สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
แง่คิดเอย ... มุมมองเอย ...
มันมีได้หลากหลาย ออกมาจากต่างจิตต่างใจ / ต่างทัศนคติ / ต่างประสบการณ์
คุณอย่าไปรู้สึกแย่กับสิ่งที่ไม่ใช่ตัวคุณเลยค่ะ
“ไม่ว่าทะเลาะกันแค่ไหน ก็อย่าปล่อยมือกัน”
มันมีมุมที่ดี ตรงที่ไม่วู่วาม ไม่ใช้อารมณ์นำเหตุผล
แม้จะมีขัดใจกันบ้าง แต่ท้ายที่สุด ก็จะรู้สึก มั่นคง ปลอดภัยอยู่ดี รู้ดีว่าจะไม่มีวันทิ้งกัน
ไอเดียแบบนี้ ใช้ได้กับคู่ทุกข์คู่ยาก ที่อยู่ด้วยกันมา
แต่มามีเรื่องขัดใจกัน ...
เป็นการเตือนสติกันและกันไปในตัวว่า เราเคยรักกันมามากขนาดไหน และเราจะรักกันต่อไปอีกนานแค่ไหน
.......
ถ้ารักแล้วเหนื่อย .. อยู่แล้วไม่ใช่ / ยามตื่น ยามหลับแทนที่จะรู้สึกปลอดภัย กลับรู้สึกเพียงความทรมาน
ต่อให้ไม่เคยทะเลาะกันเลย
ชีวิตที่จืดชืดไร้รสชาติ / คู่ชีวิตที่ไร้พลังสร้างแรงใจให้
สำหรับคนที่ตระหนักว่า อยากใช้ชีวิตให้คุ้มค่า คงไม่อยากทน
เวลาของเราแต่ละคนมีจำกัด
คนรัก ที่เราจะเลือกมาอยู่ข้างกาย เลือกได้ครั้งละคน
เราควรจะเลือกคนที่ดีที่สุด ลงตัวกับเรามากที่สุดใช่ไหมคะ ?
หากใครที่ไม่ใช่ ก็ไม่ควรมีอะไรที่จะมาบังคับให้เราต้องทนฝืน ...
จริงมะ ?
สรุป .. อย่าใจร้อน วู่วามด้วยอารมณ์ หากพิจารณาดีแล้วด้วยสติปัญญา ว่าคนๆนี้ไม่ใช่ ไม่เหมาะกับเราแน่ๆ
การทนอยู่แบบผิดฝาผิดตัว ย่อมไม่เกิดผลดีกับใครแน่ๆ
มันมีได้หลากหลาย ออกมาจากต่างจิตต่างใจ / ต่างทัศนคติ / ต่างประสบการณ์
คุณอย่าไปรู้สึกแย่กับสิ่งที่ไม่ใช่ตัวคุณเลยค่ะ
“ไม่ว่าทะเลาะกันแค่ไหน ก็อย่าปล่อยมือกัน”
มันมีมุมที่ดี ตรงที่ไม่วู่วาม ไม่ใช้อารมณ์นำเหตุผล
แม้จะมีขัดใจกันบ้าง แต่ท้ายที่สุด ก็จะรู้สึก มั่นคง ปลอดภัยอยู่ดี รู้ดีว่าจะไม่มีวันทิ้งกัน
ไอเดียแบบนี้ ใช้ได้กับคู่ทุกข์คู่ยาก ที่อยู่ด้วยกันมา
แต่มามีเรื่องขัดใจกัน ...
เป็นการเตือนสติกันและกันไปในตัวว่า เราเคยรักกันมามากขนาดไหน และเราจะรักกันต่อไปอีกนานแค่ไหน
.......
ถ้ารักแล้วเหนื่อย .. อยู่แล้วไม่ใช่ / ยามตื่น ยามหลับแทนที่จะรู้สึกปลอดภัย กลับรู้สึกเพียงความทรมาน
ต่อให้ไม่เคยทะเลาะกันเลย
ชีวิตที่จืดชืดไร้รสชาติ / คู่ชีวิตที่ไร้พลังสร้างแรงใจให้
สำหรับคนที่ตระหนักว่า อยากใช้ชีวิตให้คุ้มค่า คงไม่อยากทน
เวลาของเราแต่ละคนมีจำกัด
คนรัก ที่เราจะเลือกมาอยู่ข้างกาย เลือกได้ครั้งละคน
เราควรจะเลือกคนที่ดีที่สุด ลงตัวกับเรามากที่สุดใช่ไหมคะ ?
หากใครที่ไม่ใช่ ก็ไม่ควรมีอะไรที่จะมาบังคับให้เราต้องทนฝืน ...
จริงมะ ?
สรุป .. อย่าใจร้อน วู่วามด้วยอารมณ์ หากพิจารณาดีแล้วด้วยสติปัญญา ว่าคนๆนี้ไม่ใช่ ไม่เหมาะกับเราแน่ๆ
การทนอยู่แบบผิดฝาผิดตัว ย่อมไม่เกิดผลดีกับใครแน่ๆ
ความคิดเห็นที่ 17
ถ้าไม่ใช่คนโลกสวยในโลกสีชมพูที่คิดเองเออเองก็พอจะมีความคิดเห็นดี ๆ มาแชร์ครับ
บุคคลบางประเภทในประเทศเรา มักผ่านหูผ่านตากันมาในเรื่องของความรักผิดรูปแบบ สิ่งเร้าเหล่านั้นแทบหาสาระไม่ได้ เส้นแบ่งพรหมแดนแห่งความสัมพันธ์นั้นอันที่จริงทั้งคู่ต้องรู้จุดยืนของตัวเองไปด้วยควบคู่กันไป คนไทยมักผ่านเรื่องราวแห่งละครแล้วเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน ผิดหรือไม่ ตอบได้ว่าไม่ผิด เพียงแต่มันสมควรหรือไม่ที่จะเอาแต่อารมณ์และความต้องการมาเป็นเครื่องต่อรองในความรัก
การทะเลาะกันจะไม่มีวันเกิด หากทั้งคู่ยอมรับในสถานะเพียงอย่างเดียวของอีกฝ่าย ซึ่งก็นั่นคือการยอมรับในสิ่งที่เป็นตัวของเขา ..
มันยากสำหรับคนไทยที่จะทำแบบนั้นได้ แต่หากคุณรู้จุดยืนของตัวเอง คุณทั้งคู่ก็ไม่มีวันต้องปรับความเข้าใจกันหรอก เพราะคุณรู้ว่า นั่นคือความต้องการของอีกฝ่าย เมื่อไหร่ที่คิดได้ว่า คนที่เรารักไม่ใช่คนที่เราครอบครองได้ นั่นคือคุณได้รู้จักกับคำว่ารักแล้ว ทุกครั้งที่ทะเลาะ คุณจะยิ่งเบื่อหน่ายต่อกัน และมันจะยิ่งส่งผลให้ทะเลาะกันบ่อยขึ้นด้วย เหตุเพราะคุณหรือเขาไม่ชอบในบางสิ่งบางอย่างที่อีกฝ่ายเป็น
ขอให้คุณทราบนิดหนึ่งว่า คนไทยถูกสอนมาให้พูดอย่างและเก็บความรู้สึกอีกอย่างไว้ นั่นคือเชื้อไฟแห่งการระเบิดเช่นกัน ไม่รู้ทำไมคนไทยถึงเป็นแบบนี้ แต่ผมก็ไม่ได้หมายถึงทุกคนนะครับ ผมได้เรียนรู้สิ่งนี้ก็เพราะเมื่อผมได้มีแฟนเป็นชาวต่างชาติ มุมมองทุกอย่างมันสอนให้รู้ไปโดยปริยาย
โปรดจำไว้เถิด คุณเจ็บ เพราะคุณขังตัวเองไว้กับเค้า .. มีเท่านี้เองจริง ๆ
กับแฟนคนปัจจุบันของผม ... ผมเองพูดกับเค้าเสมอว่า ความรักน่ะมันคงอยู่ตลอดเวลา แต่ความปราถนาของคนมันหมดลงได้เช่นกัน หากวันหนึ่งเค้าไปเจอใครที่ดีกว่า ก็ตามอัธยาศัยได้เลยนะ ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันเลย เพราะคนเราก่อนจะมาพบกันได้ มันก็ต้องเจอะเจอคนอื่นมาอีกเยอะ แล้วทำไมถึงต้องคิดว่า ผมจะไม่เจอใครอีกในวันข้างหน้า หรือคุณจะไม่เจอใครอีกแล้ว .... และความจริงในท้ายที่สุด ต่อให้เรารักกันแค่ไหน เส้นทางของแต่ละคนก็ต้องก้าวไปคนเดียวอยู่ดี
วันนี้เราอยู่ด้วยกันได้ ก็จงช่วยกันไปให้ถึงจุดที่เราคิดว่าไปต่อด้วยกันไม่ไหวจะดีกว่า ยิ้มให้กันเสมอ ไม่มีเรื่องทะเลาะ เธอจะคุยกับใครหรือจะมีใครมาจีบมันไม่ใช่เรื่องของเรา โทรศัพท์จะมีข้อความเข้ากี่ทีก็ไม่สน ไม่ใช่เรื่องเรา ถ้าอยากจะไปก็ไป .. ถึงตรงนี้คงต้องบอกว่ามันยากจริง ๆ ที่จะมาได้ขนาดนี้ แต่ ณ เวลานี้ นี่คือส่ิ่งที่ผมเป็นอยู่กับแฟนคนปัจจุบัน และเราไม่เคยทะเลาะกันเลยถึงแม้จะมีคนเข้ามาจีบถึงขั้นเอ่ยปากชอบแบบโน้นชอบแบบนี้ต่อหน้าผม เพื่อนผมก็งงนะว่าทำไมผมเฉย ก็มันไม่รู้จะหึงจะหวงไปทำไมนี่ เสียสมอง รักก็รักนะ แต่รักแล้วจำเป็นต้องครอบครองเหรอ ถ้าเค้าอยากไปก็เรื่องของเค้า ไม่เกี่ยวกับเรา ..อีกอย่างถ้าเค้าออกไปจากเรา วันหนึ่งเดี๋ยวเราก็อาจจะเจอคนที่ดีกว่า
ร้อนใจไปก็เท่านั้น เค้าออกจากท้องพ่อแม่มาตั้งกี่ปีกว่าจะเจอกับเรา เค้าผ่านอะไรมาเราก็ไม่รู้ แล้วพอวันหนึ่งมาอยู่ด้วยกัน คุณคิดว่าเค้าจำเป็นต้องเปลียนตัวเองมาหรือเปล่า ? แล้วคุณล่ะต้องเปลี่ยนหรือเปล่า ? อีกแล้ว คนไทยมักจะตอบว่าใช่ ต้องเปลียนตัวเองเพื่อให้ชีวิตคู่ไปรอด อันนั้นมันก็ส่วนหนึ่งหากทั้งคู่มีความปราถนาที่จะปฏิบัติต่อกันแบบนั้น แต่สำหรับบางคนอย่างผมกลับมองว่า ไม่จำเป็นเลย ถ้าคุณเลวในสายตาเค้า เค้าก็ย่อมมีสิทธิ์เดินออกไปจากชีวิตคุณเช่นกัน และก็เหมือนกระจกเงา คุณเองก็มีสิทธิ์เดินออกไปจากชีวิตเค้าเสมอ ..ชีวิตกับความรักมันก็มีแค่นี้แหละ วน ๆ เวียน ๆ ไม่จบไม่สิ้น ... แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณระลึกรู้ชอบได้ว่า เค้าคือเค้า คุณคือคุณ ไม่ข้ามแดน ไม่อยากรู้ เข้าใจในวัฏจักรแห่งความรัก ใจคุณก็คลาย พอคุณทั้งสองไม่รัดกันจนแน่น คุณก็จะมีแต่ความสบายใจ .. ทุกวันนี้ผมถึงขนาดไล่แฟนให้ออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ไปหลุด ๆ ที่ไหนก็ไปเถอะ ถ้าจะนอนค้างที่ไหนก็ค่อยส่งข้อความมาก็ได้ .. อันที่จริง ถ้าก้าวผ่านประตูไป ผมก็เลิกคิดเรื่องเค้าแล้ว ไม่รู้จะคิดทำไม ..
ไม่รู้ว่าคุณจะเข้าใจหรือเปล่านะ ผมก็พยายามอธิบาย
ในอดีตผมก็อารมณ์ร้อนตัดสินใจนี่แหละ ประสบการณ์ก็ประมาณ 5 - 6 คนอยู่นะ มีคนรักมากอยู่คนหนึ่งแต่ป่วยและหนีไปฆ่าตัวตาย เราไม่ได้ทะเลาะกันเช่นกัน แต่เค้าคงทนรับสภาพตัวเองไม่ได้ก็เลยหนีไปทำแบบนั้น ตัวผมต้องททุกข์และผ่านมันมาได้ด้วยการบวชเพื่อช่วยเค้าเกือบปี พูดได้ว่าก้าวผ่านสิ่งที่เลวร้ายที่สุดมาแล้ว
เรื่องรักมันมีแต่ร้อนกับร้อนถ้าคุณยังไม่เลิกมองแต่อีกฝ่าย และไม่เริ่มที่จะโฟกัสอยู่กับเรื่องของตัวเอง มันมีเท่านี้แหละครับ
ยาวไปหน่อยขอโทษที เอาใจช่วยเรื่องคุณที่เป็นอยู่ตอนนี้นะ
บุคคลบางประเภทในประเทศเรา มักผ่านหูผ่านตากันมาในเรื่องของความรักผิดรูปแบบ สิ่งเร้าเหล่านั้นแทบหาสาระไม่ได้ เส้นแบ่งพรหมแดนแห่งความสัมพันธ์นั้นอันที่จริงทั้งคู่ต้องรู้จุดยืนของตัวเองไปด้วยควบคู่กันไป คนไทยมักผ่านเรื่องราวแห่งละครแล้วเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน ผิดหรือไม่ ตอบได้ว่าไม่ผิด เพียงแต่มันสมควรหรือไม่ที่จะเอาแต่อารมณ์และความต้องการมาเป็นเครื่องต่อรองในความรัก
การทะเลาะกันจะไม่มีวันเกิด หากทั้งคู่ยอมรับในสถานะเพียงอย่างเดียวของอีกฝ่าย ซึ่งก็นั่นคือการยอมรับในสิ่งที่เป็นตัวของเขา ..
มันยากสำหรับคนไทยที่จะทำแบบนั้นได้ แต่หากคุณรู้จุดยืนของตัวเอง คุณทั้งคู่ก็ไม่มีวันต้องปรับความเข้าใจกันหรอก เพราะคุณรู้ว่า นั่นคือความต้องการของอีกฝ่าย เมื่อไหร่ที่คิดได้ว่า คนที่เรารักไม่ใช่คนที่เราครอบครองได้ นั่นคือคุณได้รู้จักกับคำว่ารักแล้ว ทุกครั้งที่ทะเลาะ คุณจะยิ่งเบื่อหน่ายต่อกัน และมันจะยิ่งส่งผลให้ทะเลาะกันบ่อยขึ้นด้วย เหตุเพราะคุณหรือเขาไม่ชอบในบางสิ่งบางอย่างที่อีกฝ่ายเป็น
ขอให้คุณทราบนิดหนึ่งว่า คนไทยถูกสอนมาให้พูดอย่างและเก็บความรู้สึกอีกอย่างไว้ นั่นคือเชื้อไฟแห่งการระเบิดเช่นกัน ไม่รู้ทำไมคนไทยถึงเป็นแบบนี้ แต่ผมก็ไม่ได้หมายถึงทุกคนนะครับ ผมได้เรียนรู้สิ่งนี้ก็เพราะเมื่อผมได้มีแฟนเป็นชาวต่างชาติ มุมมองทุกอย่างมันสอนให้รู้ไปโดยปริยาย
โปรดจำไว้เถิด คุณเจ็บ เพราะคุณขังตัวเองไว้กับเค้า .. มีเท่านี้เองจริง ๆ
กับแฟนคนปัจจุบันของผม ... ผมเองพูดกับเค้าเสมอว่า ความรักน่ะมันคงอยู่ตลอดเวลา แต่ความปราถนาของคนมันหมดลงได้เช่นกัน หากวันหนึ่งเค้าไปเจอใครที่ดีกว่า ก็ตามอัธยาศัยได้เลยนะ ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันเลย เพราะคนเราก่อนจะมาพบกันได้ มันก็ต้องเจอะเจอคนอื่นมาอีกเยอะ แล้วทำไมถึงต้องคิดว่า ผมจะไม่เจอใครอีกในวันข้างหน้า หรือคุณจะไม่เจอใครอีกแล้ว .... และความจริงในท้ายที่สุด ต่อให้เรารักกันแค่ไหน เส้นทางของแต่ละคนก็ต้องก้าวไปคนเดียวอยู่ดี
วันนี้เราอยู่ด้วยกันได้ ก็จงช่วยกันไปให้ถึงจุดที่เราคิดว่าไปต่อด้วยกันไม่ไหวจะดีกว่า ยิ้มให้กันเสมอ ไม่มีเรื่องทะเลาะ เธอจะคุยกับใครหรือจะมีใครมาจีบมันไม่ใช่เรื่องของเรา โทรศัพท์จะมีข้อความเข้ากี่ทีก็ไม่สน ไม่ใช่เรื่องเรา ถ้าอยากจะไปก็ไป .. ถึงตรงนี้คงต้องบอกว่ามันยากจริง ๆ ที่จะมาได้ขนาดนี้ แต่ ณ เวลานี้ นี่คือส่ิ่งที่ผมเป็นอยู่กับแฟนคนปัจจุบัน และเราไม่เคยทะเลาะกันเลยถึงแม้จะมีคนเข้ามาจีบถึงขั้นเอ่ยปากชอบแบบโน้นชอบแบบนี้ต่อหน้าผม เพื่อนผมก็งงนะว่าทำไมผมเฉย ก็มันไม่รู้จะหึงจะหวงไปทำไมนี่ เสียสมอง รักก็รักนะ แต่รักแล้วจำเป็นต้องครอบครองเหรอ ถ้าเค้าอยากไปก็เรื่องของเค้า ไม่เกี่ยวกับเรา ..อีกอย่างถ้าเค้าออกไปจากเรา วันหนึ่งเดี๋ยวเราก็อาจจะเจอคนที่ดีกว่า
ร้อนใจไปก็เท่านั้น เค้าออกจากท้องพ่อแม่มาตั้งกี่ปีกว่าจะเจอกับเรา เค้าผ่านอะไรมาเราก็ไม่รู้ แล้วพอวันหนึ่งมาอยู่ด้วยกัน คุณคิดว่าเค้าจำเป็นต้องเปลียนตัวเองมาหรือเปล่า ? แล้วคุณล่ะต้องเปลี่ยนหรือเปล่า ? อีกแล้ว คนไทยมักจะตอบว่าใช่ ต้องเปลียนตัวเองเพื่อให้ชีวิตคู่ไปรอด อันนั้นมันก็ส่วนหนึ่งหากทั้งคู่มีความปราถนาที่จะปฏิบัติต่อกันแบบนั้น แต่สำหรับบางคนอย่างผมกลับมองว่า ไม่จำเป็นเลย ถ้าคุณเลวในสายตาเค้า เค้าก็ย่อมมีสิทธิ์เดินออกไปจากชีวิตคุณเช่นกัน และก็เหมือนกระจกเงา คุณเองก็มีสิทธิ์เดินออกไปจากชีวิตเค้าเสมอ ..ชีวิตกับความรักมันก็มีแค่นี้แหละ วน ๆ เวียน ๆ ไม่จบไม่สิ้น ... แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณระลึกรู้ชอบได้ว่า เค้าคือเค้า คุณคือคุณ ไม่ข้ามแดน ไม่อยากรู้ เข้าใจในวัฏจักรแห่งความรัก ใจคุณก็คลาย พอคุณทั้งสองไม่รัดกันจนแน่น คุณก็จะมีแต่ความสบายใจ .. ทุกวันนี้ผมถึงขนาดไล่แฟนให้ออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ไปหลุด ๆ ที่ไหนก็ไปเถอะ ถ้าจะนอนค้างที่ไหนก็ค่อยส่งข้อความมาก็ได้ .. อันที่จริง ถ้าก้าวผ่านประตูไป ผมก็เลิกคิดเรื่องเค้าแล้ว ไม่รู้จะคิดทำไม ..
ไม่รู้ว่าคุณจะเข้าใจหรือเปล่านะ ผมก็พยายามอธิบาย
ในอดีตผมก็อารมณ์ร้อนตัดสินใจนี่แหละ ประสบการณ์ก็ประมาณ 5 - 6 คนอยู่นะ มีคนรักมากอยู่คนหนึ่งแต่ป่วยและหนีไปฆ่าตัวตาย เราไม่ได้ทะเลาะกันเช่นกัน แต่เค้าคงทนรับสภาพตัวเองไม่ได้ก็เลยหนีไปทำแบบนั้น ตัวผมต้องททุกข์และผ่านมันมาได้ด้วยการบวชเพื่อช่วยเค้าเกือบปี พูดได้ว่าก้าวผ่านสิ่งที่เลวร้ายที่สุดมาแล้ว
เรื่องรักมันมีแต่ร้อนกับร้อนถ้าคุณยังไม่เลิกมองแต่อีกฝ่าย และไม่เริ่มที่จะโฟกัสอยู่กับเรื่องของตัวเอง มันมีเท่านี้แหละครับ
ยาวไปหน่อยขอโทษที เอาใจช่วยเรื่องคุณที่เป็นอยู่ตอนนี้นะ
ความคิดเห็นที่ 7
เปลี่ยนค่ะ เปลี่ยนมากๆๆๆ
เราอายุ34 เคยมีคนที่คบเป็นแฟน2คนแฟนคนแรก นอกใจเราไปกะ ผ ญ เดกใจแตกไม่เรียนหนังสือ ทำงานกลางคืน
คนที่สอนเด็กกว่าเรา ใจร้อน
เปลี่ยนคือ
1.ทำให้เราชัดเจนในความรักมากขึ้น
จะไม่เลือกคบคนที่ไม่ใช่ ไม่ชอบ สไสต์ ความคิด ตัวตนที่เราไม่ชอบ คือ แฟนเราทั้ง2คนที่เราคบเพราะ
ดูแลใส่ใจ ตอนจีบ เทคแคร์เป็นอย่างดี ดูจริงใจ นั่นแร่ะ
2.เชื่อในความรักดีๆมากขึ้น และรอคอยเป็น จะไม่ทนคบ คนที่ไม่ชอบไม่ใช่เลย
ใครมาจีบไม่ชอบ ไม่ใช่ ไม่สบายใจ ต่อให้รวย เศรษฐี ยศใหญ๋ ขับรถหรู ก็ไม่เอา
ถ้าแค่คุยยังไม่สบายหูไม่สบายใจ
4.เรามีความสุขในตัวเองมากขึ้นและ ใครอยู่ใกล้เราก็มีความสุขมากขึ้น
5.เราเห็นความรักดีๆที่มีอยู่รอบตัว จากแม่
เราเห็นคู่รักดีๆ สามีภรรยา ที่เค้าดูแล รักกันแบบลึกซึ้ง
6.เราพัฒนาตัวเองทุกๆด้าน อารมณ์ ความคิดจิตใจ
เพื่อ รอ คนรักดีๆ แบบที่เข้ากับเราได้
เพื่อ ถึงเวลาที่เจอ เราจะดีพอ น่ารักพอที่จะรักษาเค้าไว้
7.เราเมตตากับคนมากขึ้น เพราะเราเข้าใจความแตกต่างของคน
ในทุกๆด้าน
8.เราเชื่อในบุญ กรรม การกระทำ ความคิด
ปัจจุบันกรรมมากขึ้น
เราเชื่อในเรื่องดีๆ คนดีๆ ความรักดีๆมากกว่าเดิม
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ
และเรามีความสุขมากขึ้นๆๆๆๆ
ถึงแม้วันนี้เราจะโสด
เราอายุ34 เคยมีคนที่คบเป็นแฟน2คนแฟนคนแรก นอกใจเราไปกะ ผ ญ เดกใจแตกไม่เรียนหนังสือ ทำงานกลางคืน
คนที่สอนเด็กกว่าเรา ใจร้อน
เปลี่ยนคือ
1.ทำให้เราชัดเจนในความรักมากขึ้น
จะไม่เลือกคบคนที่ไม่ใช่ ไม่ชอบ สไสต์ ความคิด ตัวตนที่เราไม่ชอบ คือ แฟนเราทั้ง2คนที่เราคบเพราะ
ดูแลใส่ใจ ตอนจีบ เทคแคร์เป็นอย่างดี ดูจริงใจ นั่นแร่ะ
2.เชื่อในความรักดีๆมากขึ้น และรอคอยเป็น จะไม่ทนคบ คนที่ไม่ชอบไม่ใช่เลย
ใครมาจีบไม่ชอบ ไม่ใช่ ไม่สบายใจ ต่อให้รวย เศรษฐี ยศใหญ๋ ขับรถหรู ก็ไม่เอา
ถ้าแค่คุยยังไม่สบายหูไม่สบายใจ
4.เรามีความสุขในตัวเองมากขึ้นและ ใครอยู่ใกล้เราก็มีความสุขมากขึ้น
5.เราเห็นความรักดีๆที่มีอยู่รอบตัว จากแม่
เราเห็นคู่รักดีๆ สามีภรรยา ที่เค้าดูแล รักกันแบบลึกซึ้ง
6.เราพัฒนาตัวเองทุกๆด้าน อารมณ์ ความคิดจิตใจ
เพื่อ รอ คนรักดีๆ แบบที่เข้ากับเราได้
เพื่อ ถึงเวลาที่เจอ เราจะดีพอ น่ารักพอที่จะรักษาเค้าไว้
7.เราเมตตากับคนมากขึ้น เพราะเราเข้าใจความแตกต่างของคน
ในทุกๆด้าน
8.เราเชื่อในบุญ กรรม การกระทำ ความคิด
ปัจจุบันกรรมมากขึ้น
เราเชื่อในเรื่องดีๆ คนดีๆ ความรักดีๆมากกว่าเดิม
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ
และเรามีความสุขมากขึ้นๆๆๆๆ
ถึงแม้วันนี้เราจะโสด
แสดงความคิดเห็น
เคยผิดหวังจากความรักแล้วทำให้มุมมองความรักเปลี่ยนไปเลยไหมครับ?
มีปัญหาไม่เข้าใจกัน
ถ้าพยายามปรับเข้าหากันสักวันมันก็จะดี
แต่วันนึงผมได้คบกับผู้หญิงคนนึง
แรกๆทุกอย่างมันโอเคมากๆ
แต่พอเวลาผ่านไป
อะไรที่เคยดีก็ไม่ดีสักอย่าง
ผมทำอะไรก็ขัดหูขัดตาเธอไปหมด
ผมพยายามปรับความเข้าใจกับเธอหลายรอบ แต่ก็ยังเหมือนเดิม มันก็ยังบั่นทอนความรู้สึกผมเรื่อยมา
จนวันนึงผมรู้สึกว่าผมเหนื่อยมากพอแล้ว
มันมากจริงๆครับ มากซะจนวันนึงผมคิดว่าหยุดดีกว่า แล้วผมก็เลิกกับเธอ
หลังจากนั้น พอผมคบใคร
ถ้ามีปัญหากัน พยายามปรับความเข้าใจกันแล้ว 3-4 รอบแล้วแต่ยังไม่เข้าใจกันสักที ผมก็จะรู้สึกว่าถ่าผมอยู่กับคนๆนี้ไปตลอดชีวิตก็คงต้องทะเลาะกันเรื่องเดิมๆที่ไม่ยอมเข้าใจกันสักที แล้วผมก็มีความคิดที่อยากจะหยุดความสัมพันธ์
ซึ่งผมก็หาอ่านแง่คิดต่างๆเกี่ยวกับเรื่องนี้
ก็จะมีแต่บอกว่า "ต่อให้ทะเลาะกันบ่อยแค่ไหนก็อย่าปล่อยมือกัน" ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็จะเห็นด้วยนะครับ แต่ ณ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าถ้าความรักมันบั่นทอนจิตใจจะมีความรักไปทำไม ความรักมันต้องทำให้ความรู้สึกเราดีกว่าการอยู่คนเดียว ไม่ใช่อยู่คนเดียวดีกว่า
อุปสรรคภายนอกทุกคู่ต้องมีอยู่แล้ว จับมือแล้วผ่านมันไปด้วยกัน แต่ถ้าเป็นภายในถ้าแก้ไม่หายอยู่กันไปก็จะบั่นทอนความรู้สึกกันเปล่าๆ
ความคิดผมมันผิดไหมครับ?
ผมแอบรู้สึกแย่ที่ผมมีความคิดแบบนี้
รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความหนักแน่นพอหรือเปล่า?
หรือมันควรเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
เพื่อนๆมีความคิดเห็นยังไง มาแชร์กันครับ 😁