่งจะบอกว่า 24 ชั่วโมงจริงๆนะคะ เพราะบางทีส่งไปแบบลืมคิดว่าที่อังกฤษคงดึกมากหรือเช้ามากก็มีคนมาตอบค่ะ

ในส่วนของ e-mail ก็จะมาแบบรูปทางการที่ออกจาก customer service นิดนึงค่ะ
ขอรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อเช็คความถูกต้อง
เค้าทำการเช็คให้แล้วแจ้งว่า burberry store ที่กทม.มี 2 สาขาค่ะ คือสาขาพารากอนและเอ็มโพเรียมค่ะ
เราเลยแจ้งว่าเราสะดวกที่สาขาพารากอน ยืนยันวันและเวลาที่จะเข้าไปอีกรอบค่ะ
และเค้าก็จะขอรูปน้ำหอมของเราที่มีปัญหาชัดๆอีกรอบนึง


อันนี้เริ่มเห็นชัดละค่ะว่าน้ำหอมเริ่มขุ่นแล้วก็กลิตเตอร์ละลายหมดเลย

หลังจากเช็คข้อมูลสักพักเค้าก็แจ้งมาว่ามีปัญหาจริงๆค่ะ  
(I am very sorry to let you know that the item is deemed as defective.)
และแจ้งว่าเนื่องจากมันเป็น limited edition ตั้งแต่ปี 2015 ตอนนี้เลยไม่มีขายในช็อปแล้วค่ะ
ราคาสุดท้ายที่เค้าเช็คได้ใน burberry store ที่ไทยคือราคา 5,400 บาทค่ะ
ซึ่งเค้าเสนอว่าจะใช้ราคานี้เป็นฐานในการแลกเปลี่ยน เราสามารถเลือกได้เลยใน burberry store ค่ะ

ตอนนั้นสองจิตสองใจมากค่ะว่าจะเลือก  My Burberry Eau de Parfum ที่เป็นกลิ่นเดิม
หรือจะเลือก My Burberry Blush ตัวใหม่ที่เพิ่งออกมาดี
ละตอนนั้นหาราคาในช็อปไทยไม่ได้จริงๆ ค่ะเลยรบกวนเค้าช่วยเช็คราคาให้อีก 55555555555
สุดท้ายเราก็เลือก My Burberry Blush Eau de Parfum 90m ไปค่ะ
หลังจากนั้นก็มี e-mail มาคอนเฟิร์มรหัสสินค้าที่เราจะได้ในวันที่เราไป
และมีโทรศัพท์มาจากผู้จัดการร้าน Burberry store สาขาสยามพารากอนมาติดต่อเราเพื่อคอนเฟิร์มการรับน้ำหอมอีกครั้งนึงด้วยค่ะ

ตอนนี้รับน้ำหอมมาเกือบเดือนแล้วค่ะเลยอยากมาแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ ครั้งนี้ด้วย
ทำให้เปิดโลกการบริการของเรามากเลยค่ะ บริษัทที่ใหญ่แบบนี้แต่กลับดูแลลูกค้าที่ซื้อของเล็กๆ (ไม่ได้ซื้อจากช็อปด้วยนะคะ) ดีขนาดนี้
ขอชื่นชมการทำงานของทีม customer service Burberry มากๆ เลยค่ะ รวมถึงผู้จัดการ Burberry store สาขาพารากอน
และพี่ๆ พนักงานทุกคนที่ช่วยอำนวยความสะดวกทำให้การติดต่อครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดีด้วยค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ


ปล.ใครมีคนรู้จักทำงานอยู่ burberry store สาขาพารากอนฝากขอบคุณด้วยนะคะ
ปล2.สรุปแล้วส่วนตัวโชคดีมากค่ะที่ใช้บัตรเครดิตรูดไปเลยยังมี statement เก็บไว้เพราะใบเสร็จทิ้งไปหมดแล้ว
ปล3.กระทู้แรกในห้องแป้งเลยค่ะ ปกติสิงอยู่ห้องบลู