กินปู Matsuba แช่ Onsen ที่ Kinosaki Onsen จังหวัด Hyōgo

ที่นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมือง Onsen ที่มีแร่ธาตุที่ดีอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่นและที่นี้ยังเป็นเมืองแห่งปู Matsuba ที่หากินได้ตอนหน้านาว และสุดยอดสายพันธ์ของวัว Tajima ซึ่งเนื้อวัว Kobe ก็มีจุดเริ่มต้นจากสายพันธ์นี้เช่นกัน การเดินทาง จาก Osaka ขับรถไป Kinosakiใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ค่าทางด่วนไปกลับประมาณ 3,000 บาท

เริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯโดยสายการบินแห่งชาติลงที่ Kansai International Airport, Osaka

นอนที่ Hotel Monterey Grasmere Osaka หนึ่งคืน และเริ่มออกเดินทางตอนเช้าๆ โดยเส้นทางการขับรถจะเริ่มต้นที่ Osaka ไป Ski Resort ชื่อ Blue Ridge Hotel และ Kinosaki ต่อด้วยเกียวโต และนำรถมาคืนที่ Osaka เพื่อออกจากสนามบิน Kansai International Airport, Osaka โดยรวมๆก็แปดวัน Link โรงแรมใน Osaka https://www.agoda.com/partners/partnersearch.aspx?pcs=1&cid=1799512&hid=161798

เมื่อถึงสนามบิน Kansai ควรซื้อ ICOCA Card เพื่อใช้ขึ้นรถไฟ สามารถใช้ซื้อของตามร้านสะดวกซื้อและจ่ายตู้น้ำหยอดเหรีญ จาก Kansai International Airport, Osaka นั่งสายสีเขียวมาลงที่สถานี Namba. เราจองรถไว้ที่ Toyota Rent a Car ผ่าน Website และมาเอารถที่ Toyota Namba Terminal Station ลากกระเป๋าจาก Hotel Monterey Grasmere Osaka ไม่ถึงห้านาที

หลังจากขับรถจาก Osaka ประมาณสามชั่วโมงก็ถึงจุดหมายแรก คือ โรงแรม Blue Ridge Hotel ห่างจาก Kinosaki Onsen ประมาณ 30 นานี ที่นี้มีลาน Ski ขนาดย่อมๆ

ลาน Ski ขนาดใหญ่อีกหลายที่ใกล้ๆ โรงแรม และบรรยากาศโดยรอบของโรงแรม Blue Ridge Hotel, Toyooka  https://www.agoda.com/partners/partnersearch.aspx?pcs=1&cid=1799512&hid=1401795

การได้สัมผัสหิมะครั้งแรกของเพื่อร่วมเดินทาง

Ski และ Snowboard ถ้าเล่นไม่เป็น จะนั่งถาดลื่นลงมาตามทางก็มันส์ดี อุปกรณ์ทั้งหมดโรงแรมมีให้แม้แต่รองเท้าลุยหิมะ

เพื่อนร่วมอุดมกาณ์คราวนี้เยอะหน่อย เลยต้องเช่ารถมาสองคัน ที่จริงรถตู้คันเดียวนั่งพอแต่บรรทุกกระเป๋าไม่พอ ขับรถในญี่ปุ่นขับทางเดียวเหมือนกับบ้านเรา ขับสบายรถน้อย ไม่จอแจ มี Navigator ให้ มีที่แวะให้ชมให้ชิมมากมายมหาศาล

หิมะที่ตกหนักปกคลุมแปลงนาเกือบทั้งหมด ขาวโพลน เป็นวิวที่สวยงามตลอดเส้นทางจากโรงแรม Blue Ridge Hotel ไป Kinosaki Onsen

ข้อดีของการเช่ารถ เราได้แวะที่วัดขนาดใหญ่ชื่อ The Chorakuji Temple ซึ่งมีประวัติย้อนไปถึงปี ค.ศ. 600-700 เราเจอ Poster แนะนำวัดแห่งนี้จาก board ประชาสัมพันธ์ที่โรงแรม  www.tajimadaibutsu.jp วัดนี้น้อยคนจะได้ไปเยือน ต้องขับรถขึ้นไปบนภูเขาพอสมควรจากการสังเกตไม่มีรถสาธารณะผ่าน

พระพุทธรูปองค์ใหญ่ทั้งสามองค์ที่ประดิษฐานเต็มพื้นที่อาคารหลัก ประกอบด้วยพระพุทธรูป AMIDA, SAKYAMUNI และ YAKUSHI เป็นที่ประทับใจมากที่ทางวัดจัดให้ มี Guide แนะนำสถานที่โดยรอบอย่างละเอียดแถมยังบอกจุดถ่ายรูปที่จะได้ภาพสวยๆ

จากวัดมาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง (รวมเวลาหลงทาง) เราก็ถึง Kinosaki Onsen เราเลือกนอนที่โรงแรม Kawaguchiya Riverside Hotel อยู่ด้านหน้าทางเข้าหลักของถนน Kinosaki โรงแรมนี้เดินไม่ไกลจากสถานีรถไฟมีที่จอดรถและด้านหลังติดแม่น้ำ
https://www.agoda.com/partners/partnersearch.aspx?pcs=1&cid=1799512&hid=877133

อากาศตอนกลางวันของเมือง Kinosaki Onsen ที่เราไปลงถึง -3 ถึง -5 องศา ต้นไม้ใบหญ้าแทบจะไม่เหลือ

ปู Matsuba ของดัง มีทั้งขายสดๆ และแบบต้ม ห่อกลับไปกินบ้าน มีขายในร้านอาหาร หาซื้อง่ายเดินไปไหนก็เจอ

Kinosaki Onsen มีห้องอาบน้ำสาธารณะแปดแห่ง โรงแรมที่เรานอนมีบัตรให้เข้าฟรีทุกที่ แต่ละที่ก็มีตราประทับให้ ถ้าตราประทับครบห้าครั้งมาแลกของที่ระลึกจากโรงแรมได้อีก

บนถนนสายหลักสามารถซื้อไข่ไก่มาแช่ให้สุกรวมกันในบ่อสาธราณะได้ มีเกลือ มีซีอิ้วให้ฟรี น้ำปลาพกไปเอง

กลางคืนหากไม่จองอาหารเย็นที่โรงแรมอาจจะหาอะไรกินยากหน่อย แนะนำให้ถามเวลาเปิดปิดของร้านอาหารในเมืองจากทางโรงแรม หรือจองอาหารเย็นที่โรงแรมและตอนค่ำหน่อยก็ออกมาตะลุย Onsen

ด้านหลังของถนนหลักยังมีคลองอีกหนึ่งสายและเป็นส่วนที่อยู่อาศัยของคนพื้นที่ ถนนด้านนี้จะเงียบมาก

ศาลเจ้านี้เราเจอโดยบังเอิญ​ ตั้งอยู่กลางเมืองแต่ต้องเดินขึ้นบันไดมาค่อนข้างสูง

วิวจากศาลเจ้า จะเห็นเมือง Kinosaki และสัญลักษณ์ปูตัวโต

แหล่งกำเนิด Onsen ของ Kinosaki แต่ตั้งใจให้ดูกาแฟเพราะรสชาดดีมากมีความสลับซับซ้อนของกรดผลไม้แต่ไม่ออกเปรี้ยวแบบเมล็ดจาก Ethiopia กาแฟนี้ซื้อได้ที่ Kinosaki Gelato Cafe Chay ทางขึ้น Kinosaki Ropeway

อาหารทะเลที่นี้สด หลากหลายและราคาถูกเนื่องจากพื้นที่ติดทะเล

น้ำในคลองใสมากสามารถเห็นปลาว่ายไปมาได้แต่ไกล

อีก หนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดนั้นคือเนื้อวัว Tajima ร้านที่ขายนื้อวัวที่แนะนำใน Michelin Guide ก็มีใน Kinosaki เช่นกัน

ก่อนจะกลับเกียวโตเรามาแวะ Kinosaki Marine World ที่อยู่ติดทะเล มี Show ต่างๆ มากมาย มีร้านขายของฝาก ร้านอาหาร และ cafe ที่นี่วิวสวยมากๆ

Penguins หลงทาง กลับบ้านไม่ถูก

วิวระหว่างทางจาก Kinosaki มา Kyoto ผ่านทั้งภูเขา แม่น้ำ สะพานและเมืองขนาดเล็ก สวยงามจนต้องแวะตลอดทางเพื่อเก็บภาพ

ในเกียวโตเราเลือกนอนที่ Kyoto Brighton Hotel ห่างจาก Kyoto Imperial Palace สัก 300 เมตร ที่นี้จอดรถฟรี ห้องพักดี สงบมาก อาหารอร่อย มี Veuve Clicquot Bar และมีจักรยานให้เช่า
Link โรงแรม https://www.agoda.com/partners/partnersearch.aspx?pcs=1&cid=1799512&hid=3545

อาหารเช้าที่ Kyoto Brighton Hotel สามาถเลือกได้ว่าอยากได้อาหารเช้าแบบญี่ปุ่นหรือฝรั่ง ในโอกาสต่อไปจะพาชมบรรยากาศใน Kyoto และ Osaka

แผนคร่าวๆของ Trip นี้ครับ
วันที่ 1 Bangkok > Osaka
วันที่ 2 Osaka > นอน Kanabe Highland
วันที่ 3 Kanabe> นอน Kinosaki
วันที่ 4 นอน Kinosaki
วันที่ 5 Kinosaki > นอน Kyoto
วันที่ 6 นอน Kyoto
วันที่ 7 Kyoto > นอน Osaka
วันที่ 8 อยู่ Osaka > กลับเย็น > Bangkok — in Kinosaki Onsen

ติดตามเราได้ที่นี้ครับ >> https://www.facebook.com/holidaycalling/