Molly's Game (Aaron Sorkin, 2017) คะแนน B


By Form Corleone

"เรื่องราวของหญิงแกร่งผู้ต่อสู้ชีวิตบนฐานความถูกต้องในโลกอบายมุข" จุดแข็งของ 'Molly's Game' ที่คงปฏิเสธไม่ได้คือบทภาพยนตร์ที่มีพร้อมทั้งสาระและความเผ็ดมันส์ดุเดือด มีไดอะล็อกตอบโต้ระหว่างตัวละครแบบไม่ต้องหยุดพักตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่อง หนังใช้วิธีเล่าเรื่องโดยการ 'Flashback' ตัดสลับอดีตกับปัจจุบัน ทำให้เรามองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครหลัก 'มอลลี่ บลู (เจสสิกา แชสเทน)' กับครอบครัวโดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก ที่คนเป็นพ่อมีวิธีการเลี้ยงดูลูกสาวให้เติบโตมาเป็นคนในปัจจุบันและเดินทางมาถึงจุดพลิกผันในชีวิตของการเป็นเจ้าแม่โป๊กเกอร์ได้อย่างไร เรื่องราวไม่ได้สลับซับซ้อน วิธีเล่าเรื่องเป็นแบบเส้นตรงและสามารถเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับตัวละครได้อย่างครบเสมือนหนังสารคดี แม้ว่าจะกินเวลาค่อนข้างนานถึง 2 ชั่วโมง 20 นาที แต่ก็ไม่ได้มีช่วงเวลาไหนที่เริ่มรู้สึกเบื่อ เพราะหนังเองมีลำดับขั้นและการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างดี พร้อมด้วยนักแสดงที่รับส่งบทและตอบโต้กันได้สนุกสนาน แต่สิ่งหนึ่งที่น่าเสียดายคือหนังไม่มีจุดพีคหรือจุดที่พาเราไปมีส่วนร่วมและทิ้งเวลาให้เราพิจารณามองเห็นความเป็นตัวตนของ 'มอลลี่ บลู' อย่างเข้มข้นชัดเจน เราจึงได้รับสารในรูปแบบหนังชีวประวัติที่ง่ายๆธรรมดาๆเรื่องหนึ่ง ภาพรวมจึงออกมาเป็นโทนโลกสวยและฟีลกู๊ดทั้งที่จริงๆแล้วเรื่องราวในเรื่องนั้นเป็นสีเทาๆ เหนือสิ่งอื่นใด ช่วงระยะเวลาหนึ่งหนังเต็มไปด้วยคำศัพท์เกี่ยวกับการเล่นไพ่โป๊กเกอร์ที่ถูกบรรยายอย่างละเอียด ถ้าใครเล่นเป็นหรือชอบเล่นคงจะสนุกสนานแน่นอน แต่ถ้าใครเล่นไม่เป็นก็คงไม่ได้มีส่วนร่วมไปกับฉากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ 'มอลลี่ บลู' นั้นก็ยังน่าสนใจในความที่ครอบครัวไม่ได้เป็นคนชนชั้นล่างที่ต้องปากกัดตีนถีบหาเช้ากินค่ำ ครอบครัวของเธอนั้นมีพร้อมทางฐานะ และตัวเธอเองก็เป็นคนฉลาดที่มีความคิดและสามารถเข้าเรียนในระดับสูงได้ไม่ยาก รวมทั้งความสามารถทางด้านกีฬา เรียกว่ามีครบทุกด้าน แต่เธอกลับเลือกเส้นทางเป็นสาวเสิร์ฟและเข้าสู่แวดวงบ่อนการพนัน ความน่าสนใจหรือจุดเปลี่ยนในชีวิตที่มาจากตัวตนของเธอเองและมาจากครอบครัว จนไปถึงสภาพแวดล้อมต่างๆ จึงเป็นส่วนสำคัญที่สะท้อนให้ชีวิตคนๆหนึ่งอยากที่จะมีตัวตนขึ้นมาบนโลกใบนี้ หรือพยายามที่จะเอาชนะอำนาจบางอย่างที่ถูกกดทับจากเพศตรงข้าม แน่นอนว่า นัยยะหนึ่ง 'มอลลี่ บลู' สะท้อนการเป็นลูกสาวที่โดนพ่อเข้มงวดมาก จนอยากจะหลุดพ้นและโบยบินออกจากกรงขัง เพียงแต่เส้นทางที่เลือกนั้นมันไม่ง่ายและทำให้เธอหลงทางไปกับความเทาๆของโลกที่แยกขาวกับดำออกจากกันไม่ได้ชัดเจน สรุปท้ายสุด 'Molly's Game' สามารถพาเราไปเพลิดเพลินกับบทสนทนาที่สนุกสนานได้ตลอดรอดฝั่ง การเอาชนะปมด้อยบางอย่างในจิตใจและความแกร่งของหญิงสาวที่ค้นพบความหมายที่ตัวเองต้องการมากที่สุดในชีวิต...คือทั้งหมดที่เราได้รับจากภาพยนตร์เรื่องนี้...


ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ

ตัวอย่างหนัง

ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/