. ขำจำ-- ที่ไม่ลืม
" ขำจำ "-เป็นคำของผมเองครับ ที่จะบอกว่า มีบางเรื่องราวที่ผมอยู่ในเหตุการณ์นั้น แล้วผมขำ -ขำมากๆ
และขำแบบจำติดมา ไม่ลืมมันเลย
เรื่องนี้ -ตอนนั้น ผมย้ายจากโรงเรียนมัธยมฯ ที่ จ. ปัตตานี มาสอนที่โรงเรียนมัธยมฯ ที่กรุงเทพฯ ได้ซัก
2-3 ปี
ผมถูกโรงเรียนส่งเข้ารับการอบรมการสอนศิลปะให้ได้อย่างกว้างขวาง หมายถึง สอนศิลปะได้หลายแขนง
ไม่เฉพาะแต่วาดรูป เพราะจะอบรมด้านหัตถกรรม งานช่างมัดย้อม งานเครื่องหนัง งานพลาสติกอัดกรอบ ฯลฯ
จัดอบรมเป็นสัปดาห์เลยครับ ที่โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ริมคลองประปา มีคุณครูมาอบรมร้อยกว่าคน มากัน
จากทั่วประเทศ ทุกภาค เจอกันทักทายเพื่อนใหม่ๆ กัน สนุกมาก
พอจัดแบ่งกลุ่ม มีแบ่งเป็นเกือบ 10 กลุ่ม ผมถูกขอดึงให้ไปรวมกับกลุ่มครูศิลปะทางใต้ทันที แค่พอรู้ว่าผม
ย้ายมาจากปัตตานี ไม่ใช่คนทางกรุงเทพฯ
ตอนแรก ในเอกสารอบรม วิทยากรได้กำหนดจัดแบ่งให้ผมอยู่ในกลุ่มครูโรงเรียนมัธยมฯ ในกรุงเทพมหานคร
ด้วยกัน พอทางกลุ่มครูใต้กลุ่มนึง ขออนุญาตให้ย้ายผมมาอยู่กลุ่มของพวกเขา ผมบอกโอเค
วิทยากรก็ใจดี ไม่ขัดข้อง ผมเลยไม่เหงาปากอีก ได้แหลงใต้ทุกวันของการอบรม
ที่จะเล่า ก็คือตอนที่พออบรมไปได้สักพัก มีการทำงานกลุ่ม และต้องมีตัวแทนออกไปพูดนำเสนอหน้าห้อง
กลุ่มเราได้คิวกลางๆ เห็นกลุ่มต้นๆ เขานำเสนอกันเก่งๆ น้องครูคนใต้ที่อ่อนกว่าผมสองปี สมมุติชื่อ น้องหนั่น
แกอายุตอนนั้น น่าจะ 25-26 ยังหนุ่มรุ่น น้องเขาออกจะจริงจัง ซีเรียสมาก ไม่ยอมให้กลุ่มเราด้อยกว่ากลุ่มอื่น
ด้านสาระของเอกสารที่สรุปกันมา คิดว่าก็สมบูรณ์ ในระดับที่พึงพอใจแล้ว แต่คนที่จะออกไปพูดภาษากลางเพื่อนำเสนอ
น้องหนั่นแกกังวล กลัวตัวแทนจะออกไปพูดสำเนียงทองแดง อายกลุ่มอื่นเขา
น้องเขาอยากให้ได้ทุกอย่างเพอร์เฟ็คท์
" กะตัวเองนั้นแล--
ออกไปแหลง "
ครูผู้หญิงรุ่นป้าคนนึงให้ความเห็น ให้น้องหนั่นออกไปพูดนำเสนอเอง
" อื้อ - ไม่เอา--
ผมแหลงบางกอกไม่ชับ "
น้องหนั่นปฏิเสธ บอกว่าตัวเขาพูดกลางไม่เก่ง แล้วหันมาทางผม
" ท่านพี่ได้ไหม --
ก็มาอยู่กรุงเทพฯ แล้ว "
ผมรีบปฏิเสธ เพราะเราเองก็พูดกลางออกทองแดงเหมือนกัน ชอบพ่วงคำว่า นิ- นั้น
ที่ท้ายประโยคอยู่เรื่อย จนครูที่โรงเรียนที่กรุงเทพฯ บางคน ชอบล้อ
" งั้นพี่เอง--- "
ครูพี่บ่าวท่านนึง รุ่นพี่ผมซัก 4-5 ปี สมมุติว่าชื่อ พี่นวย ยกมือขันอาสา
พี่เขาเป็นคนพัทลุง แต่งตัวเรียบร้อยเสมอ
น้องหนั่นทำสีหน้าไม่ค่อยแน่ใจ แต่ก็มีครูอีกคนนึงเอ่ยการันตีพี่คนนี้ ว่า
" นวยมันแหลงเก่ง ---
เป็นพิธีกรงานของอำเภอตลอด "
จึงได้พี่นวยเป็นพรีเซนเต้อร์ของกลุ่มเรา
" แหลงเพราะๆ นา-พี่นวยนา "
( พูดเพราะๆ นะครับพี่ -นะครับ )
น้องหนั่นยังขอบอกกำชับพี่นวยจนได้ พี่นวยยิ้มให้ บอกน้องหนั่นอย่างมั่นใจ
" ฮาโรย- ไม่ต้องห่วง น้องเหอ "
( จ้า-- ไม่ต้องห่วง ไอ้น้องเอ๊ย )
* * * * * * * * * * * * * *
พี่นวยออกไปนำเสนอหน้าห้อง มีพวกเรานั่งให้กำลังใจทั้งกลุ่ม ที่หลังๆ ห้อง
น้องหนั่นแกเอ๊กไซ้ต์เต็ดจัด ทนนั่งในกลุ่มไม่ติด ลุกหนีไปนั่งตรงแถวหน้า ๆ ลุ้นการนำเสนอของพี่นวย
แบบเกาะติดเชือก -ริงไซด์-ring side
พี่นวยของเราก็พูดดี น่าฟัง พี่เขาพยายามทอดน้ำเสียงให้ฟังนุ่ม แถมยังมีลูกอ้อนในบางช่วง
ทำเอาวิทยากร และครูๆ ทั้งหลาย ฟังแล้วจั๊กกะจี้ พากันอมยิ้ม อมขำ กันถ้วนหน้า
เรื่องสำเนียงทองแดงที่พี่นวยฉาบมา-อย่างค่อนข้างหนาไปหน่อย สำหรับผม-เห็นว่ามันเป็นเสน่ห์หนึ่ง
ทางภาษาครับ
ฝรั่งก็ยังมีเลย ---
ครั้งนึง ตอนย้ายไปสอนที่กรุงเทพฯ ใหม่ๆ หาที่พักไม่ได้ ผมเคยไปขอเช่าเกสต์เฮ้าส์ ที่ย่านเทเวศน์ กรุงเทพฯ
1 เดือน ( เขาคิดเดือนละ 800 )
ได้คุยกับฝรั่งที่แวะเวียนมาพักทุกวัน เจอฝรั่งนินทาฝรั่งกันเองให้ผมฟังด้วยครับ
ว่า- คนที่ชื่อ ยอร์ช น่ะ พูดสำเนียงลิเวอร์พูลนะ พูดออกเสียงตลกๆ บัส-bus พูดเป็นบุส , นัมเบอร์- number
พูดเป็น นุมเบอร์
* * * * * * * *
แต่สำหรับน้องหนั่น เรื่องนี้ -แกคงผิดหวังมาก เห็นไปนั่งนิ่ง ลุ้นฟังได้สักพัก แกก็ลุกจากเก้าอี้ตรงนั้น
เดินค้อมหลัง กลับมานั่งที่กลุ่มตามเดิม
ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่ง ก็หันมายิ้มแห้งๆ บอกผมกับคนที่นั่งข้างๆ ด้วยเสียงเบาๆ อย่างเพลียๆ ว่า
" ฮาโรย---
พี่บ่าวเรา
แหลงเหมือนหนังพร้อม --"
ผมนี่-ต้องรีบเอามืออุดปากตัวเอง กลั้นหัวเราะขำก๊ากที่กำลังจะหลุดออกมาสุดฤทธิ์ เพราะหน้าห้อง
ก็กำลังยังนำเสนออยู่
คนอื่นนั้น หัวเราะ คิกๆ คักๆ กัน
ท่านผู้อ่านที่เป็นคนใต้ จะเข้าใจดี ในคำนินทาของน้องหนั่น
--- และคงขำเหมือนผม
ส่วนท่านผู้อ่านที่ไม่ใช่คนใต้ ผมจะขอขยายความให้ครับ
คือน้องหนั่นเขาลุ้นมาก แล้วพลาด ไม่ได้ดั่งใจเขา เขาพบว่า พี่นวยพูดภาษากลางเหมือนที่นายหนังตะลุง
(ชื่อดัง) พากย์หนังตะลุงเป็นภาษากลาง
- แบบนั้นเลย
ที่จริง เสียงพากย์หนังตะลุงเป็นภาษากลางของนายหนังสำหรับผม-มันคือกึ๋นของหนังตะลุงครับ เป็นเสน่ห์ลูกเล่น
ที่แต่ละนายหนังต้องสร้างขึ้น และฝึกฝนจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน
หากแต่-พอมาใช้ในการพูดนำเสนอหน้าชั้นวันนั้น มันดันกลายเป็นสิ่งที่ไม่จ๊าบ -- ไม่โดนใจวัยรุ่น อย่างน้องหนั่น
เขา
* * * * * * * * *
( ขอบคุณ ยูทูบ & คุณ Pointless Thailand )
เอ้อ-- เรื่องนี้
-- ว่าไป ผมก็ขำจำมา 30 กว่าปี แระ- นิครับ
ขำจำ -- ที่ไม่ลืม
" ขำจำ "-เป็นคำของผมเองครับ ที่จะบอกว่า มีบางเรื่องราวที่ผมอยู่ในเหตุการณ์นั้น แล้วผมขำ -ขำมากๆ
และขำแบบจำติดมา ไม่ลืมมันเลย
เรื่องนี้ -ตอนนั้น ผมย้ายจากโรงเรียนมัธยมฯ ที่ จ. ปัตตานี มาสอนที่โรงเรียนมัธยมฯ ที่กรุงเทพฯ ได้ซัก
2-3 ปี
ผมถูกโรงเรียนส่งเข้ารับการอบรมการสอนศิลปะให้ได้อย่างกว้างขวาง หมายถึง สอนศิลปะได้หลายแขนง
ไม่เฉพาะแต่วาดรูป เพราะจะอบรมด้านหัตถกรรม งานช่างมัดย้อม งานเครื่องหนัง งานพลาสติกอัดกรอบ ฯลฯ
จัดอบรมเป็นสัปดาห์เลยครับ ที่โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ริมคลองประปา มีคุณครูมาอบรมร้อยกว่าคน มากัน
จากทั่วประเทศ ทุกภาค เจอกันทักทายเพื่อนใหม่ๆ กัน สนุกมาก
พอจัดแบ่งกลุ่ม มีแบ่งเป็นเกือบ 10 กลุ่ม ผมถูกขอดึงให้ไปรวมกับกลุ่มครูศิลปะทางใต้ทันที แค่พอรู้ว่าผม
ย้ายมาจากปัตตานี ไม่ใช่คนทางกรุงเทพฯ
ตอนแรก ในเอกสารอบรม วิทยากรได้กำหนดจัดแบ่งให้ผมอยู่ในกลุ่มครูโรงเรียนมัธยมฯ ในกรุงเทพมหานคร
ด้วยกัน พอทางกลุ่มครูใต้กลุ่มนึง ขออนุญาตให้ย้ายผมมาอยู่กลุ่มของพวกเขา ผมบอกโอเค
วิทยากรก็ใจดี ไม่ขัดข้อง ผมเลยไม่เหงาปากอีก ได้แหลงใต้ทุกวันของการอบรม
ที่จะเล่า ก็คือตอนที่พออบรมไปได้สักพัก มีการทำงานกลุ่ม และต้องมีตัวแทนออกไปพูดนำเสนอหน้าห้อง
กลุ่มเราได้คิวกลางๆ เห็นกลุ่มต้นๆ เขานำเสนอกันเก่งๆ น้องครูคนใต้ที่อ่อนกว่าผมสองปี สมมุติชื่อ น้องหนั่น
แกอายุตอนนั้น น่าจะ 25-26 ยังหนุ่มรุ่น น้องเขาออกจะจริงจัง ซีเรียสมาก ไม่ยอมให้กลุ่มเราด้อยกว่ากลุ่มอื่น
ด้านสาระของเอกสารที่สรุปกันมา คิดว่าก็สมบูรณ์ ในระดับที่พึงพอใจแล้ว แต่คนที่จะออกไปพูดภาษากลางเพื่อนำเสนอ
น้องหนั่นแกกังวล กลัวตัวแทนจะออกไปพูดสำเนียงทองแดง อายกลุ่มอื่นเขา
น้องเขาอยากให้ได้ทุกอย่างเพอร์เฟ็คท์
" กะตัวเองนั้นแล--
ออกไปแหลง "
ครูผู้หญิงรุ่นป้าคนนึงให้ความเห็น ให้น้องหนั่นออกไปพูดนำเสนอเอง
" อื้อ - ไม่เอา--
ผมแหลงบางกอกไม่ชับ "
น้องหนั่นปฏิเสธ บอกว่าตัวเขาพูดกลางไม่เก่ง แล้วหันมาทางผม
" ท่านพี่ได้ไหม --
ก็มาอยู่กรุงเทพฯ แล้ว "
ผมรีบปฏิเสธ เพราะเราเองก็พูดกลางออกทองแดงเหมือนกัน ชอบพ่วงคำว่า นิ- นั้น
ที่ท้ายประโยคอยู่เรื่อย จนครูที่โรงเรียนที่กรุงเทพฯ บางคน ชอบล้อ
" งั้นพี่เอง--- "
ครูพี่บ่าวท่านนึง รุ่นพี่ผมซัก 4-5 ปี สมมุติว่าชื่อ พี่นวย ยกมือขันอาสา
พี่เขาเป็นคนพัทลุง แต่งตัวเรียบร้อยเสมอ
น้องหนั่นทำสีหน้าไม่ค่อยแน่ใจ แต่ก็มีครูอีกคนนึงเอ่ยการันตีพี่คนนี้ ว่า
" นวยมันแหลงเก่ง ---
เป็นพิธีกรงานของอำเภอตลอด "
จึงได้พี่นวยเป็นพรีเซนเต้อร์ของกลุ่มเรา
" แหลงเพราะๆ นา-พี่นวยนา "
( พูดเพราะๆ นะครับพี่ -นะครับ )
น้องหนั่นยังขอบอกกำชับพี่นวยจนได้ พี่นวยยิ้มให้ บอกน้องหนั่นอย่างมั่นใจ
" ฮาโรย- ไม่ต้องห่วง น้องเหอ "
( จ้า-- ไม่ต้องห่วง ไอ้น้องเอ๊ย )
* * * * * * * * * * * * * *
พี่นวยออกไปนำเสนอหน้าห้อง มีพวกเรานั่งให้กำลังใจทั้งกลุ่ม ที่หลังๆ ห้อง
น้องหนั่นแกเอ๊กไซ้ต์เต็ดจัด ทนนั่งในกลุ่มไม่ติด ลุกหนีไปนั่งตรงแถวหน้า ๆ ลุ้นการนำเสนอของพี่นวย
แบบเกาะติดเชือก -ริงไซด์-ring side
พี่นวยของเราก็พูดดี น่าฟัง พี่เขาพยายามทอดน้ำเสียงให้ฟังนุ่ม แถมยังมีลูกอ้อนในบางช่วง
ทำเอาวิทยากร และครูๆ ทั้งหลาย ฟังแล้วจั๊กกะจี้ พากันอมยิ้ม อมขำ กันถ้วนหน้า
เรื่องสำเนียงทองแดงที่พี่นวยฉาบมา-อย่างค่อนข้างหนาไปหน่อย สำหรับผม-เห็นว่ามันเป็นเสน่ห์หนึ่ง
ทางภาษาครับ
ฝรั่งก็ยังมีเลย ---
ครั้งนึง ตอนย้ายไปสอนที่กรุงเทพฯ ใหม่ๆ หาที่พักไม่ได้ ผมเคยไปขอเช่าเกสต์เฮ้าส์ ที่ย่านเทเวศน์ กรุงเทพฯ
1 เดือน ( เขาคิดเดือนละ 800 )
ได้คุยกับฝรั่งที่แวะเวียนมาพักทุกวัน เจอฝรั่งนินทาฝรั่งกันเองให้ผมฟังด้วยครับ
ว่า- คนที่ชื่อ ยอร์ช น่ะ พูดสำเนียงลิเวอร์พูลนะ พูดออกเสียงตลกๆ บัส-bus พูดเป็นบุส , นัมเบอร์- number
พูดเป็น นุมเบอร์
* * * * * * * *
แต่สำหรับน้องหนั่น เรื่องนี้ -แกคงผิดหวังมาก เห็นไปนั่งนิ่ง ลุ้นฟังได้สักพัก แกก็ลุกจากเก้าอี้ตรงนั้น
เดินค้อมหลัง กลับมานั่งที่กลุ่มตามเดิม
ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่ง ก็หันมายิ้มแห้งๆ บอกผมกับคนที่นั่งข้างๆ ด้วยเสียงเบาๆ อย่างเพลียๆ ว่า
" ฮาโรย---
พี่บ่าวเรา
แหลงเหมือนหนังพร้อม --"
ผมนี่-ต้องรีบเอามืออุดปากตัวเอง กลั้นหัวเราะขำก๊ากที่กำลังจะหลุดออกมาสุดฤทธิ์ เพราะหน้าห้อง
ก็กำลังยังนำเสนออยู่
คนอื่นนั้น หัวเราะ คิกๆ คักๆ กัน
ท่านผู้อ่านที่เป็นคนใต้ จะเข้าใจดี ในคำนินทาของน้องหนั่น
--- และคงขำเหมือนผม
ส่วนท่านผู้อ่านที่ไม่ใช่คนใต้ ผมจะขอขยายความให้ครับ
คือน้องหนั่นเขาลุ้นมาก แล้วพลาด ไม่ได้ดั่งใจเขา เขาพบว่า พี่นวยพูดภาษากลางเหมือนที่นายหนังตะลุง
(ชื่อดัง) พากย์หนังตะลุงเป็นภาษากลาง
- แบบนั้นเลย
ที่จริง เสียงพากย์หนังตะลุงเป็นภาษากลางของนายหนังสำหรับผม-มันคือกึ๋นของหนังตะลุงครับ เป็นเสน่ห์ลูกเล่น
ที่แต่ละนายหนังต้องสร้างขึ้น และฝึกฝนจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน
หากแต่-พอมาใช้ในการพูดนำเสนอหน้าชั้นวันนั้น มันดันกลายเป็นสิ่งที่ไม่จ๊าบ -- ไม่โดนใจวัยรุ่น อย่างน้องหนั่น
เขา
* * * * * * * * *
( ขอบคุณ ยูทูบ & คุณ Pointless Thailand )
เอ้อ-- เรื่องนี้
-- ว่าไป ผมก็ขำจำมา 30 กว่าปี แระ- นิครับ