[CR] รีวิวเที่ยวยุโรปครั้งแรก 11วัน กับ4ประเทศในฝัน ฉบับงบน้อยก็ไปได้ไม่ง้อทัวร์ ( Germany-Italy-Switzerland-France )

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การเที่ยวยุโรปด้วยตัวเองค่าาา
(ยังเป็นมือใหม่อยู่ ถ้ารีวิวผิดพลาดไปก็ขออภัยด้วยนะคะ)

ทริปนี้เราไปมาตั้งแต่วันที่ 6ตค. - 16ตค. (2560) ไปกัน 6 คน เน้นเที่ยวแบบ save cost (ค่าใช้จ่ายตลอดทริปจะแปะไว้ด้านล่างนะคะ)
ต้องบอกเลยว่าทริปนี้เป็นทริปแรกที่เดินทางต่างประเทศด้วยตนเอง และเป็นครั้งแรกที่ได้ไปเที่ยวยุโรป
เราเลยต้องทำการบ้านหนักม๊ากกกสำหรับการวางแผนเตรียมการทุกอย่าง

เริ่มจากแพลนการเดินทางค่ะ เราไปเที่ยวทั้งหมด 4 ประเทศ เริ่มจาก เยอรมัน อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และกลับมาเยอรมัน
ในยุโรปการเดินทางไปมาระหว่างประเทศค่อนข้างสะดวก เพราะทุกประเทศสามารถเดินทางเชื่อมถึงกันได้โดยรถไฟ

วิธีการแพลนของเราเริ่มจาก
- หาข้อมูลที่ๆเราอยากจะไปเที่ยว ว่าจะไปที่ไหนบ้าง แต่ละประเทศมีที่เที่ยวอะไรบ้าง
- จองตั๋วรถไฟข้ามประเทศ ดูว่าจะต้องเดินทางอย่างไร และซื้อตั๋วรถไฟล่วงหน้าไว้เลย ยิ่งซื้อไวจะยิ่งได้ราคาถูก
(ตารางเวลารถไฟค่อนข้างเป๊ะ ถ้าต้องต่อรถไฟ ควรเผื่อเวลาในการเดินเปลี่ยนขบวนไว้เยอะๆนะคะ)
- หาข้อมูลการเดินทางภายในประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถไฟใต้ดินกับรถบัสค่ะ ซึ่งเราต้องไปซื้อตั๋วที่สถานี ควรหาข้อมูลต่างๆเตรียมไว้ก่อนจะได้ไม่พลาด
- จองที่พัก ควรเลือกที่ๆใกล้สถานีรถไฟ เพราะสะดวกในการเดินทางและลากกระเป๋าค่ะ
- จองตั๋วเครื่องบิน เราจองล่วงหน้าประมาณเดือนนึง จองของสายการบิน Emirates ค่ะ (แบบต่อเครื่องนะคะ เนื่องจากราคาถูกกว่าบินตรงค่อนข้างเยอะ)

(หาข้อมูลรถไฟในยุโรปได้จากลิงค์นี้เลยค่ะ บวกกับ search google maps ควบคู่ไปด้วยเพื่อดูสายของรถไฟ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

รูปด้านล่างเป็นแพลนคร่าวๆ ที่เราใช้ยื่นขอวีซ่าประเทศเยอรมัน (ตามรอยได้ไม่ว่ากันค่ะ)

สิ่งสำคัญที่ควรเตรียมไปเที่ยวยุโรป
- หัวแปลงปลั๊ก สำคัญมากๆเพราะที่ยุโรปจะใช้ปลั๊กต่างกับบ้านเรา ซื้อจากไทยไปจะถูกกว่า ราคาประมาณ 200 บาท
- ยาสามัญประจำบ้าน เรียกได้ว่ามียาอะไรก็หอบกันไปให้หมดเลย เพราะไม่รู้ว่าไปถึงนู่นแล้วจะป่วยเป็นอะไรขึ้นมา เดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุก
- ใบจองต่างๆ เช่น ใบจองโรงแรม ตั๋วรถไฟ แพลนเที่ยวของเรา (ถ่ายเก็บไว้ในโทรศัพท์ด้วยนะคะเผื่อหาย)

สิ่งที่ควรระวัง
- โจรค่ะ โจรเยอะมากกกกกก ก่อนไปเราได้อ่านรีวิวมาพอสมควรไม่คิดว่าจะได้เจอกับตัวเอง
(สิ่งของมีค่าควรเก็บใส่กระเป๋าใบเล็กๆและซ่อนไว้ในเสื้อให้มิดชิด วิธีนี้น่าจะปลอดภัยที่สุดแล้ว)


>>> วันที่ 1 <<<
ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปต่อเครื่องที่ดูไบ
ก่อนเดินทางภายใน2วัน สามารถทำการเช็คอินออนไลน์ เพื่อจะได้เลือกที่นั่งที่ต้องการได้
และยังสามารถดูเมนูอาหารบนเครื่อง ในไฟลท์ที่เราจะบินได้ด้วย (เข้าดูจากเว็ปของEmiratesได้เลย)
ตอนเช็คอินที่สนามบิน เราจะได้ตั๋วเครื่องบินมาสองใบ คือ กรุงเทพ-ดูไบ , ดูไบ-มิวนิค
หลังจากโหลดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยก็ไปขึ้นเครื่องกันเลย (20 kg/คน)
อุปกรณ์บนเครื่องที่ให้มาจะมี หมอนใบเล็กๆ ผ้าห่ม หูฟัง สติ๊กเกอร์(สำหรับแปะที่เบาะไว้บอกพนักงานค่ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เราชอบจอของ Emirates นะ คือจอใหญ่มาก
ความบันเทิงนี่ครบ เพลง เกมส์ และมีหนังให้ดูเยอะม๊ากกก แบบบินวนรอบโลกก็ยังดูกันไม่หมด
และที่สำคัญคือบนเครื่องนางมี wifi free ให้ด้วยจ้าาา (Free 20mb ถ้าอยากได้เพิ่มต้องซื้อ ราคาตามรูปเลย)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อาหารบนเครื่องก็จัดเต็ม อร่อยทุกอย่าง มีไวน์ขาวไวน์แดงเสิร์ฟให้ฟรี

ก่อนถึงดูไบ ถ้าไม่อยากเสียเงินแพงๆ ก็กินน้ำจากบนเครื่องก่อนลงนะคะ
เพราะที่สนามบินดูไบน้ำแพง (เราซื้อน้ำขวดเล็กมาประมาณ80บาท)
การต่อเครื่องที่ดูไบง่ายมากๆ คือเดินตามป้าย Connection อย่างเดียวเลย
เดินตามไปเรื่อยๆจะเจอจุด Security ของสนามบิน เราก็ต่อแถวตรวจตามเค้าไป
พอผ่านจุดตรวจนี้ ก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปเดินหา gate ที่จะต้องต่อเครื่อง
เจอ gate แล้วก็สบายใจละ ไปเดินชอปปิ้ง duty free ได้เลย
(duty free ที่นี่กว้างใหญ่ไพศาลมาก ขาช้อปตาวาวแน่ๆค่ะ)

เราได้ลองแวะเข้าห้องน้ำที่ดูไบ ห้องน้ำเค้าแบนราบติดพื้น
ฟีลเหมือนส้วมหลุมแต่มีสายฉีด ซึ่งน้ำอุ่นระดับ max อีกนิดก็เรียกได้ว่าน้ำต้มสุกแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากเปิดประสบการณ์การเข้าห้องน้ำในดูไบแล้ว เราก็ขึ้นเครื่องต่อไปยังเยอรมันกันน

>>> วันที่ 2 <<<
ถึงสนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมัน
ตม.ผ่านง่ายค่ะมีช่องตรวจ3ช่อง ยื่นแพลนไปให้ดูอย่างเดียว เค้าไม่ค่อยถามอะไรมาก
ที่สนามบินจะมีรถไฟ2สาย คือS1และS8 ที่ใช้นั่งไปยังสถานีรถไฟหลักของเมือง (Hauptbahnhof central station)
ซื้อตั๋วที่สนามบินได้เลยค่ะ แล้วก็เลือกนั่งสายไหนก็ได้ ง่ายๆคืออันไหนมาก่อนเราโดดขึ้นได้เลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

นั่งชมวิวบนรถไฟกันมาเพลินๆ ซักครึ่งชั่วโมงก็ถึงในเมืองมิวนิคแล้วค่ะ
เรามาเดินชมที่ท่องเที่ยวในมิวนิคกัน ที่แรกเลยคือหอระฆัง Marienplatz
มาทันเวลาได้ดูตุ๊กตาออกมาเต้นระบำพอดี รอบๆข้างจะมีคนมารอดูกันเยอะม๊ากกกกก

จากนั้นก็ไปเดินตลาดของเมืองมิวนิคกันต่อ
ตามทางจะมีทั้งห้าง และร้านขายของตลอดทางเลย มันน่าตื่นตาตื่นใจไปหมด555
นี่คือสวรรค์ของคนรักชีสสสสสสส

แน่นอนว่ามาเยอรมันทั้งที ถ้าไม่ได้ลองชิมไส้กรอกเยอรมันนี่ถือว่ามาไม่ถึง
รสชาติไส้กรอกอร่อยมากกๆ เค้าจะราดซอสมาให้และโรยผงคล้ายๆผงกระหรี่ บอกไม่ถูก
แต่กินเข้ากันมากๆเลย มีขนมปังมาให้ด้วย 1 ก้อน (ขนมปังที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบแข็งและเหนียว)

หลังจากนั้นก็ได้ไปเที่ยวพระราชวัง RESIDENTZ (เสียค่าเข้า) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองและมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี
จะอยู่ด้านหลังของตึกนี้ค่ะ ต้องเดินเข้าไป
ภายในกว้างมาก เดินกันจนเมื่อยเลย แต่คุ้มค่าเพราะแต่ละส่วนสวยงามอลังกาลจริงๆ

เดินชมกันจนเริ่มเย็นๆแล้ว ได้เวลาเติมพลัง
จากที่ดูรีวิวและหาข้อมูลร้านอาหารมา เลยอยากลองเข้าร้านอาหารในเยอรมันดูซักครั้ง
นั่นคือร้าน HB (Hofbräuhaus) ซึ่งถือว่าเป็นร้านชื่อดังของที่นี่
พอได้เข้าไป จะสามารถรู้สึกถึงความเป็นโรงเบียร์ที่แท้จริง
ข้างในร้านจะเสียงดังมากกก ดังสนั่นหวั่นไหว ทุกคนในร้านตะโกนคุยกันคล้ายๆกินเบียร์กันไปเต็มที่แล้ว
ที่รู้สึกแปลกกว่าคือ ไม่มีคิว ไม่มีพนักงานคอยรับและพาไปส่งที่โต๊ะ แต่เราจะต้องเดินหาโต๊ะที่ว่างเอาเอง
ถ้ามีคนลุกคือเราสามารถเดินเข้าไปรอได้เลย หลังจากเดินหาโต๊ะอยู่ซักพักก็ได้ที่นั่งที่ชั้น 2 เพราะข้างล่างคนแน่นมาก
นั่งรอที่โต๊ะจะมีพนักงานมารับออเดอร์ค่ะ ในความบังเอิญที่โชคดีครั้งนี้คือ พนักงานมีแฟนเป็นสาวไทยค่าาา
เมื่อสั่งอาหารเสร็จ พนักงานก็น่ารักมาก มีการลดแลกแจกแถมเกิดขึ้นมากมาย 5555
ขนมปังฟรี แถมหมูกรอบมาให้ชิม1จาน และให้น้ำเปล่ามาอีก1เหยือก
ถือเป็นการต้อนรับที่อบอุ่นมาก สำหรับร้านอาหารมื้อแรกในเยอรมันค่ะ
และนี่คือรายการที่เราสั่งมาลองกัน
อาหารจะสั่งเป็นแบบจานหลัก ส่วนถ้วยเล็กๆจะเป็นเครื่องเคียงค่ะ แน่นอนว่าขาหมูเยอรมันคือเมนูที่ไม่สั่งก็คงจะไม่ได้
และเบียร์ของร้านนี้คือดี๊ดีย์ มีให้เลือกหลายแบบเลยค่ะ

พออิ่มท้องแล้ว เราก็เข้าที่พักค่ะ
คืนนี้เราพักที่ Wombats city hostel munich ราคาไม่แพงมาก
ห้องนอนจะเป็นเตียง 2 ชั้น มีล้อคเกอร์ให้ น่ารักสะอาด เหมือนในรูปเลย(รูปจากเน็ต)

ที่ Lobby มีมุมน่ารักๆให้นั่งเล่นด้วย (รูปจากเน็ต)
ที่สำคัญมีบาร์ด้วย ตอนเช็คอินเค้าจะให้คูปองมาคนละ1ใบ เพื่อนำไปแลกเป็น Drink ได้ที่บาร์
นอนหลับฝันดีแล้วคืนนี้ (มีเบียร์ของ HB ให้แลกด้วยจ้าาาา)

>>> วันที่ 3 <<<
วันนี้เราจะไปต่อกันที่เวนิส เมืองแห่งสายน้ำสัญลักษณ์ของประเทศอิตาลี
ตื่นกันตั้งแต่เช้า เพื่อไปยังสถานีรถไฟและนั่งต่อไปเวนิส
ต้องเดินทางอีกเกือบ 7 ชั่วโมง เลยต้องหาซื้อของกินเตรียมขึ้นรถไฟไปด้วยแทนมื้อเช้า
ที่สถานีรถไฟมีร้านขายของเยอะมาก ราคาประมาน 3 - 5 ยูโร
รถไฟผ่านประเทศออสเตรียด้วย วิวข้างทางสวยมากๆๆๆๆๆ
บอกเลยว่าตลอดทริป การนั่งรถไฟข้ามประเทศสายนี้วิวสวยที่สุดแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

นั่งกินไป ชมวิวสวยๆข้างทางไปด้วย ยังไม่ทันรู้ตัวก็ถึงเวนิสแล้ว
ที่เวนิสนี่มีซอยเล็กซอยน้อยเยอะมาก เดินกันแบบงงๆ จนสุดท้ายต้องเปิด google maps ไปด้วย
ตลอดริมทางจะมีทั้งร้านอาหาร ร้านไอศครีม ร้านขายของที่ระลึก พวกหน้ากากแฟนตาซี เยอะแยะไปหมด
มีช่วงคนเยอะบ้างน้อยบ้าง แต่ได้เห็นแล้วคุ้มค่า น้ำใส ตึกยังเป็นแบบดั้งเดิมอยู่เลย

และที่พลาดไม่ได้เลยคือต้องได้ไปเห็นโบสถ์ San Macro สักครั้ง ทางอาจจะไปยากซักหน่อย
แต่เดินมาถึงแล้วรับประกันว่าหายเหนื่อยเลยค่ะ

มาถึงอิตาลีแล้ว ก็ต้องมาลองอาหารดั้งเดิมของอิตาลี นั่นก็คือสปาเก็ตตี้และพิซซ่า (เสียดายพิซซ่าหมด)
อยากจะแนะนำมากๆ ถ้าใครได้มาเวนิสต้องลองสปาเก็ตตี้หมึกดำของที่นี่ หมึกดำเน้นๆ อร่อยลืมโลกลืมทุกอย่างจริงๆ
เมนูสปาเก็ตตี้ราคาประมาณจานละเกือบ 20 ยูโร
หน้าตาอาจจะไม่ค่อยน่าทานเท่าไหร่ แต่ฟินแบบที่ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อนแน่นอน กินเสร็จปากดำทั้งปากเลยค่ะ555
จานนี้จะเป็นซีฟู้ด
ไม่แน่ใจชื่อร้าน เลยพยายามหารูปมาจนได้ ร้านอยู่ริมน้ำติดสะพานข้ามแม่น้ำเลยค่ะ เต๊นท์สีเขียวๆ

ปาดเหงื่อเลยมื้อนี้เกือบ 150 ยูโร แพงสุดในทริปเลยค่ะ T T
ชื่อสินค้า:   ยุโรป , Europe , Germany , Italy , Switzerland , France
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่