นับตั้งแต่ขายฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ออกจากทีมเมื่อช่วงเดือนมกราคม จนถึงบัดนี้เป็นระยะเวลาเกือบสองเดือนที่หงส์แดงไม่มีดาวเตะบราซิเลี่ยนอยู่ในทีม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อทีมมากมาย เราจึงได้วิเคราะห์ว่ามีอะไรบ้างที่ดีขึ้นนับตั้งแต่ขายเขาออกไป
1. ฟีร์มีโน่ เป็นศูนย์รวมของเกมบุก
ในช่วงที่คูตินโญ่ ยังในทีม ระบบการเล่นของลิเวอร์พูล มักจะใช้เขา เป็นตัวเซตเกมไปแดนหน้า แต่ ณ ปัจจุบัน เกมรุกของหงส์แดง มักจะใช้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เป็นศูนย์กลาง
กองหน้าตัวหลอก หรือ False 9 เป็นตัวขับเคลื่อนเกมรุก ทั้งการเล่นเวลามีบอลและไม่มีบอล การเคลื่อนที่ของเขาเป็นประโยชน์ต่อลิเวอร์พูล เป็นอย่างมาก ซึ่งการมีโมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ อยู่ทั้งสองฝั่งซ้าย-ขวา ก็เอื้อประโยชน์เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ฟีร์มีโน่ ยังมีประโยชน์ในการช่วยเกมรับ โดยเป็นผู้เล่นแนวรุกที่ช่วยแย่งบอลได้ดีมาก ในบางครั้งจะเห็นว่า ผู้เล่นหมายเลข 9 คนนี้ มักจะลงต่ำมาไล่บอลรวมถึงเป็นคนคอยเชื่อมเกมเอง
2. ฟาน ไดค์ และ โรเบิร์ตสัน นำมาซึ่งความแข็งแกร่ง
ก่อนหน้านี้ จุดอ่อนของลิเวอร์พูล ที่เห็นได้ชัดคือ เกมรับ จากการเข้ามาของเฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ด้วยค่าตัวมหาศาล แม้ในช่วงสองเกมแรกเจ้าตัวอาจยังปรับตัวไม่ได้มากนัก แต่หลังจากนั้น เห็นได้เลยว่า ฟาน ไดค์ คือคืนที่ช่วยยกระดับแนวรับของหงส์แดง ได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน
ส่วนอีกคนหนึ่งในแนวรับที่พัฒนาขึ้นได้อย่างชัดเจนคือ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ช่วงครึ่งซีซั่นแรกกับม้านั่งสำรอง แต่หลังจากนั้นมา เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้โอกาสแบ็กเลือดวิสกี้ ลงเป็นตัวจริงและทำหน้าที่ตอบแทนคล็อปป์ ได้เป็นอย่างดี
ผลพลอยได้จากสองคนนี้คือ ลิเวอร์พูล สามารถรักษาคลีนชีตได้บ่อยครั้งขึ้น ซึ่งเกมในวันเสาร์นี้ จะเป็นบททดสอบชั้นดี
3. อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ดีวันดีคืน
แชมเบอร์เลน มีความทรงจำช่วงต้นฤดูกาลไม่ดีนัก เขาลงสนามเมื่อครั้งสามชุดอาร์เซน่อล นัดสุดท้ายคือ แพ้ลิเวอร์พูล 0-4 ต่อมาพอย้ายมาถิ่นแอนฟิลด์ ก็เปิดตัวด้วยความพ่ายแพ้ต่อแมนฯซิตี้ 0-5 แต่ตอนนี้เจ้าตัวแสดงให้เห็นแล้วว่าจริงๆแล้วมีคุณภาพคับแก้วอยู่ในตัว
ตำแหน่งของแชมเบอร์เลน ในทีมลิเวอร์พูล คือมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งแตกต่างกับสมัยที่อยู่กับปืนใหญ่ และในตำแหน่งนี้นี่เองที่ทำให้เขาพัฒนาตัวเองขึ้นมาหลังจากการที่ทีมไม่มีคูตินโญ่
4. คาริอุส ไว้ใจได้
หากเป็นเมื่อก่อน หลายคนคงร้องยี้ หากได้เห็นชื่อของ ลอริส คาริอุส ยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริง ซึ่งในช่วงแรกที่คล็อปป์ มอบหมายให้เขาเป็นมือหนึ่งอย่างเต็มตัว ก็ถูกวิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่นอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม ฟอร์มช่วงหลังที่ผ่านมา เห็นได้ว่า ฝีมือและความมั่นใจของนายด่านเมืองเบียร์ พัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะช็อตบินเซฟลูกยิงของ โมฮาเหม็ด ดิยาเม่ ที่ทำให้หงส์แดงไม่เสียประตูในเกมที่เปิดบ้านเอาชนะนิวคาสเซิล 2-0
5. เพชรฆาตดาวยิง โมฮาเหม็ด ซาลาห์
คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณของดาวเตะอียิปต์คนนี้ ผลงาน 24 ประตูในลีก กับความเร็วที่ยากเกินจะรับมือ รวมถึงเท้าซ้ายสุดฉมัง สร้างประโยชน์ให้กับหงส์แดง มาหลายต่อหลายนัด
credit : www.siamsport.co.th
5 สิ่งที่เปลี่ยนแปลงเมื่อลิเวอร์พูลไม่มีคูตินโญ่
1. ฟีร์มีโน่ เป็นศูนย์รวมของเกมบุก
ในช่วงที่คูตินโญ่ ยังในทีม ระบบการเล่นของลิเวอร์พูล มักจะใช้เขา เป็นตัวเซตเกมไปแดนหน้า แต่ ณ ปัจจุบัน เกมรุกของหงส์แดง มักจะใช้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เป็นศูนย์กลาง
กองหน้าตัวหลอก หรือ False 9 เป็นตัวขับเคลื่อนเกมรุก ทั้งการเล่นเวลามีบอลและไม่มีบอล การเคลื่อนที่ของเขาเป็นประโยชน์ต่อลิเวอร์พูล เป็นอย่างมาก ซึ่งการมีโมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ อยู่ทั้งสองฝั่งซ้าย-ขวา ก็เอื้อประโยชน์เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ฟีร์มีโน่ ยังมีประโยชน์ในการช่วยเกมรับ โดยเป็นผู้เล่นแนวรุกที่ช่วยแย่งบอลได้ดีมาก ในบางครั้งจะเห็นว่า ผู้เล่นหมายเลข 9 คนนี้ มักจะลงต่ำมาไล่บอลรวมถึงเป็นคนคอยเชื่อมเกมเอง
2. ฟาน ไดค์ และ โรเบิร์ตสัน นำมาซึ่งความแข็งแกร่ง
ก่อนหน้านี้ จุดอ่อนของลิเวอร์พูล ที่เห็นได้ชัดคือ เกมรับ จากการเข้ามาของเฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ด้วยค่าตัวมหาศาล แม้ในช่วงสองเกมแรกเจ้าตัวอาจยังปรับตัวไม่ได้มากนัก แต่หลังจากนั้น เห็นได้เลยว่า ฟาน ไดค์ คือคืนที่ช่วยยกระดับแนวรับของหงส์แดง ได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน
ส่วนอีกคนหนึ่งในแนวรับที่พัฒนาขึ้นได้อย่างชัดเจนคือ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ช่วงครึ่งซีซั่นแรกกับม้านั่งสำรอง แต่หลังจากนั้นมา เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้โอกาสแบ็กเลือดวิสกี้ ลงเป็นตัวจริงและทำหน้าที่ตอบแทนคล็อปป์ ได้เป็นอย่างดี
ผลพลอยได้จากสองคนนี้คือ ลิเวอร์พูล สามารถรักษาคลีนชีตได้บ่อยครั้งขึ้น ซึ่งเกมในวันเสาร์นี้ จะเป็นบททดสอบชั้นดี
3. อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ดีวันดีคืน
แชมเบอร์เลน มีความทรงจำช่วงต้นฤดูกาลไม่ดีนัก เขาลงสนามเมื่อครั้งสามชุดอาร์เซน่อล นัดสุดท้ายคือ แพ้ลิเวอร์พูล 0-4 ต่อมาพอย้ายมาถิ่นแอนฟิลด์ ก็เปิดตัวด้วยความพ่ายแพ้ต่อแมนฯซิตี้ 0-5 แต่ตอนนี้เจ้าตัวแสดงให้เห็นแล้วว่าจริงๆแล้วมีคุณภาพคับแก้วอยู่ในตัว
ตำแหน่งของแชมเบอร์เลน ในทีมลิเวอร์พูล คือมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งแตกต่างกับสมัยที่อยู่กับปืนใหญ่ และในตำแหน่งนี้นี่เองที่ทำให้เขาพัฒนาตัวเองขึ้นมาหลังจากการที่ทีมไม่มีคูตินโญ่
4. คาริอุส ไว้ใจได้
หากเป็นเมื่อก่อน หลายคนคงร้องยี้ หากได้เห็นชื่อของ ลอริส คาริอุส ยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริง ซึ่งในช่วงแรกที่คล็อปป์ มอบหมายให้เขาเป็นมือหนึ่งอย่างเต็มตัว ก็ถูกวิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่นอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม ฟอร์มช่วงหลังที่ผ่านมา เห็นได้ว่า ฝีมือและความมั่นใจของนายด่านเมืองเบียร์ พัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะช็อตบินเซฟลูกยิงของ โมฮาเหม็ด ดิยาเม่ ที่ทำให้หงส์แดงไม่เสียประตูในเกมที่เปิดบ้านเอาชนะนิวคาสเซิล 2-0
5. เพชรฆาตดาวยิง โมฮาเหม็ด ซาลาห์
คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณของดาวเตะอียิปต์คนนี้ ผลงาน 24 ประตูในลีก กับความเร็วที่ยากเกินจะรับมือ รวมถึงเท้าซ้ายสุดฉมัง สร้างประโยชน์ให้กับหงส์แดง มาหลายต่อหลายนัด
credit : www.siamsport.co.th