สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ทั้งสองประเทศมีความเหมือนและแตกต่างกันอยู่อย่างชัดเจน และนั่นเป็นเหตุผลที่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมซาอุดิอารเบียถึง "ยัง" ไม่ได้อยู่ในสภาพล้มละลายเช่นเดียวกับเวเนซุเอลาเนื่องจากการตกต่ำของราคาน้ำมัน
ในส่วนแรกนั้นต้องเข้าใจก่อนว่า การที่ราคาน้ำมันคงที่อยู่ในระดับต่ำระหว่าง 63-67$ต่อบาร์เรลในทุกวันนี้ ทำให้ประเทศที่ผลิตน้ำมันขาดรายได้ไปจากเดิมที่ราคาน้ำมันเคยขึ้นไปสูงถึงเกือบ 100$ ต่อบาร์เรลเมื่อปี 2015 มาแล้วนั้ัน เป็นนโยบายของซาอุเองด้วยที่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นด้วยจุดประสงค์หลักๆ หลายข้อได้แก่ การที่ต้องการจะทำลายธุรกิจน้ำมันเชลออยล์ของอเมริกาไม่ให้เกิดเติบใหญ่ขึ้นมาเป็นคู่แข่งในตลาดได้ เนื่องจากต้นทุนผลิตเชลออยส์นั้นสูงถึง US$60 / barrel ในขณะที่ต้นทุนผลิตน้ำมันจากแหล่งน้ำมันปกติมีเพียง US$9 / barrel ดังนั้นซาอุจึงใช้กลยุทธ์ผลิตน้ำมันออกสู่ตลาดเท่าที่จำนวนจะรักษาราคาให้อยู่ที่ราคาปัจจจุบัน เว้นเสียแต่ว่าอเมริกาจะพัฒนากระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อลดราคาต้นทุนการผลิตลงไปอีก
นโยบายหวังผลทางการเมืองที่สำคัญอื่นๆ ก็คือ การสกัดรายได้จากน้ำมันของรัสเซียและอิหร่านซึ่งเป็นศัตรูสำคัญที่สนับสนุนด้านสงครามที่เป็นปฏิปักษ์ต่อซาอุดิอาระเบีย ด้วยนโยบายเดียวกันนี้ซาอุเคยประสบความสำเร็จในการโค่นล่มชาร์ของอิหร่านมาแล้วในอดีต
ด้านเศรษฐกิจที่ทำให้ซาอุแตกต่างจากเวเนถึงแม้ว่าทั้งสองประเทศจะเป็นประเทศที่มีน้ำมันสำรองมากเป็นอันดับหนึ่งและสองของโลก ด้วยจำนวนประชากรที่ใกล้เคียงกัน และใข้นโยบายให้สวัสดิการแกประชาชนอย่างเต็มที่เหมือนๆ กันก็ตาม ทั้งๆ ที่เวเนมีจำนวนสำรองน้ำมันมากกว่าซาอุด้วยซ้ำไปแต่คุณภาพน้ำมันของเวเนเป็นน้ำมันหนักที่ต้องใช้ต้นทุนในการกลั่นสูง และน้ำมันของเวเนจะอยู่ลึกลงไปใต้ชั้นดินมากและยังอยู่ห่างฝั่งมากอีกด้วย ต่างจากน้ำมันของซาอุที่อยู่ในพื้นดินไม่ลึกมากและเป็นน้ำมันคุณภาพดีที่เบาและไม่ต้องลงทุนในการกลั่นมาก ทำให้ต้นทุนการผลิตน้ำมันของเวเนกับซาอุต่างกันมากมายคือ เวเน $28/barrel ต่อซาอุ $9 ซาอุ Aramco ผลิตราว 10.5m barrel/วัน ในขณะที่เวเน PDVSA ผลิตได้เพียง 2.2m เท่านั้น
เมื่อไปดูสถานะทางการเงินของทั้งสองประเทศยิ่งเห็นความแตกต่าง
ตัวเลขล่าสุดปีนี้ 2018 ซาอุมีเงินสำรองในธนาคารกลาง (SAMA) มากกว่า $700Bn รวมกับเงินอยู่ในกองทุนสำหรับลงทุน (PIF, KSA) ในขณะที่เวเนมีอยู่ใน FEM เพียง 0.8Bn. เมื่อมาดูหนี้สินของประเทศซาอุมีอยู่ $84 Bn (SAR 316.5 Bn ) ในขณะที่เวเนมีสูงถึง$150Bn รัฐบาลเวเนถึงประกาศล้มละลายไปแล้ว งบประมาณค่าใช้จ่ายของซาอุอยู่ที่ $261B สำหรับปี 2018 ในขณะที่เวเนมี $8bn ดูตัวเลขหลักๆ เหล่านี้แล้วก็คงจะเห็นว่าสถานะเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศแตกต่างกันมโหฬาร ยิ่งมาดูตัวเลขมูลค่าส่งออกน้ำมันของทั้งสองประเทศก็เช่นเดียวกัน ซาอุส่งออกมูลค่า $182Bn เวเนส่งออกเพียง $34.3Bn
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าซาอุดิอาระเบียจะไม่ประสบปํญหาจากราคาน้ำมันตกต่ำ เพราะบริษัทใหญ่ๆ ในซาอุได้ปิดตัวลงไปได้แก่ Saudi Oger หลังจากที่ต้องถูกบังคับให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใหม่หมด การที่รายได้ของประเทศลดลงย่อมส่งผลต่อการใช้จ่ายในประเทศซึ่งรัฐบาลซาอุตระหนักข้อนี้ดีและพยายามหามาตรการแก้ไข ด้วยการแก้ไขกฏหมายแรงงงานที่ต้องการให้ชาวซาอุออกมาทำงานหรือทำธุรกิจมากขึ้น การสนับสนุนด้านการเงินแก่คนหนุ่มสาวให้ไปศึกษาระดับมหาลัยในอเมริกาจำนวนกว่าแสนคนในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา การสนันสนุนอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในเมือง Jubail และ Yanbu การลงทุนในอุตสาหกรรมด้านแปรรูปอาหาร และ ลงทุนอุตสาหกรรมหนักอื่นๆ ร่วมกับต่างชาติ เช่น รถบรรทุกหนักกับ Renault ฯลฯ ซึ่งต่างกับเวเนซุเอล่าที่ผู้นำของประเทศมุ่งหน้าแต่จะคอรัปชั่นเอาผลกำไรเข้ากระเป๋าตนเอง ซาอุอาระเบียยังมีระบบกษัตริย์ปกครองที่ไม่มีฝ่ายค้าน ซึ่งตราบใดที่ประชาชนยังมีอาหารการขกินอย่างอุดมสมบูรณ์ก็จะไม่มีคนออกมาประท้วงอย่างที่เกิดขึ้นในเวเนซุเอล่า
ซาอุดิอาระเบียลงทุนซื้อที่ดินในต่างประเทศไว้มากมายและปลูกพืชเกษตรส่งกลับเข้าไปป้อนตลาดผู้บริโภคในประเทศ ในขณะที่ภาคเกษตรกรรมของเวเนซุเอล่าล่มสลายลงไปจากการถูกทอดทิ้งไม่เอาใจใส่ให้ความสนใจมาเป็นเวลานาน ด้วยว่าอาศัยเงินจากรายได้น้ำมันนำเข้าสินค้าอาหารเครื่องอุปโภคบริโภคมาโดยตลอด พอตอนนี้เวเนซุเอล่าต้องการปฏิรูปภาคเกษตรก็ทำไม่ได้เนื่องจากขาดกำลังเงิน
สำหรับซาอุดิอาร์เบียต้องไม่ลืมอีกว่า รายได้จากผู้แสวงบูญเป็นล้านที่เข้ามาในแต่ละปีก็เป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของประเทศที่สำคัญอีกทางหนึ่ง
แต่ในขณะที่ซาอุดิอารเบียยังต้องเริ่มทำงานหนักเพื่อพยุงสถานะเศรษฐกิจของประเทศและยังไม่แน่ว่าอนาคตจะต้องประสบปัญหาอย่างเวเนซุเอล่าได้เช่นเดียวกันนั้น ประเทศน้ำมันเพื่อนบ้านอื่นๆ ได้แก่ คูเวต UAE การตาร์ ต่างก็เตรียมการลงทุนไว้เพียงพอสำหรับเลี้ยงประเทศในภายภาคหน้าได้อย่างสบายๆ แล้ว เอาแค่ UAE ประเทศเดียวที่เพียงแต่หาเงินให้ได้แค่ 3% ของ ROI ก็สามารถมีรายได้ 40Bn ต่อปีเลี้ยงประชากรได้อย่างไม่ตกยาก
ในส่วนแรกนั้นต้องเข้าใจก่อนว่า การที่ราคาน้ำมันคงที่อยู่ในระดับต่ำระหว่าง 63-67$ต่อบาร์เรลในทุกวันนี้ ทำให้ประเทศที่ผลิตน้ำมันขาดรายได้ไปจากเดิมที่ราคาน้ำมันเคยขึ้นไปสูงถึงเกือบ 100$ ต่อบาร์เรลเมื่อปี 2015 มาแล้วนั้ัน เป็นนโยบายของซาอุเองด้วยที่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นด้วยจุดประสงค์หลักๆ หลายข้อได้แก่ การที่ต้องการจะทำลายธุรกิจน้ำมันเชลออยล์ของอเมริกาไม่ให้เกิดเติบใหญ่ขึ้นมาเป็นคู่แข่งในตลาดได้ เนื่องจากต้นทุนผลิตเชลออยส์นั้นสูงถึง US$60 / barrel ในขณะที่ต้นทุนผลิตน้ำมันจากแหล่งน้ำมันปกติมีเพียง US$9 / barrel ดังนั้นซาอุจึงใช้กลยุทธ์ผลิตน้ำมันออกสู่ตลาดเท่าที่จำนวนจะรักษาราคาให้อยู่ที่ราคาปัจจจุบัน เว้นเสียแต่ว่าอเมริกาจะพัฒนากระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อลดราคาต้นทุนการผลิตลงไปอีก
นโยบายหวังผลทางการเมืองที่สำคัญอื่นๆ ก็คือ การสกัดรายได้จากน้ำมันของรัสเซียและอิหร่านซึ่งเป็นศัตรูสำคัญที่สนับสนุนด้านสงครามที่เป็นปฏิปักษ์ต่อซาอุดิอาระเบีย ด้วยนโยบายเดียวกันนี้ซาอุเคยประสบความสำเร็จในการโค่นล่มชาร์ของอิหร่านมาแล้วในอดีต
ด้านเศรษฐกิจที่ทำให้ซาอุแตกต่างจากเวเนถึงแม้ว่าทั้งสองประเทศจะเป็นประเทศที่มีน้ำมันสำรองมากเป็นอันดับหนึ่งและสองของโลก ด้วยจำนวนประชากรที่ใกล้เคียงกัน และใข้นโยบายให้สวัสดิการแกประชาชนอย่างเต็มที่เหมือนๆ กันก็ตาม ทั้งๆ ที่เวเนมีจำนวนสำรองน้ำมันมากกว่าซาอุด้วยซ้ำไปแต่คุณภาพน้ำมันของเวเนเป็นน้ำมันหนักที่ต้องใช้ต้นทุนในการกลั่นสูง และน้ำมันของเวเนจะอยู่ลึกลงไปใต้ชั้นดินมากและยังอยู่ห่างฝั่งมากอีกด้วย ต่างจากน้ำมันของซาอุที่อยู่ในพื้นดินไม่ลึกมากและเป็นน้ำมันคุณภาพดีที่เบาและไม่ต้องลงทุนในการกลั่นมาก ทำให้ต้นทุนการผลิตน้ำมันของเวเนกับซาอุต่างกันมากมายคือ เวเน $28/barrel ต่อซาอุ $9 ซาอุ Aramco ผลิตราว 10.5m barrel/วัน ในขณะที่เวเน PDVSA ผลิตได้เพียง 2.2m เท่านั้น
เมื่อไปดูสถานะทางการเงินของทั้งสองประเทศยิ่งเห็นความแตกต่าง
ตัวเลขล่าสุดปีนี้ 2018 ซาอุมีเงินสำรองในธนาคารกลาง (SAMA) มากกว่า $700Bn รวมกับเงินอยู่ในกองทุนสำหรับลงทุน (PIF, KSA) ในขณะที่เวเนมีอยู่ใน FEM เพียง 0.8Bn. เมื่อมาดูหนี้สินของประเทศซาอุมีอยู่ $84 Bn (SAR 316.5 Bn ) ในขณะที่เวเนมีสูงถึง$150Bn รัฐบาลเวเนถึงประกาศล้มละลายไปแล้ว งบประมาณค่าใช้จ่ายของซาอุอยู่ที่ $261B สำหรับปี 2018 ในขณะที่เวเนมี $8bn ดูตัวเลขหลักๆ เหล่านี้แล้วก็คงจะเห็นว่าสถานะเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศแตกต่างกันมโหฬาร ยิ่งมาดูตัวเลขมูลค่าส่งออกน้ำมันของทั้งสองประเทศก็เช่นเดียวกัน ซาอุส่งออกมูลค่า $182Bn เวเนส่งออกเพียง $34.3Bn
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าซาอุดิอาระเบียจะไม่ประสบปํญหาจากราคาน้ำมันตกต่ำ เพราะบริษัทใหญ่ๆ ในซาอุได้ปิดตัวลงไปได้แก่ Saudi Oger หลังจากที่ต้องถูกบังคับให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใหม่หมด การที่รายได้ของประเทศลดลงย่อมส่งผลต่อการใช้จ่ายในประเทศซึ่งรัฐบาลซาอุตระหนักข้อนี้ดีและพยายามหามาตรการแก้ไข ด้วยการแก้ไขกฏหมายแรงงงานที่ต้องการให้ชาวซาอุออกมาทำงานหรือทำธุรกิจมากขึ้น การสนับสนุนด้านการเงินแก่คนหนุ่มสาวให้ไปศึกษาระดับมหาลัยในอเมริกาจำนวนกว่าแสนคนในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา การสนันสนุนอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในเมือง Jubail และ Yanbu การลงทุนในอุตสาหกรรมด้านแปรรูปอาหาร และ ลงทุนอุตสาหกรรมหนักอื่นๆ ร่วมกับต่างชาติ เช่น รถบรรทุกหนักกับ Renault ฯลฯ ซึ่งต่างกับเวเนซุเอล่าที่ผู้นำของประเทศมุ่งหน้าแต่จะคอรัปชั่นเอาผลกำไรเข้ากระเป๋าตนเอง ซาอุอาระเบียยังมีระบบกษัตริย์ปกครองที่ไม่มีฝ่ายค้าน ซึ่งตราบใดที่ประชาชนยังมีอาหารการขกินอย่างอุดมสมบูรณ์ก็จะไม่มีคนออกมาประท้วงอย่างที่เกิดขึ้นในเวเนซุเอล่า
ซาอุดิอาระเบียลงทุนซื้อที่ดินในต่างประเทศไว้มากมายและปลูกพืชเกษตรส่งกลับเข้าไปป้อนตลาดผู้บริโภคในประเทศ ในขณะที่ภาคเกษตรกรรมของเวเนซุเอล่าล่มสลายลงไปจากการถูกทอดทิ้งไม่เอาใจใส่ให้ความสนใจมาเป็นเวลานาน ด้วยว่าอาศัยเงินจากรายได้น้ำมันนำเข้าสินค้าอาหารเครื่องอุปโภคบริโภคมาโดยตลอด พอตอนนี้เวเนซุเอล่าต้องการปฏิรูปภาคเกษตรก็ทำไม่ได้เนื่องจากขาดกำลังเงิน
สำหรับซาอุดิอาร์เบียต้องไม่ลืมอีกว่า รายได้จากผู้แสวงบูญเป็นล้านที่เข้ามาในแต่ละปีก็เป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของประเทศที่สำคัญอีกทางหนึ่ง
แต่ในขณะที่ซาอุดิอารเบียยังต้องเริ่มทำงานหนักเพื่อพยุงสถานะเศรษฐกิจของประเทศและยังไม่แน่ว่าอนาคตจะต้องประสบปัญหาอย่างเวเนซุเอล่าได้เช่นเดียวกันนั้น ประเทศน้ำมันเพื่อนบ้านอื่นๆ ได้แก่ คูเวต UAE การตาร์ ต่างก็เตรียมการลงทุนไว้เพียงพอสำหรับเลี้ยงประเทศในภายภาคหน้าได้อย่างสบายๆ แล้ว เอาแค่ UAE ประเทศเดียวที่เพียงแต่หาเงินให้ได้แค่ 3% ของ ROI ก็สามารถมีรายได้ 40Bn ต่อปีเลี้ยงประชากรได้อย่างไม่ตกยาก
แสดงความคิดเห็น
ทำไมประเทศเวเนซุเอลา ถีงกำลังจะล่มสลาย ? ในเมื่อมีทรัพยากรน้ำมันมากมาย เหมือน ซาอุ ?
บ้างก็ว่าเพราะเวเนประชานิยม แจกประชาชนผลาญภาษีแหลก พอน้ำมันราคาตก ก็จบกัน แต่ประเทศซาอุ เค้าก็ส่งออกน้ำมัน พี่งน้ำมันเป็นหลักเหมือนกันไม่ใช่หรอครับ ? ทำไมเค้าถีงอยู่รอดมาได้ทุกวันนี้ ทั้งๆที่เค้าปกครองแบบกษัตริย์ หรือ กี่งๆรัฐศาสนาด้วยซ้ำ เสรีภาพผู้หญิงก็แทบไม่ค่อยมี แต่เค้าก็ประคองตัวเองมาถึงทุกวันนี้ได้
ปล pantip เอาแทก เศรษฐกิจออกทำมายยยยย มันเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจเลยนะ เพราะประเทศพวกนี้มันผูกเศรฐษกิจ กับน้ำมัน โอยย ไม่เข้าใจ จนท pantip เลยย ชอบลบแทก แล้วไม่ถามด้วยนะ