(ต่อจากกระทู้
https://ppantip.com/topic/37412327/)
หญิงอ้วนที่ปกติทำงานก็กินแรงชาวบ้านเขาอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมาเล่าเรื่องอะไรก็ไม่รู้ให้ฟังอีก เง็กนึกขุ่นใจ ปกติเคยขับผ่านช่วงนี้ตั้งแต่ยังไม่มืดไม่ค่ำ ก็ยังไม่ค่อยรู้สึกอะไรสักเท่าไหร่ แต่เพราะวันนี้จำเป็นต้องกลับค่ำเช่นนี้ ยิ่งฝนตกหนักแบบนี้ด้วย คิดแล้วก็ให้ขนลุกขนชัน
“ก็ไอ้รปภ.คนเก่าของที่นี่แหละที่มันเจอ นี่เรื่องจริงนะ มันบอกว่า ตอนมันขับรถผ่านตอนดึกๆ วันหนึ่ง ก็มีคนหัวขาดมายืนถือหัวตัวเองขอติดรถกลับบ้าน มันว่าร่างทั้งร่างนั้นชุ่มโชกไปด้วยเลือดแดงฉานน่าสยดสยองเป็นที่สุด หลังจากนั้นมันก็สติแตกลาออกไปเลย ยังจำกันได้ไหม? แล้วก็นะ ไหนจะยังมีคนเคยเห็นวิญญาณของผู้หญิงหน้าตาซีดเซียวเหมือนคนอมโรคมาขอขึ้นรถอีก แต่พอคนคนนั้นเลื่อนกระจกรถลงมาเท่านั้นแหละ โอ้ย! หน้าตาคนโบกงี้เละไม่เหลือเค้า ลูกตาถลนออกมานอกเบ้า แล้วทีนี้พอจะแสยะยิ้มนะ หน้าก็ค่อยๆ ปริแตกออก จนเห็นน้ำเลือด น้ำหนอง ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง ไม่อยากจะเล่าต่อเลยจริงๆ ... แล้วก็ยังมีอีกนะ ผีบางตัวของที่นั่นนะ ตอนโผล่มาตอนแรกงี้ เหมือนคนปกติทุกอย่าง แต่พอมีคนที่ขับรถ
ผ่านไปผ่านมาจอดถามเท่านั้นแหละ พวกนี่แหวกเลย จู่ๆ ก็เอามือแหวกอกล้วงเอา ตับ ไต ไส้ พุงออกมาให้ดูกันจะๆ กันตรงนั้นเลย” ยัยอ้วนเล่าอย่างออกรสออกชาติ ในขณะที่เง็กละอยากตบปากคนเล่านัก “นี่ขนาดไม่อยากเล่านะ” สาวโรงงานกัดฟันคิดตำหนิคนเล่าอยู่ภายในใจอย่างขุ่นเคือง
โธ่! แค่คิดถึง ฟันก็กระทบกันสั่นสะท้าน ไม่จำเป็นไม่อยากขับรถผ่านโค้งนี้ในตอนกลางคืนอย่างนี้เด็ดขาด...
ในขณะที่อีกด้านหนึ่งบนถนนเส้นเดียวกัน เอกชัยยังคงพารถแล่นมาตามถนนเจิ่งน้ำ ไม้ปัดน้ำฝนยังคงเคลื่อนขึ้นลงเป็นจังหวะ เครื่องยนต์ยังคงครางแข่งกับเสียงฟ้าร้องครืนครั่น ฤทธิ์แอลกอฮอล์เจืออยู่ในเส้นเลือดของคนที่นั่งประจำอยู่หลังพวงมาลัย ทำเอาเขารู้สึกหนักอึ้งที่เปลือกตาจนแทบลืมไม่ขึ้น สติสัมปชัญญะขาดการครอบครองจากเจ้าตัวอย่างสมบูรณ์พาให้รถทั้งคันแล่นไม่ตรงทางนัก บ่อยครั้งที่เขารู้สึกตาพร่าจนต้องยกมือขึ้นขยี้ตา แล้วเลื่อนไปทุบต้นคอให้คลายจากความง่วงงุน แต่แอลกอฮอล์และจังหวะเพลงมันๆ ก็ยังพาให้ใจโลดระลิ่ว แม้ข้างหน้าจะมีพายุฝนกระหน่ำก็ไม่ได้ทำให้เอกชัยคิดจะลดความเร็วของรถลงเลย จนกระทั่งมาถึง โค้งหักศอกระหว่างทางกลับบ้านที่เขากำลังจะขับผ่านได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้า
ผ้าแพรหลากสี กระทงริมทาง และศาลเพียงตา บ่งบอกอาณาเขตห้ามประมาท จุดนี้คือจุดที่มักจะเกิดอุบัติเหตุเสมอ นอกจากป้ายเตือนแล้ว ผ้าสี และกระทงใบตองริมทางมีความหมายเช่นเดียวกันว่า ที่นี่ มักจะมีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตเสมอๆ ไม่ว่าจะขับผ่านไปมากี่ครั้ง เอกชัยก็ไม่เคยรู้สึกดีกับที่นี่เอาเสียเลย พลัน! แอร์เย็นในรถเป่าลมแรงจนขนลุกวาบ เสียวสันหลังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอีกครั้ง
บ้าเอ้ย! เขาคิดในใจ มาถึงที่นี่ทีไรแอร์ในรถทำไมมันต้องเป่าลมซะเย็นจัดขึ้นทุกทีเลย
ชายหนุ่มหยุดฮัมเพลง บัดนี้ เสียงรอบด้านจึงเหลือเพียงเสียงฝน เสียงดนตรีจากเครื่องเสียงและเครื่องยนต์ที่ประสานกันเป็นจังหวะแปลกๆ เท่านั้น
“ไม่มีอะไรน่า ขับผ่านเส้นนี้ก็เคยออกจะหลายครั้งไม่เห็นมีอะไร” ชายหนุ่มพึมพำให้ตนเองฟัง เพื่อเพิ่มความกล้า ถ้าจะให้พูดตามตรง แม้เขาจะเคยขับผ่านมาหลายครั้งก็จริง แต่ก็ไม่เคยชอบใจที่นี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยเฉพาะถ้าต้องขับผ่านในตอนกลางคืนเช่นนี้
บรรยากาศตรงนี้มืดสนิท ไฟข้างทางก็ดับไปนานแล้วเพราะเสาไฟแถวนี้มักจะถูกรถเฉียวชนอยู่บ่อยๆ ตอนแรก ราชการก็มาเปลี่ยนให้ดีอยู่หรอก แต่เมื่อหลายๆ ครั้งเข้า ก็ไม่มีใครเอาใจใส่อีก จึงเหลือเพียงเสาบิดๆ เบี้ยวๆ และหลอดไฟที่ไม่มีโคมสายระโยงระยางมองดูไกลๆ ในที่มืดๆ เช่นนี้ราวกับคนแขวนคอ เพียงแต่เป็นคนตัวเล็กๆ เท่านั้น
เอกชัยสะบัดศีรษะไล่ความฟุ้งซ่าน ปกติแค่ต้องขับผ่านตรงนี้ก็น่ากลัวพออยู่แล้ว คืนนี้ยิ่งเดือนเสี้ยวแสงซีดสลัวๆ แถมยังมีลมมีฝนกระโซกอีก พัดกิ่งไม้ต้นไม้รอบข้างครางเป็นเสียงฮือๆ อย่างกับเสียงภูตผี หนังหัวของเอกชัยจึงถึงกับชายิบ เขาชะลอคันเร่งลงเล็กน้อยเมื่อเข้าสู่วงโค้งของถนน และคงจะพ้นผ่านเลยไปเหมือนเช่นทุกครั้ง ไม่รู้เป็นเพราะความเมาหรือเพราะอะไร ที่ทำให้วันนี้หางตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นชายผ้าสีขาวปลิวไสวอยู่ตรงกระจกฝั่งที่นั่งข้างคนขับ!
“พรึ่บ!!”
“อะไรวะ?” เขาถามตัวเองอย่างตื่นตระหนก เหลือบไปมองกระจกฝั่งที่นั่งข้างคนขับ เลือดในกายสูบฉีดพุ่งจี๊ดขึ้นไปตามขมับ ดันให้หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
จากระยะห่างเพียงไม่ถึงเมตร แลเห็นชายผ้าสีขาว ดูคล้ายผ้าดิบห่อศพห้อยลงมาจากหลังคารถของเขาเอง ถึงขั้นกับเหมือนจะเห็นว่ามีน้ำเลือดสีแดงคล้ำไหลลงมาตามแนวผ้าที่กำลังสะบัดไหวด้วยซ้ำ!
“เฮ้ย!” เพียงเท่านั้นเอกชัยก็ร้องลั่น
เสียงล้อรถบดกับพื้นถนนดังเอี๊ยด... ขณะรถแล่นผ่านโค้งหักศอก แต่ด้วยผิวถนนเจิ่งน้ำลื่น รถทั้งคันจึงเสียการควบคุม พุ่งข้ามไปยังเลนตรงข้าม แต่แล้วเอกชัยก็ต้องเบิกตากว้างจนหน่วยตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า เมื่อรถของเขากำลังพุ่งเข้าหาดวงไฟหน้ารถของมอเตอร์ไซด์ที่สาดจ้าอยู่กลางม่านฝน
“เอี๊ยด!!!” เสียงล้อบดเบียดกับถนนดังสนั่นแข่งกับสายฝน ตัวรถบิดส่ายระริกอย่างน่ากลัว แต่ก็พาให้รถทั้งสองคันรอดจากประสานงากันได้อย่างหวุดหวิด
“ตุ้บ...!!” แต่... ก็ดูเหมือนว่าจะไม่พ้นไปเสียทั้งหมด! เสียงทึบๆ เกิดขึ้นที่กระโปรงหรือไม่ก็กันชนด้านหน้าฝั่งคนขับไม่หนักนัก และก็ไม่ใช่เสียงโลหะที่ประกอบเป็นตัวรถปะทะกันอย่างที่คิด ดูเหมือนว่าแม้จะหักเลี้ยวจนเกือบพ้น แต่รถของเขาก็ยังเฉียวชนอะไรสักอย่างที่นุ่มและซับแรงได้ดีที่ติดอยู่ตรงหลังรถมอเตอร์ไซค์ที่สวนมาคันนั้นเข้าจนได้ ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้ร่างบนมอเตอร์ไซค์คันนั้นเสียหลักนั้นพุ่งลงไปกระแทกเข้าอย่างจังกับพื้นถนน ก่อนจะครูดห่างออกจากจุดเฉียวชนไปหลายเมตร ร่างที่เหมือนเศษผ้านั้นไหลไปกองหยุดอยู่ตรงขอบรั้วกันชนบุบบีบบู้บี้ข้างทางราวกับผ้าขี้ริ้วกองใหญ่ที่แน่นิ่งและไม่ไหวติง! ไม่มีแม้แต่เสียงร้อง!! สิ่งที่บ่งบอกว่าสิ่งนั้นเป็นมนุษย์ หรืออย่างน้อยก็เคยเป็นมนุษย์มาก่อน มีเพียงเลือดสีแดงฉานที่ไหลนองไปกับสายฝนบนพื้นถนนเท่านั้น
“
แล้ว!”
เอกชัยสั่นระริกต่อเหตุการณ์ชั่วพริบตาที่เกิดขึ้นต่อหน้า หัวใจสั่นระรั่ว หอบหายใจแรงราวกับสัตว์ป่าที่กำลังตื่นตระหนก มือที่จับพวงมาลัยสั่นเทิ้ม “ลงไปดูไหม?” “ตายหรือยัง?” คำถามมากมายผุดขึ้นในใจพร้อมกัน แต่สมองของเขาตอนนี้ตีบตันคิดอะไรไม่ออกแล้ว นอกจากสิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นวาบขึ้นมา “ไม่ได้!” และ “หนี!!” เขาจะต้องหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะมีใครมาเห็นเข้า เขาดื่มเหล้า...เมาแล้วขับขืนถูกจับโทษหนักแน่!! ตรงนี้เป็นโค้งอันตรายอยู่แล้ว ฝนตกถนนลื่น... ผู้หญิงคนนั้นรถล้มหัวน็อคพื้นไปเองไม่เกี่ยวอะไรกับเขา หรือไม่ก็เป็นเพราะผีทางโค้งนั้น... ใช่! ผีผ้าแพรนั่นทำ ไม่ใช่เขา เขาเพียงแต่ขับรถผ่านมาเห็นเหตุการณ์เท่านั้น!! เอกชัยพร่ำบอกตนเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่ภายในใจราวกับพยายามสะกดจิตตัวเอง เท้าเหยียบคันเร่งพารถทั้งคันแล่นไปเรื่อยๆ หวังให้หยาดน้ำฝนชะล้างคราบเลือดที่
อาจจะติดอยู่ตามล้อและกันชนหน้า หัวสมองของเขาหนักอึ้งจนไม่ได้ยินเสียงบางสิ่งที่ถูกลากครูดไปกับพื้นไปพร้อมกับรถของเขาเสียแล้ว
“ครืด...”
ทันทีที่ขับรถกลับมาจอดตรงที่จอดรถหน้าห้องเช่า เอกชัยรู้สึกว่าขาของตนเองช่างหนักนักจนแทบจะยกไม่ขึ้น ลงจากรถไม่ได้... แม้เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงอาการว่าเขาหวาดกลัวกับสิ่งที่ได้ตัดสินใจกระทำลงไปเพียงเสี้ยววินาทีนั้น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนสายตาไปยังล้อและกันชนหน้าตรงที่คิดว่าน่าจะเป็นจุดเฉียวชนเข้ากับมอเตอร์ไซค์คันนั้น ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อ... ไม่พบรอยเลือดแม้แต่หยดเดียว แต่เป็นไปได้อย่างไร? จริงสิ!! กล่อง! ก่อนจะเกิดการเฉียวชนกันเขาเหมือนจะเห็นกล่องๆ หนึ่งถูกรัดตั้งเอาไว้ที่เบาะหลัง คงเพราะตอนเฉียวชนกัน รถของเขาเฉียวโดนเพียงแค่กล่องนั้นเท่านั้น และดูเหมือนจะเป็นกล่องกระดาษเสียด้วยจึงไม่มีรอยอะไรติดรถ ว่าแต่... ในกล่องนั้นบรรจุอะไรเอาไว้กันนะ? แม้จะสงสัย แต่ก็ไม่ใช่ธุระ แค่นี้ก็พอจะโล่งใจไปได้บ้างแล้ว
ไม่มีใครเห็น!? เขาพยายามเค้นสมองย้อนคิดกลับไป เอกชัยแทบจะมั่นใจได้ว่าไม่มีใครเห็นเหตุการณ์เมื่อกี้แน่ๆ ตรงนั้นเป็นจุดเปลี่ยวและเมื่อไม่มีร่องรอยเฉี่ยวชนติดที่ตัวรถของเขาแล้ว หลักฐานใดๆ ที่จะสาวมาถึงตัวเขาก็ย่อมไม่มี! คิดได้ดังนั้นแล้ว ก็รีบสาวเท้ากลับเข้าห้องเช่า อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วล้มตัวนอนลงบนเตียงทันที
ก่อนนอน ยังคิดอยู่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แม้จะสะลึมสะลือด้วยความอ่อนเพลีย แต่กลับไม่อาจข่มตา ในหัวมีแต่ภาพกองผ้าเก่าๆ ที่กองอยู่ข้างถนน และเลือด
เอกชัยดีดตัวผึงลุกขึ้นนั่ง ฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเส้นเลือดกำลังแสดงผลของมันด้วยการบีบรัดเส้นเลือดในกะโหลกศีรษะของเขาให้หดและขยาย พาให้เขารู้สึกปวดศีรษะจนแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ดวงตาทั้งคู่ร้อนผ่าวราวกับถูกนาบด้วยถ่านไฟร้อนแดง เปลือกตาหนักอึ้งแต่ก็เหมือนมีมือแข็งแรงของใครคนหนึ่งเข้ามาถ่างตา
จนไม่อาจข่มลงได้ โสตประสาทแว่วเสียงริ้งๆ เสียงปะทะกันดังตุ้บ! ชัดเจนอยู่ในหัวซ้ำๆ ซากๆ เป็นการหลับที่ทรมานยิ่งกว่าการอดหลับอดนอนเสียอีก
“พี่ช่วยหนูด้วย หนูเจ็บ พี่ อย่าเพิ่งไป กลับมาช่วยหนูก่อน” ทุกครั้งที่เผลอไผลงีบหลับ ในมโนสมองก็แว่วเสียงนั้นดังซ้ำไปซ้ำมาจากกองผ้าที่เหมือนเศษผ้าขี้ริ้วที่กองอยู่ข้างทาง ซ้ำๆ ซากๆ
“ไม่... มันเป็นอุบัติเหตุ มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันไม่ได้เฉียวใคร เธอล้มไปเองต่างหากละ” น้ำเสียงภายในใจของเอกชัยที่โต้ตอบออกไปสั่นระริก
“ถ้าพี่ไม่ได้เฉี่ยว แล้วรถหนูจะล้มได้ยังไง? แล้วพี่จะหนีทำไม กลับมาก่อน มาช่วยหนูก่อน...” คำถามนั้นยังคงมีมาต่อเรื่อยๆ บางครั้งก็เหมือนดังมาจากที่ไกลแสนไกล แต่บางครั้งก็เหมือนใกล้ ไม่สิ เขารู้ดี ว่ามัน... ดังอยู่ในหัวของเขานี่เอง! เขากำลังฟุ้งซ่านเป็นบ้าเป็นหลังกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสินะ มือหนาถูกยกขึ้นปิดหูทั้งสองแน่น นิ้วแข็งแรงบีบใบหูแรงจนรู้สึกเจ็บ แต่เขาก็ยังคงได้ยินคำถามวนเวียนอยู่ในหัวไม่ยอมหาย
ความทรมานเช่นนั้นเวียนไป จนกระทั่งเช้า จึงทุเลาลงไปบ้าง เอกชัยฝืนตัวขึ้นจากเตียง ผวากับกองเสื้อผ้าของตัวเองที่ถอดกองทิ้งไว้ข้างห้อง สบถด่าหลายคำ ก่อนจะถีบผ้าห่มออกไปจากตัวอย่างหัวเสีย เขาไม่สามารถทนอยู่ในห้องนี้ต่อไปได้อีก จึงเดินเลี่ยงกองผ้าไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมขับรถไปทำงาน
ชายหนุ่มสูดหายใจลึกยาวเมื่อต้องออกมาจากห้อง เพื่อเผชิญหน้ากับรถที่เขาจอดทิ้งเอาไว้ พลันก็รู้สึกชาวาบไปทั้งตัว ตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้า คราบโคลนสีเลือดที่เขามองไม่เห็นเมื่อคืนติดเป็นริ้วอยู่ที่ฝากระโปรง
“อะไรวะ? ทำไมเมื่อคืนถึงไม่เห็น” ชายหนุ่มมึนหัวตึ๊บ เขาคิดว่าเขาดูดีแล้วนะ แต่... อาจจะเป็นเพราะความตกใจ และความมืดจึงทำให้ดูไม่ทั่วถ้วน ใช้เวลาไม่นานนักในการตั้งสติ
เอกชัยกลับเข้าบ้านหยิบอุปกรณ์ล้างรถออกมาจัดการกับคราบที่เห็น มีรอยขีดข่วนเล็กน้อยอยู่ใต้คราบโคลนสีเลือดคล้ำนั้น แต่ ก็ไม่ใช่รอยลึกอะไร เขามีที่ขัดสีรถติดบ้านอยู่แล้วน่าจะสามารถจัดการลบรอยพวกนี้ออกไปได้ ด้วยอุปกรณ์ที่เพียบพร้อมที่เขามี รับรองหลังขัดล้างเสร็จ รถทั้งคันจะสะอาดเอี่ยมเหมือนกับวันแรกที่ดาวน์ออกมาจากโชว์รูมไม่มีผิด
เมื่อขนอุปกรณ์ออกมาจนครบ กำลังก้มตัวลงจะลงมือขัดล้างอยู่นั้น เงารูปร่างเหมือนคนเงาหนึ่งก็ปรากฏอยู่ใต้ท้องรถ...
“อ๊ะ!”
ตุ๊กตาตัวใหญ่ตัวหนึ่งนอนแผ่ติดอยู่ใต้ท้องรถแทบจะทำให้ชายหนุ่มเป็นลมหงายหลัง ทั้งตัวเปื้อนไปด้วยคราบสีแดงคล้ำ คงจะเป็นโคลนจากฝนเมื่อคืน หรือไม่ก็... เลือด!? ติดอยู่ที่ใต้กระโปรงหน้ารถ ตรงกันชน ทั้งที่เมื่อคืนเขาก็ดูดีจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรแท้ๆ แล้วนี่มันมาอยู่ตรงนั้นได้ยังไง? หรือไอ้ตุ๊กตาตัวนี้จะเป็นของที่อยู่ในกล่องกระดาษหลังรถมอเตอร์ไซค์คันนั้น!? คิดแล้วเย็นสันหลังวาบ!
รวมเรื่องสั้นผีเปิดหลุม หลุมที่ 1 (จบตอน) ตุ๊กตาหน้ารถ (ตอนจบ)
หญิงอ้วนที่ปกติทำงานก็กินแรงชาวบ้านเขาอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมาเล่าเรื่องอะไรก็ไม่รู้ให้ฟังอีก เง็กนึกขุ่นใจ ปกติเคยขับผ่านช่วงนี้ตั้งแต่ยังไม่มืดไม่ค่ำ ก็ยังไม่ค่อยรู้สึกอะไรสักเท่าไหร่ แต่เพราะวันนี้จำเป็นต้องกลับค่ำเช่นนี้ ยิ่งฝนตกหนักแบบนี้ด้วย คิดแล้วก็ให้ขนลุกขนชัน
“ก็ไอ้รปภ.คนเก่าของที่นี่แหละที่มันเจอ นี่เรื่องจริงนะ มันบอกว่า ตอนมันขับรถผ่านตอนดึกๆ วันหนึ่ง ก็มีคนหัวขาดมายืนถือหัวตัวเองขอติดรถกลับบ้าน มันว่าร่างทั้งร่างนั้นชุ่มโชกไปด้วยเลือดแดงฉานน่าสยดสยองเป็นที่สุด หลังจากนั้นมันก็สติแตกลาออกไปเลย ยังจำกันได้ไหม? แล้วก็นะ ไหนจะยังมีคนเคยเห็นวิญญาณของผู้หญิงหน้าตาซีดเซียวเหมือนคนอมโรคมาขอขึ้นรถอีก แต่พอคนคนนั้นเลื่อนกระจกรถลงมาเท่านั้นแหละ โอ้ย! หน้าตาคนโบกงี้เละไม่เหลือเค้า ลูกตาถลนออกมานอกเบ้า แล้วทีนี้พอจะแสยะยิ้มนะ หน้าก็ค่อยๆ ปริแตกออก จนเห็นน้ำเลือด น้ำหนอง ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง ไม่อยากจะเล่าต่อเลยจริงๆ ... แล้วก็ยังมีอีกนะ ผีบางตัวของที่นั่นนะ ตอนโผล่มาตอนแรกงี้ เหมือนคนปกติทุกอย่าง แต่พอมีคนที่ขับรถ
ผ่านไปผ่านมาจอดถามเท่านั้นแหละ พวกนี่แหวกเลย จู่ๆ ก็เอามือแหวกอกล้วงเอา ตับ ไต ไส้ พุงออกมาให้ดูกันจะๆ กันตรงนั้นเลย” ยัยอ้วนเล่าอย่างออกรสออกชาติ ในขณะที่เง็กละอยากตบปากคนเล่านัก “นี่ขนาดไม่อยากเล่านะ” สาวโรงงานกัดฟันคิดตำหนิคนเล่าอยู่ภายในใจอย่างขุ่นเคือง
โธ่! แค่คิดถึง ฟันก็กระทบกันสั่นสะท้าน ไม่จำเป็นไม่อยากขับรถผ่านโค้งนี้ในตอนกลางคืนอย่างนี้เด็ดขาด...
ในขณะที่อีกด้านหนึ่งบนถนนเส้นเดียวกัน เอกชัยยังคงพารถแล่นมาตามถนนเจิ่งน้ำ ไม้ปัดน้ำฝนยังคงเคลื่อนขึ้นลงเป็นจังหวะ เครื่องยนต์ยังคงครางแข่งกับเสียงฟ้าร้องครืนครั่น ฤทธิ์แอลกอฮอล์เจืออยู่ในเส้นเลือดของคนที่นั่งประจำอยู่หลังพวงมาลัย ทำเอาเขารู้สึกหนักอึ้งที่เปลือกตาจนแทบลืมไม่ขึ้น สติสัมปชัญญะขาดการครอบครองจากเจ้าตัวอย่างสมบูรณ์พาให้รถทั้งคันแล่นไม่ตรงทางนัก บ่อยครั้งที่เขารู้สึกตาพร่าจนต้องยกมือขึ้นขยี้ตา แล้วเลื่อนไปทุบต้นคอให้คลายจากความง่วงงุน แต่แอลกอฮอล์และจังหวะเพลงมันๆ ก็ยังพาให้ใจโลดระลิ่ว แม้ข้างหน้าจะมีพายุฝนกระหน่ำก็ไม่ได้ทำให้เอกชัยคิดจะลดความเร็วของรถลงเลย จนกระทั่งมาถึง โค้งหักศอกระหว่างทางกลับบ้านที่เขากำลังจะขับผ่านได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้า
ผ้าแพรหลากสี กระทงริมทาง และศาลเพียงตา บ่งบอกอาณาเขตห้ามประมาท จุดนี้คือจุดที่มักจะเกิดอุบัติเหตุเสมอ นอกจากป้ายเตือนแล้ว ผ้าสี และกระทงใบตองริมทางมีความหมายเช่นเดียวกันว่า ที่นี่ มักจะมีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตเสมอๆ ไม่ว่าจะขับผ่านไปมากี่ครั้ง เอกชัยก็ไม่เคยรู้สึกดีกับที่นี่เอาเสียเลย พลัน! แอร์เย็นในรถเป่าลมแรงจนขนลุกวาบ เสียวสันหลังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอีกครั้ง
บ้าเอ้ย! เขาคิดในใจ มาถึงที่นี่ทีไรแอร์ในรถทำไมมันต้องเป่าลมซะเย็นจัดขึ้นทุกทีเลย
ชายหนุ่มหยุดฮัมเพลง บัดนี้ เสียงรอบด้านจึงเหลือเพียงเสียงฝน เสียงดนตรีจากเครื่องเสียงและเครื่องยนต์ที่ประสานกันเป็นจังหวะแปลกๆ เท่านั้น
“ไม่มีอะไรน่า ขับผ่านเส้นนี้ก็เคยออกจะหลายครั้งไม่เห็นมีอะไร” ชายหนุ่มพึมพำให้ตนเองฟัง เพื่อเพิ่มความกล้า ถ้าจะให้พูดตามตรง แม้เขาจะเคยขับผ่านมาหลายครั้งก็จริง แต่ก็ไม่เคยชอบใจที่นี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยเฉพาะถ้าต้องขับผ่านในตอนกลางคืนเช่นนี้
บรรยากาศตรงนี้มืดสนิท ไฟข้างทางก็ดับไปนานแล้วเพราะเสาไฟแถวนี้มักจะถูกรถเฉียวชนอยู่บ่อยๆ ตอนแรก ราชการก็มาเปลี่ยนให้ดีอยู่หรอก แต่เมื่อหลายๆ ครั้งเข้า ก็ไม่มีใครเอาใจใส่อีก จึงเหลือเพียงเสาบิดๆ เบี้ยวๆ และหลอดไฟที่ไม่มีโคมสายระโยงระยางมองดูไกลๆ ในที่มืดๆ เช่นนี้ราวกับคนแขวนคอ เพียงแต่เป็นคนตัวเล็กๆ เท่านั้น
เอกชัยสะบัดศีรษะไล่ความฟุ้งซ่าน ปกติแค่ต้องขับผ่านตรงนี้ก็น่ากลัวพออยู่แล้ว คืนนี้ยิ่งเดือนเสี้ยวแสงซีดสลัวๆ แถมยังมีลมมีฝนกระโซกอีก พัดกิ่งไม้ต้นไม้รอบข้างครางเป็นเสียงฮือๆ อย่างกับเสียงภูตผี หนังหัวของเอกชัยจึงถึงกับชายิบ เขาชะลอคันเร่งลงเล็กน้อยเมื่อเข้าสู่วงโค้งของถนน และคงจะพ้นผ่านเลยไปเหมือนเช่นทุกครั้ง ไม่รู้เป็นเพราะความเมาหรือเพราะอะไร ที่ทำให้วันนี้หางตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นชายผ้าสีขาวปลิวไสวอยู่ตรงกระจกฝั่งที่นั่งข้างคนขับ!
“พรึ่บ!!”
“อะไรวะ?” เขาถามตัวเองอย่างตื่นตระหนก เหลือบไปมองกระจกฝั่งที่นั่งข้างคนขับ เลือดในกายสูบฉีดพุ่งจี๊ดขึ้นไปตามขมับ ดันให้หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
จากระยะห่างเพียงไม่ถึงเมตร แลเห็นชายผ้าสีขาว ดูคล้ายผ้าดิบห่อศพห้อยลงมาจากหลังคารถของเขาเอง ถึงขั้นกับเหมือนจะเห็นว่ามีน้ำเลือดสีแดงคล้ำไหลลงมาตามแนวผ้าที่กำลังสะบัดไหวด้วยซ้ำ!
“เฮ้ย!” เพียงเท่านั้นเอกชัยก็ร้องลั่น
เสียงล้อรถบดกับพื้นถนนดังเอี๊ยด... ขณะรถแล่นผ่านโค้งหักศอก แต่ด้วยผิวถนนเจิ่งน้ำลื่น รถทั้งคันจึงเสียการควบคุม พุ่งข้ามไปยังเลนตรงข้าม แต่แล้วเอกชัยก็ต้องเบิกตากว้างจนหน่วยตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า เมื่อรถของเขากำลังพุ่งเข้าหาดวงไฟหน้ารถของมอเตอร์ไซด์ที่สาดจ้าอยู่กลางม่านฝน
“เอี๊ยด!!!” เสียงล้อบดเบียดกับถนนดังสนั่นแข่งกับสายฝน ตัวรถบิดส่ายระริกอย่างน่ากลัว แต่ก็พาให้รถทั้งสองคันรอดจากประสานงากันได้อย่างหวุดหวิด
“ตุ้บ...!!” แต่... ก็ดูเหมือนว่าจะไม่พ้นไปเสียทั้งหมด! เสียงทึบๆ เกิดขึ้นที่กระโปรงหรือไม่ก็กันชนด้านหน้าฝั่งคนขับไม่หนักนัก และก็ไม่ใช่เสียงโลหะที่ประกอบเป็นตัวรถปะทะกันอย่างที่คิด ดูเหมือนว่าแม้จะหักเลี้ยวจนเกือบพ้น แต่รถของเขาก็ยังเฉียวชนอะไรสักอย่างที่นุ่มและซับแรงได้ดีที่ติดอยู่ตรงหลังรถมอเตอร์ไซค์ที่สวนมาคันนั้นเข้าจนได้ ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้ร่างบนมอเตอร์ไซค์คันนั้นเสียหลักนั้นพุ่งลงไปกระแทกเข้าอย่างจังกับพื้นถนน ก่อนจะครูดห่างออกจากจุดเฉียวชนไปหลายเมตร ร่างที่เหมือนเศษผ้านั้นไหลไปกองหยุดอยู่ตรงขอบรั้วกันชนบุบบีบบู้บี้ข้างทางราวกับผ้าขี้ริ้วกองใหญ่ที่แน่นิ่งและไม่ไหวติง! ไม่มีแม้แต่เสียงร้อง!! สิ่งที่บ่งบอกว่าสิ่งนั้นเป็นมนุษย์ หรืออย่างน้อยก็เคยเป็นมนุษย์มาก่อน มีเพียงเลือดสีแดงฉานที่ไหลนองไปกับสายฝนบนพื้นถนนเท่านั้น
“แล้ว!”
เอกชัยสั่นระริกต่อเหตุการณ์ชั่วพริบตาที่เกิดขึ้นต่อหน้า หัวใจสั่นระรั่ว หอบหายใจแรงราวกับสัตว์ป่าที่กำลังตื่นตระหนก มือที่จับพวงมาลัยสั่นเทิ้ม “ลงไปดูไหม?” “ตายหรือยัง?” คำถามมากมายผุดขึ้นในใจพร้อมกัน แต่สมองของเขาตอนนี้ตีบตันคิดอะไรไม่ออกแล้ว นอกจากสิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นวาบขึ้นมา “ไม่ได้!” และ “หนี!!” เขาจะต้องหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะมีใครมาเห็นเข้า เขาดื่มเหล้า...เมาแล้วขับขืนถูกจับโทษหนักแน่!! ตรงนี้เป็นโค้งอันตรายอยู่แล้ว ฝนตกถนนลื่น... ผู้หญิงคนนั้นรถล้มหัวน็อคพื้นไปเองไม่เกี่ยวอะไรกับเขา หรือไม่ก็เป็นเพราะผีทางโค้งนั้น... ใช่! ผีผ้าแพรนั่นทำ ไม่ใช่เขา เขาเพียงแต่ขับรถผ่านมาเห็นเหตุการณ์เท่านั้น!! เอกชัยพร่ำบอกตนเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่ภายในใจราวกับพยายามสะกดจิตตัวเอง เท้าเหยียบคันเร่งพารถทั้งคันแล่นไปเรื่อยๆ หวังให้หยาดน้ำฝนชะล้างคราบเลือดที่
อาจจะติดอยู่ตามล้อและกันชนหน้า หัวสมองของเขาหนักอึ้งจนไม่ได้ยินเสียงบางสิ่งที่ถูกลากครูดไปกับพื้นไปพร้อมกับรถของเขาเสียแล้ว
“ครืด...”
ทันทีที่ขับรถกลับมาจอดตรงที่จอดรถหน้าห้องเช่า เอกชัยรู้สึกว่าขาของตนเองช่างหนักนักจนแทบจะยกไม่ขึ้น ลงจากรถไม่ได้... แม้เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงอาการว่าเขาหวาดกลัวกับสิ่งที่ได้ตัดสินใจกระทำลงไปเพียงเสี้ยววินาทีนั้น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนสายตาไปยังล้อและกันชนหน้าตรงที่คิดว่าน่าจะเป็นจุดเฉียวชนเข้ากับมอเตอร์ไซค์คันนั้น ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อ... ไม่พบรอยเลือดแม้แต่หยดเดียว แต่เป็นไปได้อย่างไร? จริงสิ!! กล่อง! ก่อนจะเกิดการเฉียวชนกันเขาเหมือนจะเห็นกล่องๆ หนึ่งถูกรัดตั้งเอาไว้ที่เบาะหลัง คงเพราะตอนเฉียวชนกัน รถของเขาเฉียวโดนเพียงแค่กล่องนั้นเท่านั้น และดูเหมือนจะเป็นกล่องกระดาษเสียด้วยจึงไม่มีรอยอะไรติดรถ ว่าแต่... ในกล่องนั้นบรรจุอะไรเอาไว้กันนะ? แม้จะสงสัย แต่ก็ไม่ใช่ธุระ แค่นี้ก็พอจะโล่งใจไปได้บ้างแล้ว
ไม่มีใครเห็น!? เขาพยายามเค้นสมองย้อนคิดกลับไป เอกชัยแทบจะมั่นใจได้ว่าไม่มีใครเห็นเหตุการณ์เมื่อกี้แน่ๆ ตรงนั้นเป็นจุดเปลี่ยวและเมื่อไม่มีร่องรอยเฉี่ยวชนติดที่ตัวรถของเขาแล้ว หลักฐานใดๆ ที่จะสาวมาถึงตัวเขาก็ย่อมไม่มี! คิดได้ดังนั้นแล้ว ก็รีบสาวเท้ากลับเข้าห้องเช่า อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วล้มตัวนอนลงบนเตียงทันที
ก่อนนอน ยังคิดอยู่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แม้จะสะลึมสะลือด้วยความอ่อนเพลีย แต่กลับไม่อาจข่มตา ในหัวมีแต่ภาพกองผ้าเก่าๆ ที่กองอยู่ข้างถนน และเลือด
เอกชัยดีดตัวผึงลุกขึ้นนั่ง ฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเส้นเลือดกำลังแสดงผลของมันด้วยการบีบรัดเส้นเลือดในกะโหลกศีรษะของเขาให้หดและขยาย พาให้เขารู้สึกปวดศีรษะจนแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ดวงตาทั้งคู่ร้อนผ่าวราวกับถูกนาบด้วยถ่านไฟร้อนแดง เปลือกตาหนักอึ้งแต่ก็เหมือนมีมือแข็งแรงของใครคนหนึ่งเข้ามาถ่างตา
จนไม่อาจข่มลงได้ โสตประสาทแว่วเสียงริ้งๆ เสียงปะทะกันดังตุ้บ! ชัดเจนอยู่ในหัวซ้ำๆ ซากๆ เป็นการหลับที่ทรมานยิ่งกว่าการอดหลับอดนอนเสียอีก
“พี่ช่วยหนูด้วย หนูเจ็บ พี่ อย่าเพิ่งไป กลับมาช่วยหนูก่อน” ทุกครั้งที่เผลอไผลงีบหลับ ในมโนสมองก็แว่วเสียงนั้นดังซ้ำไปซ้ำมาจากกองผ้าที่เหมือนเศษผ้าขี้ริ้วที่กองอยู่ข้างทาง ซ้ำๆ ซากๆ
“ไม่... มันเป็นอุบัติเหตุ มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันไม่ได้เฉียวใคร เธอล้มไปเองต่างหากละ” น้ำเสียงภายในใจของเอกชัยที่โต้ตอบออกไปสั่นระริก
“ถ้าพี่ไม่ได้เฉี่ยว แล้วรถหนูจะล้มได้ยังไง? แล้วพี่จะหนีทำไม กลับมาก่อน มาช่วยหนูก่อน...” คำถามนั้นยังคงมีมาต่อเรื่อยๆ บางครั้งก็เหมือนดังมาจากที่ไกลแสนไกล แต่บางครั้งก็เหมือนใกล้ ไม่สิ เขารู้ดี ว่ามัน... ดังอยู่ในหัวของเขานี่เอง! เขากำลังฟุ้งซ่านเป็นบ้าเป็นหลังกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสินะ มือหนาถูกยกขึ้นปิดหูทั้งสองแน่น นิ้วแข็งแรงบีบใบหูแรงจนรู้สึกเจ็บ แต่เขาก็ยังคงได้ยินคำถามวนเวียนอยู่ในหัวไม่ยอมหาย
ความทรมานเช่นนั้นเวียนไป จนกระทั่งเช้า จึงทุเลาลงไปบ้าง เอกชัยฝืนตัวขึ้นจากเตียง ผวากับกองเสื้อผ้าของตัวเองที่ถอดกองทิ้งไว้ข้างห้อง สบถด่าหลายคำ ก่อนจะถีบผ้าห่มออกไปจากตัวอย่างหัวเสีย เขาไม่สามารถทนอยู่ในห้องนี้ต่อไปได้อีก จึงเดินเลี่ยงกองผ้าไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมขับรถไปทำงาน
ชายหนุ่มสูดหายใจลึกยาวเมื่อต้องออกมาจากห้อง เพื่อเผชิญหน้ากับรถที่เขาจอดทิ้งเอาไว้ พลันก็รู้สึกชาวาบไปทั้งตัว ตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้า คราบโคลนสีเลือดที่เขามองไม่เห็นเมื่อคืนติดเป็นริ้วอยู่ที่ฝากระโปรง
“อะไรวะ? ทำไมเมื่อคืนถึงไม่เห็น” ชายหนุ่มมึนหัวตึ๊บ เขาคิดว่าเขาดูดีแล้วนะ แต่... อาจจะเป็นเพราะความตกใจ และความมืดจึงทำให้ดูไม่ทั่วถ้วน ใช้เวลาไม่นานนักในการตั้งสติ
เอกชัยกลับเข้าบ้านหยิบอุปกรณ์ล้างรถออกมาจัดการกับคราบที่เห็น มีรอยขีดข่วนเล็กน้อยอยู่ใต้คราบโคลนสีเลือดคล้ำนั้น แต่ ก็ไม่ใช่รอยลึกอะไร เขามีที่ขัดสีรถติดบ้านอยู่แล้วน่าจะสามารถจัดการลบรอยพวกนี้ออกไปได้ ด้วยอุปกรณ์ที่เพียบพร้อมที่เขามี รับรองหลังขัดล้างเสร็จ รถทั้งคันจะสะอาดเอี่ยมเหมือนกับวันแรกที่ดาวน์ออกมาจากโชว์รูมไม่มีผิด
เมื่อขนอุปกรณ์ออกมาจนครบ กำลังก้มตัวลงจะลงมือขัดล้างอยู่นั้น เงารูปร่างเหมือนคนเงาหนึ่งก็ปรากฏอยู่ใต้ท้องรถ...
“อ๊ะ!”
ตุ๊กตาตัวใหญ่ตัวหนึ่งนอนแผ่ติดอยู่ใต้ท้องรถแทบจะทำให้ชายหนุ่มเป็นลมหงายหลัง ทั้งตัวเปื้อนไปด้วยคราบสีแดงคล้ำ คงจะเป็นโคลนจากฝนเมื่อคืน หรือไม่ก็... เลือด!? ติดอยู่ที่ใต้กระโปรงหน้ารถ ตรงกันชน ทั้งที่เมื่อคืนเขาก็ดูดีจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรแท้ๆ แล้วนี่มันมาอยู่ตรงนั้นได้ยังไง? หรือไอ้ตุ๊กตาตัวนี้จะเป็นของที่อยู่ในกล่องกระดาษหลังรถมอเตอร์ไซค์คันนั้น!? คิดแล้วเย็นสันหลังวาบ!