สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้เราจะมารีวิวแป้งแบรนด์ไทย 3 ตลับที่มีอยู่ในครอบครอง วัดผลแบบวันต่อวันให้รู้กันไปว่าตลับไหนเด็ดดวงที่สุด ตามมาดูกันเลยค่ะว่าผลลัพธ์ของแต่ละยี่ห้อจะเป็นยังไงบ้าง
*บอกเลยว่าเสียเงินจริง ใช้เองจริงและพลีชีพจริง*
1. แป้ง RAN :
สำหรับตลับแบรนด์แรกที่จะพูดถึงคือแป้งตลับล่าสุดที่ซื้อมาจากเว็บไซด์ขายของเว็บนึงซึ่งเค้าจัดโปรฯ แบบที่กรี้ดดังมากเหลือแค่ 5 ร้อยกว่าบาท และด้วยความที่ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นแป้งที่ให้ผลลัพธ์ธรรมชาติมากๆ เราก็เลยอยากจะพิสูจน์ค่ะว่ารีวิวที่เห็นกันโครมๆ จากพี่ๆ บล็อกเกอร์ที่ว่าดี จะเป็นยังไงบ้างเมื่อมาอยู่บนผิวเรา
ท๊าดา! และนี่คือภาพพิสูจน์ที่ให้ทุกคนได้ลองพิจารณากันดูค่ะ
สำหรับเราแล้วข้อดีของเขาคือสีแป้งใกล้กับสีผิว ทำให้เข้าใจเลยว่าเพราะอะไรถึงขึ้นชื่อมากเรื่องความเป็นธรรมชาติ ซึ่งผลลัพธ์ของ RAN ก็ธรรมชาติสมคำร่ำลืออยู่พอควรค่ะ
สิ่งที่ชอบ :
• ชอบสีเพราะเข้ากับผิวที่สุดดูผิวดีเป็นธรรมชาติ ไม่ค่อยวอกเท่าไหร่
• ทาง่าย ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะสีแป้งเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
สิ่งที่คิดว่ายังพัฒนาได้อีก :
• ให้ความปกปิดน้อยและแป้งอยู่ไม่ทน ระหว่างวันสีดรอป
2. แป้ง Sugar Pie
ตลับนี้บอกได้เลยว่าแพคเกจน่ารักดึงดูดใจดี มาสายหวานเจ้าหญิงๆ เหมือน Jill Stuart แนวๆ นั้นเลยค่ะ ในอินเตอร์เน็ตจะเรียกกันว่าแป้งเจ้าหญิงชูการ์พาย เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะซื้อมาลอง ตอนแรกมองว่าเป็นน้องใหม่ที่ตลับดีงามเว่อร์ ดูแวววาว หยิบขึ้นมาทาแล้วดูน่ารัก แล้วก็ในบรรจุจะแถมซองสีชมพูมาสำหรับสวมทับตลับแป้งอีกที ป้องกันหน้าตลับจากการขีดข่วนได้ดีเลยค่ะ
มาดูภาพกันเลยค่ะ
เห็นตลับแล้วเข้าใจว่าทำไมถึงเรียกว่าแป้งเจ้าหญิงชูการ์พาย เพราะเป็นตลับฝาเงินน่ารักๆ ที่ยังไม่เคยเห็นที่ไหน เซอร์ไพรส์เรามากๆ ตรงที่เนื้อแป้งติดทนนานนนนนนนนนนนนนนนนนน *น.หนู ล้านตัว* เพราะจากรูปคือ 5-6 ชั่วโมงหลังทา แป้งยังไม่หลุดเลย แล้วรู้สึกว่าหน้าดูผ่องขึ้นด้วย และพอผ่านไปซัก 8-10 ชั่วโมง จะสังเกตได้ว่าแป้งเริ่มหลุดหายประมาณ 30% มีลอกตรงจมูกนิดหน่อย แต่คือ 10 ชั่วโมงนี่ต้องยอมใจจริงๆ นะ เริ่ดมาก!
สิ่งที่ชอบ :
• ตลับน่ารัก แปลกตา หาง่ายเวลาอยู่ในกระเป๋ารกๆ 555
• ทาแล้วหน้าเนียนจริงๆ ปกปิดดีมาก หน้าไม่มัน เวลามีเหงื่อหน้าก็จะดูผ่องมาก ชอบตรงนี้เลยค่ะ
• ด้วยความที่แป้งละเอียดมาก แตะทีนึงได้ค่อนข้างเยอะ เอาพัฟแตะแป้งไปนิดเดียวสามารถทาได้เกือบครึ่งหน้า ประหยัดปริมาณที่จะใช้งานไปอีก ชอบมาก!
สิ่งที่คิดว่ายังพัฒนาได้อีก :
• จริงๆ แล้วไม่รู้ควรนับว่าเป็นข้อเสียมั้ย แต่เผื่อไว้สำหรับคนที่ไม่ได้สังเกตอะไรมาก คือเรื่องของเนื้อแป้งที่บอกว่าค่อนข้างละเอียด คือถ้าคนไม่สังเกตอาจจะปาดเข้าไปปื้นใหญ่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าอยากลองแนะนำให้ค่อยๆ เติมค่ เพราะเนื้อแป้งเขาออกมาเยอะจริงๆ
3. แป้ง Cho
มาถึงตลับสุดท้ายของเราตอนนี้ เป็นแป้งที่เราซื้อเพราะได้ยินมาว่ากันน้ำ ตอนนั้นจะไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนก็เลยตัดสินใจซื้อมา ซึ่งล่าสุดทำพัฟหายไปกับอากาศเรียบร้อยแล้ว 555 ซึ่งถามเราแล้ว เราว่าเนื้อแป้งเขาก็ไม่ได้ถึงขั้นแย่นะ แต่ยังแอบติดปัญหานิดหน่อยที่ถ้าแก้ได้ก็จะดีมากๆ เลยค่ะ
และนี่ก็คือภาพที่เราทดสอบกันนั่นเอง แต่น แตน แต๊นนน
สีเขามีความเป็นธรรมชาติใกล้ๆ RAN เหมือนกันนะ แต่คิดว่า RAN ยังคะแนนนำอยู่เรื่องนี้ ตลับแข็งแรงดี เนื้อแป้งปกปิกได้ในระดับนึง ถ้าเป็นแค่รอยกระบางๆ ที่ไม่เด่นชัดมากก็ถือว่าโอเคอยู่ค่ะ
สิ่งที่ชอบ :
• สีของแป้งใกล้เคียงกับผิวของเรามากพอๆ กับ RAN ใช้แล้วหน้าไม่วอกค่ะ
• แป้งเนื้อละเอียดพอควร ทาแล้วลื่นปรื้ด ใช้ง่าย มือใหม่ก็ทาได้
• คุมมันได้ในระดับนึง
สิ่งที่คิดว่ายังพัฒนาได้อีก :
• ปกปิดได้ระดับนึง แต่ไม่เท่าที่คิดไว้ เลยทำให้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยค่ะ
• พอเหงื่อไหลปุ๊บ คราบก็จะมาปั๊บ ยิ่งใช้งาน outdoor เมื่อไหร่นี่แทบร้อง เพราะเห็นชัดมากค่ะ
• 5-6 ชั่วโมงหลังทา เหงื่อไหลแล้วเป็นคราบเลยอ่าา แต่ถ้าส่วนไหนที่ยังไม่โดนเหงื่อก็ยังติดทนอยู่
นอกจากรายละเอียดต่างๆ อันนี้ก็เป็นภาพที่เปรียบเทียบเรื่องการปกปิดค่ะ
สรุปสั้นๆ ถ้าถามว่าตลับไหนถูกใจที่สุด บอกได้เลยว่าเซอร์ไพรส์มากๆ ที่เป็น Sugar Pie เพราะเราชอบตรงที่เนื้อแป้งมันละเอียด ติดทนนาน ที่สำคัญยังปกปิดดีมากๆ ถูกใจที่สุด ถ้าหมดแล้วรับรองว่าซื้อใช้ต่อแน่นอนค่ะ! ส่วนนอกเหนือจากนี้ใครมีแป้งผสมรองพื้นที่ราคาไม่แรงมากอยากจะแนะนำ ก็คอมเมนท์ไว้ได้เลย เผื่อเงินเดือนๆ หน้าออก จะได้ไปตำบ้างค่า
[CR] รีวิวง่ายๆ 3 วัน 3 แป้ง เอาให้เคลียร์กันไปเลยว่ายี่ห้อไหนได้ใจที่สุด
*บอกเลยว่าเสียเงินจริง ใช้เองจริงและพลีชีพจริง*
1. แป้ง RAN :
สำหรับตลับแบรนด์แรกที่จะพูดถึงคือแป้งตลับล่าสุดที่ซื้อมาจากเว็บไซด์ขายของเว็บนึงซึ่งเค้าจัดโปรฯ แบบที่กรี้ดดังมากเหลือแค่ 5 ร้อยกว่าบาท และด้วยความที่ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นแป้งที่ให้ผลลัพธ์ธรรมชาติมากๆ เราก็เลยอยากจะพิสูจน์ค่ะว่ารีวิวที่เห็นกันโครมๆ จากพี่ๆ บล็อกเกอร์ที่ว่าดี จะเป็นยังไงบ้างเมื่อมาอยู่บนผิวเรา
ท๊าดา! และนี่คือภาพพิสูจน์ที่ให้ทุกคนได้ลองพิจารณากันดูค่ะ
สำหรับเราแล้วข้อดีของเขาคือสีแป้งใกล้กับสีผิว ทำให้เข้าใจเลยว่าเพราะอะไรถึงขึ้นชื่อมากเรื่องความเป็นธรรมชาติ ซึ่งผลลัพธ์ของ RAN ก็ธรรมชาติสมคำร่ำลืออยู่พอควรค่ะ
สิ่งที่ชอบ :
• ชอบสีเพราะเข้ากับผิวที่สุดดูผิวดีเป็นธรรมชาติ ไม่ค่อยวอกเท่าไหร่
• ทาง่าย ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะสีแป้งเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
สิ่งที่คิดว่ายังพัฒนาได้อีก :
• ให้ความปกปิดน้อยและแป้งอยู่ไม่ทน ระหว่างวันสีดรอป
2. แป้ง Sugar Pie
ตลับนี้บอกได้เลยว่าแพคเกจน่ารักดึงดูดใจดี มาสายหวานเจ้าหญิงๆ เหมือน Jill Stuart แนวๆ นั้นเลยค่ะ ในอินเตอร์เน็ตจะเรียกกันว่าแป้งเจ้าหญิงชูการ์พาย เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะซื้อมาลอง ตอนแรกมองว่าเป็นน้องใหม่ที่ตลับดีงามเว่อร์ ดูแวววาว หยิบขึ้นมาทาแล้วดูน่ารัก แล้วก็ในบรรจุจะแถมซองสีชมพูมาสำหรับสวมทับตลับแป้งอีกที ป้องกันหน้าตลับจากการขีดข่วนได้ดีเลยค่ะ
มาดูภาพกันเลยค่ะ
เห็นตลับแล้วเข้าใจว่าทำไมถึงเรียกว่าแป้งเจ้าหญิงชูการ์พาย เพราะเป็นตลับฝาเงินน่ารักๆ ที่ยังไม่เคยเห็นที่ไหน เซอร์ไพรส์เรามากๆ ตรงที่เนื้อแป้งติดทนนานนนนนนนนนนนนนนนนนน *น.หนู ล้านตัว* เพราะจากรูปคือ 5-6 ชั่วโมงหลังทา แป้งยังไม่หลุดเลย แล้วรู้สึกว่าหน้าดูผ่องขึ้นด้วย และพอผ่านไปซัก 8-10 ชั่วโมง จะสังเกตได้ว่าแป้งเริ่มหลุดหายประมาณ 30% มีลอกตรงจมูกนิดหน่อย แต่คือ 10 ชั่วโมงนี่ต้องยอมใจจริงๆ นะ เริ่ดมาก!
สิ่งที่ชอบ :
• ตลับน่ารัก แปลกตา หาง่ายเวลาอยู่ในกระเป๋ารกๆ 555
• ทาแล้วหน้าเนียนจริงๆ ปกปิดดีมาก หน้าไม่มัน เวลามีเหงื่อหน้าก็จะดูผ่องมาก ชอบตรงนี้เลยค่ะ
• ด้วยความที่แป้งละเอียดมาก แตะทีนึงได้ค่อนข้างเยอะ เอาพัฟแตะแป้งไปนิดเดียวสามารถทาได้เกือบครึ่งหน้า ประหยัดปริมาณที่จะใช้งานไปอีก ชอบมาก!
สิ่งที่คิดว่ายังพัฒนาได้อีก :
• จริงๆ แล้วไม่รู้ควรนับว่าเป็นข้อเสียมั้ย แต่เผื่อไว้สำหรับคนที่ไม่ได้สังเกตอะไรมาก คือเรื่องของเนื้อแป้งที่บอกว่าค่อนข้างละเอียด คือถ้าคนไม่สังเกตอาจจะปาดเข้าไปปื้นใหญ่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าอยากลองแนะนำให้ค่อยๆ เติมค่ เพราะเนื้อแป้งเขาออกมาเยอะจริงๆ
3. แป้ง Cho
มาถึงตลับสุดท้ายของเราตอนนี้ เป็นแป้งที่เราซื้อเพราะได้ยินมาว่ากันน้ำ ตอนนั้นจะไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนก็เลยตัดสินใจซื้อมา ซึ่งล่าสุดทำพัฟหายไปกับอากาศเรียบร้อยแล้ว 555 ซึ่งถามเราแล้ว เราว่าเนื้อแป้งเขาก็ไม่ได้ถึงขั้นแย่นะ แต่ยังแอบติดปัญหานิดหน่อยที่ถ้าแก้ได้ก็จะดีมากๆ เลยค่ะ
และนี่ก็คือภาพที่เราทดสอบกันนั่นเอง แต่น แตน แต๊นนน
สีเขามีความเป็นธรรมชาติใกล้ๆ RAN เหมือนกันนะ แต่คิดว่า RAN ยังคะแนนนำอยู่เรื่องนี้ ตลับแข็งแรงดี เนื้อแป้งปกปิกได้ในระดับนึง ถ้าเป็นแค่รอยกระบางๆ ที่ไม่เด่นชัดมากก็ถือว่าโอเคอยู่ค่ะ
สิ่งที่ชอบ :
• สีของแป้งใกล้เคียงกับผิวของเรามากพอๆ กับ RAN ใช้แล้วหน้าไม่วอกค่ะ
• แป้งเนื้อละเอียดพอควร ทาแล้วลื่นปรื้ด ใช้ง่าย มือใหม่ก็ทาได้
• คุมมันได้ในระดับนึง
สิ่งที่คิดว่ายังพัฒนาได้อีก :
• ปกปิดได้ระดับนึง แต่ไม่เท่าที่คิดไว้ เลยทำให้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยค่ะ
• พอเหงื่อไหลปุ๊บ คราบก็จะมาปั๊บ ยิ่งใช้งาน outdoor เมื่อไหร่นี่แทบร้อง เพราะเห็นชัดมากค่ะ
• 5-6 ชั่วโมงหลังทา เหงื่อไหลแล้วเป็นคราบเลยอ่าา แต่ถ้าส่วนไหนที่ยังไม่โดนเหงื่อก็ยังติดทนอยู่
นอกจากรายละเอียดต่างๆ อันนี้ก็เป็นภาพที่เปรียบเทียบเรื่องการปกปิดค่ะ
สรุปสั้นๆ ถ้าถามว่าตลับไหนถูกใจที่สุด บอกได้เลยว่าเซอร์ไพรส์มากๆ ที่เป็น Sugar Pie เพราะเราชอบตรงที่เนื้อแป้งมันละเอียด ติดทนนาน ที่สำคัญยังปกปิดดีมากๆ ถูกใจที่สุด ถ้าหมดแล้วรับรองว่าซื้อใช้ต่อแน่นอนค่ะ! ส่วนนอกเหนือจากนี้ใครมีแป้งผสมรองพื้นที่ราคาไม่แรงมากอยากจะแนะนำ ก็คอมเมนท์ไว้ได้เลย เผื่อเงินเดือนๆ หน้าออก จะได้ไปตำบ้างค่า