ยิ่งเลี้ยงยิ่งหลงรัก เจ้าพุงโตหมูพุงปลิ้น

สวัสดีครับ ตอนนี้ผมเลี้ยงหมูดำแคระอยู่ตัวนึงน่ารักมากครับ มันมีชื่อว่าเจ้าพุงโต

ผมมีภาพให้ดูอีกด้วยนะครับ ก่อนจะไปถึงตรงนั้นผมจะขอเกริ่นเล็กน้อยว่าผมอยู่ดีๆมาเลี้ยงหมูได้ยังไง
(ถ้าไม่สนใจอ่าน เพื่อนๆก็สามารถเลื่อนข้ามลงไปจนถึงตรงที่มีภาพเลยก็ได้นะครับ ตรงนั้นผมจะเริ่มเล่าถึงประสบการณ์ดีๆที่ได้เลี้ยงเจ้าพุงโตตัวนี้)

นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้ลองเลี้ยงหมูแคระที่บ้าน ก่อนหน้านี้ผมเคยเลี้ยงแต่เพียงสุนัข ซึ่งพวกมันก็เชื่องน่ารักดี ซึ่งผมเคยมีความรู้สึกอยากเลี้ยงหมูดำแคระมานานแล้ว
เคยเห็นในการ์ตูนรันม่า มีหมูดำตัวเล็กชื่อพีจัง แสนรู้ฉลาด เลยรู้สึกสนใจอยากหามาเลี้ยงซะอย่างงั้น  แต่ในตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะต้องไปหาซื้อมันได้ที่ไหน
ผมเคยพยายามหาความรู้เกี่ยวกับหมูในอินเตอร์เน็ตซึ่งตอนนั้นยังมีอยู่น้อยมาก หมูดำแคระที่ตัวเล็กๆมันมีอยู่จริงเหรอ? หรือมีแค่ในการ์ตูนเท่านั้น
ครั้นมื่อเวลาผ่านไปโลกโซเชี่ยวเริ่มแพร่กระจายทำให้การหาข้อมูลนั้นง่ายขึ้นมาก
ก่อนที่ผมจะตัดสินใจหาหมูมาเลี้ยงผมมีความกังวลหลายอย่าง เช่น
หมูจะสกปรกเป็นที่แพร่เชื้อโรคไหม
หมูจะเลี้ยงยาก ร้องเสียงดัง สร้างความรำคาญหรือเปล่า
หมูเวลาโตเต็มที่มันจะใหญ่มากแค่ไหน เคยเห็นบางคนเลี้ยงแล้วตัวใหญ่คับบ้าน หนักกว่าร้อยโล
หมูมันจะขับถ่ายเรี่ยราดไหม สามารถฝึกได้เหมือนสุนัขหรือเปล่า

ผมก็พอได้ข้อมูลมาว่า
หมูปกติที่เราบริโภคเป็นอาหารกัน ขนาดจริงๆของเขาเมื่อโตเต็มวัยจะใหญ่มาก 200-300กิโล ซึ่งมันจะใหญ่คับบ้านเกินไป  ซึ่งผมพยายามหาว่ามันมีสายพันธุ์ที่ขนาดเล็กๆบ้างไหม
ผมก็พอได้ข้อมูลมาว่าหมูขนาดเล็กนั้นจะมีเป็นสายพันธุ์จากต่างประเทศที่เขาเรียกกันว่า ทีคัพพิ้ก (Teacup pig) บางคนเรียกไมโครพิ้ก ซึ่งมันจะมีขนาดเล็กมากๆ เมื่อโตเต็มวัยจะหนักประมาณ 30กว่ากิโล ก็เท่ากับสุนัขตัวใหญ่ตัวนึง
แต่ราคาสูงมาก ต้องสั่งนำเข้าเท่านั้น รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างอาจถึงหลักแสน และสายพันธุ์ของมันก็ยังไม่นิ่งเท่าที่ควร เพราะยังมีการพัฒนาขึ้นมาเพียงไม่กี่ปี บางครั้งก็จะเจอหลุดไซส์ เป็นหมูขนาดปกติก็มี ทำให้ผมต้องตัดตัวเลือกนี้ออกไป


อีกสายพันธุ์หนึ่งจะเป็นหมูขนาดเล็กจากเวียดนาม เขาเรียกกันว่า พ็อตเบลลี่ (Potbelly) บางทีก็เรียก มินิพิ้ก ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย คือเมื่อโตเต็มวัยน้ำหนักจะประมาณ 50-60กิโล  อาจจะใหญ่กว่านั้นขึ้นกับเราให้อาหารมันมากแค่ไหน
ส่วนสูงของหมูชนิดนี้ก็จะไม่เกินหัวเข่าของเรา จะว่าไปก็ถือว่าใหญ่เอาการอยู่ แต่ก็ยังพอรับได้ สายพันธุ์นี้มีเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ ซึ่งเป็นเพราะขนาดของมันไม่ใหญ่จนเกินไป หากเราคุมอาหารมันดีๆ
ที่สำคัญราคาไม่แพง แค่หลักพันเท่านั้นครับ เอาล่ะผมคิดว่าหมูชนิดนี้แหละที่เหมาะสำหรับผม ผมจึงค้นหาว่าในไทยมีขายกันที่ไหน

ผมก็พบฟาร์มหมูแห่งหนึ่ง อยู่ที่สิงห์บุรี ซึ่งเขาเพาะหมูพ็อตเบลลี่ขาย มีการดูแลอย่างดีตั้งแต่คลอดออกมา ให้ได้รับวัคซีนที่จำเป็นจนครบถ้วน และบริการให้ความรู้แนะนำวิธีการเลี้ยงอีกด้วย ผมได้ลองคุยกับเขาก็พบว่าเขาเป็นคนจิตใจดี รักสัตว์
ในตอนนั้นแม่หมูเขาคลอดลูกคอกใหม่มาพอดี มีทั้งหมด 7ตัว เขาถ่ายรูปมาให้ดู ในรูปนั้นคือหลังคลอด 2วัน กำลังดูดนมแม่กันอย่างเอร็ดอร่อยเลยทีเดียว ผมจึงตัดสินใจซื้อมา 1ตัว เป็นเพศผู้





ซึ่งเจ้าพุงโตคือตัวที่ผมทำเครื่องหมายไว้ในภาพครับ ผมเลือกตัวนั้นเพราะผมชอบลายจุด 3จุดสีดำบนหลังของมันมากๆเลยครับ
คนขายบอกว่าเพศผู้จะขี้เล่น นิสัยซนๆ ซ่าๆหน่อย ส่วนเพศเมียจะเรียบร้อยสงบเสงี่ยม ผมเลยเลือกเพศผู้ครับ ผมอยากได้แบบซนนิดๆ 5555
ผมให้เขานำมาส่งที่บ้านที่ กทม ในวันที่เขาอายุประมาณ 15วัน เพื่อผมจะได้มีโอกาสป้อนนมเขาจากขวดด้วย เพราะหมูแรกเกิดจนถึงอายุ1เดือนจะทานได้แค่นมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
จริงๆก็กลัวเค้าจะตายด้วยครับเพราะถ้ารับมาเลี้ยงตอนอายุน้อยเกินไปเกรงว่าจะยังไม่แข็งแรงดี อาจจะเลี้ยงยาก
และภาพข้างล่างนี้ก็คือเจ้าพุงโต ในวันแรกที่เดินทางมาถึงบ้านของผม



เจ้าพุงโตอายุ 15วัน น้ำหนักเพียง 1.3กิโล เท่านั้น ตัวนิดเดียวน่ารักมากๆ
คนขายแนะนำว่า ให้ป้อนนมไปจนครบ1เดือน และเริ่มให้ทานอย่างอื่นได้ ซึ่งหมูเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายมากๆเลย ทานอาหารได้เหมือนคนทุกอย่าง พวกผักผลไม้นี่ทานได้หมดครับ แต่เค้าจะเลือกกินถ้าให้มเค้าทานหลายอย่าง
ผมเลยตั้งใจว่า จะเลี้ยงเจ้าพุงโตด้วยนม และผักผลไม้เป็นหลักครับ จะงดเนื้อสัตว์ ผมคิดว่าเนื้อสัตว์จะทำให้มีกลิ่นตัวเหม็นคาว และเสียนิสัยในการเลือกรับประทานอาหาร เพราะผมเคยเลี้ยงสุนัขแบบให้ทานเนื้อสัตว์ มันจะติดใจในรสชาดจนไม่ยอมทานอาหารเม็ดอีกเลย

หมูพุงโตจะต้องเป็นหมู Healthy นะครับ นี่คือความตั้งใจแต่แรกของผมนะ

วันแรกที่มาผมให้เค้าอยู่ในห้องนอนของผมแบบนี้ครับ ห้องนอนผมเป็นพื้นพรม แอบกลัวเหมือนกันหากเค้าจะฉี่รดขึ้นมา
ผมเปิดเพลงคลาสสิคใหม้มันฟังด้วยนะ เค้าจะได้เป็นหมูร่าเริง และอ่อนโยน

วันแรกที่เจ้าพุงโตมาอยู่กับผม จะค่อนข้างกลัวคน เดินหนี ต้องไปไล่จับเค้ามา ผมพยายามจะป้อนนม คิดว่าเค้าเดินทางมาไกลน่าจะเพลียและหิวไม่ใช่น้อยเลย


แต่พอเอานมใส่ขวดและป้อน เค้ากลับเบือนหน้าหนี ไม่ยอมทานนมเลย ผมพยายามหลายวิธี เทนมใส่ช้อนป้อน เทนมใส่ชาม เทนมใส่ขวด ซึ่งเค้าไม่ให้ความร่วมมือในการทานเลย ตอนแรกยากมาก ผมต้องเอานิ้วจุ่มนมแล้วไปป้ายที่ปากของเค้า
ให้เค้ารู้นะว่านี่ รสชาดดีนะ กินสิๆ ประมาณนี้


ใส่ขวดนม ก็ไม่ค่อยจะยอมกิน


จะเห็นว่า ป้อนด้วยช้อนมันก็ไม่ให้ความร่วมมือครับ


เอนตัวหนีไปแล้วครับ


เทใส่ถาด ก็ไม่กินครับ พอเอาหน้าจุ่มลงในนม เค้าก็ดิ้นตะเกียกตะกาย ราวกับจะจมน้ำ

วันแรกผ่านไปเค้าทานนมไปน้อยมากครับ และก็ยังไม่ได้ขับถ่ายอะไรออกมาเลยครับ
ผมคิดว่าเป็นเพราะเค้าทานน้อยเกินไป
ผมก็กลุ้มใจพอสมควรครับ เพราะนมเป็นสิ่งเดียวที่เค้าทานได้ในตอนนี้ แต่เค้ากลับไม่ยอมทานเลย แล้วผมจะทำยังไงดี คือเครียดเพราะกลัวเค้าป่วยครับ
แต่พอวันที่สอง เค้าก็เริ่มยอมดูดจากขวดนม และเริ่มทานง่ายขึ้นเรื่อยๆครับ ผมคิดว่าเป็นเพราะเค้าเริ่มคุ้นเคยกับผมมากขึ้นแล้ว
ผมก็เลยถ่ายวีดีโอของเค้าในแต่ละวันลำดับเป็นพัฒนาการในการกินนมของเจ้าพุงโตครับ

ก็ออกมาตามวีดีโอนี้ครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

หลังจากนั้นผมก็ค่อยโล่งใจไปเปาะหนึ่งครับ และเริ่มรู้สึกว่าเลี้ยงหมูดำแคระก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
เดี๋ยวจะมาเล่าวีรกรรมของเจ้าพุงโตต่อนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  สัตว์เลี้ยง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (Mammalia) อาหารสัตว์
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่