สวัสดีครับทุกๆท่าน พอดีผมมีเรื่องในครอบครัวผมเกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆและภาระการผ่อนบ้าน ที่ผมต้องการรับฟังความเห็นจากท่านอื่นๆ ว่าแต่ละท่านมีความคิดเห็นเหมือนหรือต่างอย่างไรบ้างกับเรื่องของผม และถ้าท่านอยู่ในตำแหน่งเดียวกับผม จะคิดอย่างไร และจัดการสถานการณ์อย่างไรกันบ้างครับ
ขอเล่า background ก่อนครับว่า
- ผมกับภรรยาแต่งงานกันได้ประมาณเกือบ 10 ปีแล้ว และมีลูกชาย 1 คน อายุราวๆ 5 ขวบกว่าๆครับ
- เราทั้งสองคนเป็นพนักงานบริษัท รายได้ผมขณะนี้จะมากกว่าภรรยาประมาณ 3 เท่า
- เราทั้งคู่ถือว่าอยู่ในระดับชนชั้นปานกลาง และโตมาจากครอบครัวฐานะปานกลางทั้งคู่
- แต่ถ้าให้เปรียบเทียบกันอย่างละเอียดมากขึ้น ครอบครัวฝั่งผมจะอยู่ในฐานะปานกลางสูงกว่ามาตรฐานอยู่บ้างเล็กน้อย ในขณะที่ครอบครัวฝั่งภรรยาอยู่ในฐานะปานกลางต่ำกว่าผมเล็กน้อยครับ ทั้งนี้ ผมมองจาก
o อาชีพ รายได้เฉลี่ยของคุณพ่อคุณแม่ของผม และฝั่งคุณพ่อคุณแม่ของภรรยา
o จากการศึกษา เช่น ฝั่งครอบครัวผมมีพี่น้อง 2 คน มีพี่ชายและตัวผมเอง คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งลูกจบการศึกษาปริญญาโทจากต่างประเทศทั้งคู่ ในขณะที่ครอบครัวภรรยาผม มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน พี่ชายมี 2 คน และพี่สาวอีก 2 คน ภรรยาผมเป็นคนสุดท้อง และทุกคนจบการศึกษาในประเทศทั้งหมด
o นอกจากนั้นผมก็มองถึงอาชีพของคนในครอบครัว และรายได้เฉลี่ยของทั้ง 2 ครอบครัวด้วยครับ
- คุณพ่อคุณแม่ผมอายุประมาณ 70 ปี ในขณะที่ฝั่งภรรยาผม เหลือแต่คุณแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่อายุประมาณ 70 กลางๆเช่นกัน
ในส่วนของภาระผ่อนบ้าน ภาพรวมฝั่งผมเอง
- มีพี่ชายที่ผ่อนบ้านของตนเองอยู่ (เข้าใจว่าแบ่งผ่อนกับพี่สะใภ้แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าสัดส่วนยังไงครับ)
- พี่สะใภ้ของผมซึ่งเข้าใจว่าช่วยคุณแม่ของเค้าผ่อนบ้านอีกหลังอยู่ด้วย (อันนี้เป็นการคาดเดานะครับ)
- ในส่วนของผมเองก็ผ่อนบ้านของตนเอง (ซึ่งอยู่กับภรรยาและลูกด้วยกัน) โดยรับภาระผ่อนด้วยตนเองทั้งหมด และบ้านเป็นชื่อของผม ซึ่งซื้อไว้ก่อนที่ผมกับภรรยาจะจดทะเบียนสมรสกันครับ
ภาพทางฝั่งภรรยา
- พี่ชายคนหนึ่งมีบ้านของตนเอง ผมไม่ทราบภาระฝั่งเค้า แต่เนื่องจากภาระของเค้าหรือย่างไรไม่ทราบได้ เค้าจะไม่ได้มีส่วนช่วยเหลืออะไรคุณแม่ภรรยาผมเท่าไหร่ครับ
- พี่ชายอีก 1 คน เพิ่งซื้อบ้านใหม่ 1 หลัง ในขณะที่บ้านหลังเดิมกำลังจะขาย บ้านหลังเดิมนี้พี่ชายได้ซื้อไว้ก่อน และได้ชวนคุณแม่และน้องสาวทั้งหมด (ก็คือพี่สาว 2 คนของภรรยาผม และภรรยาผมเอง) มาซื้อบ้านหลังติดกัน ก่อนที่ผมและภรรยาจะแต่งงานกัน ด้วยเหตุผลที่ว่าจะได้อยู่ใกล้ๆกันและได้ดูแลแม่ได้ง่ายขึ้น ภรรยาผมอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ประมาณ 3-4 ปี จากนั้นเมื่อแต่งงาน ก็ได้ย้ายมาอยู่กับผม
- โดยบ้านที่ภรรยาและพี่ๆสาวมาซื้อติดกันกับพี่ชายเค้าหลังนี้ มีช่วยกันผ่อนอยู่ 3 คน (พี่สาวของภรรยาผม 2 คนและภรรยาผม) ภาระหลักในการผ่อนบ้านหลังนี้ จะตกที่ภรรยาผมเป็นหลัก เนื่องจากพี่สาวทั้ง 2 คนนั้น คนหนึ่งมีรายได้น้อยและไม่คงที่ ในขณะที่อีกคนมีภาระหนี้ต่างๆที่ต้องหมุนเงินอยู่ตลอดเวลา ทำให้ไม่สามารถผ่อนเป็นหลักได้ และภรรยาผมเป็นคนที่มีรายได้คงที่และมากที่สุดในบรรดาสามสาว
- ทั้งนี้พี่สาวทั้ง 2 คนไม่ได้แต่งงานและอยู่กับคุณแม่ในบ้านหลังนั้นครับ
เหตุการณ์ตามปรกติก็ของผมและภรรยา ก็ดำเนินไปในลักษณะที่
- ผมผ่อนบ้านตัวเองเป็นหลัก (ตอนนี้เงินผ่อนบ้านประมาณ 15% ของเงินเดือน จากตอนแรกๆ 30% ของเงินเดือนผม)
- ผมให้เงินคุณแม่ใช้ (ประมาณ 15% ของเงินเดือน)
- ผมรับค่าใช้จ่ายหลัก เช่นค่าน้ำมันรถ (มีคันเดียวคือผมขับและรับส่งภรรยาบ้าง ในวันที่สะดวกเราจะไปทำงานและกลับด้วยกันโดยส่วนใหญ่)
- ค่าไฟ ซ่อมแซมสิ่งต่างๆ
- ค่าแม่บ้านทำความสะอาด ค่าเลี้ยงลูก ค่าเทอมลูก
- กินข้าวนอกบ้าน เที่ยวในประเทศและต่างประเทศ ทั้งหมดนี้ผมจะเป็นคนออกค่าใช้จ่าย
ในขณะที่ภรรยาผมมีค่าใช้จ่ายคือ
- ผ่อนบ้านให้กับคุณแม่ของเธอ (น่าจะประมาณ 15% ของรายได้เธอเช่นกัน)
- ให้เงินคุณแม่ใช้ (ประมาณ 15%) และรับภาระจ่ายค่า cable บ้านคุณแม่ของเธอ
- ค่าใช้จ่ายเรื่องการซื้ออาหารเข้ามากินที่บ้านเราเอง ทำกินที่บ้านเราเอง
- ค่าซื้อ grocery เข้าบ้านบ้าง (ตรงนี้เราแบ่งกันจ่ายแล้วแต่จังหวะ ถ้าเธออยู่คนเดียว เธอจะออกเอง ถ้าไปกับผม ผมจะออกให้)
- มีค่าซื้อเสื้อผ้าใส่เที่ยวให้ผม ลูก และตัวเธอเอง เพราะผมเป็นคนไม่ชอบซื้อเสื้อผ้า จะซื้อเองเฉพาะชุดทำงานเมื่อมันเก่ามากๆหรือคับแล้วเท่านั้น
- และนอกจากนั้น เธอยังทำธุรกิจเสริมคือซื้อพวกของเล่นเด็ก หนังสือเด็ก และอื่นๆเกี่ยวกับเด็ก มาขายทำกำไรต่อ ก็จะมีค่าใช้จ่ายซื้อของพวกนี้ด้วยครับ
ส่วนค่าประกันชีวิตต่างๆ ผมจะออกของผมเอง ในขณะที่ภรรยาและลูกของผมนั้น หลักๆคุณแม่ของผมจะช่วยออกค่าเบี้ยประกันให้เธอและลูก (เนื่องจากคุณแม่ผมตั้งใจซื้อให้เค้าอยู่แล้ว) ค่าโทรศัพท์ต่างคนต่างออก แต่ผมซื้อมือถือให้ภรรยาใช้และผมออกค่า internet บ้านให้
ที่ผ่านมาในแต่ละเดือน หลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ซื้อกองทุน เก็บให้ลูก ใช้ในชีวิตประจำวัน ผมเอง บางเดือนก็เหลือนิดหน่อย บางเดือนก็ไม่เหลือ ผมเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากกับเงินที่มีเก็บบ้างไม่มีบ้าง ส่วนหนึ่งก็คือเงินลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และกองทุนที่ผมซื้อก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน และภรรยากับลูกผมก็สุขสบายดี ผมจึงไม่ได้ซีเรียสอะไร และผมเองก็ไม่ได้ก้าวก่ายกับการใช้เงินหรือเก็บเงินของภรรยาเลย จะบอกว่าไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าแต่ละเดือนเธอมีเงินเก็บเท่าใดหรือเอาไปใช้อะไรบ้าง ก็จะมีช่วง 2-3 ปีหลัง ที่ผมขอให้เธอแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาช่วยเก็บให้ลูก (หลักๆคือผมอยากให้เธอเก็บเพื่อตัวเธอเอง) และพยายามบอกให้เธอซื้อกองทุนไว้บ้าง (เพื่อลดภาษี และเก็บเงินของเธอเองไว้) เธอก็เพิ่งจะเริ่มซื้อกองทุนได้ไม่กี่เดือนนี้ แต่สามารถเก็บเพิ่มให้ลูกมาได้ 1-2 ปีแล้วครับ
=== === === === === === === === === ===
ขอโทษนะครับที่เล่า background มายาวมาก เพราะอยากให้เห็นภาพรวมของภาระการใช้จ่ายที่เกี่ยวกับผมและภรรยาและภาพรวมของ 2 ครอบครัวครับ ต่อไปนี้ก็จะเป็นจุดที่เริ่มทำให้เกิดปัญหาละครับ เรื่องมันเริ่มจากว่า
- พี่ชายคนที่มีบ้านติดกับบ้านคุณแม่(ที่ภรรยาและพี่ๆสาวช่วยกันผ่อน) ได้ตัดสินใจที่จะซื้อบ้านหลังใหม่ และตัดสินใจที่จะขายบ้านหลังเดิม และจะขายบ้านที่ภรรยาผมและพี่สาวภรรยาผมได้ผ่อนอยู่ไปด้วยกันด้วย
- เมื่อบ้านหลังใหม่เสร็จ หลังเดิมทั้ง 2 หลังจะถูกขาย และจะให้คุณแม่เค้าและพี่สาวทั้ง 2 คนย้ายไปอยู่กับเค้าในบ้านหลังใหม่ด้วยกันเลย
ซึ่งก็ดูเหมือนไม่มีอะไรใช่มั้ยครับ แต่พอดีเมื่อวันก่อน ผมเกิดนึกๆอะไรขึ้นมา
- ผมก็ถามภรรยาผมว่า -> ถ้าขายบ้านที่ภรรยาผมผ่อนไว้หลังเดิมไป แล้วเงินที่ขายได้จะจัดการกันยังไง
- ภรรยาผมได้บอกผมว่า -> ก็จะเอาเงินที่ขายได้ ไปโปะที่บ้านพี่ชาย แม่กำลังจะไปอยู่ที่นั่น ถือว่าให้แม่ไป
- เมื่อผมได้ฟัง ก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ ผมจึงถามว่า -> แต่บ้านที่เอาไปโปะนั้น ก็จะเป็นกรรมสิทธิ์ของพี่ชาย และครอบครัวเค้าใช่มั้ย ซึ่งภรรยาผมก็ยอมรับว่าใช่
- ผมเลยบอกเธอตามที่ผมคิดว่า -> บ้านก็ของพี่ชายเค้า ไปช่วยเค้าโปะ ภรรยาผมก็ไม่ได้อะไรเลย ครอบครัวพี่ชายคนนี้หลักๆก็ฐานะดีกว่าตัวผมและภรรยา และภาระน้อยกว่าผมและภรรยา ผมรู้สึกว่า ทำไมเสียเงินผ่อนบ้านมาเป็น 10 ปีขนาดนี้ แต่สุดท้ายก็เอาเงินตรงนี้ไปโปะที่บ้านพี่ชายเค้า สรุปว่าก็คือเอาเงินไปช่วยพี่ชายผ่อนบ้านใช่มั้ย ซึ่งผมไม่เห็นด้วย
- ภรรยาผมเหมือนจะไม่เข้าใจที่ผมบอก -> เธอบอกว่า ก็ถือว่าเงินส่วนนี้เป็นการช่วยแม่ และเธอไม่อยากเอ่ยปากขอแบ่งเงินออกมา เดี๋ยวถูกหาว่าเรื่องมาก ถือว่าตกลงกันแล้วในครอบครัว
- ถึงแม้ผมจะบอกเธอว่า บ้านหลังนั้น เธอก็ไม่ได้อยู่หรือไม่มีสิทธิ์อะไรเลย และเธอก็ยังช่วยแม่เธอต่อไปเรื่อยๆอยู่ดี จากเงินที่ให้คุณแม่เธอต่างหากในแต่ละเดือน ซึ่งตรงนี้มันคนละส่วนกับเงินโปะบ้านพี่ชาย ดูๆแล้วผมคิดว่ามันคือการปลดภาระพี่ชายชัดๆ ไม่ใช่การช่วยคุณแม่เลย
- สรุปวันนั้นก็จบการสนทนาแค่นี้ และยังไม่ได้คุยกันต่อ เพราะผมเดินออกมาทำอย่างอื่นก่อน และภรรยาผมเห็นว่าลูกอยู่แถวๆนั้น จะคุยต่อก็ไม่เหมาะครับ
=== === === === === === === == === === === ===
เรื่องที่คุยกันด้านบน ก็เกิดเมื่อ 2-3 วันก่อนเองครับ หลังจากจังหวะนั้น ผมก็กลับมาทบทวนตัวเอง ผมเข้าใจว่า
- ในด้านหนึ่งที่ผมไม่ค่อยพอใจและไม่เห็นด้วย เพราะผมรู้สึกว่า
o ผมรับภาระส่วนใหญ่ของครอบครัว (ผม ภรรยา และลูก) และทำเพื่อความสุขของครอบครัวตัวเองเป็นหลัก และแน่นอนคือรวมไปถึงการดูแลคุณพ่อคุณแม่ผมแต่พอดีด้วย
o ในขณะที่ภรรยาผมรับผิดชอบภาระส่วนน้อยในครอบครัว (สามีและลูกตัวเอง) แต่กลับให้ความสำคัญกับฝั่งของแม่และพี่ชายตนเองมากกว่า โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงภาระครอบครัว (สามีและลูกตัวเอง) เท่าไหร่เลย
o ภาระเช่น เบี้ยประกันของภรรยาและลูกผม ก็เป็นคุณแม่ผมออกให้ ทั้งนี้ ถ้าคุณแม่ผมเดือนไหนเงินไม่พอ ท่านก็มาขอจากผมอยู่ดี
o ผมจึงรู้สึกว่า ภรรยาผมไม่ได้ทำเพื่อครอบครัวที่เป็นสามีและลุก แต่กลับคิดถึงทางบ้านของตนเองเป็นหลัก
o ผมรู้สึกเหนื่อยอยู่คนเดียว และเหมือนโดนเอาเปรียบ
- ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ผมก็มองว่า
o ตัวผมไปยุ่งกับเงินของภรรยาหรือเปล่า เงินนั้นเป็นเงินของเค้า และเค้ามีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้
o ผมควรจะปล่อยวางดีกว่ามั้ย เพราะจริงๆแล้ว เจตนาของเค้าก็คือการช่วยเหลือคุณแม่ของตนเอง (ตรงนี้ ผมไม่เข้าใจเหตุผลจริงๆ ว่าการเอาเงินผ่อนบ้านของตนเองไปโปะบ้านพี่ชาย คือการช่วยแม่ยังไง)
o ผมควรจะปล่อยวางแล้วคิดว่า อย่าไปก้าวก่ายเรื่องของครอบครัวเค้าดีมั้ย
=== === === === === === === === ===
ตอนนี้ 2 ความคิดนี้ ก็ตีกันในหัวแหละครับ แต่เอาจริงๆผมรู้สึกแบบแรกครับ แต่ก็ทำใจว่ามีสิทธิ์โดนด่าตามแบบที่ 2 เหมือนกัน
ผมก็เลยต้องมาเขียนสอบถามความเห็นของท่านอื่นๆ ว่าจริงๆแล้วผมควรรู้สึกอย่างนี้มั้ย หรือผมไปก้าวก่ายเค้ามากไปครับ คิดเห็นอย่างไร และถ้าท่านเป็นผมจะทำอย่างไร ก็บอกกันได้ครับ ขอบคุณครับ
=== === === === === === === === ===
แก้ไขเพิ่มเติมคือ อยากบอกว่าคำตอบที่ได้รับเลือกจากผมด้านล่าง พอดีผมกดผิดน่ะครับ จะกดตอบ แต่ไปกดเลือก (ต้องขอโทษเจ้าของความเห็นด้วยครับ) ผมไม่ได้เลือกคำตอบใครเป็นพิเศษนะครับ
ไม่แน่ใจว่าแก้ไขได้หรือไม่อย่างไรครับ
ผมมีสิทธิ์คิดมั้ย หรือผมก้าวก่ายมากไปครับ (เรื่องเงินๆทองๆในครอบครัว)
ขอเล่า background ก่อนครับว่า
- ผมกับภรรยาแต่งงานกันได้ประมาณเกือบ 10 ปีแล้ว และมีลูกชาย 1 คน อายุราวๆ 5 ขวบกว่าๆครับ
- เราทั้งสองคนเป็นพนักงานบริษัท รายได้ผมขณะนี้จะมากกว่าภรรยาประมาณ 3 เท่า
- เราทั้งคู่ถือว่าอยู่ในระดับชนชั้นปานกลาง และโตมาจากครอบครัวฐานะปานกลางทั้งคู่
- แต่ถ้าให้เปรียบเทียบกันอย่างละเอียดมากขึ้น ครอบครัวฝั่งผมจะอยู่ในฐานะปานกลางสูงกว่ามาตรฐานอยู่บ้างเล็กน้อย ในขณะที่ครอบครัวฝั่งภรรยาอยู่ในฐานะปานกลางต่ำกว่าผมเล็กน้อยครับ ทั้งนี้ ผมมองจาก
o อาชีพ รายได้เฉลี่ยของคุณพ่อคุณแม่ของผม และฝั่งคุณพ่อคุณแม่ของภรรยา
o จากการศึกษา เช่น ฝั่งครอบครัวผมมีพี่น้อง 2 คน มีพี่ชายและตัวผมเอง คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งลูกจบการศึกษาปริญญาโทจากต่างประเทศทั้งคู่ ในขณะที่ครอบครัวภรรยาผม มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน พี่ชายมี 2 คน และพี่สาวอีก 2 คน ภรรยาผมเป็นคนสุดท้อง และทุกคนจบการศึกษาในประเทศทั้งหมด
o นอกจากนั้นผมก็มองถึงอาชีพของคนในครอบครัว และรายได้เฉลี่ยของทั้ง 2 ครอบครัวด้วยครับ
- คุณพ่อคุณแม่ผมอายุประมาณ 70 ปี ในขณะที่ฝั่งภรรยาผม เหลือแต่คุณแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่อายุประมาณ 70 กลางๆเช่นกัน
ในส่วนของภาระผ่อนบ้าน ภาพรวมฝั่งผมเอง
- มีพี่ชายที่ผ่อนบ้านของตนเองอยู่ (เข้าใจว่าแบ่งผ่อนกับพี่สะใภ้แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าสัดส่วนยังไงครับ)
- พี่สะใภ้ของผมซึ่งเข้าใจว่าช่วยคุณแม่ของเค้าผ่อนบ้านอีกหลังอยู่ด้วย (อันนี้เป็นการคาดเดานะครับ)
- ในส่วนของผมเองก็ผ่อนบ้านของตนเอง (ซึ่งอยู่กับภรรยาและลูกด้วยกัน) โดยรับภาระผ่อนด้วยตนเองทั้งหมด และบ้านเป็นชื่อของผม ซึ่งซื้อไว้ก่อนที่ผมกับภรรยาจะจดทะเบียนสมรสกันครับ
ภาพทางฝั่งภรรยา
- พี่ชายคนหนึ่งมีบ้านของตนเอง ผมไม่ทราบภาระฝั่งเค้า แต่เนื่องจากภาระของเค้าหรือย่างไรไม่ทราบได้ เค้าจะไม่ได้มีส่วนช่วยเหลืออะไรคุณแม่ภรรยาผมเท่าไหร่ครับ
- พี่ชายอีก 1 คน เพิ่งซื้อบ้านใหม่ 1 หลัง ในขณะที่บ้านหลังเดิมกำลังจะขาย บ้านหลังเดิมนี้พี่ชายได้ซื้อไว้ก่อน และได้ชวนคุณแม่และน้องสาวทั้งหมด (ก็คือพี่สาว 2 คนของภรรยาผม และภรรยาผมเอง) มาซื้อบ้านหลังติดกัน ก่อนที่ผมและภรรยาจะแต่งงานกัน ด้วยเหตุผลที่ว่าจะได้อยู่ใกล้ๆกันและได้ดูแลแม่ได้ง่ายขึ้น ภรรยาผมอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ประมาณ 3-4 ปี จากนั้นเมื่อแต่งงาน ก็ได้ย้ายมาอยู่กับผม
- โดยบ้านที่ภรรยาและพี่ๆสาวมาซื้อติดกันกับพี่ชายเค้าหลังนี้ มีช่วยกันผ่อนอยู่ 3 คน (พี่สาวของภรรยาผม 2 คนและภรรยาผม) ภาระหลักในการผ่อนบ้านหลังนี้ จะตกที่ภรรยาผมเป็นหลัก เนื่องจากพี่สาวทั้ง 2 คนนั้น คนหนึ่งมีรายได้น้อยและไม่คงที่ ในขณะที่อีกคนมีภาระหนี้ต่างๆที่ต้องหมุนเงินอยู่ตลอดเวลา ทำให้ไม่สามารถผ่อนเป็นหลักได้ และภรรยาผมเป็นคนที่มีรายได้คงที่และมากที่สุดในบรรดาสามสาว
- ทั้งนี้พี่สาวทั้ง 2 คนไม่ได้แต่งงานและอยู่กับคุณแม่ในบ้านหลังนั้นครับ
เหตุการณ์ตามปรกติก็ของผมและภรรยา ก็ดำเนินไปในลักษณะที่
- ผมผ่อนบ้านตัวเองเป็นหลัก (ตอนนี้เงินผ่อนบ้านประมาณ 15% ของเงินเดือน จากตอนแรกๆ 30% ของเงินเดือนผม)
- ผมให้เงินคุณแม่ใช้ (ประมาณ 15% ของเงินเดือน)
- ผมรับค่าใช้จ่ายหลัก เช่นค่าน้ำมันรถ (มีคันเดียวคือผมขับและรับส่งภรรยาบ้าง ในวันที่สะดวกเราจะไปทำงานและกลับด้วยกันโดยส่วนใหญ่)
- ค่าไฟ ซ่อมแซมสิ่งต่างๆ
- ค่าแม่บ้านทำความสะอาด ค่าเลี้ยงลูก ค่าเทอมลูก
- กินข้าวนอกบ้าน เที่ยวในประเทศและต่างประเทศ ทั้งหมดนี้ผมจะเป็นคนออกค่าใช้จ่าย
ในขณะที่ภรรยาผมมีค่าใช้จ่ายคือ
- ผ่อนบ้านให้กับคุณแม่ของเธอ (น่าจะประมาณ 15% ของรายได้เธอเช่นกัน)
- ให้เงินคุณแม่ใช้ (ประมาณ 15%) และรับภาระจ่ายค่า cable บ้านคุณแม่ของเธอ
- ค่าใช้จ่ายเรื่องการซื้ออาหารเข้ามากินที่บ้านเราเอง ทำกินที่บ้านเราเอง
- ค่าซื้อ grocery เข้าบ้านบ้าง (ตรงนี้เราแบ่งกันจ่ายแล้วแต่จังหวะ ถ้าเธออยู่คนเดียว เธอจะออกเอง ถ้าไปกับผม ผมจะออกให้)
- มีค่าซื้อเสื้อผ้าใส่เที่ยวให้ผม ลูก และตัวเธอเอง เพราะผมเป็นคนไม่ชอบซื้อเสื้อผ้า จะซื้อเองเฉพาะชุดทำงานเมื่อมันเก่ามากๆหรือคับแล้วเท่านั้น
- และนอกจากนั้น เธอยังทำธุรกิจเสริมคือซื้อพวกของเล่นเด็ก หนังสือเด็ก และอื่นๆเกี่ยวกับเด็ก มาขายทำกำไรต่อ ก็จะมีค่าใช้จ่ายซื้อของพวกนี้ด้วยครับ
ส่วนค่าประกันชีวิตต่างๆ ผมจะออกของผมเอง ในขณะที่ภรรยาและลูกของผมนั้น หลักๆคุณแม่ของผมจะช่วยออกค่าเบี้ยประกันให้เธอและลูก (เนื่องจากคุณแม่ผมตั้งใจซื้อให้เค้าอยู่แล้ว) ค่าโทรศัพท์ต่างคนต่างออก แต่ผมซื้อมือถือให้ภรรยาใช้และผมออกค่า internet บ้านให้
ที่ผ่านมาในแต่ละเดือน หลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ซื้อกองทุน เก็บให้ลูก ใช้ในชีวิตประจำวัน ผมเอง บางเดือนก็เหลือนิดหน่อย บางเดือนก็ไม่เหลือ ผมเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากกับเงินที่มีเก็บบ้างไม่มีบ้าง ส่วนหนึ่งก็คือเงินลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และกองทุนที่ผมซื้อก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน และภรรยากับลูกผมก็สุขสบายดี ผมจึงไม่ได้ซีเรียสอะไร และผมเองก็ไม่ได้ก้าวก่ายกับการใช้เงินหรือเก็บเงินของภรรยาเลย จะบอกว่าไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าแต่ละเดือนเธอมีเงินเก็บเท่าใดหรือเอาไปใช้อะไรบ้าง ก็จะมีช่วง 2-3 ปีหลัง ที่ผมขอให้เธอแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาช่วยเก็บให้ลูก (หลักๆคือผมอยากให้เธอเก็บเพื่อตัวเธอเอง) และพยายามบอกให้เธอซื้อกองทุนไว้บ้าง (เพื่อลดภาษี และเก็บเงินของเธอเองไว้) เธอก็เพิ่งจะเริ่มซื้อกองทุนได้ไม่กี่เดือนนี้ แต่สามารถเก็บเพิ่มให้ลูกมาได้ 1-2 ปีแล้วครับ
=== === === === === === === === === ===
ขอโทษนะครับที่เล่า background มายาวมาก เพราะอยากให้เห็นภาพรวมของภาระการใช้จ่ายที่เกี่ยวกับผมและภรรยาและภาพรวมของ 2 ครอบครัวครับ ต่อไปนี้ก็จะเป็นจุดที่เริ่มทำให้เกิดปัญหาละครับ เรื่องมันเริ่มจากว่า
- พี่ชายคนที่มีบ้านติดกับบ้านคุณแม่(ที่ภรรยาและพี่ๆสาวช่วยกันผ่อน) ได้ตัดสินใจที่จะซื้อบ้านหลังใหม่ และตัดสินใจที่จะขายบ้านหลังเดิม และจะขายบ้านที่ภรรยาผมและพี่สาวภรรยาผมได้ผ่อนอยู่ไปด้วยกันด้วย
- เมื่อบ้านหลังใหม่เสร็จ หลังเดิมทั้ง 2 หลังจะถูกขาย และจะให้คุณแม่เค้าและพี่สาวทั้ง 2 คนย้ายไปอยู่กับเค้าในบ้านหลังใหม่ด้วยกันเลย
ซึ่งก็ดูเหมือนไม่มีอะไรใช่มั้ยครับ แต่พอดีเมื่อวันก่อน ผมเกิดนึกๆอะไรขึ้นมา
- ผมก็ถามภรรยาผมว่า -> ถ้าขายบ้านที่ภรรยาผมผ่อนไว้หลังเดิมไป แล้วเงินที่ขายได้จะจัดการกันยังไง
- ภรรยาผมได้บอกผมว่า -> ก็จะเอาเงินที่ขายได้ ไปโปะที่บ้านพี่ชาย แม่กำลังจะไปอยู่ที่นั่น ถือว่าให้แม่ไป
- เมื่อผมได้ฟัง ก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ ผมจึงถามว่า -> แต่บ้านที่เอาไปโปะนั้น ก็จะเป็นกรรมสิทธิ์ของพี่ชาย และครอบครัวเค้าใช่มั้ย ซึ่งภรรยาผมก็ยอมรับว่าใช่
- ผมเลยบอกเธอตามที่ผมคิดว่า -> บ้านก็ของพี่ชายเค้า ไปช่วยเค้าโปะ ภรรยาผมก็ไม่ได้อะไรเลย ครอบครัวพี่ชายคนนี้หลักๆก็ฐานะดีกว่าตัวผมและภรรยา และภาระน้อยกว่าผมและภรรยา ผมรู้สึกว่า ทำไมเสียเงินผ่อนบ้านมาเป็น 10 ปีขนาดนี้ แต่สุดท้ายก็เอาเงินตรงนี้ไปโปะที่บ้านพี่ชายเค้า สรุปว่าก็คือเอาเงินไปช่วยพี่ชายผ่อนบ้านใช่มั้ย ซึ่งผมไม่เห็นด้วย
- ภรรยาผมเหมือนจะไม่เข้าใจที่ผมบอก -> เธอบอกว่า ก็ถือว่าเงินส่วนนี้เป็นการช่วยแม่ และเธอไม่อยากเอ่ยปากขอแบ่งเงินออกมา เดี๋ยวถูกหาว่าเรื่องมาก ถือว่าตกลงกันแล้วในครอบครัว
- ถึงแม้ผมจะบอกเธอว่า บ้านหลังนั้น เธอก็ไม่ได้อยู่หรือไม่มีสิทธิ์อะไรเลย และเธอก็ยังช่วยแม่เธอต่อไปเรื่อยๆอยู่ดี จากเงินที่ให้คุณแม่เธอต่างหากในแต่ละเดือน ซึ่งตรงนี้มันคนละส่วนกับเงินโปะบ้านพี่ชาย ดูๆแล้วผมคิดว่ามันคือการปลดภาระพี่ชายชัดๆ ไม่ใช่การช่วยคุณแม่เลย
- สรุปวันนั้นก็จบการสนทนาแค่นี้ และยังไม่ได้คุยกันต่อ เพราะผมเดินออกมาทำอย่างอื่นก่อน และภรรยาผมเห็นว่าลูกอยู่แถวๆนั้น จะคุยต่อก็ไม่เหมาะครับ
=== === === === === === === == === === === ===
เรื่องที่คุยกันด้านบน ก็เกิดเมื่อ 2-3 วันก่อนเองครับ หลังจากจังหวะนั้น ผมก็กลับมาทบทวนตัวเอง ผมเข้าใจว่า
- ในด้านหนึ่งที่ผมไม่ค่อยพอใจและไม่เห็นด้วย เพราะผมรู้สึกว่า
o ผมรับภาระส่วนใหญ่ของครอบครัว (ผม ภรรยา และลูก) และทำเพื่อความสุขของครอบครัวตัวเองเป็นหลัก และแน่นอนคือรวมไปถึงการดูแลคุณพ่อคุณแม่ผมแต่พอดีด้วย
o ในขณะที่ภรรยาผมรับผิดชอบภาระส่วนน้อยในครอบครัว (สามีและลูกตัวเอง) แต่กลับให้ความสำคัญกับฝั่งของแม่และพี่ชายตนเองมากกว่า โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงภาระครอบครัว (สามีและลูกตัวเอง) เท่าไหร่เลย
o ภาระเช่น เบี้ยประกันของภรรยาและลูกผม ก็เป็นคุณแม่ผมออกให้ ทั้งนี้ ถ้าคุณแม่ผมเดือนไหนเงินไม่พอ ท่านก็มาขอจากผมอยู่ดี
o ผมจึงรู้สึกว่า ภรรยาผมไม่ได้ทำเพื่อครอบครัวที่เป็นสามีและลุก แต่กลับคิดถึงทางบ้านของตนเองเป็นหลัก
o ผมรู้สึกเหนื่อยอยู่คนเดียว และเหมือนโดนเอาเปรียบ
- ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ผมก็มองว่า
o ตัวผมไปยุ่งกับเงินของภรรยาหรือเปล่า เงินนั้นเป็นเงินของเค้า และเค้ามีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้
o ผมควรจะปล่อยวางดีกว่ามั้ย เพราะจริงๆแล้ว เจตนาของเค้าก็คือการช่วยเหลือคุณแม่ของตนเอง (ตรงนี้ ผมไม่เข้าใจเหตุผลจริงๆ ว่าการเอาเงินผ่อนบ้านของตนเองไปโปะบ้านพี่ชาย คือการช่วยแม่ยังไง)
o ผมควรจะปล่อยวางแล้วคิดว่า อย่าไปก้าวก่ายเรื่องของครอบครัวเค้าดีมั้ย
=== === === === === === === === ===
ตอนนี้ 2 ความคิดนี้ ก็ตีกันในหัวแหละครับ แต่เอาจริงๆผมรู้สึกแบบแรกครับ แต่ก็ทำใจว่ามีสิทธิ์โดนด่าตามแบบที่ 2 เหมือนกัน
ผมก็เลยต้องมาเขียนสอบถามความเห็นของท่านอื่นๆ ว่าจริงๆแล้วผมควรรู้สึกอย่างนี้มั้ย หรือผมไปก้าวก่ายเค้ามากไปครับ คิดเห็นอย่างไร และถ้าท่านเป็นผมจะทำอย่างไร ก็บอกกันได้ครับ ขอบคุณครับ
=== === === === === === === === ===
แก้ไขเพิ่มเติมคือ อยากบอกว่าคำตอบที่ได้รับเลือกจากผมด้านล่าง พอดีผมกดผิดน่ะครับ จะกดตอบ แต่ไปกดเลือก (ต้องขอโทษเจ้าของความเห็นด้วยครับ) ผมไม่ได้เลือกคำตอบใครเป็นพิเศษนะครับ ไม่แน่ใจว่าแก้ไขได้หรือไม่อย่างไรครับ