สวัสดีครับ ผมมีประสบการณ์การสร้างบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้านมาเล่าสู่กันฟังนะครับ จากประสบการณ์การสร้างจริง อยู่จริงของผมและครอบครัว
เริ่มจาก ผมกับภรรยารู้สึกว่าบ้านหลังเดิมที่อาศัยอยู่มีขนาดเล็กลง เพราะจำนวนสมาชิกในครอบครัว ทั้ง แม่ น้องสาว และลูกๆ อีก 2 คน ผมกับภรรยาก็เลยคุยกันว่า ต้องการบ้านหลังใหม่ที่มีพื้นที่เพิ่มมากขึ้น จึงเป็นที่มาในการปลูกสร้างบ้านหลังใหม่หลังนี้
ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าผมจะปลูกสร้างบ้านที่ต้องอยู่ไปอีก 20 - 30 ปี ผมจะต้องหาวิธีการที่ดีที่สุด ในการที่จะได้มาซึ่งบ้านที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
โดยผมเริ่มต้นจากการหาที่ดินที่ต้องการก่อน ซึ่งโจทย์ของผมก็คือ
1. ต้องเป็นที่ดินขนาดหน้ากว้าง
2. การเดินทางต้องสะดวกและไม่ไกลจากตัวเมือง ( โรงพยาบาล, ที่ทำงาน, โรงเรียนลูก ) ใช้เวลาหาอยู่พักใหญ่ ก็ได้ที่ดินใกล้ๆ กับบ้านที่อาศัยอยู่ในตอนนั้น ด้วยการแนะนำจากเพื่อนของภรรยา ขนาดพื้นที่ เกือบๆ 200 ตารางเมตร
หลังจากตกลงซื้อขายที่ดินกันเสร็จเรียบร้อย ก็เริ่มมองหาแบบบ้านที่อยากได้ ผมใช้เวลาในการหาแบบบ้านอยู่พักใหญ่ เพราะอยากได้แบบบ้านที่ลงตัวที่สุด หาอยู่หลายบริษัทเหมือนกัน มีบูธของบริษัทไหนก็ไปหมด และยังหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตประกอบด้วย การหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็สำคัญนะครับ เพราะเราจะสามารถคัดกรองบริษัทรับสร้างบ้านได้ในระดับหนึ่ง
กลับมาที่เรื่องแบบบ้าน ปัญหาของผมคือ ผมต้องการแบบบ้านหน้ากว้างตามขนาดที่ดินของผม ซึ่งแบบบ้านหน้ากว้างไม่ค่อยมีบริษัทไหนทำ ส่วนที่มีอยู่ก็ไม่ค่อยถูกใจ จนไปเจอแบบบ้านหน้ากว้างของบริษัท แลนดี้โฮม ชื่อ แบบบ้าน Blue Wind ซึ่งเป็นแบบบ้านที่ผมถูกใจที่สุด มีความโมเดิร์นนิดๆ ตอนเห็นแบบบ้าน Blue Wind ครั้งแรกผมก็เกิดไอเดียเลยทันทีว่า ทางด้านซ้ายที่เป็นที่จอดรถ ผมจะเปลี่ยนเป็น โฮม ออฟฟิศ เพื่อใช้ทำงานหลังเกษียณ ส่วนพื้นที่โล่งด้านขวาจะทำห้องสมุดให้ภรรยาเพราะเขาอยากได้ห้องสมุดมานาน และยังชอบความโปร่งโล่งของพื้นนี้ส่วนนี้ด้วย เลยให้ภรรยาลองโทรศัพท์ไปที่บริษัทแลนดี้โฮม
ห้องสมุดในบ้าน
จริงๆ ก็โทรไปเกือบจะทุกบริษัทแล้ว ถ้าบริษัทไหนพูดจาไม่ดี ผมกับภรรยาจะตัดทิ้งเลยทันทีเพราะแค่ขั้นตอนแรกก็ไม่ใส่ใจกันแล้ว ขั้นตอนต่อๆไป ก็คงไม่ต้องพูดถึง หลังจากที่ผมกับภรรยาโทรศัพท์ไปที่ บริษัท แลนดี้โฮม ก็รู้สึกประทับใจเพราะเจ้าหน้าที่ดูแลให้คำแนะนำดี แต่ผมยังไม่หยุดที่จะหาแบบบ้านที่ใช่ที่สุดนะครับ ก็ยังหาแบบบ้านของบริษัทต่างๆ มาเปรียบเทียบราคากันอยู่สักพัก จนมั่นใจแล้วว่า แบบบ้าน Blue Wind ของแลนดี้โฮม คือแบบบ้านที่ผมต้องการจริงๆ
จากนั้นผมก็เดินทางมาที่ บริษัทแลนดี้โฮม สำนักงานใหญ่ ( ลาดพร้าว 19 ) เพื่อพูดคุยเรื่องปลูกบ้าน สรุปว่าต้องปรับขยายพื้นที่ของแบบบ้านจากความยาวที่ 23 เมตร ขยายเพิ่ม 3 เมตร เป็น 26 เมตร เพื่อให้รองรับจำนวนห้องที่เพิ่มมากขึ้น เรื่องการปรับเปลี่ยนแปลนบ้านตามความต้องการของเรา เป็นเรื่องสำคัญนะครับ เพราะจะทำให้เราได้บ้านในแบบที่เราต้องการจริงๆ และบริษัทรับสร้างบ้านก็ควรจะต้องตอบสนองทุกความต้องการของเราด้วย แต่ทั้งหมดนี้ต้องขึ้นอยู่กับความเป็นไปได้ทางหลักวิศวกรรมด้วย
สำหรับผม ผลงานการก่อสร้างของบริษัทเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การที่จะตัดสินใจเลือกใช้บริษัทใดก็ตาม ควรดูทางบริษัทก่อสร้างมีคุณภาพ สร้างได้จริง ก็ทำให้เรามั่นใจและคลายกังวลได้ระดับหนึ่ง ซึ่งก่อนจะเซ็นสัญญาปลูกสร้างกับทางบริษัทแลนดี้โฮม ผมก็ต้องมั่นใจก่อนว่าทางบริษัทสามารถสร้างบ้านให้กับผมได้จริงๆ ไม่เพียงแค่สร้างได้จริงแต่ต้องสร้างบ้านให้มีคุณภาพอีกด้วย ผมจึงขับรถไปดูไซต์งานก่อสร้างต่างๆ ของแลนดี้โฮม ขับรถไปดูอยู่หลายไซต์งานเหมือนกัน ดูจนมั่นใจในบริษัทว่าสามารถสร้างบ้านที่เราต้องการได้
แต่ก็มีเรื่องที่ผมค่อนข้างกังวลใจเหมือนกัน เป็นเรื่องโครงสร้างของตัวบ้านที่ใช้เสาและคานสำเร็จรูปมาประกอบที่ไซต์งาน พูดตรงๆ ว่าตอนแรกไม่มั่นใจเลยว่า โครงสร้างบ้านในลักษณะนี้จะแข็งแรง ถึงจะก่อสร้างได้เร็วก็จริง แต่ความแข็งแรงของบ้านต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก บ้านต้องอยู่กับเราไปอีก 20 – 30 ปี เป็นอย่างน้อย ผมก็หาข้อมูลเพิ่มเพราะคิดว่าบริษัทอยู่มาถึงขนาดนี้น่าจะมีอะไรดีบ้างละ ทั้งหาข้อมูลเพิ่ม ทั้งคุยกับวิศวกร จึงพอเข้าใจได้ว่าโครงสร้างแบบนี้มี รับน้ำหนักยังไง ต่างจากการสร้างแบบหล่อในที่ยังไง พอได้ฟัง ได้ทำความเข้าใจ ก็เข้าใจระบบการทำงานของตัวโครงสร้างในลักษณะนี้
ภาพชิ้นส่วนโครงสร้างที่ตอนแรกค่อนข้างกังวล
หลังจากมั่นใจแล้วว่าบริษัทแลนดี้โฮม สามารถสร้างบ้านในแบบที่ผมต้องการได้ ผมก็ตัดสินใจเซ็นสัญญาก่อสร้างกับทางบริษัท ทางบริษัทจะเรียกเก็บเงินเป็นงวดๆ ตามงวดงานก่อสร้าง โดยจะมีเอกสารแจ้งยอด และรายละเอียดว่าใช้เงินไปกับค่าอะไร จำนวนเท่าไหร่ ผมก็จ่ายตรงทุกงวดไม่มีปัญหาอะไร วัสดุก่อสร้างชิ้นไหนที่เราไม่ได้ใช้ของบริษัท ทางบริษัทก็จะทอนเงินคืนให้ ส่วนบ้านของผมมีเปลี่ยนกระเบื้องปูพื้นและสีทาบ้าน ทางบริษัทก็คืนส่วนต่างให้ ผมก็เอาส่วนต่างนั้นมาซื้อกระเบื้องและสีทาบ้านที่ผมอยากได้
ภาพจากภายนอกตอนบ้านเสร็จใหม่ๆ
บริเวณชั้น 2 ของบ้าน
ห้องนั่งเล่น บริเวณชั้น 1
เรื่องนวัตกรรมในตัวบ้านก็เป็นเรื่องนึงที่ต้องพิจารณา ลูกชายของผมกลัวแมลงสาบมาก ซึ่งทางบริษัทก็บอกว่าบ้านที่สร้าง ติดตั้งระบบป้องกันแมลงสาบ ตอนแรกก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก มีติดบ้านไว้ก็ดี ไม่รู้จะได้ผลจริงหรือเปล่า จนกระทั้งเจ้าหน้าที่เขาถามเรื่องแมลงสาบมา อยู่บ้านหลังนี้มา 2 ปี ไม่เคยเจอแมลงสาบ ถามลูกชายก็ไม่เคยเจอ แสดงว่านวัตกรรมของบริษัทเขาดีจริงๆ
ห้องน้ำภายในบ้าน
ในขั้นตอนการสร้างบ้าน การก่อสร้างบ้านของผมกับบริษัทแลนดี้โฮม ค่อนข้างราบรื่นดี ด้วยความที่ผมก็ทำงานเกี่ยวกับวิศวกรรมโยธามาก่อน จึงคุยกับเจ้าหน้าที่รู้เรื่อง เข้าใจกัน ทำให้งานก่อสร้างเสร็จสิ้นตามกำหนดเวลาที่วางเอาไว้ ตั้งแต่ตอนต้น ในส่วนที่ผมกังวลก็มี จะเป็นเรื่องของท่อฉีดน้ำยาป้องกันปลวกที่วางตามคานล่าง ซึ่งอาจจะมีปูนเกาะติดและแห้งบริเวณหัวสเปรย์ฉีดน้ำยา ผมจึงแก้ปัญหาด้วยการกำชับช่างที่ติดตั้งให้ระวัง ต้องดูให้ดีๆ นะ และอาศัยเดินไปตรวจงานเองด้วย เพราะหากมีเศษปูนไปแห้งปิดตรงหัวสเปรย์ฉีดน้ำยา แล้วถมดินทับ จบเลยนะ หัวฉีดใช้ไม่ได้แน่นอน จึงค่อนข้างกังวลในจุดนี้
อยากจะเตือนให้ระวังเรื่องกระเบื้องหลังคานะครับ ในการขนส่งกระเบื้องหลังคามาติดตั้งที่ไซต์งานก่อสร้างนั้น หากขนส่งมาไม่ดีอาจจะทำให้กระเบื้องหลังคามีรอยร้าวที่มองไม่เห็น ซึ่งหากนำกระเบื้องที่ร้าวนั้นมาติดตั้ง แล้วเจอแรงกดทับเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้กระเบื้องแตก เวลาฝนตกน้ำก็จะหยดเข้าบ้าน ส่วนในนี้ก็ให้ระวังกันด้วยครับ
ภาพตอนติดตั้งกระเบื้องหลังคา
ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ก่อสร้างบ้านหลังนี้ ผมเข้ามาดูความเรียบร้อยในการก่อสร้างเฉลี่ยอาทิตย์ละประมาณ 3 ครั้ง เพราะอยากให้บ้านออกมาดีที่สุด บางทีเจอปัญหาเล็กๆ น้อยๆ หน้างานผมกับวิศวกรก็ช่วยกันแก้ปัญหาตรงนั้นเลย ทำให้บ้านมีปัญหาน้อย ก่อสร้างเสร็จตามกำหนด ตรงนี้ก็สำคัญเพราะหากคุณไม่เข้ามาดูตรวจบ้านเลย บางทีบางปัญหาคุณจะมองไม่เห็น เกิดปัญหาบานปลายกันเข้าไปอีก เพราะการก่อสร้างบ้านยังไงก็ต้องเกิดปัญหา จะมากจะน้อยก็ว่ากันไป แนะนำให้ควรเข้ามาดูบ้านบ่อยๆ หากเจอปัญหาอะไรจะได้แก้ไขได้ทันที
พอบ้านสร้างเสร็จผมก็บิ้วท์อินบ้านต่อเลย บิ้วท์อินเสร็จก็เข้าอยู่ ตอนนี้อยู่มา 2 ปี ภายในบ้านก็ไม่มีปัญหาอะไร จะมีก็ช่วงเสร็จใหม่ๆ ที่มีพวกรอยคราบน้ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของบริษัทเขาก็มาดูแลแก้ไขให้ ก็ถือว่าการสร้างบ้านกับบริษัท แลนดี้โฮม เรียบร้อยดี จากประสบการณ์ของคนที่สร้างจริง อยู่จริง
[Advertorial]
การสร้างบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้านเป็นอย่างไร ? มาดูกัน
เริ่มจาก ผมกับภรรยารู้สึกว่าบ้านหลังเดิมที่อาศัยอยู่มีขนาดเล็กลง เพราะจำนวนสมาชิกในครอบครัว ทั้ง แม่ น้องสาว และลูกๆ อีก 2 คน ผมกับภรรยาก็เลยคุยกันว่า ต้องการบ้านหลังใหม่ที่มีพื้นที่เพิ่มมากขึ้น จึงเป็นที่มาในการปลูกสร้างบ้านหลังใหม่หลังนี้
ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าผมจะปลูกสร้างบ้านที่ต้องอยู่ไปอีก 20 - 30 ปี ผมจะต้องหาวิธีการที่ดีที่สุด ในการที่จะได้มาซึ่งบ้านที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
โดยผมเริ่มต้นจากการหาที่ดินที่ต้องการก่อน ซึ่งโจทย์ของผมก็คือ
1. ต้องเป็นที่ดินขนาดหน้ากว้าง
2. การเดินทางต้องสะดวกและไม่ไกลจากตัวเมือง ( โรงพยาบาล, ที่ทำงาน, โรงเรียนลูก ) ใช้เวลาหาอยู่พักใหญ่ ก็ได้ที่ดินใกล้ๆ กับบ้านที่อาศัยอยู่ในตอนนั้น ด้วยการแนะนำจากเพื่อนของภรรยา ขนาดพื้นที่ เกือบๆ 200 ตารางเมตร
หลังจากตกลงซื้อขายที่ดินกันเสร็จเรียบร้อย ก็เริ่มมองหาแบบบ้านที่อยากได้ ผมใช้เวลาในการหาแบบบ้านอยู่พักใหญ่ เพราะอยากได้แบบบ้านที่ลงตัวที่สุด หาอยู่หลายบริษัทเหมือนกัน มีบูธของบริษัทไหนก็ไปหมด และยังหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตประกอบด้วย การหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็สำคัญนะครับ เพราะเราจะสามารถคัดกรองบริษัทรับสร้างบ้านได้ในระดับหนึ่ง
กลับมาที่เรื่องแบบบ้าน ปัญหาของผมคือ ผมต้องการแบบบ้านหน้ากว้างตามขนาดที่ดินของผม ซึ่งแบบบ้านหน้ากว้างไม่ค่อยมีบริษัทไหนทำ ส่วนที่มีอยู่ก็ไม่ค่อยถูกใจ จนไปเจอแบบบ้านหน้ากว้างของบริษัท แลนดี้โฮม ชื่อ แบบบ้าน Blue Wind ซึ่งเป็นแบบบ้านที่ผมถูกใจที่สุด มีความโมเดิร์นนิดๆ ตอนเห็นแบบบ้าน Blue Wind ครั้งแรกผมก็เกิดไอเดียเลยทันทีว่า ทางด้านซ้ายที่เป็นที่จอดรถ ผมจะเปลี่ยนเป็น โฮม ออฟฟิศ เพื่อใช้ทำงานหลังเกษียณ ส่วนพื้นที่โล่งด้านขวาจะทำห้องสมุดให้ภรรยาเพราะเขาอยากได้ห้องสมุดมานาน และยังชอบความโปร่งโล่งของพื้นนี้ส่วนนี้ด้วย เลยให้ภรรยาลองโทรศัพท์ไปที่บริษัทแลนดี้โฮม
ห้องสมุดในบ้าน
จริงๆ ก็โทรไปเกือบจะทุกบริษัทแล้ว ถ้าบริษัทไหนพูดจาไม่ดี ผมกับภรรยาจะตัดทิ้งเลยทันทีเพราะแค่ขั้นตอนแรกก็ไม่ใส่ใจกันแล้ว ขั้นตอนต่อๆไป ก็คงไม่ต้องพูดถึง หลังจากที่ผมกับภรรยาโทรศัพท์ไปที่ บริษัท แลนดี้โฮม ก็รู้สึกประทับใจเพราะเจ้าหน้าที่ดูแลให้คำแนะนำดี แต่ผมยังไม่หยุดที่จะหาแบบบ้านที่ใช่ที่สุดนะครับ ก็ยังหาแบบบ้านของบริษัทต่างๆ มาเปรียบเทียบราคากันอยู่สักพัก จนมั่นใจแล้วว่า แบบบ้าน Blue Wind ของแลนดี้โฮม คือแบบบ้านที่ผมต้องการจริงๆ
จากนั้นผมก็เดินทางมาที่ บริษัทแลนดี้โฮม สำนักงานใหญ่ ( ลาดพร้าว 19 ) เพื่อพูดคุยเรื่องปลูกบ้าน สรุปว่าต้องปรับขยายพื้นที่ของแบบบ้านจากความยาวที่ 23 เมตร ขยายเพิ่ม 3 เมตร เป็น 26 เมตร เพื่อให้รองรับจำนวนห้องที่เพิ่มมากขึ้น เรื่องการปรับเปลี่ยนแปลนบ้านตามความต้องการของเรา เป็นเรื่องสำคัญนะครับ เพราะจะทำให้เราได้บ้านในแบบที่เราต้องการจริงๆ และบริษัทรับสร้างบ้านก็ควรจะต้องตอบสนองทุกความต้องการของเราด้วย แต่ทั้งหมดนี้ต้องขึ้นอยู่กับความเป็นไปได้ทางหลักวิศวกรรมด้วย
แบบบ้าน Blue Wind จาก แลนดี้โฮม
หากใครกำลังมองหาแบบบ้านอยู่ก็ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ https://www.landyhome.co.th/product ครับ
สำหรับผม ผลงานการก่อสร้างของบริษัทเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การที่จะตัดสินใจเลือกใช้บริษัทใดก็ตาม ควรดูทางบริษัทก่อสร้างมีคุณภาพ สร้างได้จริง ก็ทำให้เรามั่นใจและคลายกังวลได้ระดับหนึ่ง ซึ่งก่อนจะเซ็นสัญญาปลูกสร้างกับทางบริษัทแลนดี้โฮม ผมก็ต้องมั่นใจก่อนว่าทางบริษัทสามารถสร้างบ้านให้กับผมได้จริงๆ ไม่เพียงแค่สร้างได้จริงแต่ต้องสร้างบ้านให้มีคุณภาพอีกด้วย ผมจึงขับรถไปดูไซต์งานก่อสร้างต่างๆ ของแลนดี้โฮม ขับรถไปดูอยู่หลายไซต์งานเหมือนกัน ดูจนมั่นใจในบริษัทว่าสามารถสร้างบ้านที่เราต้องการได้
แต่ก็มีเรื่องที่ผมค่อนข้างกังวลใจเหมือนกัน เป็นเรื่องโครงสร้างของตัวบ้านที่ใช้เสาและคานสำเร็จรูปมาประกอบที่ไซต์งาน พูดตรงๆ ว่าตอนแรกไม่มั่นใจเลยว่า โครงสร้างบ้านในลักษณะนี้จะแข็งแรง ถึงจะก่อสร้างได้เร็วก็จริง แต่ความแข็งแรงของบ้านต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก บ้านต้องอยู่กับเราไปอีก 20 – 30 ปี เป็นอย่างน้อย ผมก็หาข้อมูลเพิ่มเพราะคิดว่าบริษัทอยู่มาถึงขนาดนี้น่าจะมีอะไรดีบ้างละ ทั้งหาข้อมูลเพิ่ม ทั้งคุยกับวิศวกร จึงพอเข้าใจได้ว่าโครงสร้างแบบนี้มี รับน้ำหนักยังไง ต่างจากการสร้างแบบหล่อในที่ยังไง พอได้ฟัง ได้ทำความเข้าใจ ก็เข้าใจระบบการทำงานของตัวโครงสร้างในลักษณะนี้
ภาพชิ้นส่วนโครงสร้างที่ตอนแรกค่อนข้างกังวล
หลังจากมั่นใจแล้วว่าบริษัทแลนดี้โฮม สามารถสร้างบ้านในแบบที่ผมต้องการได้ ผมก็ตัดสินใจเซ็นสัญญาก่อสร้างกับทางบริษัท ทางบริษัทจะเรียกเก็บเงินเป็นงวดๆ ตามงวดงานก่อสร้าง โดยจะมีเอกสารแจ้งยอด และรายละเอียดว่าใช้เงินไปกับค่าอะไร จำนวนเท่าไหร่ ผมก็จ่ายตรงทุกงวดไม่มีปัญหาอะไร วัสดุก่อสร้างชิ้นไหนที่เราไม่ได้ใช้ของบริษัท ทางบริษัทก็จะทอนเงินคืนให้ ส่วนบ้านของผมมีเปลี่ยนกระเบื้องปูพื้นและสีทาบ้าน ทางบริษัทก็คืนส่วนต่างให้ ผมก็เอาส่วนต่างนั้นมาซื้อกระเบื้องและสีทาบ้านที่ผมอยากได้
ภาพจากภายนอกตอนบ้านเสร็จใหม่ๆ
บริเวณชั้น 2 ของบ้าน
ห้องนั่งเล่น บริเวณชั้น 1
เรื่องนวัตกรรมในตัวบ้านก็เป็นเรื่องนึงที่ต้องพิจารณา ลูกชายของผมกลัวแมลงสาบมาก ซึ่งทางบริษัทก็บอกว่าบ้านที่สร้าง ติดตั้งระบบป้องกันแมลงสาบ ตอนแรกก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก มีติดบ้านไว้ก็ดี ไม่รู้จะได้ผลจริงหรือเปล่า จนกระทั้งเจ้าหน้าที่เขาถามเรื่องแมลงสาบมา อยู่บ้านหลังนี้มา 2 ปี ไม่เคยเจอแมลงสาบ ถามลูกชายก็ไม่เคยเจอ แสดงว่านวัตกรรมของบริษัทเขาดีจริงๆ
ห้องน้ำภายในบ้าน
ในขั้นตอนการสร้างบ้าน การก่อสร้างบ้านของผมกับบริษัทแลนดี้โฮม ค่อนข้างราบรื่นดี ด้วยความที่ผมก็ทำงานเกี่ยวกับวิศวกรรมโยธามาก่อน จึงคุยกับเจ้าหน้าที่รู้เรื่อง เข้าใจกัน ทำให้งานก่อสร้างเสร็จสิ้นตามกำหนดเวลาที่วางเอาไว้ ตั้งแต่ตอนต้น ในส่วนที่ผมกังวลก็มี จะเป็นเรื่องของท่อฉีดน้ำยาป้องกันปลวกที่วางตามคานล่าง ซึ่งอาจจะมีปูนเกาะติดและแห้งบริเวณหัวสเปรย์ฉีดน้ำยา ผมจึงแก้ปัญหาด้วยการกำชับช่างที่ติดตั้งให้ระวัง ต้องดูให้ดีๆ นะ และอาศัยเดินไปตรวจงานเองด้วย เพราะหากมีเศษปูนไปแห้งปิดตรงหัวสเปรย์ฉีดน้ำยา แล้วถมดินทับ จบเลยนะ หัวฉีดใช้ไม่ได้แน่นอน จึงค่อนข้างกังวลในจุดนี้
อยากจะเตือนให้ระวังเรื่องกระเบื้องหลังคานะครับ ในการขนส่งกระเบื้องหลังคามาติดตั้งที่ไซต์งานก่อสร้างนั้น หากขนส่งมาไม่ดีอาจจะทำให้กระเบื้องหลังคามีรอยร้าวที่มองไม่เห็น ซึ่งหากนำกระเบื้องที่ร้าวนั้นมาติดตั้ง แล้วเจอแรงกดทับเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้กระเบื้องแตก เวลาฝนตกน้ำก็จะหยดเข้าบ้าน ส่วนในนี้ก็ให้ระวังกันด้วยครับ
ภาพตอนติดตั้งกระเบื้องหลังคา
ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ก่อสร้างบ้านหลังนี้ ผมเข้ามาดูความเรียบร้อยในการก่อสร้างเฉลี่ยอาทิตย์ละประมาณ 3 ครั้ง เพราะอยากให้บ้านออกมาดีที่สุด บางทีเจอปัญหาเล็กๆ น้อยๆ หน้างานผมกับวิศวกรก็ช่วยกันแก้ปัญหาตรงนั้นเลย ทำให้บ้านมีปัญหาน้อย ก่อสร้างเสร็จตามกำหนด ตรงนี้ก็สำคัญเพราะหากคุณไม่เข้ามาดูตรวจบ้านเลย บางทีบางปัญหาคุณจะมองไม่เห็น เกิดปัญหาบานปลายกันเข้าไปอีก เพราะการก่อสร้างบ้านยังไงก็ต้องเกิดปัญหา จะมากจะน้อยก็ว่ากันไป แนะนำให้ควรเข้ามาดูบ้านบ่อยๆ หากเจอปัญหาอะไรจะได้แก้ไขได้ทันที
พอบ้านสร้างเสร็จผมก็บิ้วท์อินบ้านต่อเลย บิ้วท์อินเสร็จก็เข้าอยู่ ตอนนี้อยู่มา 2 ปี ภายในบ้านก็ไม่มีปัญหาอะไร จะมีก็ช่วงเสร็จใหม่ๆ ที่มีพวกรอยคราบน้ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของบริษัทเขาก็มาดูแลแก้ไขให้ ก็ถือว่าการสร้างบ้านกับบริษัท แลนดี้โฮม เรียบร้อยดี จากประสบการณ์ของคนที่สร้างจริง อยู่จริง
[Advertorial]