เป็นไอดอลไทยต้องเก่งรอบด้าน...

ที่มา -   https://gmlive.com/thailand-idol-bnk48-study-very-hard

เรื่องเรียนก็ลุ้น เรื่องคุณ(โอตะ) ก็รัก ว่าด้วย BNK48 กลุ่มไอดอลที่(อาจจะ)เรียนหนักที่สุดในโลก


   ทุกวันนี้เวลาอ่านข่าวหรือเรื่องราวที่เกี่ยวกับสมาชิก BNK48 นั้น เรื่องหนึ่งที่มักจะถูกหยิบยกมาพูดถึงเสมอๆ ก็คือ เป็นไอดอลที่มีความสามารถรอบด้านทั้งในเรื่องงานแสดง การวางตัวและการเรียน ฟังเผินๆ ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไปที่น่าชื่นชม แต่เมื่อมองไปให้ลึกจะพบว่าค่านิยมระหว่างไอดอลญี่ปุ่นกับไทย ต่อเรื่อง “การศึกษา”มีความแตกต่างกันพอสมควร ดูเหมือนสังคมไทยจะให้ความสำคัญของสถานะการเรียนของไอดอลที่มากกว่าสังคมญี่ปุ่น
   เริ่มตั้งแต่เมื่อมีการเปิดรับสมาชิกรุ่นที่ 1 BNK48 We Need You! นั้น คุณสมบัติตอนแรกระบุว่าจะต้องไม่เป็นผู้ที่ไม่อยู่ในการศึกษาแบบเต็มเวลาหรือ ต้องอยู่ในการศึกษาแบบ กศน. แต่เวลาต่อมาจึงได้มีการปรับเกณฑ์ให้สามารถเรียนไปด้วยได้เพื่อให้สอดคล้องกับสังคมไทย ประเด็นหนึ่งที่ชวนคิดก็คืองานประเภทไอดอลนั้นไม่ได้แพร่หลายและถือว่าใหม่ในสังคมไทย ดังนั้นไม่ได้มีหลักประกันอะไรที่รับรองความมั่นคง ว่าเมมเบอร์คนนั้นๆ จะสามารถชื่อเสียง เพื่อไปต่อยอดหลังจบการศึกษาออกจากวงไปได้ แตกต่างจากญี่ปุ่นที่เมมเบอร์ส่วนหนึ่งที่เมื่อจบม.ปลายมักจะใช้ระยะเวลาช่วง 19-21 ปีที่ถือว่าเป็นเวลาทองของไอดอล ในการใช้เวลาให้สุด เพราะต้องการพัฒนาไปยังสายอาชีพในวงการบันเทิงที่ใฝ่ฝัน
   ดังนั้นในด้านหนึ่งจึงกลายเป็นจุดขายว่าสมาชิก BNK48 ส่วนมากจะศึกษาในสถาบันที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็น แก้ว BNK48 ที่สำเร็จการศึกษาเกียรตินิยมอันดับ 1 จากจุฬาฯ  ปัญ BNK48 ที่อายุเพียง 17 ปีแต่เรียนระดับปี 2 ของมหาวิทยาลัยนานาชาติชื่อดัง น้ำหนึ่ง BNK48 ที่ได้เป็นผู้เชิญลูกฟุตบอลในงานฟุตบอลประเพณี จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ แคนBNK48 ที่ลงสมัครเลือกตั้งคณะกรรมการระดับมหาวิทยาลัย
                                                  .
                                                  .
                                                  .
    UNESCO เคยสำรวจเมื่อปี 2012 พบว่านักเรียนไทยในระดับ ม.ต้น (อายุ11-12ปี) นั้นเรียนหนักที่สุดในโลก ถึง 1,200ชั่วโมงต่อปี ในขณะที่ญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 30 อยู่ที่ 761 ชั่วโมงต่อปี ซึ่งจำนวนชั่วโมงเรียนไม่ได้เป็นตัวชี้วัดมาตรฐานคุณภาพของประชากร ดังนั้นอาจจะพูดได้ว่าถ้าเด็กไทยหรือเด็กญี่ปุ่นเข้าเรียนในระดับม.ต้นด้วยอายุที่เท่ากัน เด็กไทยจะต้องแบกภาระการแบ่งเวลาระหว่างการเรียนและการซ้อมมากกว่าเด็กญี่ปุ่น

ถ้าเทียบกันจะพบความแตกต่างจาก 2 สมาชิกชาวญี่ปุ่นที่เลือกใช้เวลาในการทำงานไอดอลอย่างเต็มที่ทั้ง มิโอริ BNK48 ที่ใช้ระยะเวลาระหว่างแกปเยียร์เข้ามาเป็นไอดอลในอย่างที่เธอใฝ่ฝัน ซึ่งเธอได้แสดงความสนใจในวิชาทางสายเศรษฐศาสตร์ หรือ อิสึตะ รินะ BNK48 ที่จากบ้านเกิดที่ไซตามะมาเพื่อแสวงหาโอกาสในการเป็นไอดอลที่ต่างประเทศโดยเริ่มเป็นไอดอลตั้งแต่อยู่มัธยมต้น

ค่านิยมของสังคมไทยจึงมักจะมองว่าคนที่สมบูรณ์นั้นจะต้อง “น่ารัก เรียนเก่ง วางตัวดี มีความสามารถ” ปัญหาของเรื่องนี้คือการไปตีความคำว่า “ไอดอล”ตามดิกชันเนรี ที่แปลว่า “ต้นแบบ,บุคคลต้นแบบ หรือรูปเคารพ” เพราะยิ่งไปเน้นคุณค่าว่าจะต้องเพอเฟกต์ในทุกด้าน มากกว่าตีความว่าไอดอลนั้นคือสถานภาพของ “ศิลปินฝึกหัด” ที่เข้ามาพัฒนาทักษะและหาโอกาสในวงการบันเทิงเท่านั้น  ไอดอลของไทยจึงมีนิยามอีกแง่หนึ่งเป็นภาพจำลอง “เด็กดีในสังคม” ที่ถูกคาดหวังให้เป็นแบบอย่างที่ดี
                                                       .
                                                       .
                                                       .
และความเป็นเด็กหัวดีก็ไม่ใช่จุดขายที่สังคมญี่ปุ่นคาดหวังกับไอดอล อย่างไอดอลที่เข้าขั้นว่าเรียนเก่งทั้ง “อันนิน” อิริยามะ อันนะ ดาวเด่นของ AKB48 ที่สอบวัดความรู้ได้ระดับท็อปๆ หรือ 2 สาวจาก Keyakizaka46 ทั้งนากาฮามะ เนรุ และคาเกยาม่า ยูกะ ก็เป็นตัวแทนแข่งตอบคำถามระดับเขตจังหวัด ก็ไม่ได้ชูจุดขายเรื่องเรียนเก่งเหมือนแฟนๆ ไทยที่ยกย่องไอดอลไทยในด้านการเรียน แต่จะไปโฟกัสเรื่องความสามารถในการแสดง เต้น ร้องเพลงเสียมากกว่า

หรืออย่าง ยามาซากิ เรนะ แห่ง Nogizaka46 ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับท็อปของญี่ปุ่นอย่างมหาวิทยาลัยเคโอได้ ส่วนมากได้รับเลือกในซิงเกิ้ลเพลงรองที่ไม่ใช่เพลงโปรโมท แต่ที่ฮือฮาที่สุดน่าจะเป็น “นักกี้”  อุชิยามะ นัตสึกิ อดีตเมมเบอร์ AKBรุ่นที่14 ที่มีความสามารถด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญญี่ปุ่น ถึงกับแต่งตำรา “รัฐธรรมนูญนิยม” ร่วมกับศาสตราจารย์ด้านกฎหมายของมหาวิทยาลัยคิวชู (โดยเธอได้ขึ้นหน้าปกด้วย) และก็จบจากมหาวิทยาลัยเคโอเช่นกัน แต่ก็ไม่เคยติดเซมบัตสึเลย
                                                                          .
                                                                          .
                                                                          .
ภายใน 48Group เองก็เคยจัดการสอบวัดความรู้ทางวิชาการของเมมเบอร์กับรายการ Mecha Mecha Iketeru เพื่อหาคนที่ฉลาดน้อยที่สุด 7 อันดับเป็นยูนิตพิเศษ BKA48 (คำว่า บากะ ในภาษาญี่ปุ่นความหมายประมาณ โง่ซื่อบื้อ)ซึ่งน่าสนใจว่าเหล่าสมาชิกชื่อดังของวงล้วนรั้งท้ายทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น “ชัชชี่” ซาชิฮาระ ริโนะ แชมป์เลือกตั้ง 4 สมัย “ทาคามินะ” ทาคาฮาชิ มินามิ อดีตโชคันโตคุ หรือ โคจิมะ ฮารุนะ 1 ในคามิ 7 ยุคทอง โดยมีริจจังเป็นคนที่ได้คะแนนต่ำสุดเป็น “บากะเซนเตอร์” ในเพลง Haste to Waste เลยเกิดคำถามว่าไอดอลไทยนั้นดูไม่ฉลาดได้ไหม? หรือถ้าหากเป็นคนฉลาดโปรไฟล์ดี แต่เพอร์ฟอร์มานซ์แย่คนไทยจะชอบมากกว่า คนที่โปรไฟล์ไม่ดีเรียนไม่เก่งแต่มีความสามารถสูงหรือไม่?

   ความมั่นคงในอาชีพนั้นเป็นสิ่งสำคัญไม่มีใครเป็นไอดอลได้ตลอดกาลโดยเฉพาะเมื่อคุณไม่ได้เป็นสมาชิกที่โดดเด่นมากเมื่อจบการศึกษาก็จำเป็นต้องมีทางเลือก อย่าง “อุจจี้” อุจิดะ มายุมิ ราชินีจังเค้นครั้งที่ 1 (ผู้ชนะจากการเป่ายิ้งฉุบ) เซนเตอร์เจ้าของเพลง Chance No Junban เธอได้เบนเข็มไปเปิดร้านเนื้อย่าง Yakiniku IWA ซึ่งส่วนมากจะรับสมาชิกอดีตเมมเบอร์ AKB48 ที่จบการศึกษามาทำงานพาร์ทไทม์ เนื่องจากส่วนมากได้ทุ่มเทชีวิตวัยรุ่นกับการเป็นไอดอลไม่ได้มีวุฒิการศึกษาที่สูง แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าไปจุดสูงสุดได้ ซึ่งในร้านนั้นก็ตกแต่งและเปิดเพลงของ AKB48 วันดีคืนดีก็มีการจัดกิจกรรมมีตติ้งกับอดีตเมมเบอร์ที่ตอนนี้เป็นพนักงานของร้านด้วย ซึ่งธุรกิจก็ขายดีจนต้องขยายสาขาไปเปิดที่นิงาตะตรงข้ามโรงละครของ NGT48   
                                                                           .
                                                                           .
                                                                           .

          ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไอด้อลไทย ตอนนี้ถูกคาดหวังว่าจะเป็นน้ำดีมาแทนที่เน็ตไอด้อลแบบเก่าๆ ที่โชว์หวิว, ขายครีม.. แต่ขณะเดียวกันกับการที่ต้องพยายามใช้ชีวิตให้มันดีทั้งส่วนตัวและงานก็มีราคาที่ต้องจ่ายเหมือนกัน อย่างเฌอ ที่ตอนนี้วางแผนจบสี่ปีครึ่ง หรือคุณไข่และหลายๆคนที่ต้องวางแผนการเรียนใหม่ ทั้งย้ายที่เรียน,
เปลี่ยนโปรแกรมการเรียน...
หวังว่าทุกคนเมื่อแกรดแล้วจะไปต่อได้ดี ประสบความสำเร็จในอาชีพ ไม่แพ้ไอด้อลในญป.นะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่