สวัสดีค่ะ ช่วงเดือนต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา เราและเพื่อนได้เดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น
ในภูมิภาค Chubu เป็นภูมิภาคที่อยู่ตรงกลางของประเทศญี่ปุ่นเลย

แหล่งท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้ จริงๆ มีน่าสนใจเยอะมาก เพราะด้วยภูมิประเทศที่บางจังหวัดเป็นภูเขา และบางจังหวัดก็ติดทะเล ทำให้มีความหลากหลายทั้งในเรื่องของสภาพอากาศ วัฒนธรรม อาหาร แต่มีอยู่ที่นึงที่เราจดในลิสต์ไว้เลย ว่า ต้องไปให้ได้เลย!!! นั่นก็คือ หมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวาโกะ ถ้าได้ไปตอนหิมะตกนะ โอ้โห คงจะฟินสุด

และแล้วฟ้าก็เป็นใจค่ะ ส่งโปรตั๋วสายการบินเวียดนาม Vietnam Airlines ไปกลับ ในราคา 7,425 บาท มาให้ ถูกมากกกกกกก กอไก่ล้านตัว ถูกขนาดนี้ไม่รีบคว้า คงจะไม่ได้ เรานี่ไม่รอช้าเลยค่ะ รูดปรื๊ด รูดปรื๊ดแบบไม่คิด เดี๋ยวค่อยไปลางานเพิ่ม 5555

จองล่วงหน้าประมาณ 6 เดือนได้ และช่วงวันที่เราไปก็ตรงกับวันที่มีงาน Light Up พอดี คาดว่าคนจะเยอะแน่นอน เลยเริ่มหาที่พักที่ทาคายาม่า หารีวิวอ่านดู หลายคนเชียร์ J-Hopper แต่เชื่อไหมคะว่า ขนาดเราจอง 6 เดือน เราส่งเมลไปถามที่พัก เค้าตอบเราว่าเต็ม!!! เหลือที่พักแค่แบบ Dorm OMG นี่ขนาดจองล่วงหน้า 6 เดือนนะเนี่ย แต่ก็เข้าใจเพราะช่วงวันที่เราไปมีงานใหญ่พอดี แต่เราก็ไม่ละความพยายาม เข้าไปกดเล่นๆ ในเว็บ มีห้องนึงว่างพอดี เลยกดจองเลย และอีเมลไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าเราเจอห้องนึงว่างพอดี เค้าเลยเมลมาแสดงความดีใจกับเราใหญ่ว่าโชคดีมากๆ

หลังจากนั้นเราก็เริ่ม Search หาวิธีการเดินทางจากนาโกย่าไปชิราคาวาโกะ ไปเจอคำแนะนำอันนึงเค้าบอกให้เดินทางโดยใช้ Shoryudo Pass ซึ่ง Shoryudo Pass เนี่ยมีทั้งหมด 3 Course ด้วยกัน

- Course ที่ 1 คือ แบบใช้ได้ภายใน 3 วัน ครอบคลุมโซนที่เราจะไปเช่น นาโกย่า ทาคายาม่า ชิราคาวาโกะ โทยาม่า คานาซาว่า เรียกง่ายๆ คือ ครอบคลุมเมืองที่เราจะไปทั้งหมด
- Course ที่ 2 คือ แบบใช้ได้ภายใน 3 วันเหมือนกัน แต่จะไปครอบคลุมอีกโซน คร่าวๆ คือโซน Matsomoto
- Course ที่ 3 คือ จัดเต็มใช้ได้ 5 วัน ครอบคลุม Chubu ทั้งหมด

เราตัดสินใจเลยว่าเราจะใช้ Shoryudo Pass นี่แหละ เพราะสะดวก นั่งรถบัสอย่างเดียว และที่สำคัญราคาถูกด้วยจ้า

ใครอยากดูข้อมูล Shoryudo Pass อยู่ในลิงค์นี้ >>> http://www.meitetsu.co.jp/eng/ticket-info/digitalbook/2017/index_h5.html

และเรามีฝากไฟล์ ที่เราไปหาข้อมูลเพิ่ม มีตารางเวลารถออกครบถ้วน ดูได้ในลิงค์นี้ค่ะ >>> http://upload.i4th.in.th/th/download.php?id=5A8D9E5B1

ตัวอย่าง route การเดินทางของ course ที่ 1 แบบเก็บให้คุ้ม ตามรูปเลยจ้า



Shoryudo Pass นี้ต้องซื้อผ่านออนไลน์เท่านั้น แล้วค่อยไปรับตั๋วฉบับจริงที่นาโกย่า เราจองจากเว็บ Japanican ลิงค์นี้นะคะ >>>http://www.japanican.com/th/tour/list/?typecd=PRA&kw=Shoryudo

นั่งนับวันนับเวลาไป แป๊บๆ ก็ออกเดินทางละ

นี่คือแผนการเดินทางของเรานะคะ

วันที่ 1 : สุวรรณภูมิ --- ต่อเครื่องที่ฮานอย
วันที่ 2 : ฮานอย --- นาโกย่า – ทาคายาม่า
วันที่ 3 : ทาคายาม่า --- ชิราคาวาโกะ --- คาวากูจิโกะ
วันที่ 4 : คาวากูจิโกะ --- นาโกย่า
วันที่ 5 : นาโกย่า --- ต่อเครื่องที่โฮจิมินห์ --- สุวรรณภูมิ

แผนการเดินทางมี 5 วัน แต่นับวันเที่ยวจริงๆ คือ 3 วัน เพราะวันไปและกลับนับเป็นวันเดินทางค่ะ เวลาเรามีน้อย แต่ก็ต้องใช้เที่ยวให้คุ้มค่ะ
Let’s Go

ก่อนอื่น เราขอรีวิวแผนเที่ยวของเราก่อนค่ะนี่คือแผนในอุดมคติของเรา แต่จะทำได้จริงไหม ครบไหม ผิดแผนไหม ต้องอ่านต่อค่ะ 5555555



ตัดภาพมาที่สุวรรณภูมิ สายการบินเวียดนาม อยู่ row L นะคะโดยก่อนที่เราจะมาที่เคาน์เตอร์ เค้าจะเปิดให้เช็คอินออนไลน์ล่วงหน้า 24 ชั่วโมง อย่าลืมเข้าไปทำรายการก่อนนะคะ เราเข้าไปช้า ที่นั่งมีให้เลือกน้อยแล้ว และไม่ได้นั่งกับเพื่อนที่ไปด้วยกัน แต่ข้อดีก็คือ พอมาถึง แถวเช็คอินยาวมาก แต่เราก็เดินเข้าแถวเช็คอินออนไลน์ที่มีคนต่อแถวไม่เกิน 5 คน เพราะเช็คอินล่วงหน้ามาแล้ว ไม่เสียเวลาค่ะ โหลดกระเป๋าเสร็จ พนักงานจะให้ Boarding Pass มา 2 ใบไปจนถึงปลายทางเลย

เดินเล่นแป๊บๆ ก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้ว มารีวิวภาพรวมของเวียดนามแอร์ไลน์กันสักหน่อย นี่คือเวียดนามแอร์ไลน์ครั้งแรกของเรา ก่อนบิน เราหาข้อมูลมาพอสมควรว่า เครื่องที่จะไปทั้งฮานอย และนาโกย่า เป็นเครื่องลำเล็ก 3-3 อันนี้ทำใจมาแล้ว ส่วนอาหารการกินนั้น เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า เด็ดสุด!!! ไป-กลับ 4 มื้อ และอาหารอร่อย จริงแค่ไหนต้องรอดูกัน!!!

ที่นั่งโอเคเลย เราสูง 158 cm. กว้างขวาง ไม่อึดอัด แต่ไม่มีจอส่วนตัวนะคะ อาศัยเงยหน้าดูส่วนรวมค่ะ



นั่งมาได้สักพัก อาหารมื้อแรกของเราก็มา เมนูของเรามื้อนี้เราเลือกเนื้อค่ะ ส่วนแฟนเราเลือกไก่ หน้าตาน่าทาน รสชาติก็โอเคเลย



ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงสนามบินโหน่ยบ่าย ฮานอย เดินตามป้าย Transit หรือ Transfer หรือ International Connecting Flights ไปจนถึงจุดตรวจสัมภาระ ขั้นตอนนี้ไม่ต้องผ่าน ตม. ไปสแกนตรวจสัมภาระ แล้วไปรอขึ้นเครื่องได้เลย โดยไปดูที่หน้าจออีกทีว่าเที่ยวบินที่เราจะไป ต้องไปรอขึ้นเครื่องที่ Gate ไหน เราใช้เวลาต่อเครื่องประมาณเกือบ 4 ชั่วโมง แต่ขากำลังจะไปเที่ยว ให้รอนานเท่าไหร่ก็รอได้ ยังมีความตื่นตาตื่นใจ เดินชมสนามบินไปมา ถึงแม้สนามบินจะเล็กก็ตาม และถ้าใครอยากแวะหาอะไรกินในสนามบิน อย่าลืมแลกเงินดอลลาร์ไปด้วยนะคะ



สักพักพนักงานก็เรียกขึ้นเครื่อง บนเครื่องมีแจกผ้าห่ม หูฟัง นั่งเล่นสักพัก แจกของว่างเป็นถั่วอร่อยมากค่ะ



นอนได้สักพักก็ตื่นเพราะได้กลิ่นอาหาร ใช่ค่ะ เค้าเสิร์ฟอาหารกันอีกแล้ว



เราเลือก Japanese set หน้าตา และรสชาติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยรวมสรุปว่าดีงามมากค่ะ
นอนหลับๆ ตื่นๆ ก็ถึงแล้วจ้า ถึงประมาณ 06.30 น. ก็งัวเงียเดินตามเค้าไป



หลังจากผ่าน ตม.ญี่ปุ่น และรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เราก็นำเอกสาร Shoryudo Pass ที่ปรินท์มาไปแลกเป็นตั๋วฉบับจริงกันค่ะ จุดแลกอยู่ที่ สนามบิน ชั้น 2 เคาน์เตอร์ Meitetsu travel plaza แผนที่สนามบิน แผนที่จุดแลกตั๋ว และหน้าตาเคาน์เตอร์แบบในรูปเลยค่ะ



ตั๋วหน้าตาแบบนี้



เมื่อได้ตั๋วมาแล้วต้องไปเปลี่ยนตั๋วเป็นตั๋วรถไฟ หรือรถบัสที่เคาน์เตอร์ออกบัตรโดยสารของเส้นทางนั้นๆ ที่เราจะไป เช่นจากสนามบิน จะไป นาโกย่า ให้แสดงตั๋ว Shoryudo ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วรถไฟ meitetsu train ticket window เคาน์เตอร์อยู่ใกล้กับที่แลกตั๋ว Shoryudo เลยค่ะ



ได้ตั๋วรถไฟครบแล้ว เราก็ออกเดินทางไปสถานี Nagoya กัน ที่ Track จะมีป้ายบอกเวลาอยู่ว่า รถไฟจะมาตอนกี่โมงบ้าง ให้เราไปเตรียมยืนรอได้เลย ช้าแม้เสี้ยววินาที ก็ตกรถได้นะจ๊ะ



ถึงสถานี Nagoya แล้ว เราก็แวะซื้อบัตร subway แบบ 1 day Pass Weekend eco ticket  เพราะวันที่เรามาถึงตรงกับวันอาทิตย์พอดี ราคาบัตร 1 Day Pass วันนั้นเลยเหลืออยู่ที่ราคา 600 เยน กดซื้อจากตู้ได้เลย



และโหลด App Nagoya Rail Map ไว้ด้วย สามารถ Search วิธีนั่ง Subway ไปในแต่ละสถานีได้



หลังจากนั้นขึ้นไปแลกตั๋วรถบัสไป Takayama เสียบบัตรออกจากสถานี แล้วเลี้ยวขวาเดินไปตามทาง หลังจากนั้นขึ้นลิฟท์กดชั้น 3



จริงๆ วันนี้แพลนเที่ยวเราชิลมาก คือจะเดินเล่นทุกจุดตั้งแต่เช้ายันเย็น แล้วขึ้นรถบัสไป Takayama แต่โชคก็ไม่เข้าข้างค่ะ เพราะวันที่เราไปตรงกับวันที่มี Light Up พอดี เพราะฉะนั้นตั๋วรถบัสทุกรอบ มีแต่เต็ม เต็ม เต็ม!!! พนักงานแนะนำว่า ให้เรานั่งรถ JR ไปลง Gifu แล้วนั่งรถบัสจาก Gifu ไป Takayama แทน ซึ่งตอนนี้เหลือเวลาเดียวที่ยังว่างอยู่คือ บ่ายสามโมง แต่มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เลยต้องจองไป แล้วมาคำนวณเวลากันใหม่ว่า อีก 2 ชั่วโมงกว่าๆ ที่เหลือ เราจะทำอะไรได้บ้างในเมืองนี้ 55555555

สุดท้ายจิตสายบุญก็พ่ายแพ้จิตสายช้อป ดังนั้นทริปวัด ศาลเจ้าตัดออกให้หมดค่ะ เหลือทริปช้อป กับถ่ายรูปพอ ดังนั้นหวยจึงมาออกที่ย่าน Sakae



เรามาลงที่สถานี Sakae ออกทางออกที่ 12 ในย่านนี้ถือเป็นแหล่งละลายทรัพย์ที่สำคัญอีกย่านนึงของ Nagoya ห้างเยอะมาก ละลานตาไปหมด แต่เราขอไปเช็คอินที่แลนด์มาร์คกันก่อน เดินมาแป๊บเดียว เราจะเห็น หอส่งสัญญาณ Nagoya TV Tower และห้าง OASIS 21 ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และกดลิฟท์ขึ้นไปดูวิวชั้นดาดฟ้าของ OASIS 21 ได้นะ มีน้ำพุด้วย ชั้นล่างสุดเป็นลานสเก็ต



หลังจากนั้นเดินข้ามถนนกลับมา เตรียมแยกย้ายกันช้อป หน้าห้าง Sunshine Sakae มีชิงช้าสวรรค์อยู่ด้านหน้าห้าง ตรงข้ามคือร้าน Donkihote



ช้อปพอหอมปากหอมคอ เราก็ต้องกลับมาที่สถานี Nagoya อีกครั้ง เพื่อเตรียมขึ้นรถไฟไป Gifu



จาก Gifu ให้เดินตามป้าย Meitetsu bus station เพื่อไปขึ้นรถบัสไป Takayama

รถบัสที่จะพาเราไป Takayama บนรถมีที่ชาร์ตแบตด้วยนะเออ