ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามีรถจะมีภาระขนาดนี้

ขออนุญาตเกริ่นก่อนเลยนะคะ ปัจจุบันเป็นนักศึกษา บ้านอยู่กทม. เรียนอยู่กทม. แต่บ้านกับสถาบันคนละฝั่งของเมืองเลย เดินทางหลายต่อก็พอเข้าใจ แต่มอไซวินช่วงพีคไทม์นี่สุดยอดมาก รีบขับกันเพื่อมารับผู้โดยสารใหม่ เร็วแบบว่าบิ๊กไบค์หลายร้อยซีซีก็หลบไปเถอะ บอกได้คำเดียว กลัวตายทุกวัน หมวกก็ไม่มี
    ต่อมาก็มีเรื่องให้ระเห็จออกจากบ้าน ไปอยู่คอนโด ก็มีโอกาสได้ทำงานพาร์ทไทม์ในสายวิชาที่เรียนมา รายได้ค่อนข้างสูงกว่างานพาร์ทไทม์ทั่วไป ก็เลยลองพยายามลดค่าใช้จ่ายของคนที่บ้านด้วยการเริ่มรับผิดชอบตัวเองในค่าใช้จ่ายจิปาถะ โดยเฉพาะเรื่องรถ แล้วก็มานั่งย้อนคิด มีรถนี่ก็ภาระมากนะคะ
-    ไปไหนก็ต้องคิดหาที่จอด จอดตรงไหนได้ตำรวจไม่จับ กระจกไม่แตก รถไม่หาย
-    ค่าที่จอดรถคอนโด สถานที่ต่างๆที่นำไปจอด
-    ออกจากบ้านก็สาเหตุด้วยเรื่องรถ
-    ค่าน้ำมัน รถเราไม่กินน้ำมัน แต่ก็นะถังละ 900
-    ประกันปีแรกฟรี ประกันปีที่สองจ่ายเอง เงินเดือนสองเดือนปลิวหายไปกับค่าประกันและภาษี
-    เข้าเคลมเสียค่าเอ็กเซส ไปก็หลายพัน กระจกข้างรถหักอีก
-    คุณยายคุณตาเรียกหาบ่อยมาก เพราะเห็นว่ามีรถ ออกตจว.ได้
-    เพื่อนชอบมาพูดประมาณว่าไปนั่นนี่ดีไหม? รถเราสินะ
-    ใส่ชุดนักศึกษาขับรถ เป็นเป้าสายตาพอควร
-    รปภ. ถามทำไมรวยจัง ...................
-    และต่อให้เรียนจบมีงานทำ ก็ไม่รู้ว่ากี่ปีถึงจะมีเงินเก็บไปดาวน์รถสักคัน

    

ถึงตอนนี้เลิกขอนั่นนี่คนที่บ้านแล้ว กว่าจะทำงานมาได้ ต้องมาหมดกับอะไรแบบนี้ เหนื่อยมาก ที่บ้านต้องเหนื่อยขนาดไหน มารับภาระค่าใช้จ่ายของเด็กคนนึง ค่ากิน ค่าอยู่ ซื้อรถให้อีก ไหนจะค่าเทอม ตอนนี้ก็พอคิดได้ พยายามจ่ายนั่นนี่เอง อยากจะร้องไห้มาก ทำงานแทบตาย เงินหายไปกับค่าอะไรก็ไม่รู้ แทนที่จะเอาไปซื้อของที่อยากได้
แต่มีรถก็ไม่ได้แย่นะคะ ข้อดีก็มีเยอะ แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน...

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่