สวัสดีครับ ผมเป็นนักเรียนชั้น ม.6 ครับ
เรื่องมีอยู่ว่า ในกิจกรรมสวดมนต์ของโรงเรียนสามารถขาดได้ 4 ครั้ง แต่ผมขาดไป 5 ครั้ง จึงติดกิจกรรมสวดมนต์ซึ่งเป็นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ครับ
เนื่องด้วยในวันศุกร์คุณยายผมป่วยผมจึงขาดเรียน ขาดกิจกรรม แต่ก็ไม่ได้ลา นั่นจึงเป็นความผิดของผมด้วย จุดนี้ก็น้อมรับแต่โดยดีครับ
ซึ่งหากต้องผ่านกิจกรรมสวดมนต์ ต้องแก้โดยการที่ นร.ชาย ต้องบวช เป็นสามเณร นร.หญิง ต้องบวชชีพราหมณ์ ที่วัดป่าแห่งหนึ่ง เป้นเวลา 10 วัน 1-10 เมษายน 2561
โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่ได้ศรัทธาหรือเชื่อ ในสิ่งเหนือธรรมชาติทั้งหลาย ผี สาง เทวดา แต่ผมก็เชื่อในการทำความดี เป็นคนดี โดยยึดอยู่ในหลักของการใช้ชีวิตในสังคมที่ดี ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
เมื่อวานช่วงเย็น ผมกับผู้ปกครองเลยขอเข้าพบกับผู้อำนวยการโรงเรียน พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ
ผมไม่ได้ขอเว้นโทษการติดกิจกรรมนะครับ แต่ขอความเมตตาท่านผอ. อนุญาติให้ผมไม่บรรพชาได้หรือไม่ เพราะในเดือนนั้นเป็นช่วงที่ต้องดำเนินการต่างๆ เดี่ยวกับการศึกษาต่อมหาวิทยาลัย
โดยที่ผมยินดีจะทำกิจกรรมเพื่อสาธารณะประโยชน์ต่างๆ ด้วยความยินดี เช่น การช่วยงานต่างๆ ภายในวัด การปฏิบัติธรรมภายในวัด หรือทำความดีอื่นๆ
หรือหากต้องบวชจริงๆ ขอความเมตตาไปบวช ณ ที่วัดอื่นที่ใกล้บ้านได้หรือไม่ (เพราะหากการบวชเป็นการทำความดี ซึ่งขึ้นอยู่กับใจเรา ที่ไหนก็ไม่ค่างกันใช่หรือไม่) โดยขอความเมตตาอนุญาติให้บวชช่วง 10 วันก่อนเดือนเมษายน หลังจากสอบ 9 วิชาสามัญ วันที่ 17-18 ขอบวชก่อนในวันที่ 20-30 มีนาคม
จากนั้นผมจึงแสดงความคิดเห็นโดยให้เหตุผลกับท่านว่า การที่แก้กิจกรรมนี้ จุดประสงค์หลักคือการทำความดี การเป็นคนดีใช่หรือไม่
ซึ่งการทำความดีมีหลายรูปแบบ ผมจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องบรรพชาเป็นสามเณร จึงจะเป็นคนดีได้ภายในสังคม
ท่านผอ. กลับแสดงทัศนของท่านว่า จำเป็นต้องบวชเท่านั้น โดยท่านไม่ได้ฟังเหตุผล หรือข้อที่ขอความเมตตาข้างต้นเลย
ท่านว่า ซึ่งหากละเว้นไปหนึ่งคนแล้วคนอื่นๆ จะว่าอย่างไร ผมก็เข้าใจในจุดๆ นี้ครับว่าเป็นกฎระเบียบของทางโรงเรียน (แต่ผมคิดว่าเป็นการบังคับเกินไปหรือปล่าวครับ กับการที่ต้องบังคับให้บวช)
แต่ผมไม่ได้ขอละเว้นโทษนะครับ แต่แค่เจตนาขอเปลี่ยนวันเวลาเป็นก่อนกำหนดเพื่อให้สะดวกแก่นักเรียน ตามเหตุผลข้างต้น เท่านั้นเองครับ
ท่าน ผอ. กลับยืนยันคำเดิมโดยท่านว่า ในเมื่อเป็นชาวพุทธ มีศาสนาพุทธ ในบัตรประชาชนเราก็จำเป็นต้องทำตามนั้น
หากเธอไม่อยากบวช และไปเปลี่ยนศาสนามาเป็นคริสต์ ผอ. ก็สามารถให้เธอไปทำกิจกรรมกับคริสต์ได้ ( คือสรุปว่าการจะเป็นคนดี ต้องบวชอย่างเดียวเลยหรือครับ หรือผมต้องเปลี่ยนศาสนาเลยงั้นหรือ )
คือในความเห็นส่วนตัวผม การบวชเป็นการการันตีหรือว่าคนๆ นั้นจะเป็นคนดีจิงๆ หรือครับ..? ผมเองก็ไม่ได้จะติดสินบน ละเว้นโทษหรืออย่างไรนะครับ
แต่ขอความเมตตาในการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดบางอย่างมาทดแทน อย่างไม่เสียหายอะไร ซึ่งก็ตรงตามจุดประสงค์ของการทำความดี แต่ท่านกลับไม่ฟังเหตุผลใดๆ เลยหรือครับ
แล้วท่านอื่นคิดว่ายังไงกันครับ
คิดว่าเป็นการบังคับเกินไปหรือปล่าว
โรงเรียนบังคับให้บวช! เป็นการบังคับกันเกินไปหรือปล่าวครับ?
เรื่องมีอยู่ว่า ในกิจกรรมสวดมนต์ของโรงเรียนสามารถขาดได้ 4 ครั้ง แต่ผมขาดไป 5 ครั้ง จึงติดกิจกรรมสวดมนต์ซึ่งเป็นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ครับ
เนื่องด้วยในวันศุกร์คุณยายผมป่วยผมจึงขาดเรียน ขาดกิจกรรม แต่ก็ไม่ได้ลา นั่นจึงเป็นความผิดของผมด้วย จุดนี้ก็น้อมรับแต่โดยดีครับ
ซึ่งหากต้องผ่านกิจกรรมสวดมนต์ ต้องแก้โดยการที่ นร.ชาย ต้องบวช เป็นสามเณร นร.หญิง ต้องบวชชีพราหมณ์ ที่วัดป่าแห่งหนึ่ง เป้นเวลา 10 วัน 1-10 เมษายน 2561
โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่ได้ศรัทธาหรือเชื่อ ในสิ่งเหนือธรรมชาติทั้งหลาย ผี สาง เทวดา แต่ผมก็เชื่อในการทำความดี เป็นคนดี โดยยึดอยู่ในหลักของการใช้ชีวิตในสังคมที่ดี ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
เมื่อวานช่วงเย็น ผมกับผู้ปกครองเลยขอเข้าพบกับผู้อำนวยการโรงเรียน พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ
ผมไม่ได้ขอเว้นโทษการติดกิจกรรมนะครับ แต่ขอความเมตตาท่านผอ. อนุญาติให้ผมไม่บรรพชาได้หรือไม่ เพราะในเดือนนั้นเป็นช่วงที่ต้องดำเนินการต่างๆ เดี่ยวกับการศึกษาต่อมหาวิทยาลัย
โดยที่ผมยินดีจะทำกิจกรรมเพื่อสาธารณะประโยชน์ต่างๆ ด้วยความยินดี เช่น การช่วยงานต่างๆ ภายในวัด การปฏิบัติธรรมภายในวัด หรือทำความดีอื่นๆ
หรือหากต้องบวชจริงๆ ขอความเมตตาไปบวช ณ ที่วัดอื่นที่ใกล้บ้านได้หรือไม่ (เพราะหากการบวชเป็นการทำความดี ซึ่งขึ้นอยู่กับใจเรา ที่ไหนก็ไม่ค่างกันใช่หรือไม่) โดยขอความเมตตาอนุญาติให้บวชช่วง 10 วันก่อนเดือนเมษายน หลังจากสอบ 9 วิชาสามัญ วันที่ 17-18 ขอบวชก่อนในวันที่ 20-30 มีนาคม
จากนั้นผมจึงแสดงความคิดเห็นโดยให้เหตุผลกับท่านว่า การที่แก้กิจกรรมนี้ จุดประสงค์หลักคือการทำความดี การเป็นคนดีใช่หรือไม่
ซึ่งการทำความดีมีหลายรูปแบบ ผมจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องบรรพชาเป็นสามเณร จึงจะเป็นคนดีได้ภายในสังคม
ท่านผอ. กลับแสดงทัศนของท่านว่า จำเป็นต้องบวชเท่านั้น โดยท่านไม่ได้ฟังเหตุผล หรือข้อที่ขอความเมตตาข้างต้นเลย
ท่านว่า ซึ่งหากละเว้นไปหนึ่งคนแล้วคนอื่นๆ จะว่าอย่างไร ผมก็เข้าใจในจุดๆ นี้ครับว่าเป็นกฎระเบียบของทางโรงเรียน (แต่ผมคิดว่าเป็นการบังคับเกินไปหรือปล่าวครับ กับการที่ต้องบังคับให้บวช)
แต่ผมไม่ได้ขอละเว้นโทษนะครับ แต่แค่เจตนาขอเปลี่ยนวันเวลาเป็นก่อนกำหนดเพื่อให้สะดวกแก่นักเรียน ตามเหตุผลข้างต้น เท่านั้นเองครับ
ท่าน ผอ. กลับยืนยันคำเดิมโดยท่านว่า ในเมื่อเป็นชาวพุทธ มีศาสนาพุทธ ในบัตรประชาชนเราก็จำเป็นต้องทำตามนั้น
หากเธอไม่อยากบวช และไปเปลี่ยนศาสนามาเป็นคริสต์ ผอ. ก็สามารถให้เธอไปทำกิจกรรมกับคริสต์ได้ ( คือสรุปว่าการจะเป็นคนดี ต้องบวชอย่างเดียวเลยหรือครับ หรือผมต้องเปลี่ยนศาสนาเลยงั้นหรือ )
คือในความเห็นส่วนตัวผม การบวชเป็นการการันตีหรือว่าคนๆ นั้นจะเป็นคนดีจิงๆ หรือครับ..? ผมเองก็ไม่ได้จะติดสินบน ละเว้นโทษหรืออย่างไรนะครับ
แต่ขอความเมตตาในการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดบางอย่างมาทดแทน อย่างไม่เสียหายอะไร ซึ่งก็ตรงตามจุดประสงค์ของการทำความดี แต่ท่านกลับไม่ฟังเหตุผลใดๆ เลยหรือครับ
แล้วท่านอื่นคิดว่ายังไงกันครับ
คิดว่าเป็นการบังคับเกินไปหรือปล่าว