กระทู้นี้เขียนมาเนื่องจากก่อนเดินทางพยายามหากระทู้เก่าๆว่ามีใครเขียนถึงขั้นตอนการเดินทางด้วยรถไฟ Euro star บ้าง
แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกระทู้เก่าๆ (หรือเราหาไม่เจอเองT__T) ก็เลยอยากเขียนเพื่อแชร์ประสบการณ์บ้าง เผื่อจะได้เป็นข้อมูลให้กับคนที่วางแผนจะเดินทางท่องเที่ยวในเร็วๆนี้ อากาศทางยุโรปเริ่มเข้าช่วงฤดูใบไม้ผลิ คาดว่าหลายคนคงเตรียมตัวเดินทางกัน
เริ่มจากการซื้อตั๋วเราซื้อจากเวบ eurostar.com
คลาสตั๋วจะมีสาม class คือ standard, standard premier , และ business premier
ราคาตั๋วถ้าเลือกแบบเที่ยวเดียว ราคาอาจจะสูงกว่าซื้อไปกลับนิดหน่อย
ตารางรถไฟออกจากลอนดอนมีรถออกทุกชม. ตั้งแต่ตีห้าจนถึงประมาณสองทุ่ม
แนะนำว่าใครวางแผนเรียบร้อยให้ซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้เลยเพราะจะได้ราคาถูก
ช่วงเวลาที่ไม่ใช่ช่วงเร่งด่วน (peak time) ราคาตั๋วอาจต่ำสุดไปถึง $42 (พอดีคอมเรามันขึ้นเป็นดอลล่าร์)
แต่ถ้าใครเดินทางเดือนหน้าจะซื้อตอนนี้ ทำใจหน่อยนะคะ ราคาตั๋วไป-กลับลอนดอน-ปารีสเริ่มต้นน่าจะอยู่ที่ $200-$300
มาถึงตอนนี้บางคนอาจจะมีคำถามว่าเจอตั๋วเครื่องบินลอนดอน-ปารีสราคาถูกกว่าอีก
ถ้าอย่างนี้เดินทางด้วยเครื่องบินดีไหม?
ข้อนี้ขึ้นอยู่กับแผนการเดินทางของแต่ละคน ถ้าสมมุติว่าต้องกลับมาขึ้นเครื่องที่ลอนดอนหลังกลับจากปารีส เผื่อเวลาเหตุฉุกเฉิน หรือเครื่องดีเลย์อีกนิด ก็สามารถกลับมาเชคอิน เพื่อขึ้นเครื่องต่อได้ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางจาก
Euro starที่สถานี st. Pancas มาที่ Heathrow อีกที
แต่มีคนบอกมาว่าสายการบินที่ราคาถูกจากลอนดอน-ปารีส จะใช้สนามบินอื่น อันนี้ต้องเชคดีๆก่อนซื้อนะคะ
เพราะว่าจะยิ่งไกลกว่าเดิม รวมถึงค่าโหลดกระเป๋าที่อาจต้องจ่ายเพิ่มอีก อาจจะไม่คุ้ม
ถ้าราคาตั๋วเดินทางถูกกว่าไม่เท่าไหร่ แต่ไม่สอดคล้องกับแผนเดินทางค่ะ
ตอนเราเดินทางก็ซื้อล่วงหน้าแค่หนึ่งเดือน แน่นอนว่าตั๋วราคาถูกไม่มีแล้ว ส่วนช่วงเวลาที่ราคาถูกก็ไม่เหมาะกับแผนเดินทางของเรา
เพราะเรามีเวลาน้อยในการเที่ยวปารีส ขาจากลอนดอน-ปารีส ตั๋ว standard ช่วงเวลาที่เลือกราคาไม่ต่างจาก standard premium มากเท่าไหร่
เราจึงเลือกขาไปเป็น standard premium ส่วนขากลับเลือก standard เพราะราคาถูกกว่ามาก
คือเราชอบลองดูการบริการก่อนขานึงด้วยว่าคุ้มกับราคาไหม ไว้ค่อยตัดสินใจจะอัพเกรดขากลับหรือไม่ ตั๋วเครื่องบินเราก็เลือกแบบนี้
ซึ่งสุดท้ายขากลับไม่ได้อัพเกรด เพราะคิดว่าไม่มีอะไรมากถึงกับต้องจ่ายเพิ่ม
การเดินทางจากลอนดอนให้มาขึ้นรถไฟที่สถานี St. Pancas International
(ภาพอาจไม่ค่อยชัด เพิ่งหัดลงรูป) ในภาพถ่ายจากเส้นถนน Euston Road ด้านหน้าเป็นโรงแรม
ฝั่งทางหอนาฬิกาเป็นทางเข้าสถานีและunderground
สถานีอยู่ข้างกับสถานี King’s cross ถ้าใครขึ้น tubeมาจากที่อื่นในลอนดอน
ก็ให้มาลงที่king’s cross แตะบัตรออกมาจะมีทางเชื่อมเข้าสถานี St.Pancas
เดินข้างใต้ได้เลย ไม่ต้องขึ้นมาข้างบน แต่เหมือนว่าทางนั้นจะไม่มีลิฟต์
ตอนขาไปเราหาลิฟต์ไม่เจอ แต่ของเราไม่เยอะมาก แต่ต้องยกขึ้นบันไดสองรอบ
มีคนใจดีเดินตามมาบอกยกให้มั้ย
ถ้าใครสัมภาระเยอะต้องดูป้ายลิฟต์ดีๆ เพราะลิฟต์ในสถานีต้องขึ้นสามต่อค่ะ
ถ้าใครใช้สาย picadilly line เหมือนจะอยู่ชั้น -2 เสร็จแล้วต้องขึ้นมาชั้น -1
ออกมาหาลิฟต์อีกตัวเพื่อขึ้นจาก -1ไป 0 ถึงที่แตะบัตรถึงจะขึ้นลิฟต์อีกตัวไปชั้นถนน
เข้าไปในสถานี St.Pancas ก็ตามป้าย Euro starเลยค่ะ สถานีนี้เป็นแนวยาว ป้ายชัดเจน
ไม่วุ่นวายเหมือนที่ gare de nord จะดูวุ่นวายกว่ามาก ถ้าเราไม่คุ้นกับสถานที่
เราไปปารีสแค่สองวัน ตัดสินใจฝากกระเป๋าไว้ที่สถานี St.Pancasค่ะ
เราเดินทางคนเดียว และไม่คุ้นกับการเดินทางในปารีส เพราะฉะนั้นขอสะดวกไว้ก่อน
ไม่อยากกังวลกับของที่ถือไป
ที่สถานีมีบริษัทชื่อ baggage excess company อยู่สุดทางของสถานี เดินผ่านพวกโซนร้านคาเฟ่เข้าไป
บริษัทนี้มีอยู่ทั่วสถานีรถไฟและสนามบินของอังกฤษ
การฝากเราต้องยกกระเป๋าเข้าเครื่องแสกน แล้วบอกคร่าวๆว่าจะฝากไว้นานเท่าไหร่
มีเรทแบบเป็นชั่วโมงและแบบเป็นวัน เสร็จแล้วพนักงานจะประเมินราคาออกใบเสร็จให้
จ่ายเงินตอนมารับกระเป๋าค่ะ สามารถลองเชคราคา หรือbook online การฝากกระเป๋าได้เหมือนกัน
ถ้าใครอยากเชคราคาก่อนเข้าไปที่เวบนี้ www.excess-baggage.com
เราจำเรทราคาไม่ค่อยได้ แต่น่าจะวันละ 10 pounds ถ้ากระเป๋าเล็กราคาจะถูกกว่า
อธิบายซะเยอะเลย มาถึงขั้นตอนการขึ้นรถไฟบ้าง
เราไม่ค่อยเดินทางด้วยรถไฟ เลยไม่ชินกับขั้นตอนต่างๆว่าต้องเผื่อเวลาเท่าไหร่บ้าง
โดยเฉพาะเป็นการเดินทางด้วยรถไฟข้ามประเทศที่มีการตรวจเอกสารเดินทาง
รถไฟเราออกรอบ 10.24 เราถึงตั้งแต่ แปดโมงครึ่ง
ปรากฎว่าถามเจ้าหน้าที่เขาบอกเกทเปิดหนึ่งชม. ก่อนรถไฟออก ก็เลยต้องรอไป
ทางเข้า euro stat ติดกับ M&S food ส่วนภายในสถานีก่อนเข้าเกทมีร้านให้เดินเล่นและคาเฟ่เยอะอยู่ เผื่อใครหิว
พอถึงเวลาสังเกตได้จากทางเข้าจะมีจอคอมบอกค่ะว่าเปิดให้เข้าสำหรับรถไฟรอบไหนบ้าง
พอรอบเราขึ้นก็เดินเข้าไปได้
ตอนซื้อตั๋วเห็นมีบอกให้เชคอิน เรานึกว่าจะมีเคาเตอร์ให้เชคอินแบบสนามบินเสียอีก
ปรากฎว่ามันคือการที่เราเอาตั๋วกระดาษหรือมือถือแสกนผ่านเครื่องเดินเข้าไป
เหมือนทางเข้ารถไฟฟ้าประมาณนั้น เสร็จแล้วก็มีการตรวจกระเป๋าผ่านเครื่องแสกน
แบบในสนามบิน ระวังเรื่องกระเป๋าเดินทางหน่อยนะคะ ถ้าของใครใหญ่ๆมาก
กลัวจะผ่านไม่ได้ แล้วเราต้องยกขึ้นสายพานเอง แต่กระเป๋าคนข้างหลังเราใบใหญ่มาก
ก็ยังผ่านได้ ส่วนเรื่องของเหลวในการขึ้นรถไฟ ไม่มีข้อจำกัดเหมือนการเดินทางด้วยเครื่องบิน
ไม่ต้องแยกหรือเอาไปทิ้งค่ะ
หลังจากนั้น ก็จะมีการผ่านตม.อังกฤษขาออก เขาแค่ดูวันที่เข้าประเทศ
และรูดพาสปอร์ต เสร็จแล้วไปต่อช่อง ตม. ขาเข้าฝรั่งเศส ของเราเขาก็ถามประมาณว่า
เดินทางคนเดียวเหรอ ไปกี่วัน ขอดูตั๋วกลับหน่อย เสร็จแล้วก็แสตมป์ตรา
ทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 15-20นาที
จากนั้นไปนั่งรอขึ้นรถไฟ ข้างในจะมีคาเฟ่ ร้านขายของนิดหน่อย เผื่อใครอยากกินขนม
กาแฟไม่อร่อย อย่ากิน555 ขมมาก
จะมีการประกาศบอก platform ก่อนเวลารถออกประมาณ 20นาที
ทางขึ้นอยู่ไหนก็ตามที่คนแห่ขึ้นไปตอนประกาศ ทางขึ้นอาจมีสองทาง
ให้ดูว่าเราอยู่ตู้รถไฟโบกี้ไหน (coach number)
เนื่องจากขาไปเราซื้อ standard premierไว้ หน้าตู้เราจะมีเจ้าหน้าที่คอยเช็คตั๋วและที่นั่ง
การขึ้นรถไฟกระเป๋าไม่มีการโหลดเหมือนเครื่องบินนะคะ
แต่เขาจะมีที่ให้วางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ในโบกี้ ส่วนพวกใบเล็กและ carry on
จะมีชั้นวางบนที่นั่ง
อันนี้ทางเข้าเมื่อขึ้นไปค่ะ
แนะนำว่าถ้ากระเป๋าเดินทางใครมีของมีค่า หรือเป็นพวกกระเป๋าRimowa
จองที่นั่งใกล้ๆที่เก็บกระเป๋าก็ดีนะคะ มีคนที่มีประสบการณ์โดนขโมยมาค่ะ
แต่ไม่ใช่สายeurostar ถึงยังไงก็ปลอดภัยไว้ก่อน
สำหรับที่นั่ง standard premier กว้างขวาง มีให้เลือกแบบมีโต๊ะกับไม่มี
คนขึ้นไม่ค่อยเยอะ จองนั่งแบบโต๊ะสบายกว่า
ฝั่งที่นั่งเรา
ทางเดิน
อีกฝั่งด้านข้าง
อุปกรณ์ในที่นั่งก็จะมีที่ชาร์จ usb ที่ชาร์จแบบหัวปลั๊กของอังกฤษ
ไฟข้างที่นั่ง โต๊ะสามารถดึงขยายออกมาได้เวลาทานอาหาร
จะมีอาหารเสิร์ฟหนึ่งมื้อ มีพนักงานคอยดูแลในตู้ จะมาแจ้งก่อนว่ากำลังเตรียมอาหาร
อาหารจริงๆก็ ไม่มีอะไรมาก เนื่องจากยังเป็นช่วงเช้าจึงเสิร์ฟ
แบบ continental breakfast มี กาแฟ นำ้ส้ม ครัวซองตามภาพ
มีแจกขนมปังพวกแดนิสเพิ่มอีก แต่กินขนมปังไม่ไหวแล้ว กินทุกวัน
ตอนซื้อตั๋วบอกมี drinkด้วย เห็นแต่แก้วไวน์แต่ไม่เสิร์ฟ สงสัยจะเสิร์ฟช่วงเย็นมากกว่า
จะบอกว่าถ้าใครนั่งรถไฟช่วงเช้าจากลอนดอน ถ้าหันหน้าไปทางหัวขบวน
นั่งฝั่งขวาเหมือนวิวจะสวยกว่า แต่พระอาทิตย์จะส่องเข้าด้านนั้น
ใครไม่ชอบแสงอาทิตย์ให้เลือกฝั่งซ้าย (พระอาทิตย์คงไม่เปลี่ยนทางขึ้นนะ)
ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมง 15นาทีในการถึงปารีส บนรถไฟมีไวไฟให้ใช้
แต่พอไปถึงก่อนข้ามอุโมงค์ใช้แทบไม่ได้เลยหลังจากนั้น ฉะนั้นไม่ต้องหวังอะไรมากกับการใช้อินเตอร์เน็ตบนรถไฟ
ถึงมีซิมอินเตอร์เนตก็ไม่ค่อยช่วย บอกไว้ก่อน เผื่อใครคิดว่าจะใช้เวลาหาที่เที่ยวบนรถไฟ เพราะเราพยายามทำมาแล้ว55
สรุปนั่ง standard premium คุ้มมั้ย เราว่าที่นั่งสบายดี ไม่แออัด โบกี้เราแบ่งสองส่วนค่อนข้างเงียบ
มีคนไม่กี่คน มีตำรวจนั่งในโบกี้เราด้วย ไม่รู้โบกี้อื่นมีมั้ย ห้องนำ้สะอาดกว้างขวาง
ก่อนเดินทางเราค่อนข้างกังวลเรื่องขโมยโจรในปารีส ตั้งแต่ก่อนขึ้นรถไฟ เดินทางแบบนี้ นั่งแล้วสบายใจ เหมาะเพื่อพักผ่อน
หรือมากับครอบครัว จะใช้บริการอีกต่อเมื่อราคาตั๋ว standardกับ standard premium ไม่ต่างกันมากนัก
ส่วนขากลับเรานั่ง standard ลืมถ่ายรูปมา รถเต็ม ที่นั่งก็แบบเดียวกันรถไฟทั่วไป แน่นอนว่าแคบกว่า standard premier
แต่เวลาสองชั่วโมงก็ไม่ได้ทำให้อึดอัด ที่นั่งมีที่ชาร์จแบบหัวปลั๊ก (เราไม่เห็น usb) แต่เวลาเลือกที่นั่งตอนซื้อตั๋วเขาจะมีบอกอยู่ว่า
ที่นั่งมีโต๊ะมีหน้าต่างไหม มีอุปกรณ์อะไรบ้าง เราจองที่นั่งในโบกี้ที่มีคาเฟ่ ซึ่งจะเปิดบริการตอนรถไฟออกจากสถานี
แนะนำเพิ่มเติมว่ากลับจาก Gare Du Nord สถานีจะดูวุ่นวายกว่าSt.Pancas หรืออาจเพราะเราไม่คุ้นสถานที่
สถานี Euro Star จะอยู่ชั้นบน ต้องขึ้นบันไดเลื่อนไป ทางขึ้นอยู่ใกล้ๆร้าน paulในสถานี (ไม่แน่ใจว่ามีหลายสาขาในสถานีมั้ย)
ซึ่งต้องคอยดูว่าเกทในรอบรถไฟที่เราจะกลับเปิดหรือยัง
ขึ้นไปแล้วทางขวาจะมีใบขาเข้าของอังกฤษให้กรอก เสร็จแล้วก็แสกนตั๋วเข้าเกท
ลืมบอกไปว่าต้องเตรียมตั๋วมาให้พร้อม ใช้จากกระดาษหรือแสกนจากมือถือก็ได้
จากนั้นผ่านตม.ขาออกฝรั่งเศส ต่อด้วยตม.ขาเข้าอังกฤษ มีคำถามอีกนิดหน่อย
แล้วเอากระเป๋าแสกนผ่านเครื่องตรวจหลังสุด (ต่างจากที่อังกฤษแสกนกระเป๋าก่อน)
ด้านในมีร้าน paul ไว้ซื้อขนมไปทานบนรถและร้านขายของอีกเหมือนกัน ระหว่างรอรถไฟ เผื่อใครอยากใช้ เงิน euro ให้หมด
เขียนไปเขียนมาอธิบายซะยาวเลย หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนเดินทางอื่นๆที่ยังไม่เคยใช้ euro starบ้าง
เราก็ลองผิดลองถูกหลายอย่าง เพราะเตรียมข้อมูลไม่พร้อมและไม่ค่อยเดินทางด้วยรถไฟ
**แก้ไขเพิ่มเติม** เราเพิ่งลงรีวิวการเดินเที่ยวในปารีสไปค่ะ
https://ppantip.com/topic/37410864
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ🙏🏼
ปล. พิมพ์ในมือถือพยายามจัดย่อหน้าอยู่บางทีทำไมย่อหน้าไม่ออกมาอย่างที่พิมพ์
รีวิว การเดินทางด้วยรถไฟ Euro star จากลอนดอน-ปารีส
แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกระทู้เก่าๆ (หรือเราหาไม่เจอเองT__T) ก็เลยอยากเขียนเพื่อแชร์ประสบการณ์บ้าง เผื่อจะได้เป็นข้อมูลให้กับคนที่วางแผนจะเดินทางท่องเที่ยวในเร็วๆนี้ อากาศทางยุโรปเริ่มเข้าช่วงฤดูใบไม้ผลิ คาดว่าหลายคนคงเตรียมตัวเดินทางกัน
เริ่มจากการซื้อตั๋วเราซื้อจากเวบ eurostar.com
คลาสตั๋วจะมีสาม class คือ standard, standard premier , และ business premier
ราคาตั๋วถ้าเลือกแบบเที่ยวเดียว ราคาอาจจะสูงกว่าซื้อไปกลับนิดหน่อย
ตารางรถไฟออกจากลอนดอนมีรถออกทุกชม. ตั้งแต่ตีห้าจนถึงประมาณสองทุ่ม
แนะนำว่าใครวางแผนเรียบร้อยให้ซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้เลยเพราะจะได้ราคาถูก
ช่วงเวลาที่ไม่ใช่ช่วงเร่งด่วน (peak time) ราคาตั๋วอาจต่ำสุดไปถึง $42 (พอดีคอมเรามันขึ้นเป็นดอลล่าร์)
แต่ถ้าใครเดินทางเดือนหน้าจะซื้อตอนนี้ ทำใจหน่อยนะคะ ราคาตั๋วไป-กลับลอนดอน-ปารีสเริ่มต้นน่าจะอยู่ที่ $200-$300
มาถึงตอนนี้บางคนอาจจะมีคำถามว่าเจอตั๋วเครื่องบินลอนดอน-ปารีสราคาถูกกว่าอีก
ถ้าอย่างนี้เดินทางด้วยเครื่องบินดีไหม?
ข้อนี้ขึ้นอยู่กับแผนการเดินทางของแต่ละคน ถ้าสมมุติว่าต้องกลับมาขึ้นเครื่องที่ลอนดอนหลังกลับจากปารีส เผื่อเวลาเหตุฉุกเฉิน หรือเครื่องดีเลย์อีกนิด ก็สามารถกลับมาเชคอิน เพื่อขึ้นเครื่องต่อได้ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางจาก
Euro starที่สถานี st. Pancas มาที่ Heathrow อีกที
แต่มีคนบอกมาว่าสายการบินที่ราคาถูกจากลอนดอน-ปารีส จะใช้สนามบินอื่น อันนี้ต้องเชคดีๆก่อนซื้อนะคะ
เพราะว่าจะยิ่งไกลกว่าเดิม รวมถึงค่าโหลดกระเป๋าที่อาจต้องจ่ายเพิ่มอีก อาจจะไม่คุ้ม
ถ้าราคาตั๋วเดินทางถูกกว่าไม่เท่าไหร่ แต่ไม่สอดคล้องกับแผนเดินทางค่ะ
ตอนเราเดินทางก็ซื้อล่วงหน้าแค่หนึ่งเดือน แน่นอนว่าตั๋วราคาถูกไม่มีแล้ว ส่วนช่วงเวลาที่ราคาถูกก็ไม่เหมาะกับแผนเดินทางของเรา
เพราะเรามีเวลาน้อยในการเที่ยวปารีส ขาจากลอนดอน-ปารีส ตั๋ว standard ช่วงเวลาที่เลือกราคาไม่ต่างจาก standard premium มากเท่าไหร่
เราจึงเลือกขาไปเป็น standard premium ส่วนขากลับเลือก standard เพราะราคาถูกกว่ามาก
คือเราชอบลองดูการบริการก่อนขานึงด้วยว่าคุ้มกับราคาไหม ไว้ค่อยตัดสินใจจะอัพเกรดขากลับหรือไม่ ตั๋วเครื่องบินเราก็เลือกแบบนี้
ซึ่งสุดท้ายขากลับไม่ได้อัพเกรด เพราะคิดว่าไม่มีอะไรมากถึงกับต้องจ่ายเพิ่ม
การเดินทางจากลอนดอนให้มาขึ้นรถไฟที่สถานี St. Pancas International
(ภาพอาจไม่ค่อยชัด เพิ่งหัดลงรูป) ในภาพถ่ายจากเส้นถนน Euston Road ด้านหน้าเป็นโรงแรม
ฝั่งทางหอนาฬิกาเป็นทางเข้าสถานีและunderground
สถานีอยู่ข้างกับสถานี King’s cross ถ้าใครขึ้น tubeมาจากที่อื่นในลอนดอน
ก็ให้มาลงที่king’s cross แตะบัตรออกมาจะมีทางเชื่อมเข้าสถานี St.Pancas
เดินข้างใต้ได้เลย ไม่ต้องขึ้นมาข้างบน แต่เหมือนว่าทางนั้นจะไม่มีลิฟต์
ตอนขาไปเราหาลิฟต์ไม่เจอ แต่ของเราไม่เยอะมาก แต่ต้องยกขึ้นบันไดสองรอบ
มีคนใจดีเดินตามมาบอกยกให้มั้ย
ถ้าใครสัมภาระเยอะต้องดูป้ายลิฟต์ดีๆ เพราะลิฟต์ในสถานีต้องขึ้นสามต่อค่ะ
ถ้าใครใช้สาย picadilly line เหมือนจะอยู่ชั้น -2 เสร็จแล้วต้องขึ้นมาชั้น -1
ออกมาหาลิฟต์อีกตัวเพื่อขึ้นจาก -1ไป 0 ถึงที่แตะบัตรถึงจะขึ้นลิฟต์อีกตัวไปชั้นถนน
เข้าไปในสถานี St.Pancas ก็ตามป้าย Euro starเลยค่ะ สถานีนี้เป็นแนวยาว ป้ายชัดเจน
ไม่วุ่นวายเหมือนที่ gare de nord จะดูวุ่นวายกว่ามาก ถ้าเราไม่คุ้นกับสถานที่
เราไปปารีสแค่สองวัน ตัดสินใจฝากกระเป๋าไว้ที่สถานี St.Pancasค่ะ
เราเดินทางคนเดียว และไม่คุ้นกับการเดินทางในปารีส เพราะฉะนั้นขอสะดวกไว้ก่อน
ไม่อยากกังวลกับของที่ถือไป
ที่สถานีมีบริษัทชื่อ baggage excess company อยู่สุดทางของสถานี เดินผ่านพวกโซนร้านคาเฟ่เข้าไป
บริษัทนี้มีอยู่ทั่วสถานีรถไฟและสนามบินของอังกฤษ
การฝากเราต้องยกกระเป๋าเข้าเครื่องแสกน แล้วบอกคร่าวๆว่าจะฝากไว้นานเท่าไหร่
มีเรทแบบเป็นชั่วโมงและแบบเป็นวัน เสร็จแล้วพนักงานจะประเมินราคาออกใบเสร็จให้
จ่ายเงินตอนมารับกระเป๋าค่ะ สามารถลองเชคราคา หรือbook online การฝากกระเป๋าได้เหมือนกัน
ถ้าใครอยากเชคราคาก่อนเข้าไปที่เวบนี้ www.excess-baggage.com
เราจำเรทราคาไม่ค่อยได้ แต่น่าจะวันละ 10 pounds ถ้ากระเป๋าเล็กราคาจะถูกกว่า
อธิบายซะเยอะเลย มาถึงขั้นตอนการขึ้นรถไฟบ้าง
เราไม่ค่อยเดินทางด้วยรถไฟ เลยไม่ชินกับขั้นตอนต่างๆว่าต้องเผื่อเวลาเท่าไหร่บ้าง
โดยเฉพาะเป็นการเดินทางด้วยรถไฟข้ามประเทศที่มีการตรวจเอกสารเดินทาง
รถไฟเราออกรอบ 10.24 เราถึงตั้งแต่ แปดโมงครึ่ง
ปรากฎว่าถามเจ้าหน้าที่เขาบอกเกทเปิดหนึ่งชม. ก่อนรถไฟออก ก็เลยต้องรอไป
ทางเข้า euro stat ติดกับ M&S food ส่วนภายในสถานีก่อนเข้าเกทมีร้านให้เดินเล่นและคาเฟ่เยอะอยู่ เผื่อใครหิว
พอถึงเวลาสังเกตได้จากทางเข้าจะมีจอคอมบอกค่ะว่าเปิดให้เข้าสำหรับรถไฟรอบไหนบ้าง
พอรอบเราขึ้นก็เดินเข้าไปได้
ตอนซื้อตั๋วเห็นมีบอกให้เชคอิน เรานึกว่าจะมีเคาเตอร์ให้เชคอินแบบสนามบินเสียอีก
ปรากฎว่ามันคือการที่เราเอาตั๋วกระดาษหรือมือถือแสกนผ่านเครื่องเดินเข้าไป
เหมือนทางเข้ารถไฟฟ้าประมาณนั้น เสร็จแล้วก็มีการตรวจกระเป๋าผ่านเครื่องแสกน
แบบในสนามบิน ระวังเรื่องกระเป๋าเดินทางหน่อยนะคะ ถ้าของใครใหญ่ๆมาก
กลัวจะผ่านไม่ได้ แล้วเราต้องยกขึ้นสายพานเอง แต่กระเป๋าคนข้างหลังเราใบใหญ่มาก
ก็ยังผ่านได้ ส่วนเรื่องของเหลวในการขึ้นรถไฟ ไม่มีข้อจำกัดเหมือนการเดินทางด้วยเครื่องบิน
ไม่ต้องแยกหรือเอาไปทิ้งค่ะ
หลังจากนั้น ก็จะมีการผ่านตม.อังกฤษขาออก เขาแค่ดูวันที่เข้าประเทศ
และรูดพาสปอร์ต เสร็จแล้วไปต่อช่อง ตม. ขาเข้าฝรั่งเศส ของเราเขาก็ถามประมาณว่า
เดินทางคนเดียวเหรอ ไปกี่วัน ขอดูตั๋วกลับหน่อย เสร็จแล้วก็แสตมป์ตรา
ทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 15-20นาที
จากนั้นไปนั่งรอขึ้นรถไฟ ข้างในจะมีคาเฟ่ ร้านขายของนิดหน่อย เผื่อใครอยากกินขนม
กาแฟไม่อร่อย อย่ากิน555 ขมมาก
จะมีการประกาศบอก platform ก่อนเวลารถออกประมาณ 20นาที
ทางขึ้นอยู่ไหนก็ตามที่คนแห่ขึ้นไปตอนประกาศ ทางขึ้นอาจมีสองทาง
ให้ดูว่าเราอยู่ตู้รถไฟโบกี้ไหน (coach number)
เนื่องจากขาไปเราซื้อ standard premierไว้ หน้าตู้เราจะมีเจ้าหน้าที่คอยเช็คตั๋วและที่นั่ง
การขึ้นรถไฟกระเป๋าไม่มีการโหลดเหมือนเครื่องบินนะคะ
แต่เขาจะมีที่ให้วางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ในโบกี้ ส่วนพวกใบเล็กและ carry on
จะมีชั้นวางบนที่นั่ง
อันนี้ทางเข้าเมื่อขึ้นไปค่ะ
แนะนำว่าถ้ากระเป๋าเดินทางใครมีของมีค่า หรือเป็นพวกกระเป๋าRimowa
จองที่นั่งใกล้ๆที่เก็บกระเป๋าก็ดีนะคะ มีคนที่มีประสบการณ์โดนขโมยมาค่ะ
แต่ไม่ใช่สายeurostar ถึงยังไงก็ปลอดภัยไว้ก่อน
สำหรับที่นั่ง standard premier กว้างขวาง มีให้เลือกแบบมีโต๊ะกับไม่มี
คนขึ้นไม่ค่อยเยอะ จองนั่งแบบโต๊ะสบายกว่า
ฝั่งที่นั่งเรา
ทางเดิน
อีกฝั่งด้านข้าง
อุปกรณ์ในที่นั่งก็จะมีที่ชาร์จ usb ที่ชาร์จแบบหัวปลั๊กของอังกฤษ
ไฟข้างที่นั่ง โต๊ะสามารถดึงขยายออกมาได้เวลาทานอาหาร
จะมีอาหารเสิร์ฟหนึ่งมื้อ มีพนักงานคอยดูแลในตู้ จะมาแจ้งก่อนว่ากำลังเตรียมอาหาร
อาหารจริงๆก็ ไม่มีอะไรมาก เนื่องจากยังเป็นช่วงเช้าจึงเสิร์ฟ
แบบ continental breakfast มี กาแฟ นำ้ส้ม ครัวซองตามภาพ
มีแจกขนมปังพวกแดนิสเพิ่มอีก แต่กินขนมปังไม่ไหวแล้ว กินทุกวัน
ตอนซื้อตั๋วบอกมี drinkด้วย เห็นแต่แก้วไวน์แต่ไม่เสิร์ฟ สงสัยจะเสิร์ฟช่วงเย็นมากกว่า
จะบอกว่าถ้าใครนั่งรถไฟช่วงเช้าจากลอนดอน ถ้าหันหน้าไปทางหัวขบวน
นั่งฝั่งขวาเหมือนวิวจะสวยกว่า แต่พระอาทิตย์จะส่องเข้าด้านนั้น
ใครไม่ชอบแสงอาทิตย์ให้เลือกฝั่งซ้าย (พระอาทิตย์คงไม่เปลี่ยนทางขึ้นนะ)
ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมง 15นาทีในการถึงปารีส บนรถไฟมีไวไฟให้ใช้
แต่พอไปถึงก่อนข้ามอุโมงค์ใช้แทบไม่ได้เลยหลังจากนั้น ฉะนั้นไม่ต้องหวังอะไรมากกับการใช้อินเตอร์เน็ตบนรถไฟ
ถึงมีซิมอินเตอร์เนตก็ไม่ค่อยช่วย บอกไว้ก่อน เผื่อใครคิดว่าจะใช้เวลาหาที่เที่ยวบนรถไฟ เพราะเราพยายามทำมาแล้ว55
สรุปนั่ง standard premium คุ้มมั้ย เราว่าที่นั่งสบายดี ไม่แออัด โบกี้เราแบ่งสองส่วนค่อนข้างเงียบ
มีคนไม่กี่คน มีตำรวจนั่งในโบกี้เราด้วย ไม่รู้โบกี้อื่นมีมั้ย ห้องนำ้สะอาดกว้างขวาง
ก่อนเดินทางเราค่อนข้างกังวลเรื่องขโมยโจรในปารีส ตั้งแต่ก่อนขึ้นรถไฟ เดินทางแบบนี้ นั่งแล้วสบายใจ เหมาะเพื่อพักผ่อน
หรือมากับครอบครัว จะใช้บริการอีกต่อเมื่อราคาตั๋ว standardกับ standard premium ไม่ต่างกันมากนัก
ส่วนขากลับเรานั่ง standard ลืมถ่ายรูปมา รถเต็ม ที่นั่งก็แบบเดียวกันรถไฟทั่วไป แน่นอนว่าแคบกว่า standard premier
แต่เวลาสองชั่วโมงก็ไม่ได้ทำให้อึดอัด ที่นั่งมีที่ชาร์จแบบหัวปลั๊ก (เราไม่เห็น usb) แต่เวลาเลือกที่นั่งตอนซื้อตั๋วเขาจะมีบอกอยู่ว่า
ที่นั่งมีโต๊ะมีหน้าต่างไหม มีอุปกรณ์อะไรบ้าง เราจองที่นั่งในโบกี้ที่มีคาเฟ่ ซึ่งจะเปิดบริการตอนรถไฟออกจากสถานี
แนะนำเพิ่มเติมว่ากลับจาก Gare Du Nord สถานีจะดูวุ่นวายกว่าSt.Pancas หรืออาจเพราะเราไม่คุ้นสถานที่
สถานี Euro Star จะอยู่ชั้นบน ต้องขึ้นบันไดเลื่อนไป ทางขึ้นอยู่ใกล้ๆร้าน paulในสถานี (ไม่แน่ใจว่ามีหลายสาขาในสถานีมั้ย)
ซึ่งต้องคอยดูว่าเกทในรอบรถไฟที่เราจะกลับเปิดหรือยัง
ขึ้นไปแล้วทางขวาจะมีใบขาเข้าของอังกฤษให้กรอก เสร็จแล้วก็แสกนตั๋วเข้าเกท
ลืมบอกไปว่าต้องเตรียมตั๋วมาให้พร้อม ใช้จากกระดาษหรือแสกนจากมือถือก็ได้
จากนั้นผ่านตม.ขาออกฝรั่งเศส ต่อด้วยตม.ขาเข้าอังกฤษ มีคำถามอีกนิดหน่อย
แล้วเอากระเป๋าแสกนผ่านเครื่องตรวจหลังสุด (ต่างจากที่อังกฤษแสกนกระเป๋าก่อน)
ด้านในมีร้าน paul ไว้ซื้อขนมไปทานบนรถและร้านขายของอีกเหมือนกัน ระหว่างรอรถไฟ เผื่อใครอยากใช้ เงิน euro ให้หมด
เขียนไปเขียนมาอธิบายซะยาวเลย หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนเดินทางอื่นๆที่ยังไม่เคยใช้ euro starบ้าง
เราก็ลองผิดลองถูกหลายอย่าง เพราะเตรียมข้อมูลไม่พร้อมและไม่ค่อยเดินทางด้วยรถไฟ
**แก้ไขเพิ่มเติม** เราเพิ่งลงรีวิวการเดินเที่ยวในปารีสไปค่ะ https://ppantip.com/topic/37410864
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ🙏🏼
ปล. พิมพ์ในมือถือพยายามจัดย่อหน้าอยู่บางทีทำไมย่อหน้าไม่ออกมาอย่างที่พิมพ์