สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
ตอบคห.6 ... คุณตัดเรื่องธรรมกายออกไปก่อน เพราะจริงๆคุณต้องแยกให้ออกว่าคำสอนใดมาจากพระพุทธเจ้า คำสอนใดคือธรรมกายแต่งขึ้น เรื่องการทำบุญ เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ถือเป็นเรื่องของศาสนาพุทธโดยตรง คุณจะไปวัดไหนเค้าก็สอนแบบเดียวกัน
เรื่องทำบุญนี่ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่ารู้จักเลือกเนื้อนาบุญ และหลักกว้างๆก็คือ
1.ทำบุญกับคนได้บุญมากกว่าสัตว์
2.การทำบุญกับคนดีได้บุญมากกว่าทำกับคนเลว
3.ทำบุญสร้างวิหารทาน ถาวรวัตถุ ถือว่าได้บุญสูงสุด
ที่เป็นลักษณะนี้ เพราะพระพุทธเจ้าท่านมองเรื่องบุญไม่ได้มองถึงความขาดแคลนของคนผู้รับทาน แต่ท่านมองถึงประโยชน์ที่ทอดยาวออกไป ... สมมุติคุณให้อาหารหมาแมว พวกมันกิน กินเสร็จก็นอน เดินเล่น กัดกันเองบ้าง แล้วก็กิน มันประโยชน์สั้น แล้วอายุก็สั้นด้วย แต่ถ้าคุณทำบุญช่วยคน คนๆนั้นอาจจะไปทำบุญต่อๆไปได้ หรืออย่างน้อยก็อายุยืนกว่าหมาแมว ดังนั้นจึงได้ประโยชน์กว่า ... และเพราะเหตุนี้การทำบุญกับพระสงฆ์จึงมักจะได้บุญมากกว่ากับคนทั่วไป เพราะท่านน่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นคนดี เมื่อท่านเป็นคนดี กินอิ่มแล้วท่านก็ไปทำดีช่วยคนต่อไป อีกอย่างนึง โดยเฉพาะถ้าโชคดีได้ทำกับพระที่บรรลุธรรมแล้ว จะได้ผลมหาศาลมากกว่าทำบุญกับคนอื่นๆหรือสัตว์เป็นหลายๆเท่าตัว ... ... อีกข้อก็คือการทำบุญกับพระสงฆ์นั้น พระสงฆ์ช่วยเผยแพร่คำสอนทางศาสนา คุณก็ต้องมาพิจารณาต่ออีกว่าคำสอนของทางศาสนามีประโยชน์อย่างไร ศาสนาพุทธสอนให้คนถือศีล 5 รู้จักเกรงกลัวต่อบาป ถ้าทุกๆคนยึดถือตามนี้ คุณคิดว่าโลกนี้จะมีความสุขไหม กับการที่ไม่มีคำสอนเหล่านี้ ... ก็จะเห็นได้ว่ามีประโยชน์
... คุณอาจจะมองว่าถ้าอย่างนั้น การทำบุญกับหมอหรือพยาบาลน่าจะดีกว่าหรือไม่ เพราะหมอกับพยาบาลสามารถช่วยชีวิตคนได้ ... อันนี้คุณก็ต้องเข้าใจหลักของศาสนาพุทธก่อน ... นั่นคือ ไม่ว่าชีวิตใดก็ตาม เกิดมาก็ต้องมีตาย ... พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการแพทย์เลย เพราะท่านรู้ ว่าหมอเก่งแค่ไหน ก็แค่ช่วยยืดเวลาคนไข้เท่านั้น ยังไงก็ต้องตายหมด หมอก็ต้องตาย ... ไม่มีใครจะเป็นอมตะ ไม่ว่าวิทยาการจะเจริญไปแค่ไหน มันได้แค่ยืดเวลา ... แต่สำคัญกว่านั้นคือชีวิตหลังความตาย ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านยืนยันว่าตายแล้วมีเกิด และอาจจะเกิดได้ทั้งในอบายภูมิ รวมถึง สุคติภูมิ ... ซึ่งพอไปเกิดที่จุดๆนั้นแล้ว ระยะเวลาจะยาวนานกว่าการเกิดในภพมนุษย์มากๆ เป็นแสนๆปีบ้าง ล้านปีบ้าง ดังนั้นการมีชีวิตอยู่ในโลก ท่านจึงไม่ได้มองว่ามันสำคัญ สิ่งสำคัญคือเมื่อตายไปแล้วจะไปเกิดที่ไหน ... ดังนั้นในมุมมองนี้การมุ่งสอนให้คนทำความดี เพื่อให้ได้ไปเกิดในที่ที่ดี จึงมีความสำคัญกว่าหมอ ที่แค่ช่วยยืดชีวิต แต่ไม่ได้สอนให้คนทำความดี
... ยิ่งการสร้างวัด สร้างศาลา ยิ่งได้บุญใหญ่กว่าเดิม ใหญ่กว่าทำบุญกับพระ ... เพราะพระสงฆ์นั้น ก็เหมือนเรา คือยังไงก็ตาย แต่ถ้าคุณเอาเงินไปลงกับวัด กับศาลาธรรม ไอ้ของพวกนี้มันจะอยู่ได้หลายร้อยปี ถ้าไม่มีใครไปทุบทิ้ง และซึ่งจะสร้างสาธารณะประโยชน์ได้ในระยะยาวจึงได้บุญสูงสุด บางทีอนาคต คนเลวได้เข้ามานั่งในศาลาที่คุณบริจาคสร้าง มีโอกาสฟังธรรม ก็อาจกลับตัวเป็นดี แล้วไปเผยแพร่ความดีต่อ ... ผลประโยชน์มันทวีคูณ ดังนั้นจึงได้บุญสูงสุดครับ
เรื่องทำบุญนี่ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่ารู้จักเลือกเนื้อนาบุญ และหลักกว้างๆก็คือ
1.ทำบุญกับคนได้บุญมากกว่าสัตว์
2.การทำบุญกับคนดีได้บุญมากกว่าทำกับคนเลว
3.ทำบุญสร้างวิหารทาน ถาวรวัตถุ ถือว่าได้บุญสูงสุด
ที่เป็นลักษณะนี้ เพราะพระพุทธเจ้าท่านมองเรื่องบุญไม่ได้มองถึงความขาดแคลนของคนผู้รับทาน แต่ท่านมองถึงประโยชน์ที่ทอดยาวออกไป ... สมมุติคุณให้อาหารหมาแมว พวกมันกิน กินเสร็จก็นอน เดินเล่น กัดกันเองบ้าง แล้วก็กิน มันประโยชน์สั้น แล้วอายุก็สั้นด้วย แต่ถ้าคุณทำบุญช่วยคน คนๆนั้นอาจจะไปทำบุญต่อๆไปได้ หรืออย่างน้อยก็อายุยืนกว่าหมาแมว ดังนั้นจึงได้ประโยชน์กว่า ... และเพราะเหตุนี้การทำบุญกับพระสงฆ์จึงมักจะได้บุญมากกว่ากับคนทั่วไป เพราะท่านน่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นคนดี เมื่อท่านเป็นคนดี กินอิ่มแล้วท่านก็ไปทำดีช่วยคนต่อไป อีกอย่างนึง โดยเฉพาะถ้าโชคดีได้ทำกับพระที่บรรลุธรรมแล้ว จะได้ผลมหาศาลมากกว่าทำบุญกับคนอื่นๆหรือสัตว์เป็นหลายๆเท่าตัว ... ... อีกข้อก็คือการทำบุญกับพระสงฆ์นั้น พระสงฆ์ช่วยเผยแพร่คำสอนทางศาสนา คุณก็ต้องมาพิจารณาต่ออีกว่าคำสอนของทางศาสนามีประโยชน์อย่างไร ศาสนาพุทธสอนให้คนถือศีล 5 รู้จักเกรงกลัวต่อบาป ถ้าทุกๆคนยึดถือตามนี้ คุณคิดว่าโลกนี้จะมีความสุขไหม กับการที่ไม่มีคำสอนเหล่านี้ ... ก็จะเห็นได้ว่ามีประโยชน์
... คุณอาจจะมองว่าถ้าอย่างนั้น การทำบุญกับหมอหรือพยาบาลน่าจะดีกว่าหรือไม่ เพราะหมอกับพยาบาลสามารถช่วยชีวิตคนได้ ... อันนี้คุณก็ต้องเข้าใจหลักของศาสนาพุทธก่อน ... นั่นคือ ไม่ว่าชีวิตใดก็ตาม เกิดมาก็ต้องมีตาย ... พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการแพทย์เลย เพราะท่านรู้ ว่าหมอเก่งแค่ไหน ก็แค่ช่วยยืดเวลาคนไข้เท่านั้น ยังไงก็ต้องตายหมด หมอก็ต้องตาย ... ไม่มีใครจะเป็นอมตะ ไม่ว่าวิทยาการจะเจริญไปแค่ไหน มันได้แค่ยืดเวลา ... แต่สำคัญกว่านั้นคือชีวิตหลังความตาย ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านยืนยันว่าตายแล้วมีเกิด และอาจจะเกิดได้ทั้งในอบายภูมิ รวมถึง สุคติภูมิ ... ซึ่งพอไปเกิดที่จุดๆนั้นแล้ว ระยะเวลาจะยาวนานกว่าการเกิดในภพมนุษย์มากๆ เป็นแสนๆปีบ้าง ล้านปีบ้าง ดังนั้นการมีชีวิตอยู่ในโลก ท่านจึงไม่ได้มองว่ามันสำคัญ สิ่งสำคัญคือเมื่อตายไปแล้วจะไปเกิดที่ไหน ... ดังนั้นในมุมมองนี้การมุ่งสอนให้คนทำความดี เพื่อให้ได้ไปเกิดในที่ที่ดี จึงมีความสำคัญกว่าหมอ ที่แค่ช่วยยืดชีวิต แต่ไม่ได้สอนให้คนทำความดี
... ยิ่งการสร้างวัด สร้างศาลา ยิ่งได้บุญใหญ่กว่าเดิม ใหญ่กว่าทำบุญกับพระ ... เพราะพระสงฆ์นั้น ก็เหมือนเรา คือยังไงก็ตาย แต่ถ้าคุณเอาเงินไปลงกับวัด กับศาลาธรรม ไอ้ของพวกนี้มันจะอยู่ได้หลายร้อยปี ถ้าไม่มีใครไปทุบทิ้ง และซึ่งจะสร้างสาธารณะประโยชน์ได้ในระยะยาวจึงได้บุญสูงสุด บางทีอนาคต คนเลวได้เข้ามานั่งในศาลาที่คุณบริจาคสร้าง มีโอกาสฟังธรรม ก็อาจกลับตัวเป็นดี แล้วไปเผยแพร่ความดีต่อ ... ผลประโยชน์มันทวีคูณ ดังนั้นจึงได้บุญสูงสุดครับ
ความคิดเห็นที่ 4
พูดถึงวัดธรรมกาย นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่เป็นจุดด่างพร้อย ชั่วร้ายในวงการสงฆ์
ดุสิ่งปลูกสร้าง การสร้างกองกำลัง พวกโล้นห่มเหลือง ออกมาต่อสู้กับกฏหมายบ้านเมือง
การชักชวนคนทำบุญ ซื้อค้อนเคาะประตูสวรรค์ ทำเสาค้ำสวรรค์ อะไรเทือกนี้
พุทธศาสนิกชนที่ปากว่าใจบุญ มีธรรมะในใจ ปล่อยปละละเลยได้อย่างไร ?
ดุสิ่งปลูกสร้าง การสร้างกองกำลัง พวกโล้นห่มเหลือง ออกมาต่อสู้กับกฏหมายบ้านเมือง
การชักชวนคนทำบุญ ซื้อค้อนเคาะประตูสวรรค์ ทำเสาค้ำสวรรค์ อะไรเทือกนี้
พุทธศาสนิกชนที่ปากว่าใจบุญ มีธรรมะในใจ ปล่อยปละละเลยได้อย่างไร ?
ความคิดเห็นที่ 2
เพราะคุณเป็นความมั่นคงทางจิตใจให้เธอไม่ได้
ถ้าคุณรู้ศึกษามากพอ สร้างความมั่นคงในใจให้เธอได้ ก็แก้ปัญหาได้
คำถามเหล่านี้เต็มหัวคุณไปหมด
แต่นี้คุณเริ่มจากการ ไม่รู้ ไม่ศึกษา รำคาญ น่าลำบากใจจริงๆ
ที่จริงไม่จำเป็นต้องเป็นธรรมกาย แต่ที่ไหนเรื่องอื่นๆก็จะเป็นแบบเดียวกัน
อีกหน่อยถ้าเป็นครอบครัวเดียวกันยิ่งจะ น่าลำบากใจจริงๆ เพราะความ ไม่รู้ ไม่ศึกษา รำคาญ
เห็นแต่แง่ร้าย บั่นทอนชีวิตจริงๆ นี้ละ
บางที่ดีไม่ดีคุณเองนั้นละจะเป็นคน บั่นทอนชีวิตจริงๆคนรอบ้างคุณจากวิธีคิด ไม่รู้ ไม่ศึกษา รำคาญ
ทำให้ดีคือ เวลามีปัญหาอะไร
ลองมองในแง่จริงๆ เห็นข้อดี ข้อเสีย อดทนศึกษารายละเอียด ค่อยๆคิดแก้ปัญหาดูครับ
ทำจนในใจคุณมั่นคงพอเพราะมีหลักที่แน่นอน ที่จะ เป็นความมั่นคงทางจิตใจให้เธอได้ปัญหานี้จะน้อยลง
เช่นกรณี วัดนี้คุณไม่ชอบ
คุณไม่ชอบเพราะอะไร ผิดหลักอะไร หลักคืออะไร พระไตรปิฏกบทไหน อย่างไร
แล้ว แก้ไข อย่างไรวัดไหนมีสาระทางธรรมที่จะทำให้เธอก้าวหน้ากว่า ในสาระที่เธอต้องการ อย่าไรคุณก็ต้องแนะนำเธอได้
และไม่ใช่ทุกคนต้องการ ธรรมะนะ บางคนต้องการ..เงิน..ผู้ชายดีว่าเดิม....แก้ป่วยไข้...เยอะแยะที่คุณต้องหาให้เจออย่ารีบหงุดหงิด
เช่น ถ้าเธอต้องการ ผู้ชายดีว่าเดิม คุณก็ต้องปรับตัวอย่างไรเป็นต้นมีรายละเอียดมากมายครับ
แต่คงต้องเริ่มจาก อดทน ไม่รำคาญ ศึกษา
ถ้าคุณรู้ศึกษามากพอ สร้างความมั่นคงในใจให้เธอได้ ก็แก้ปัญหาได้
คำถามเหล่านี้เต็มหัวคุณไปหมด
แต่นี้คุณเริ่มจากการ ไม่รู้ ไม่ศึกษา รำคาญ น่าลำบากใจจริงๆ
ที่จริงไม่จำเป็นต้องเป็นธรรมกาย แต่ที่ไหนเรื่องอื่นๆก็จะเป็นแบบเดียวกัน
อีกหน่อยถ้าเป็นครอบครัวเดียวกันยิ่งจะ น่าลำบากใจจริงๆ เพราะความ ไม่รู้ ไม่ศึกษา รำคาญ
เห็นแต่แง่ร้าย บั่นทอนชีวิตจริงๆ นี้ละ
บางที่ดีไม่ดีคุณเองนั้นละจะเป็นคน บั่นทอนชีวิตจริงๆคนรอบ้างคุณจากวิธีคิด ไม่รู้ ไม่ศึกษา รำคาญ
ทำให้ดีคือ เวลามีปัญหาอะไร
ลองมองในแง่จริงๆ เห็นข้อดี ข้อเสีย อดทนศึกษารายละเอียด ค่อยๆคิดแก้ปัญหาดูครับ
ทำจนในใจคุณมั่นคงพอเพราะมีหลักที่แน่นอน ที่จะ เป็นความมั่นคงทางจิตใจให้เธอได้ปัญหานี้จะน้อยลง
เช่นกรณี วัดนี้คุณไม่ชอบ
คุณไม่ชอบเพราะอะไร ผิดหลักอะไร หลักคืออะไร พระไตรปิฏกบทไหน อย่างไร
แล้ว แก้ไข อย่างไรวัดไหนมีสาระทางธรรมที่จะทำให้เธอก้าวหน้ากว่า ในสาระที่เธอต้องการ อย่าไรคุณก็ต้องแนะนำเธอได้
และไม่ใช่ทุกคนต้องการ ธรรมะนะ บางคนต้องการ..เงิน..ผู้ชายดีว่าเดิม....แก้ป่วยไข้...เยอะแยะที่คุณต้องหาให้เจออย่ารีบหงุดหงิด
เช่น ถ้าเธอต้องการ ผู้ชายดีว่าเดิม คุณก็ต้องปรับตัวอย่างไรเป็นต้นมีรายละเอียดมากมายครับ
แต่คงต้องเริ่มจาก อดทน ไม่รำคาญ ศึกษา
แสดงความคิดเห็น
แฟนเป็นสาวกธรรมกาย ทำไงดีครับ