คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 26
มาตาม คห 17 เลยครับ
แต่ถ้าผมจำไม่ผิด ตรง สมศีลา อันนี้ จะไม่ใช้คำว่า ศีล คือ ใช้คำว่า พฤติวัตรแทน
ความหมายคือ ไลฟสไตล์นี่แหละ ในภาษาเราท่าน
การเสมอ ด้วย 4 อย่างนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้ได้เจอ และได้อยู่ร่วมกันไปอย่างมีความสุขหลายๆชาตินะครับ
ไม่ได้แปลว่า ถ้าไม่มี 4 อย่างนี้แล้วจะอยู่ร่วมกันไม่ได้เลย หรือ จะต้องแยกทางแน่นอน ไม่ใช่เลย
เพราะการมาอยู่ร่วมกัน มันก็แค่ เอา A + B ก็จบแล้วได้ 1 คู่จริงไหม
แต่ท่านกล่าวว่า ถ้ามี 4 อย่างนี้ เสมอกันแล้ว คู่นั้นก็จะรักกลมเกลียวกัน และจิตก็จะน้อมให้พบและเจอกันรักกันไปเรื่อยๆ บ่อยๆ ยาวๆ แต่ถ้าถามว่าทุกข์ไหม โอย ทุกข์สิครับ เพราะในเรื่องนี้ ชาดกก็มีเล่าไว้ มีกินนร กินนรี เอาว่าเป็น พระโพธิสัตว์กับ คู่บารมีนั่นแหละ รักกันมาก เพราะก็คงจะมี 4 อย่างที่ว่าเสมอกันนี่แหละ ก็เลยเจอกันมาเรื่อยๆ (และตั้งใจสนับสนุนกันก็เป็นคู่บารมีไง) ชาตินั้น ปรากฏว่าไปเจอน้ำหลากท่วมมาเลย แต่ทั้งคู่ไม่เป็นอะไรนะ แค่ว่าถูกแยกห่างจากกันมองเห็นกันแต่ไปหากันไม่ได้ แค่นี้แหละ ราวๆ 7 วัน 7 คืน (แต่ก็เข้าใจนะ ก็คงต้องเป็นห่วงกันด้วยว่าจะโดนน้ำพักไปตอนไหนหรือเปล่า บลาๆ) ก็ร้องห่มร้องไห้หากันอย่างน่าเวทนาอย่างนั้นแหละ
จนน้ำลด ก็วิ่งเข้าหากัน กอดกันร้องไห้ต่อไปอีกหลายวัน!!!!! เรื่องจบแค่เนี้ยแหละ 555!! (จำไม่ได้ว่าเล่าให้ใครฟัง แต่มีเหตุผลอยู่แล้ว เราท่านฟังแล้วอาจจะไร้สาระ แต่มีเหตุผลเสมอนะ เวลาท่านเล่า ใครได้คิดก็ได้ไป ใครไม่ได้คิดก็ผ่านไป แต่ก่อนท่านจะเล่าท่านรู้เสมอว่า เล่าแล้วบุคคลที่ฟังคนี้จะต้องเข้าใจและได้อะไรๆ ท่านเลยเล่าหนะ ส่วนผมเล่านี่ก็หว่านๆแห เผื่อคนอ่านแล้วสะกิดใจอะนะ เพราะไม่มีบารมีเท่าท่าน 55)
เพราะงั้น รักกันมาก ก็ทุกข์ได้นะครับ แต่ก็ดีกว่า อยู่กันไปแล้วยังต้องทะเลาะกันเยอะแยะ หรือ กระทำกรรมชั่วต่อกันจริงไหม (ซึ่งก็จะผูกพันกันไปแบบแย่ๆ แกะกันไม่ออกอีกนั่นแหละ นี่ละ กรรม)
เพราะงั้น การมี พฤติวัตร หรือ ไลฟ์ไสตล์ที่ใกล้กัน เป็นแ่ 1 ใน 4 สิ่งที่จะทำให้คนเราอยู่ร่วมกันได้แบบสบายๆ ชิวๆ ครับ ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่ถ้ามีก็จะดีมาก แต่ถ้าถึงขั้นขัดแย้ง คนละขั้วเลย มันก็คือ แรงฉุด แต่แรงลากก็ยังมีอีก 3 อย่างไงครับ
โลกนี้เรื่องทุกเรื่องมีเหตุปัจจัย ซึ่งมันไม่ได้มีเรื่องเดียวในแต่ละหัวข้อครับ พระพุทธเจ้าท่านให้พระธรรมมาเนี่ย ถ้าใครศึกษาแล้วจะรู้เลย ว่า ถ้าท่านบอก 4 คือ 4 ไม่มีมาก หรือ น้อยกว่านั้น เรื่องจริง แต่ถ้าเราคิดเอาเอง ก้มักจะได้ไม่ครบ อย่างเรื่อง การคู่ครองเราก็คิดว่า เอ๊ะ ไลฟ์สไตล์อย่างเดียวพอแล้วไหมนะ ? หรือ คิดทันกันพอไหมนะ? หรือ รักกันก็พอแล้วนะ?
จริงๆ ต้องรักกัน มีจิตใจที่ดี อยากดูแลกัน อันนี้อันดับหนึ่งครับ ส่วนการที่จะไปได้เรียบๆ ง่ายๆ หรือ ลำบากลำบน ลากถูกันไป ก็ดู 4 สิ่งนี้แหละ
จาคะ - คนนึงทำบุญ10 บาท บอกเยอะไปแล้ว อีกคนบอก น้อยมาก ทำสัก พันสิ -> ทะเลาะ
ศรัทธา - คนนึงบอก พระเจ้ามีจริงองค์เดียว อีกคนบอกพระเจ้ามีเยอะไป -> ทะเลาะ
ปัญญา - คนนึงคิดทัน คือ คนบอกไม่เห็นอยากจะคิด วุ่นวาย -> ทะเลาะ
พฤติวัตร/ศีล -> คนนึง ชอบตื่นเช้า อีกคนบอกเบื่ออยากนอน เมื่อวานนอนดึก คนนึงชอบขโมยของเล็กๆน้อยๆ อีกคนบอกขโมยทีต้องเอาของแพงๆสิวะ -> ทะเลาะ
แต่ถ้าทะเลาะแล้ว ยังอยากไปด้วยกันก็ไปต่อได้ จริงไหม 555 นั่นแหละ
ส่วนตัว ผม กับ เมีย ใกล้เคียงกันมาก ในทั้ง 4 อย่างครับ มีไม่กี่เรื่องเท่านั้น ไม่มีเข้ากันเท่าไร (บังเอิญเป็นเรื่องสำคัญ คือ เซ็ก แต่เอาเหอะ เรามีศีลทุกอย่างรอดหมด) ที่เหมือนกันนี่คือ จังหวะไหนเบื่อๆเซ็งๆ อยากเดินห้างก็จะรู้สึกพร้อมๆกัน อยากกิน อาหารดีหน่อย เย็นวันศุกร์ ก็จะยอากไปร้านเดียวกัน จังหวะคล้ายๆกันแบบนี้ มันทำให้เรายิ้มในใจ คือไม่ต้องขัดแย้ง เพราะสิ่งที่คุณอยากได้ เราก็อยากได้เหมือนๆกัน
ไม่ใช่ทุกเรื่องครับ แต่เมื่อขัดแย้ง เราก็สามารถพูดได้แย้งกันได้ตรงๆ โดยอีกฝ่ายก็รับฟัง และปรับกัน นี่แหละที่สำคัญมากๆอีกจุดหนึ่ง
อยู่ด้วยกัน อันดับแรก ต้องอยากให้อีกฝ่ายมีความสุข เสียสละตัวเองบ้าง ซึ่งตรงข้ามกับ เห็นแก่ตัวครับ แต่อย่าเอาแต่ให้เขา และปล่อยให้อีกฝ่ายเห็นแก่ตัวจนเคยตัวเด็ดขาดครับ นั่นก็สำคัญ (เว้นแต่คุณตั้งตัวว่า จะรักเขาแบบ พ่อรักลูก แม่รักลูก อันนี้แล้วแต่ครับ เอาที่ชอบ ที่คิดว่าใช่พอแล้ว)
ยาวไปครับ
แต่ถ้าผมจำไม่ผิด ตรง สมศีลา อันนี้ จะไม่ใช้คำว่า ศีล คือ ใช้คำว่า พฤติวัตรแทน
ความหมายคือ ไลฟสไตล์นี่แหละ ในภาษาเราท่าน
การเสมอ ด้วย 4 อย่างนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้ได้เจอ และได้อยู่ร่วมกันไปอย่างมีความสุขหลายๆชาตินะครับ
ไม่ได้แปลว่า ถ้าไม่มี 4 อย่างนี้แล้วจะอยู่ร่วมกันไม่ได้เลย หรือ จะต้องแยกทางแน่นอน ไม่ใช่เลย
เพราะการมาอยู่ร่วมกัน มันก็แค่ เอา A + B ก็จบแล้วได้ 1 คู่จริงไหม
แต่ท่านกล่าวว่า ถ้ามี 4 อย่างนี้ เสมอกันแล้ว คู่นั้นก็จะรักกลมเกลียวกัน และจิตก็จะน้อมให้พบและเจอกันรักกันไปเรื่อยๆ บ่อยๆ ยาวๆ แต่ถ้าถามว่าทุกข์ไหม โอย ทุกข์สิครับ เพราะในเรื่องนี้ ชาดกก็มีเล่าไว้ มีกินนร กินนรี เอาว่าเป็น พระโพธิสัตว์กับ คู่บารมีนั่นแหละ รักกันมาก เพราะก็คงจะมี 4 อย่างที่ว่าเสมอกันนี่แหละ ก็เลยเจอกันมาเรื่อยๆ (และตั้งใจสนับสนุนกันก็เป็นคู่บารมีไง) ชาตินั้น ปรากฏว่าไปเจอน้ำหลากท่วมมาเลย แต่ทั้งคู่ไม่เป็นอะไรนะ แค่ว่าถูกแยกห่างจากกันมองเห็นกันแต่ไปหากันไม่ได้ แค่นี้แหละ ราวๆ 7 วัน 7 คืน (แต่ก็เข้าใจนะ ก็คงต้องเป็นห่วงกันด้วยว่าจะโดนน้ำพักไปตอนไหนหรือเปล่า บลาๆ) ก็ร้องห่มร้องไห้หากันอย่างน่าเวทนาอย่างนั้นแหละ
จนน้ำลด ก็วิ่งเข้าหากัน กอดกันร้องไห้ต่อไปอีกหลายวัน!!!!! เรื่องจบแค่เนี้ยแหละ 555!! (จำไม่ได้ว่าเล่าให้ใครฟัง แต่มีเหตุผลอยู่แล้ว เราท่านฟังแล้วอาจจะไร้สาระ แต่มีเหตุผลเสมอนะ เวลาท่านเล่า ใครได้คิดก็ได้ไป ใครไม่ได้คิดก็ผ่านไป แต่ก่อนท่านจะเล่าท่านรู้เสมอว่า เล่าแล้วบุคคลที่ฟังคนี้จะต้องเข้าใจและได้อะไรๆ ท่านเลยเล่าหนะ ส่วนผมเล่านี่ก็หว่านๆแห เผื่อคนอ่านแล้วสะกิดใจอะนะ เพราะไม่มีบารมีเท่าท่าน 55)
เพราะงั้น รักกันมาก ก็ทุกข์ได้นะครับ แต่ก็ดีกว่า อยู่กันไปแล้วยังต้องทะเลาะกันเยอะแยะ หรือ กระทำกรรมชั่วต่อกันจริงไหม (ซึ่งก็จะผูกพันกันไปแบบแย่ๆ แกะกันไม่ออกอีกนั่นแหละ นี่ละ กรรม)
เพราะงั้น การมี พฤติวัตร หรือ ไลฟ์ไสตล์ที่ใกล้กัน เป็นแ่ 1 ใน 4 สิ่งที่จะทำให้คนเราอยู่ร่วมกันได้แบบสบายๆ ชิวๆ ครับ ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่ถ้ามีก็จะดีมาก แต่ถ้าถึงขั้นขัดแย้ง คนละขั้วเลย มันก็คือ แรงฉุด แต่แรงลากก็ยังมีอีก 3 อย่างไงครับ
โลกนี้เรื่องทุกเรื่องมีเหตุปัจจัย ซึ่งมันไม่ได้มีเรื่องเดียวในแต่ละหัวข้อครับ พระพุทธเจ้าท่านให้พระธรรมมาเนี่ย ถ้าใครศึกษาแล้วจะรู้เลย ว่า ถ้าท่านบอก 4 คือ 4 ไม่มีมาก หรือ น้อยกว่านั้น เรื่องจริง แต่ถ้าเราคิดเอาเอง ก้มักจะได้ไม่ครบ อย่างเรื่อง การคู่ครองเราก็คิดว่า เอ๊ะ ไลฟ์สไตล์อย่างเดียวพอแล้วไหมนะ ? หรือ คิดทันกันพอไหมนะ? หรือ รักกันก็พอแล้วนะ?
จริงๆ ต้องรักกัน มีจิตใจที่ดี อยากดูแลกัน อันนี้อันดับหนึ่งครับ ส่วนการที่จะไปได้เรียบๆ ง่ายๆ หรือ ลำบากลำบน ลากถูกันไป ก็ดู 4 สิ่งนี้แหละ
จาคะ - คนนึงทำบุญ10 บาท บอกเยอะไปแล้ว อีกคนบอก น้อยมาก ทำสัก พันสิ -> ทะเลาะ
ศรัทธา - คนนึงบอก พระเจ้ามีจริงองค์เดียว อีกคนบอกพระเจ้ามีเยอะไป -> ทะเลาะ
ปัญญา - คนนึงคิดทัน คือ คนบอกไม่เห็นอยากจะคิด วุ่นวาย -> ทะเลาะ
พฤติวัตร/ศีล -> คนนึง ชอบตื่นเช้า อีกคนบอกเบื่ออยากนอน เมื่อวานนอนดึก คนนึงชอบขโมยของเล็กๆน้อยๆ อีกคนบอกขโมยทีต้องเอาของแพงๆสิวะ -> ทะเลาะ
แต่ถ้าทะเลาะแล้ว ยังอยากไปด้วยกันก็ไปต่อได้ จริงไหม 555 นั่นแหละ
ส่วนตัว ผม กับ เมีย ใกล้เคียงกันมาก ในทั้ง 4 อย่างครับ มีไม่กี่เรื่องเท่านั้น ไม่มีเข้ากันเท่าไร (บังเอิญเป็นเรื่องสำคัญ คือ เซ็ก แต่เอาเหอะ เรามีศีลทุกอย่างรอดหมด) ที่เหมือนกันนี่คือ จังหวะไหนเบื่อๆเซ็งๆ อยากเดินห้างก็จะรู้สึกพร้อมๆกัน อยากกิน อาหารดีหน่อย เย็นวันศุกร์ ก็จะยอากไปร้านเดียวกัน จังหวะคล้ายๆกันแบบนี้ มันทำให้เรายิ้มในใจ คือไม่ต้องขัดแย้ง เพราะสิ่งที่คุณอยากได้ เราก็อยากได้เหมือนๆกัน
ไม่ใช่ทุกเรื่องครับ แต่เมื่อขัดแย้ง เราก็สามารถพูดได้แย้งกันได้ตรงๆ โดยอีกฝ่ายก็รับฟัง และปรับกัน นี่แหละที่สำคัญมากๆอีกจุดหนึ่ง
อยู่ด้วยกัน อันดับแรก ต้องอยากให้อีกฝ่ายมีความสุข เสียสละตัวเองบ้าง ซึ่งตรงข้ามกับ เห็นแก่ตัวครับ แต่อย่าเอาแต่ให้เขา และปล่อยให้อีกฝ่ายเห็นแก่ตัวจนเคยตัวเด็ดขาดครับ นั่นก็สำคัญ (เว้นแต่คุณตั้งตัวว่า จะรักเขาแบบ พ่อรักลูก แม่รักลูก อันนี้แล้วแต่ครับ เอาที่ชอบ ที่คิดว่าใช่พอแล้ว)
ยาวไปครับ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ชีวิตวัยรุ่น
ความรักวัยทำงาน
ความรักวัยรุ่น
ปัญหาชีวิต
ปัญหาวัยรุ่น
คนที่เป็นคู่กัน จำเป็นต้องมีไลฟ์สไตล์เหมือนกันไหม เพื่อนๆชาวพันทิปมาแชร์กันหน่อยครับ
เป็นเรื่องที่สงสัยมานานแล้ว และก็เป็นประเด็นจากวงสนทนากับเพื่อน โดยความเห็นแบ่งออกเป็น 2ฝั่ง
คือ 1. ไลฟ์สไตล์เหมือนๆกัน 2. ไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน
สำหรับตัวผมเอง ความคิดจะเข้าไปทางฝั่ง ไลฟ์สไตล์เหมือนๆกัน
เพราะ จากที่ผมสังเกตุรอบๆตัว เพื่อนๆพี่ๆที่มีคู่ ส่วนใหญ่คือ จะเป็นประเภทที่ไลฟ์สไตล์เหมือนๆกัน
มีงานอดิเรก ชอบเที่ยว ชอบกิน ออกกำลังกาย กิจกรรมยามว่าง การพักผ่อน ในแบบเดียวกัน
ฝั่งที่ความเห็นที่บอกว่า ไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน เขาก็มีเหตุผลประมาณว่า ก็แยกกันไป ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอด
สำหรับตัวผมเอง ก็ตั้งสเปคเบื้องต้น เป็น คนที่ไลฟ์สไตล์เหมือนๆคล้ายๆกัน เพราะผมรู้สึกว่า
ถ้ามันต่างกัน อย่างเวลาเที่ยว กิน ออกกำลังกาย กิจกรรมยามว่าง พักผ่อน แล้วผมยังต้องไปคนเดียว ก็ไม่รู้จะมีไปทำไม
มีแล้วต้องให้ดีกว่าอยู่คนเดียว
แล้วเพื่อนๆชาวพันทิปล่ะครับ คู่ของคุณ (หรือสเปคของคุณ)ล่ะครับ เป็นแบบไหน